วันนี้กัญญ์วรากลับบ้านเร็วกว่าทุกครั้งเพราะอาจารย์ปล่อยก่อนเวลาเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวก่อนจะเริ่มไปฝึกงานในวันจันทร์หน้า เนื่องจากบางคนก็ต้องหาเช่าหอใหม่เพราะที่ฝึกงานอยู่ไกลแต่สำหรับกัญญ์วราแล้วนับว่าโชคดีที่บริษัทไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่เธอจึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก
“วันนี้ทำไมกลับเร็วล่ะ” นภาวรรณหรือน้าวรรณถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติแล้วลูกเลี้ยงของเธอจะเลิกเรียนก็เกือบจะห้าโมงเย็น
“อาจารย์ปล่อยก่อนเวลาค่ะ แล้ววันนี้น้าวรรณไม่ออกไปไหนเหรอคะ” เธอเห็นว่านภาวรรณยังสวมชุดนอนอยู่ก็อดจะถามไม่ได้
“แกกำลังจะว่าฉันไม่ออกทำงานใช่ไหมล่ะ”
“ใบตองไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อยก็แค่แปลกใจ”
“ก็ขอให้มันจริงเหอะ แล้วเย็นนี้แกจะไปทำงานที่ร้านเหล้าไหม”
“ไปค่ะ น้ามีอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าได้ค่าจ้างมาแล้วก็ไปจ่ายค่าเช่าด้วยนะ”
“อ้าว แล้วเงินที่ใบตองให้น้าไปจ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนล่ะ”
“ฉันเอาไปหมุนหมดแล้ว”
“โธ่ เมื่อไหร่น้าจะเลิกเข้าบ่อนสักที ก็รู้อยู่ว่ามันมีแต่เสีย”
“อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้ว่าแกมีเงิน”
“เงินที่มีใบตองก็ต้องเก็บไว้ใช้จ่ายบ้าง ถ้าน้าวรรณเอาแต่ใช้เงินแล้วไม่หาแบบนี้ก็แย่สิคะ”
“แกจะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ เอาน่าจ่ายๆ ไปก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะหามาใช้ให้” นภาวรรณเพิ่งตกลงบางอย่างกับเสี่ยสมานและพรุ่งนี้หน้าเธอก็จะได้เงินมาก้อนโต
“วันนี้ยังไม่มีแล้วพรุ่งนี้น้าจะไปหามาจากไหน”
“ฉันก็มีลู่ทางทำมาหากินของฉันแล้วกันน่าแกอย่ารู้เลย”
“คงไม่ใช่ไปทำงานผิดกฎหมายนะคะ” กัญญ์วรารู้สึกเป็นห่วง
“ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอกน่า”
“ถ้าน้ารู้จักไปทำงานก็ดีค่ะ เพราะถ้าใบตองเรียนจบแล้วใบตองว่าจะย้ายออกแล้วไปเช่าหออยู่”
“แล้วบ้านนี้ใครจะจ่ายค่าเช่าล่ะ”
“ถ้าน้าวรรณอยากอยู่ต่อก็จ่ายค่าเช่าเอง”
“แกนี่มันใจร้ายชะมัดเลยนะใบตอง”
“ถ้าใบตองใจร้ายจริงใบตองก็ย้ายออกนานแล้วค่ะ เงินที่เราได้จากพ่อก็ได้เท่าๆ กันแต่ที่ผ่านมาใบตองจ่ายค่าเช่ามาตลอด น้าไม่เคยจ่ายเลย แล้วจะมาว่าใบตองใจร้ายได้ยังไง” ที่กัญญ์วรายังไม่ย้ายออกก็เพราะเห็นว่าที่นี่ใกล้กับมหาวิทยาลัย แต่ถ้าเรียนจบแล้วจะให้เธอเช่าต่อก็คงไม่ไหวเพราะค่าเช่ามันมากกว่าเช่าหออยู่เกือบเท่าตัว แล้วเงินที่พ่อทิ้งไว้ให้ก็เริ่มจะร่อยหรอลงไปทุกที
ก่อนพ่อเสียชีวิตพ่อได้ทำประกันชีวิตไว้แล้วระบุในกรมธรรม์ว่าให้เธอกับนภาวรรณคนละครึ่งจำนวนเงินไม่ได้มากเท่าไหร่แต่มันก็พอสำหรับค่าเทอมและค่าเช่าบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาหนึ่งปีกัญญ์วราเป็นคนจ่ายค่าเช่าคนเดียวมาตลอด ถึงตอนนี้เธอก็เริ่มจะไม่ไหวเพราะนอกจากนภาวรรณจะไม่ช่วยค่าใช้จ่ายแล้วยังเอาเงินค่าเช่าที่เธอฝากให้เจ้าของบ้านไปเข้าบ่อนอีกด้วย
