วันนี้ทั้ง ๆที่เป็นวันหยุดแท้ ๆแต่นทีกลับตื่นแต่เช้า พร้อมกับนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกภายในคอนโดของเขาเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ ไรวินที่พึ่งจะตื่นแล้วเดินออกมาจากห้องนอนเห็นอาการแฟนหนุ่มของตัวเองจึงเอ่ยทักขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ทีเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียด ๆ ไม่สมกับเป็นทีเลยนะ”ไรวินเอ่ยถามแฟนหนุ่มของเขาก่อนจะเดินมานั่งลงข้าง ๆ พร้อมพิงซบที่อกแกร่งของอีกฝ่าย
“ทีมีเรื่องที่บ้านให้คิดนิดหน่อย แล้วทำไมวันนี้วินตื่นเร็วจัง วันหยุดทั้งทีไม่นอนต่ออีกหน่อย”
“ก็วินตื่นมาแล้วไม่เห็นที นึกว่าทีหายไปไหนก็เลยออกมาดู แล้วตกลงทีมีเรื่องเครียดอะไรเหรอ บอกวินได้ไหม เผื่อวินจะช่วยได้”ไรวินถามแฟนหนุ่มของเขาด้วยความเป็นห่วง
นทีถอนหายใจยาวอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทางบ้านของตัวเองให้คนรักของเขาฟัง ว่าป๋าของเขาแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่เขาเสียไปในตอนที่เขาอายุได้แค่2ขวบก่อนจะมีลูกชายอีกคนแต่เขาก็ไม่เคยคิดรังเกียจภรรยาใหม่และลูกใหม่ของป๋าเขาเลย เพราะแม่เลี้ยงของเขาเลี้ยงดูเขามาอย่างดี ไม่เคยลำเอียงหรือทำให้เขารู้สึกขาดความรัก มีแต่ป๋าของเขาที่มักจะพูดแต่เรื่องเดิม ๆ นั่นคือต้องการให้เขาสืบทอดธุรกิจ ทั้ง ๆที่เขาเองไม่ชอบเลยสักนิด ก่อนจะทะเลาะกันใหญ่โตอีกครั้งก็ตอนที่เขาขัดใจ เลือกเรียนวิศวะ แทนที่จะเรียนบริหารตามที่ป๋าเขาสั่ง จนเขาต้องย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว แต่แม่เลี้ยงของเขาก็ยังส่งเสียเขาตลอด ไม่เคยให้ขาด และสุดท้ายผลก็เลยไปตกที่น้องชายต่างแม่ของเขาอย่างเคนตะ ที่ยอมทำตามคำสั่งของป๋าของเขาด้วยการเลือกเรียนบริหาร ทั้ง ๆที่จริง ๆแล้วน้องชายของเขาก็ไม่ได้ชอบเลยสักนิด มันทำให้เขาเองรู้สึกผิดกับน้องชายของเขาเอามาก ๆ ที่เขาเห็นแก่ตัว แล้วทิ้งภาระให้น้องชายตัวเองต้องรับผิดชอบทุกอย่างแทนเขา“อย่าคิดมากสิที ทีลองเข้าไปคุยกับป๋าของทีอีกสักครั้งดูนะ วินเชื่อว่าป๋าของทีต้องเข้าใจ ทีเชื่อวินนะ” ไรวินบอกกับแฟนหนุ่มของเขา พร้อมกับจับมือเป็นการให้กำลังใจอีกฝ่าย
“ขอบคุณนะวิน ที่อยู่ข้าง ๆคอยให้กำลังใจทีมาตลอด” นทียิ้มบาง ๆให้กับคนรักของเขา
“ก็ทีเป็นแฟนวิน ไม่ให้วินให้กำลังใจที จะวินไปให้กำลังใจแมวที่ไหนหล่ะ” หลังจากพูดแซวแฟนหนุ่มจบ ไรวิก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“นี่วินว่าที เป็นแมวเหรอ”
“เปล่านะวินยังไม่ได้ทีสักคำเลยนะ ถ้าทีอยากรับก็รับไปสิ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ทียังมีอีกเรื่องนึงที่จะบอกวิน”
“เรื่องอะไรเหรอ” ไรวินถามนทีออกมาอย่างสงสัย นทีเองก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจบอกเรื่องสำคัญกับคนรัก
