สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้านได้ ก็พากันมานั่งปรึกษาหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แขไขใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นรอยย่นเล็กๆ บริเวณหน้าผาก ยามนี้ครีมบำรุงราคาแพงยังช่วยรั้งรอยย่นนั้นแทบไม่ไหว
“ใครจะคิดว่า จะมีคนหน้าตาเหมือนนังดาวอยู่ด้วย บ้าบอที่สุด”
เจนจรัสเปรยออกมาทำลายความเงียบ หลังจากพากันนั่งคิดจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกไม่เจอ ระหว่างขับรถกลับบ้านผู้เป็นมารดาได้เล่าเรื่องจับผิดตัวให้เธอกับน้องสาวฟัง
“ที่บ้ายิ่งกว่า เราดันจับมันมาผิดตัว เฮ้อ...” นลินรัตน์ถอนหายใจออกมา
“นี่แกจะโทษว่าคุณแม่ตาถั่วเหรอ นังลูกวัว”
คนเป็นพี่แหวใส่น้องสาว ยามอารมณ์ไม่ดีมักจะเรียกน้องสาวว่าลูกวัวตามมันสมองของอีกฝ่าย คนเป็นน้องโดนเรียกแบบนั้นก็ทนไม่ไหว
“ฉันชื่อลูกบัวไม่ใช่ลูกวัวค่ะ คุณพี่เจนจัด”
ด่ามาด่ากลับไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูกมองว่าสมองน้อยแต่นลินรัตน์ก็ปากดีได้เชื้อมารดามาเต็มๆ ยามร่วมมือกันก็ด่าชาวบ้านได้แสบสันต์ แต่ยามปะทะกันเองก็ไม่เคยราฝีปากให้กันและกัน
ดังคำเปรียบเปรยว่า ‘ยามศึกเราร่วมมือกันรบ ยามสงบเรารบกันเอง’
“โอ๊ย ! พวกแกจะกัดกันหาพระแสงมะหอกอะไรกันยะ แค่นี้ยังปวดหัวไม่พอรึไง”
คนเป็นแม่กรีดร้องขึ้น ก่อนที่ลูกทั้งสองจะชวนกันทะเลาะให้ปวดหัวมากกว่านี้ สองสาวเลยหุบปากไม่วิวาทกันต่อ หันมาคุยกับมารดาว่า
“คุณแม่ เจนว่าเราต้องรีบหาตัวนังดาวกลับมาก่อนนะคะ นี่ก็ใกล้วันแต่งงานแล้ว” เจนจรัสบอกมารดา
“จะไปหาตัวมันได้ที่ไหน ป่านนี้มันหนีไปไกลแล้ว ต่อให้รู้ว่ามันอยู่ไหน ก็ใช่ว่าจะจับตัวมันมาได้ง่ายๆ”
แขไขคลึงขมับตัวเองให้คลายความปวด แม้ใบหน้าจะยังคงความอ่อนเยาว์กว่าวัย ในภายในก็หนีไม่พ้นความร่วงโรย ยามเครียดจัดความดันก็พุ่งปรี้ดทำให้ปวดศีรษะ
“ถ้าอย่างนั้นขอเลื่อนงานแต่งไปก่อนสิคะ อ้างว่านังดาวมันป่วยอะไรก็อ้างไปก่อน เผื่อเราจะมีเวลาหาตัวนังดาว”
เจนจรัสออกความคิดอีก แต่แขไขส่ายหน้า
