“ใบตองทางนี้” เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นเมื่อกัญญ์วราเดินมาถึงโรงอาหารของคณะ เธอมักจะมาทานอาหารเช้าที่นี่ก่อนเข้าเรียนเสมอ
“มาถึงนานหรือยังมะเหมี่ยว”
“เพิ่งมาถึงก่อนหน้าใบตองเองยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย ยังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร” มะเหมี่ยวหรือธิชากรตอบเพื่อน
“ข้าวมันไก่ไหมเดี๋ยวเราไปซื้อเอง”
“ก็ได้นะ” หญิงสาวตอบเพื่อนส่วนตัวเองก็เดินไปซื้อเปล่ามารอ
พอทานอาหารเช้าเสร็จแล้วทั้งสองคนก็เดินมายังห้องเรียนซึ่งขณะนี้เพื่อนมากับเกือบจะครบแล้ว
“ใบตองเมื่อเช้าใครมาส่ง” พิรัชต์หรือพีสะกิดถาม
“อะไรนะ มีคนมาส่งไปใบตองเหรอ” ธิชากรที่นั่งอยู่อีกด้านชะโงกหน้ามาถาม
“ใช่สิ ฉันเห็นนะหล่อน รถคันหรูเชียว ตอบมาซะดีๆ ว่ามีหนุ่มที่ไหนมาส่ง”
“ไม่มีหนุ่มที่ไหนหรอกพี เราก็แค่บังเอิญติดรถเขามา”
“มันไม่มีหรอกเรื่องบังเอิญบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่บอกฉันจะประกาศให้คนรู้เลยว่าตอนนี้ใบตองของเราน่ะมีแฟนแล้ว”
“อย่านะพี”
“งั้นบอกมาสิ”
“เรื่องมันยาวเอาไว้พักกลางวันเราจะเล่าให้ฟังนะ”
“แน่นะอย่าเบี้ยวล่ะ”
“ไม่หรอกน่า ว่าแต่พีเถอะทำไมวันนี้ไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารล่ะ” กัญญ์วราเปลี่ยนเรื่องคุย
“เราไปกินข้าวกับน้องโอ๊ตมาจ้ะ”
“จีบติดแล้วงเหรอ” ธิชากรถามเพื่อนรักที่เพียรจีบหนุ่มรุ่นน้องคณะวิศวะมาถึงสองเดือนด้วยความตื่นเต้น
“ยังไม่ติด น้องเขาขอเป็นพี่เป็นน้องกันไปก่อน” พิรัชต์พูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“รีบหน่อยนะพี เดี๋ยวก็ต้องไปฝึกงานแล้ว” กัญญ์วราเตือนเพื่อนเพราะถ้าต้องออกไปฝึกงานข้างนอกก็ไม่ค่อยได้เข้ามาที่มหาวิทยาลัย
“นั่นสิ แล้วนี่เราจะได้ฝึกงานที่เดียวกันไหมนะ”
“เราก็ลุ้นอยู่เหมือนกันนะมะเหมี่ยว ถ้าไปฝึกด้วยกันก็ดีสิมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“คงยาก อาจารย์เขาให้ไปที่ละสองคนเองนะ ยกเว้นว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากๆ” พิรัชต์บอกเพื่อนตามที่ตัวเองได้ยินมาจากรุ่นพี่
“พวกเราไม่ได้เก่งขนาดนั้นคงยากที่จะได้ไปฝึกที่บริษัทใหญ่ๆ อาจารย์ไม่อยากให้พวกเราทำขายหน้าน่ะ”
“มาถึงตอนนี้แล้วเราขอแค่มีที่ฝึกงานก็พอ ถ้าจะให้ดีจบแล้วเขารับทำงานเลยก็คงจะดีมาก” กัญญ์วราอยากรีบเรียนให้จบเธอจะได้หางานทำ
“อดทนอีกนิดนะใบตอง อีกไม่กี่เดือนเอง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ย้ายมาอยู่กับเราก่อนก็ได้นะ”
“ขอบใจนะมะเหมี่ยว แต่ตอนนี่เรายังไหวอยู่”
“เราว่าถ้าใบตองเรียนจบหางานทำได้แล้วก็ย้ายออกเถอะ ให้น้าวรรณเขาพึ่งพาตัวเองบ้าง นี่อะไรวันๆ เอาแต่เข้าบ่อนแล้วมาขอเงินกับคนที่ยังเรียนไม่จบ” พิรัชต์บ่น
“เราก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ไม่รู้ว่าจะใจร้ายเกินไปไหมถ้าให้น้าวรรณอยู่คนเดียว”
“ใบตองใจดีเกินไปแล้ว น้าวรรณเขาก็มีมือมีเท้า ควรทำมาหากินเองได้ อย่าลืมนะว่าเขาเป็นแค่เมียใหม่ของพ่อใช่แม่สักหน่อย เงินจากประกันชีวิตเขาก็ได้คนละครึ่งกับใบตองนะ แต่เขาใช้หมดก่อนเอง” ธิชากรที่รู้จักกับกัญญ์วรามาตังแต่เรียนอยู่ชั้น ม .4 ก็พูดขึ้น
