Masuk“คุณใหญ่!” มัญชิษฐาร้องตะโกนพร้อมวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในบ้านพักอย่างเร็วรี่“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้กันผิง” การันต์เอ่ยถามพร้อมวางแก้วน้ำในมือลง อ้าแขนรับร่างเพรียวบางซึ่งโถมตัวเข้าหาอย่างกับกลัวเขาจะเป็นอะไรไปอย่างนั้นแหละ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัย“คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นอะไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนบ้าง” สองมือเล็กทาบเคลื่อนไปทั่วกายใหญ่พร้อมเสียงละลักละล่ำถามไถ่อย่างตื่นตระหนก“ใจเย็น ๆ นะผิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหน้าตาตื่นแบบนี้” การันต์ปลอบประโลมพร้อมดันร่างอรชนไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม“ก็คุณเปรมบอกว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ไม่ยอมไปหาหมอนี่คะ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีอาการดังที่เปรมมิกาบอกไว้ ทำให้มัญชิษฐาผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างโล่งอก“หรือว่าคุณ...” ก่อนความโกรธจะเข้ามาแทนที่เมื่อคิดว่าการันต์ร่วมมือกับน้องสาวหลอกเธอมาที่นี่“ยายเปรม...ฉันเปล่านะผิง ฉันก็โดนยายน้องสาวตัวดีหลอกมาเหมือนกัน” อยากจะทั้งสมนาคุณและเขกหัวยายตัวดีช่างวางแผนนัก “ยายเปรมโทรไปบอกว่าให้รีบมาด่วน มีคนอยากเจอ ไม่คิดว่ามาถึงไม่ทันจะได้นั่งด้วยซ้ำ ผิงก็โผล่หน้ามานี่แหละ”“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ได
“แต่ฉันว่าคุณควรปล่อยเพื่อนฉันได้แล้ว” ชานนท์รีบเข้ามาขวาง เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังจะใจอ่อน ถ้าอยากได้เพื่อนเธอไปเป็นเพชรประดับใจ ก็ต้องพิสูจน์วัดใจกันหน่อยซิ จริงใจไม่ใช่จริงโจ้... “แล้วกรุณาออกไปจากห้องฉันด้วย ก่อนฉันจะเรียกตำรวจมาเชิญตัวคุณออกไป”อยากดึงดันอยู่เพื่อง้อมัญชิษฐาต่อ แต่เมื่อเห็นปราการด่านหนาราวยิ่งกว่ากำแพงเมืองของเพื่อนชายหัวใจสาวที่คอยปกป้องคนรักเขาอย่างไม่คิดชีวิตก็ทำให้คิดได้ว่าควรจะล่าถอยไปก่อน แล้วค่อยกลับมารุกใหม่ ถ้าดื้อนักก็ดักลักพาตัวไปที่บ้านพักเพื่อทบทวนความทรงจำหวานๆ เสียหน่อย ง้อหนักๆ มากหน่อย ขี้คร้านจะใจอ่อน“ก็ได้...ฉันจะกลับไปก่อนนะผิง แต่...” โน้มใบหน้าไปจนริมฝีปากแนบกับหูเล็ก “อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้ปล่อยเธอไงง่าย ๆ นะ...เตรียมตัวให้ดีนะที่รัก ต่อไปนี้ฉันจะรุกแบบไม่มีถอย จนกว่าจะได้เธอมาเป็นเมียเหมือนเดิม”“คุณขู่อะไรเพื่อนฉัน” ชานนท์เอ่ยถาม เมื่อเห็นเพื่อนรักอ้าปากค้าง“เปล่า แค่บอกว่าอย่าคิดหนี ถ้าจับตัวได้เมื่อไหร่ จะพาไปขังลืมที่บ้านพักกับรีสอร์ทของคุณพุดจีบ...จำได้ไหมผิงที่นั่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” การันต์เอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา“แ