“ไม่ได้หรอก ทางนั้นเขาไม่ยอมหรอก ที่สำคัญถ้าเรายกนังดาวให้เขา ทางนั้นจะยกหนี้พร้อมกับให้สินสอดเราอีกก้อน แม่กะว่าถ้าได้เงินสินสอดของนังดาวมา เราจะเอาไปเริ่มต้นใหม่กัน”
แผนการของแขไขคือการยกลูกเลี้ยงให้แต่งงานใช้หนี้ จากนั้นจะหย่ากับนายพิพัฒน์แล้วหอบเงินสินสอดที่อีกฝ่ายยกให้พาลูกทั้งสองไปอยู่ที่อื่น เธอไม่อยากอยู่ร่วมกับคนไร้สมรรถภาพแบบเขาอีกต่อไป
“คุณแม่ขา ลูกบัวว่า ก็จับนังผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแทนนังดาวไปเลยสิคะ ทำไมต้องมาเครียดกับเรื่องแบบนี้ด้วย”
คนสมองเล็กฉลาดน้อยที่สุดในบ้าน ในยามนี้กลับให้ความเห็นที่ทำให้แม่กับพี่สาวอึ้ง
“นั่นสิ... ทำไมฉันต้องมาปวดหัวกับเรื่องง่ายๆ แบบนี้ด้วย”
แขไขตาวาววับหายปวดหัวในทันที คำแนะนำของลูกสาวคนเล็กทำให้เธอคิดอะไรดีๆ ออก ทำไมเธอต้องสนใจด้วยว่าจะส่งคนไปแต่งงานผิดตัว ในเมื่อเธอกับลูกสาวไม่ได้อยู่รับความเดือดร้อนหลังจากนั้น
“น้องลูกบัว ฉลาดคิดจริงๆ น้องพี่” เจนจรัสเอ่ยชมน้องสาว
“ก็ลูกบัวเป็นน้องพี่เจน เป็นลูกคุณแม่ขานี่คะ” นลินรัตน์ยิ้มรับคำชม
“เอาล่ะ เราต้องหาวิธีทำให้นังนั่นยอมเข้าพิธี จะทำยังไงไม่ให้มันโวยวาย”
ปัญหาข้อใหม่ทำให้แขไขต้องคิดหนัก ถึงจะจับแต่งงานแทนลูกเลี้ยงได้ แต่อีกฝ่ายจะยินยอมง่ายๆ หรือ
“มันไม่ยอมก็ทุบให้สลบ หามไปเข้าพิธีสิคะ”
คนฉลาดน้อยออกความเห็นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แม่กับพี่สาวเบ้ปากเข้าใส่
“แกอย่าคิดว่าพวกนั้นเขาจะโง่เหมือนแกนะ ถ้าเราทุบมันสลบมันจะไปเข้าพิธียังไง คิดสิคิด” แขไขส่ายหน้าระอาความโง่ของลูกสาว
“ชิ ฉลาดไม่สุดอีกแล้ว”
เจนจรัสกรอกตาถอนหายใจแรงๆ แล้วเสนอความคิดที่ดีกว่าให้มารดาฟังว่า
“เราก็มอมยามันสิคะ ให้นายเพิกไปหาพวกยากล่อมประสาทมา เอาแค่ให้มันมึนๆ ยอมทำตามเรา แบบในข่าวที่พวกคนร้ายใช้มอมเหยื่อตกทรัพย์”
วิธีการที่ลูกสาวคนโตแนะนำ ทำให้แขไขยิ้มกว้างพยักหน้าเห็นด้วยในทันที
“จริงสิ ถ้าเราทำแบบนี้นังนั่นงไม่มีแรงลุกมาโวยวาย กว่ามันจะฟื้นเราก็ไปไกลแล้ว”