“เราจะลองคุยกับน้าวรรณดู”
“อย่าใจอ่อนไปให้เงินเขาอีกนะ ใช้จ่ายแบบน้าวรรณเท่าไหร่ก็ไม่พอ” พิรัชต์รีบกำชับเพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนใจอ่อน
“อือ” กัญญ์วราพยักหน้ารับ
ทั้งสามคนหยุดบทสนทนาไว้แค่นั้นเพราะอาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี
วันนี้เป็นวันที่จะได้รู้ว่านักศึกษาแต่ละคนจะได้ไปฝึกงานที่ไหน ปีที่ผ่านมาอาจารย์จะเลือกให้ตามความเหมาะ แต่ปีนี้อาจารย์ปรับใหม่ให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าอยากไปฝึกที่ไหนโดยการจับฉลากรายชื่อขึ้นมาแล้วให้นักศึกษาเป็นคนเลือกเอง
“ตื่นเต้นจัง”
“นั้นสิ มะเหมี่ยวอยากไปฝึกที่ไหนล่ะ”
“บริษัท PM Real estate”
“ทำไมล่ะ”
“อยู่ใกล้บ้านไง เดินทางสะดวกถ้าได้มาฝึกงานที่นี่ก็ไม่ต้องตื่นเช้า ใบตองมานอนกับเราได้นะ”
“ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกก่อนไหม”
“แต่เราว่ายังไงก็ต้องได้แหละ เพราะบริษัทนี้เปิดมาแค่ 6 ปีเองพวกคนเก่งๆ คงไม่เลือกหรอก” ธิชากรตั้งข้อสังเกตเพราะยังมีอีกหลายบริษัทที่ดูน่าสนใจกว่า
“พีล่ะ ว่าไง”
“เราก็ว่าจะเลือกที่ใกล้บ้านเหมือนกัน ถ้าเราได้เลือกก่อนนะ ใบตองกับมะเหมียวก็ไปค้างบ้านเรา ตกลงตามนี้นะ”
“อือ”
อาจารย์จับรายชื่อขึ้นมาทีละคนพอมาถึงพิรัชต์ชายหนุ่มก็เลือกบริษัทที่ตนเองเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ยังไม่ทันที่ธิชากรและกัญญ์วราจะได้เลือกก็มีคนอื่นเลือกไปฝึกที่นี่ตัดหน้าไปก่อนแล้ว
“ไม่เป็นไร ยังเหลืออีกตั้งหลายที่ใบตอง” ธิชากรปลอบใจเพื่อน
แล้วอาจารย์ก็จับรายชื่อของธิชากรขึ้นมาหญิงสาวไม่ลังเลเลยที่จะเลือกบริษัทที่อยู่ใกล้บ้านของตนเอง จากนั้นก็อาจารย์ก็จับรายชื่อมาอีกหลายคน
กัญญ์วราได้แต่นั่งลุ้นว่าขออย่าให้มีใครเลือกไปฝึกงานที่เดียวกับธิชากรเลย แล้วคำขอของเธอก็เป็นผลเมื่ออาจารย์จับรายชื่อเธอขึ้นมา หญิงสาวรีบบอกชื่อบริษัทออกไปด้วยความดีใจ
“นึกว่าจะต้องแยกกันซะแล้วนะใบตอง” ธิชากรดีใจที่ได้ไปฝึกงานที่เดียวกับเพื่อนสนิท
“นั้นสิ เราลุ้นแทบแย่เลย”
“แล้วอย่างนี้ใบตองจะย้ายไปอยู่กับมะเหมี่ยวไหม” พิรัชต์ถามขึ้น
“ถ้าดูจากกูเกิ้ลแมพแล้วเราว่าไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ เราคงไม่ย้ายหรอก”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“เราเกรงใจ ไม่ได้ไปฝึกแค่สองสามวันนะ ฝึกตั้งสามเดือน”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยเราเป็นเพื่อนกันนะใบตอง”
“เรารู้ เอางี้นะ ถ้าวันไหนต้องกลับบ้านค่ำเราก็จะค้างกับมะเหมี่ยวที่บ้าน”
“ก็ได้” ธิชากรรู้ว่าเพื่อนเป็นคนขี้เกรงใจจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก
หลังจากได้ที่ฝึกงานกันครบทุกคนแล้วอาจารย์ก็ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้นักศึกษาฟังก่อนจะปล่อยให้ทุกคนได้พักทานอาหารกลางวัน
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”