มัญชิษฐาถอนหายใจอย่างหนักอก คำพูดการันต์คือคำไหนคำนั้น “แกไปเก็บของต่อเถอะชาช่า พรุ่งนี้เราจะได้เดินทางกันแต่เช้า ส่วนผู้ชายคนนี้เดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง” ส่งยิ้มให้เพื่อนรักที่มองมาอย่างเป็นกังวลใจ คงกลัวเธอใจอ่อน ไม่ละ...เจ็บครั้งเดียวพอแล้ว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายใจดำคนนี้อีกแล้ว “ไม่เป็นไรชาช่า ฉันเจ็บแล้วจำ”“แน่ใจนะผิง...อือ...” ชานนท์รับคำในลำคอ ก่อนสะบัดหน้าเชิดเดินเข้าไปที่ห้องเก็บของต่ออย่างไม่มั่นใจในคำพูดของเพื่อนรักสักนิด รักเขาเสียขนาดนั้น เชื่อได้เหรอที่จะไม่ใจอ่อนกับคำอ้อนวอนหวาน ๆ ของอีตาหน้าหล่อนั่นนะหรือ ขนาดเธอยังต้องปั้นหน้าแข็งขืนและโกรธกรุ่นแทบตาย“เธอโชคดีมากเลยนะผิง ที่มีเพื่อนรักมากถึงขนาดนี้ แล้วเมื่อกี้บอกว่าจะไปตั้งแต่เช้า จะไปไหนกัน”“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หญิงสาวพยายามสะบัดกายออกจากการเกาะกุม ทว่านอกจากจะไม่หลุดแล้วยังจมหายเข้าไปในอกกว้างมากยิ่งขึ้น“ปล่อยฉันนะ แล้วคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาคุณการันต์”“แหม...พูดจาห่างเหินจังเลยนะผิง ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง ว้า...มันน่าเสียใจจริง ๆ เลย ฉันหรืออุตส่าห์คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก” การันต
“รักสิ...พี่รักน้องเปรมมากนะ น้องเปรมถามอย่างนี้ทำไม”“ถ้ารักแล้วทำไมพี่เต็มถึงไม่เชื่อใจเปรมละคะ” บางเหตุการณ์ย่อมมีครั้งแรกและครั้งต่อไปไม่จบไม่สิ้น แต่ในความรักไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีสิ่งนี้ ‘ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ’ ดังนั้นควรคุยกันให้เข้าใจเสียก่อน ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นในครานี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคราวต่อไปเธอคงไม่ใจเย็นและไม่มีพี่ชายแสนดีคอยเตือนสติให้รู้ให้แก้ไขเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีเช่นครั้งนี้“พี่ขอโทษนะครับน้องเปรม ขอโทษที่คิดน้อยไปหน่อย” เต็มสิบยอมรับผิด เขาจะยอมให้ความรู้สึกบ้า ๆ นี่มาบั่นทอนความสุขและความรักที่เขาและเปรมมิกามีต่อกันหรือ...“พี่สัญญา ต่อไปนี้พี่จะเชื่อมั่นและเชื่อใจในความรักของเรา” “สัญญานะคะ เพราะคราวต่อไป เปรมคงไม่มาง้อแล้วล่ะ มาถึงยังเจอกับภาพบาดตาบาดใจเสียอีก เปรมก็เจ็บเป็นและน้อยใจเป็นเหมือนกัน” หญิงสาวเว้าวอนเสียงหวาน การรักกันนะง่าย แต่การจะครองรักกันอยู่กันอย่างเข้าอกเข้าใจนั้นนะยาก มีอะไรจึงควรเปิดใจพูดกันให้กระจ่างโดยไม่ใช้อารมณ์“พี่คงไม่มีสิ่งไหน หรือคำใด ๆ แก้ตัวได้ แต่พี่จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” เต็มสิบกอดกระชับร่างเล็กแนบชิดจนแทบไม่มีท