“ใช่ค่ะคุณแม่ พี่เจนฉลาดจริงๆ บางทีนังนั่นอาจจะสลบคาห้องหอเพราะโดนเจ้าบ่าวจัดหนัก คงลุกมาเอาเรื่องเราไม่ไหวแน่”
นลินรัตน์หัวเราะคิกคัก นึกภาพอย่างขบขัน โดยไม่ได้รู้สึกสงสารลูกผู้หญิงด้วยกันสักนิด
“แม่จะให้นายเพิกไปหายามา ระหว่างนี้แม่ก็จะทำเรื่องหย่ากับพ่อนังดาวให้จบๆ เวลาเราไปจากที่นี่จะได้ไม่ยุ่งยาก แม่จะไปจัดการมันสักหน่อย”
แขไขอารมณ์ดีขึ้นเมื่อแก้ปัญหาหนักอกของตัวเองได้ ขยับลุกขึ้นเดินไปยังเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นที่อยู่ของนายพิพัฒน์ พอเดินไปถึงหน้าห้องก็พบนางแก้วกับนายชมเฝ้าอยู่หน้าประตูที่โดนสั่งล็อคกุญไว้ แขไขทรมานสามีด้วยการให้อดข้าวอดน้ำอยู่หนึ่งวันเต็ม วันต่อมาถึงได้อนุญาตให้นางแก้วเอาอาหารและยาไปให้รับประทาน แล้วก็ปิดล็อคห้องไว้แบบนั้นจนกว่าจะถึงเวลาอาหาร
“เอานี่กุญแจ เปิดประตูให้ฉันเข้าไปดูนายของพวกแกหน่อย”
แขไขโยนกุญแจให้นายชมไปเปิดประตูห้อง นางแก้วรีบหยิบกุญแจไปไขเปิดทันที รีบเปิดประตูเข้าไปดูอาการของนายพิพัฒน์
“คุณท่านคะ เป็นยังไงบ้าง หิวน้ำไหมคะ”
นางแก้วเข้าไปใกล้เตียงคนป่วยแตะแขนของคนที่นอนอยู่ เอ่ยถามอาการด้วยความห่วงใย นายชมรีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ภรรยานำไปป้อนผู้เป็นนาย แขไขให้นายพิพัฒน์รับประทานอาหารแค่วันละมื้อเท่านั้น สภาพของผู้เป็นนายจึงอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง บวกกับถูกอีกฝ่ายตบตีทำร้ายมีรอยฟกช้ำตามใบหน้าดูน่าเวทนาเหลือเกิน
“หนูดาว... หนูดาว”
นายพิพัฒน์ครางเรียกชื่อลูกสาวออกมา หลังจากจิบน้ำไปได้สองสามอึก ตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าแขไขเข้ามาในห้องด้วย รีบกำแขนนางแก้วไว้แน่นเกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้ายอีก
“ไล่มันออกไป... ไล่นังแข”
“พอมีแรงขึ้นมาหน่อยก็ปากดีเลยนะคะคุณพี่ ฉันแค่แวะมาเยี่ยมเท่านั้นเอง”
แขไขแย้มริมฝีปากแต้มรอยยิ้มเสแสร้ง เดินตรงมาหานายพิพัฒน์อย่างใจเย็น ด้านนอกเจนจรัสกับนลินรัตน์ยืนรออยู่ไม่ตามผู้เป็นแม่เข้ามาเพราะรังเกียจคนป่วย
“แก... แกไปให้พ้น ฉันเกลียดแก๊!”