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อกัญญ์วราก็คงลำบากเพราะเรียนจบเธอก็ต้องหางานทำจะให้มารับผิดชอบทุกอย่างก็คงเป็นไปไม่ได้ นภาวรรณเข้ามาอยู่กับบิดาของกัญญ์วราเพียงไม่ถึงสองปีจึงไม่มีความผูกพันอะไรมาก
“อยากย้ายก็ย้ายเลย ฉันไม่ง้อแกหรอกย่ะ” นภาวรรณกำลังคิดถึงเงินก้อนโตที่ตัวเองจะได้จากการกู้เสี่ยสมานซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนที่เธอเข้าไปเล่นเป็นประจำ
พอวันรุ่งขึ้นนภาวรรณก็เอาเงินค่าเช่ามาคืนให้กับกัญญ์วราซึ่งทำให้หญิงสาวแปลกใจมากที่จู่ๆ แม่เลี้ยงของเธอก็มีเงินมาคืน
อีกห้าวันก็จะเริ่มไปฝึกงานแล้วกัญญ์วราเลยอ่านหนังสือทบทวนความรู้อยู่ที่บ้าน แต่ก็ต้องวางหนังสือลงเมื่อได้ยินเสียงนภาวรรณคุยกับใครสักหญิงสาวเลยเดินออกมาดู
“คนนี้เหรอ”
“อือ”
“แน่นะว่ายังซิง”
“แน่นอน”
“ให้เท่าไหร่”
“สองแสน”
“สองแสนห้าไม่ได้เหรอ รับรองว่าเสี่ยจะไม่ผิดหวัง”
“ถ้าย้อมแมวขายคงรู้นะว่าเสี่ยจะจัดการยังไง”
“รับประกันได้เลย ฉันต้องได้เงินสดแสนหนึ่งนะ”
“ถ้าของถูกใจเสี่ยจะเพิ่มให้ด้วย”
กัญญ์วรายังจับใจความยังไม่ได้ว่านภาวรรณกำลังพูดถึงอะไร แต่เธอเห็นสายตาของผู้ชายที่ยืนอยู่แล้วไม่น่าไว้ใจเลยหันหลังจะเดินกลับเข้าบ้าน
“อ้าว จะไปไหนล่ะหนู” ชายคนหนึ่งรูปร่างกำยำเดินเข้ามาขวางกัญญ์วราไว้
“หลีกทางหน่อยค่ะ ฉันจะเข้าบ้าน”
“จะเข้าไปทำให้เสียเวลาไปกับเสี่ยเถอะ” ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของชายคนแรกพูดขึ้น
“ทำไมฉันจะต้องไปกับคุณด้วยล่ะ” กัญญ์วราหันมาถาม
“อ้าว ไหนว่าเด็กมันยอมไงล่ะวรรณ” เสี่ยสมานหันมาถาม
“ตอนนี้ยังไม่ยอมเดี๋ยวมันก็ยอมเองนั่นแหละ ลูกน้องเสี่ยมีตั้งเยอะจะกลัวอะไร”
“น้าวรรณหมายความว่ายังไงคะ ใครยอมอะไร” กัญญ์วราสงสัยกับคำพูดของแม่เลี้ยง
“อย่าเสียเวลาถามเลยน่า หนูไปอยู่กับเสี่ยเถอะรับรองเสี่ยจะเลี้ยงอย่างสุขสบายเลย”
“ใครจะไปอยู่กับเสียกันล่ะปล่อยฉันนะ” เธอสะบัดแขนออกจากมือของเสี่ยที่มองเธอราวกับเป็นของเล่นชิ้นโปรด
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย ยังไงวันนี้เธอก็ต้องไปอยู่กับเสี่ย”
“ขอเหตุผล” กัญญ์วราถามเสียงแข็ง
“ก็น้าของเธอขายเธอให้ฉันแล้วไงล่ะ”
“ตลกแล้วเสี่ย ฉันไม่ใช่สิ่งของนะจะมาขายได้ยังไง”
“แต่น้าของเธอเอาเงินจากฉันไปแล้วนะ ไหนจะหนี้ที่ติดไว้อีก”
“ให้เงินใครไปก็ไปเอากับคนนั้นสิ จะมาเอาที่ฉันได้ยังไงล่ะ” กัญญ์วราไม่มีทางยอม
“อย่าเรื่องมากเลยใบตอง น้าว่าแกยอมๆ ไปกับเสี่ยเถอะ เสียเงินทองเยอะแยะแกจะสบายไปทั้งชาติ” นภาวรรณช่วยกล่อม
“น้าวรรณก็ไปเองสิ”
“โอ๊ย นังนี่ อย่ามาย้อนนะ”
“ก็น้าวรรณบอกว่าดีก็ไปเองสิ” กัญญ์วราเถียงไม่เลิก
“อย่าเสียเวลาเลย ไอ้คมจับขึ้นรถ” เสี่ยสมานออกคำสั่งเพราะถ้ายังเถียงกันอยู่แบบนี้เขากลัวว่าชาวบ้านใกล้เคียงจะได้ยินแล้วมีคนเอาไปบอกภรรยาของเขา
“อย่าเข้ามานะ”
“ตัวเท่าลูกหมาทำเก่ง” ชายร่างกำยำหัวเราะก่อนจะเดินมาอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินออกจากรั้วบ้าน
กัญญ์วราทั้งตีทั้งทุบปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วย แต่เพราะเป็นเวลากลางวันคนแถวนี้ออกไปทำงานกันหมดจึงมีใครได้ยิน
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”