“เอ่อ...” จะตอบไปว่าเขาไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำอะไรก็ปฏิเสธไม่ลง เพราะจำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่ตีหน้าจืดเจื่อนใส่“ตื่นมาต้องการอะไรคะ”“หิวน้ำ” คนป่วยบอกอ้อนเล็กน้อยด้วยสายตา อยากยื่นแขนไปโอบกอดร่างเล็กให้สมกับความคิดถึง แต่เจอสายตาดุ ๆ เต็มไปด้วยความกระเง้ากระงอดและเง้างอน“รอแปบนะคะ เดี๋ยวเปรมไปเอาน้ำมาให้ก่อน” เปรมมิกาบอกเมื่อยื่นมือไปคว้าขวดน้ำที่เอามาวางไว้หัวเตียงไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่อีกแล้ว“เร็ว ๆ นะครับ พี่คิดถึง” เต็มสิบหยอดคำหวานไปเล็กน้อยให้กับคนขี้งอนอยากตอกกลับไปว่า ตัวเขาเองนั่นแหละทิ้งเธอ... โทรมาก็ไม่ยอมรับ น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ แต่เพราะเห็นว่าป่วยอยู่เลยยกหนี้ครั้งนี้ไปก่อน รอให้หายดีก่อนเถอะ...คุยกันยาวแน่“ได้ค่า...” เปรมมิกาตอบกลับเสียงยาวและรีบเดินออกไปรินน้ำใส่กระติกน้ำที่สามารถบรรจุน้ำร้อนไว้ได้ไปให้คนป่วยได้กิน“ทำอย่างนี้ทำไมคะพี่เต็ม” เมื่อเห็นว่าเต็มสิบดูดีขึ้น น่าจะคุยได้รู้เรื่องแล้วเปรมมิกาก็เลยเอ่ยปากถาม อย่างไม่ยอมปล่อยเรื่องที่สงสัย เพราะเธอนอนไม่หลับแน่นอนถ้าไม่ได้ฟังคำตอบจากปากเต็มสิบ ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เธอ ทำไมถึงได้กลับบ้านแล้วไม่พาเธอมาด้วย“เรื่อ
น้ำปรุงสะดุ้งเฮือก จนผ้าขนหนูผืนเล็กแทบหลุดจากมือ รีบหันมามองคนมาใหม่ทันควัน “คุณมาก็ดีแล้ว เป็นเมียประสาอะไรนะ ทำไมถึงได้ปล่อยให้ผัวกลับมาด้วยสภาพเจ็บแบบนี้ แล้วทำไมป่านนี้ถึงได้เพิ่งคิดมาหาตอนนี้ ไม่ปล่อยให้พี่เต็มเข้าโรงพยาบาลก่อนละถึงมานะ”“เธอพูดบ้าอะไรน้ำปรุง” แผดเสียงถามด้วยความสงสัย เมื่อถูกแม่เด็กหน้าใสด่าว่าจนเถียงไม่ทัน“ใครมานะน้ำปรุง แฟนเหรอ ไปเถอะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ยังดูแลตัวเองได้ ขอบใจนะ” เต็มสิบพูดเสียงเบาหวิว นิ่วหน้าด้วยความปวดในศีรษะจนแทบจะแตกจนหูเพี้ยนไปฟังไม่ออกว่าคนที่มาไม่ใช่แฟนน้ำปรุงอย่างที่เข้าใจ“ก็ว่าคุณนะสิ มาก็ดีแล้ว ดูแลผัวตัวเองดี ๆ ละ ไม่ใช่ปล่อยให้กลับบ้านมาพร้อมอาการบาดเจ็บ แล้วยังมาทำงานงก ๆ ตากแดดตากฝนจนป่วยเป็นไข้ถึงขนาดนี้ นี่ดีนะว่าฉันมีแฟนแล้ว ไม่อย่างนั้นนะ ป่านนี้ฉันเอาพี่เต็มทำผัวไปแล้ว” น้ำปรุงพูดใส่หน้า ชะเง้อจนคอยาวออกไปนอกบ้านเพื่อดูว่าหนุ่มคนรัก ซึ่งได้พบหลับจากที่เต็มสิบและเปรมมิกาไปได้ไม่ถึงสามวันมาหรือยังจากที่ไม่ถูกชะตาเพราะแฟนหนุ่มมองหุ่นอวบอัดซึ่งสวมใส่เสื้อผ้า เปิดนี่นิดปิดนี่หน่อยจนตาวาวแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า ก่อนที่หนุ่มน้อยห