แม้จะอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง แต่นายพิพัฒน์ก็พยายามก่นด่าภรรยาแสนใจดำของตนเอง เขาไม่น่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำลายชีวิตของเขากับลูกสาวเลย ป่านนี้ดาริกาจะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้ จะหนีพ้นเงื้อมมือของนังคนใจร้ายนี่ได้หรือเปล่า คนเป็นพ่อได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวปลอดภัย
“โถ... ยังมีแรงปากดีแบบนี้ คงไม่รีบตายใช่ไหมคะ” ไขกวาดสายตามองอย่างสมเพช
“ไป... ไปให้พ้น!” นายพิพัฒน์ตวาดไล่
“ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ ฉันน่ะก็ไม่อยากอยู่ใกล้คนน่ารังเกียจแบบคุณพี่หรอกค่ะ มาวันนี้ก็จะมาขอหย่า”
แขไขชูเอกสารในมือให้อีกฝ่ายดู เธอให้ทนายเตรียมเอกสารไว้แล้ว หากนายพิพัฒน์เซ็นรับรองก็สามารถยื่นขอหย่าได้ทันที ทรัพย์สินเงินทองของนายพิพัฒน์เธอได้ยักย้ายถ่ายโอนมาเป็นของตัวเองแล้วบางส่วน และส่วนหนึ่งได้ถูกเจ้าหนี้ยึดไป พร้อมกับหนี้สินอีกก้อนโตซึ่งเธอไม่ต้องการร่วมชดใช้ด้วย การหย่าคือทางออกในการไม่ต้องใช้หนี้ร่วมกับเขา
“เอามาให้ฉันเซ็นสิ ฉันอยากหย่ากับแก นังผู้หญิงสารเลว”
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการหย่ากับเขา นายพิพัฒน์ร้องขอขึ้นมาทันที เขาอยากหย่ากับแขไขมานานแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอม จนตอนนี้คงสูบเลือดสูบเนื้อเขาไปจนหมดจึงคิดจะหย่า
“ยายแก้ว มาเอาไปให้นายของแกเซ็นสิ”
แขไขส่งเอกสารให้นางแก้วนำไปให้นายพิพัฒน์เซ็น เขารีบหยิบปากกามาเซ็นชื่อมือไม้สั่น ไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มเยาะอยู่
“ต่อไปนี้เราจบกัน”
นายพิพัฒน์เซ็นชื่อแล้วยื่นส่งเอกสารให้นางแก้ว ท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อคิดว่าได้หย่าขาดกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างแขไขได้ แต่ต้องหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายว่า
“ฉันลืมบอกไปว่า อีกสองวันนังดาวลูกสาวสุดที่รักของคุณ จะแต่งงานกับลูกชายของเจ้าหนี้คุณ ลูกสาวแสนกตัญญูของคุณมันหนีไม่พ้นเงื้อมมือของฉัน และยอมแต่งงานใช้หนี้เพื่อแลกอิสระภาพให้พ่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แขไขวางระเบิดลูกใหญ่ทิ้งไว้ แต่งเรื่องกลั่นแกล้งให้อดีตสามีเจ็บช้ำใจเล่นเป็นการส่งท้าย ก่อนจะเดินหัวเราะออกมาจากห้องนั้น ทิ้งให้คนป่วยกรีดร้องโวยวายอยู่เบื้องหลัง
แผนการร้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว...
////
หลายเดือนผ่านไปนับจากงานแต่งงานที่เกาะร้อยดาว ชีวิตของบรรเจิดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ช่อดอกไม้ในมือวันนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ดอกไม้ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่จุดประกายความคิดบางอย่างในใจเขา ตั้งแต่วันนั้นภาพของเจนจรัส หญิงสาวผู้แข็งกร้าวแต่ก็เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ก็วนเวียนอยู่ในความคิดเขาตลอดเวลา เขาตามสืบจนรู้ว่าเธอกับนลินรัตน์ น้องสาว มาเปิดร้านขายข้าวแกงเล็กๆ อยู่ในตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองวันนั้นบรรเจิดเดินทางมาถึงหน้าร้านข้าวแกงของเจนจรัสในช่วงบ่าย ลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ และแล้วสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างของเจนจรัสที่กำลังยืนหันหลังจัดร้านอยู่ ร่างของเธอไม่เหมือนเดิม... เธอสวมชุดคลุมท้องที่เห็นได้ชัดว่าท้องของเธอนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับมีชีวิตน้อยๆ กำลังเติบโตอยู่ภายในบรรเจิดถึงกับตะลึง ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ อึ้งไปชั่วขณะ หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความประหลาดใจ ความสับสน และความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูก เขาก้าวเท้าเข้าไปหาเธอช้าๆ"คุณเจนจรัส!" เขาเรียกชื่อเธอเสียงพร่าเจนจรัสสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันมามองต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นบรรเจิด สีหน้าข
หน้าห้องรอคลอดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อัคคี และ นที สองหนุ่มที่ปกติสุขุม เยือกเย็น ตอนนี้กลับนั่งไม่ติดที่พากันเดินสวนกันไปมาหน้าห้องคลอด ด้วยสีหน้ากังวลสุดขีด มือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ราวกับภาวนาขอพรให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนายอนันต์ และ คุณมาเรีย พ่อแม่ของอัคคี รวมถึง ท่านทูตอรรถ และ คุณหญิงแม้นเดือน รวมถึงคุณภัทรกับคุณนุชนารถพ่อแม่ของนที ต่างก็มารวมตัวกันให้กำลังใจ น้องพียืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นปู่กับย่า แววตาใสซื่อจ้องมองประตูห้องคลอดอย่างสนใจ ไม่เข้าใจความตึงเครียดของผู้ใหญ่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่สำคัญสีหน้าของแต่ละคน เต็มไปด้วยความลุ้นระทึกไม่แพ้กัน ส่วนนายพิพัฒน์ ที่นั่งอยู่บนรถเข็น มีนางแก้วคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ได่แต่มองไปยังประตูห้องคลอดด้วยแววตาเป็นห่วงไม่ต่างกันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก พยาบาลสาวเดินออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแต่แววตาเต็มไปด้วยความยินดี สองหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก หันขวับไปที่ประตูพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นสุดขีด"ยินดีด้วยค่ะคุณอัคคี คุณดารินทร์คลอดแล้วนะคะ" พยาบาลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อบอุ่นอัคคีรีบเ
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องพักหรูอีกห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก ห้องหอของนทีและดาริกา ก็ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่โรแมนติกไม่แพ้กัน แสงเทียนหอมอ่อนๆ ส่องสว่าง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย ต่างจากห้องหอของอัคคีและดารินทร์ที่เน้นความร้อนแรง ห้องนี้กลับเต็มไปด้วยความละมุนละไมนทีในชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม ยืนอยู่ริมระเบียงห้องที่เปิดโล่งออกสู่ทะเล มองดูแสงจันทร์ที่ทอประกายบนผิวน้ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขสงบที่เพิ่งค้นพบในชีวิต ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ แขนแกร่งทั้งสองข้างวางพาดบนราวระเบียง เขาสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด กลิ่นไอทะเลบริสุทธิ์ช่วยให้จิตใจเขาผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนอันแสนพิเศษดาริกาเดินเข้ามาหาเขาจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบ เธอสวมชุดนอนผ้าไหมเนื้ออ่อนสีชมพูอ่อนที่ขับให้ผิวขาวผ่องของเธอดูโดดเด่นและงดงาม เธอโอบแขนเรียวรอบเอวของนทีจากด้านหลังแล้วซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างออดอ้อน สัมผัสอบอุ่นจากร่างกายของเธอทำให้หัวใจของนทีเต้นระรัวอย่างมีความสุข"พี่น้ำยืนมองอะไรคะ" ดาริกาเอ่ยถามเสียงหวานแผ่วเบานทีพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับดาร
หลังจากงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะจบลง ดวงจันทร์ดวงกลมลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้าสีครามเข้ม แสงจันทร์นวลผ่องทอประกายลงมายังผืนน้ำทะเลที่ทอดยาวจรดขอบฟ้า สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อยพากลิ่นไอเค็มเคล้ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่ประดับอยู่ในห้องพักสุดหรูบนเกาะร้อยดาวห้องหอของอัคคีและดารินทร์ถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เตียงกว้างใหญ่ปูด้วยผ้าปูที่นอนเนื้อดีสีขาวสะอาดตา มีกลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยปรายอยู่ทั่วราวกับพรมสีแดงแห่งความรัก ผ้าโปร่งบางเบาถูกคลุมอยู่เหนือเตียงพลิ้วไหวตามแรงลมจากเครื่องปรับอากาศ สร้างบรรยากาศที่อ่อนหวานและโรแมนติกเกินคำบรรยาย แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้เห็นภาพของอัคคียืนรออยู่ข้างเตียงในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวที่ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่งและรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าคมคายของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาและความรอคอย ดวงตาคมกริบเปล่งประกายร้อนแรงเมื่อประตูห้องเปิดออกดารินทร์ ก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ ในชุดนอนผ้าไหมเนื้อบางเบาสีขาวราวกับปุยเมฆที่โอบรัดเรือนร่างอรชร ทรวงอกอวบอิ่มภายใต้ชุดนอนพลิ้วไหวตามจังหวะการเดิน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยควา
ต่อมา บาทหลวงก็ทำพิธีและเอ่ยถามคู่ของนทีและดาริกา“นที คุณยินดีที่จะรับดาริกาเป็นภรรยาของคุณ จะรักและดูแลเธอทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในยามร่ำรวยและยากจน ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย ตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่" บาทหลวงเอ่ยถาม"ผมยินดีครับท่าน" นทีตอบรับ พลางหันมาสบตากับดาริกาอย่างอบอุ่น"ดาริกา คุณยินดีที่จะรับนทีเป็นสามีของคุณ จะรักและดูแลเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในยามร่ำรวยและยากจน ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย ตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่""ฉันยินดีค่ะท่าน"ดาริกาตอบรับด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลพิธีดำเนินต่อไปด้วยการแลกแหวน แหวนวงเล็กแต่เปี่ยมด้วยความหมายถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่ เป็นสัญลักษณ์ของคำมั่นสัญญาแห่งรักนิรันดร์ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณเมื่อบาทหลวงประกาศให้ทั้งสองคู่เป็นสามีภรรยาอย่างสมบูรณ์ อัคคีและนทีต่างก้มลงจุมพิตเจ้าสาวของตนอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง สร้างความประทับใจและความปลาบปลื้มใจให้กับแขกผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมากหลังจากพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลาสำหรับช่วงเวลาที่สนุกสนานและเป็นที่รอคอยของเหล่าสาวโสดแล
แสงอาทิตย์ยามเย็นทอประกายสีทองอ่อนๆ แต้มฟ้าจรดน้ำทะเลสีครามที่เกาะร้อยดาว หาดทรายสีขาวนวลทอดยาวเป็นผืนผ้าต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ สายลมทะเลพัดเอื่อยพากลิ่นไอเค็มปะทะผิวกายเคล้ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้สดที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณงานแต่งงานที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงามตระการตา ซุ้มดอกไม้สีขาวสะอาดตาที่ทอดเป็นทางเดินยาวสู่แท่นประกอบพิธีซึ่งตั้งอยู่ริมผาหินที่ยื่นออกไปในทะเล ถูกตกแต่งด้วยผ้าโปร่งสีขาวพลิ้วไหวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามอัสดง สร้างบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความโรแมนติกเกินคำบรรยาย สัมผัสได้ถึงความรื่นเริงและปีติยินดีที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งงานแขกเหรื่อทยอยเดินทางมาถึง บ้างก็เป็นคนใกล้ชิดที่คุ้นเคย บ้างก็เป็นบุคคลสำคัญจากวงสังคมชั้นสูง ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดที่งดงามนทีสวมชุดสูทสีขาวบนหน้าอกติดดอกกุหลาบสีขาว ข้างๆ นั้นเอง อัคคีในชุดทักซิโด้สีขาวสง่างาม ทั้งสองยืนรอรับเจ้าสาวอยู่ที่ปลายทางเดินข้างแท่นพิธี ดวงตาคมกริบของเขาทอประกายแห่งความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนข้างกายเขามีน้องพี ลูกชายตัวน้อยสวมชุดทักซิโด้สีขาวขนาดจิ๋ว ยืนอยู่ด้วยท่าทางน่ารัก น่าเอ็นดู แววตาของเด็กน้อยเต็มไ