“ป๋ากับม๊าอยากเจอคนรักของที ทีก็เลยว่าจะชวนวินไปที่บ้านของทีด้วยกัน วินจะโอเคไหม” นทีบอกกับคนรักของเขาก่อนจะนั่งรอลุ้นคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ไรวินนั่งครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะยิ้มออกมา พร้อมกับตอบแฟนหนุ่มออกไป
“ถ้าทีรับปากกับวิน ว่าการไปคุยกับป๋าของทีครั้งนี้ ทีจะคุยดีๆ คุยด้วยเหตุผล วินก็จะรับปาก ว่าวินจะไปพบป๋ากับม๊าของทีพร้อมกับที”
“จริง ๆนะ วินรับปากทีแล้วนะ งั้นทีก็รับปากว่าทีจะทำตามที่วินขอ” นทีพูดออกมาอย่าดีใจ ที่คนรักของเขายอมรับปากที่จะไปพบป๋าและแม่เลี้ยงของเขา ที่เขาเองก็รักและเคารพเหมือนแม่ของเขา
ณ.บ้านของป๋าของนที
“ครับ ได้ครับพี่ที ผมจะบอกป๋ากับม๊าให้ พวกท่านต้องดีใจมาก ๆ แน่เลย ผมจะรอพี่ทีนะครับ”
หลังจากวางสายจากนทีเรียบร้อยแล้ว เคนตะก็รีบนำข่าวดีที่นทีโทรมาบอกเขาว่ากำลังจะเข้ามาที่บ้าน พร้อมกับพาคนรักของเขาเข้ามาด้วย ไปบอกกับป๋าและม๊าของเขา ทั้งสองท่านทั้งตื่นเต้นและดีใจ ที่ลูกชายคนโตของตระกูลจะกลับเข้ามาบ้านพร้อมกับคนรัก เพราะตั้งแต่ที่ทะเลาะกันครั้งนั้น นทีก็กลับมาที่บ้านหลังนับครั้งได้ ซึ่งแต่ละครั้ง ก็ไม่เคยจะได้พูดจาดี ๆกันเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้คุณป๋าตั้งใจไว้แล้วว่า เขาจะเคารพการตัดสินใจของลูกชายคนโตของเขา จะไม่บังคับให้อีกฝ่ายทำอะไรที่ต้องฝืนใจตัวเองอีกด้านของม๊าเองเมื่อทราบข่าวก็เธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอเองก็เลี้ยงดูนทีมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเธอเองก็รักและเอ็นดูนทีไม่ต่างจากลูกชายแท้ ๆของเธอ เธอจึงรีบเข้าครัวลงมือทำอาหารที่นทีชอบ ไว้รอต้อนรับลูกชายคนโตของเธอ พร้อมกับคนรักที่อีกฝ่ายจะพาด้วยกันช่วงบ่ายของวันนทีก็พาคนรักของเขาขับรถมาที่บ้านของเขา ไรวินมีอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะนทีเองก็ไม่ค่อยจะเล่าเรื่องที่บ้านของเขา ให้ตัวเขาเองฟังเท่าไหร่นัก เขาเลยค่อนข้างที่จะเป็นกังวลไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง นทีเองก็สังเกตเห็นอาการของคนรัก จึงได้แต่จับมือคนรักของเขาเอาไว้ พร้อมกับปลอบใจ ว่าไม่ต้องกลัว ให้ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกร็ง เป็นตัวของตัวเองได้เลยหลังจากที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้านก็พบกับม๊าของเคนตะ ที่กำลังจัดแจงให้แม่บ้านเตรียมของว่างอยู่ ส่วนเคนตะเองก็นั่งเล่นมือถืออยู่ที่ห้องรับแขก แต่กลับไม่เป็นป๋าของเขาอยู่ในห้องนั้น“อ้าว!!!ที มากันแล้วเหรอลูก มานั่งตรงนี้กันก่อนนะ เดี๋ยวม๊าให้แม่บ้านเอาน้ำกับขนมมาให้”ม๊ายิ้มออกมาอย่างใจดี เอ่ยทักคนทั้งคู่ก่อนจะหันไปสั่งงานแม่บ้านต่อ
“สวัสดีครับม๊า นี่ไรวินหรือวิน เป็นคนรักของผมครับ” นทียกมือไหว้แม่เลี้ยงของเขา ก่อนจะแนะนำคนรักให้เธอรู้จัก
“สวัสดีครับม๊า” ไรวินยกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่า พร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ
“น่ารักจัง ชื่อวินเหรอคะลูก มาค่ะมาทานของว่างกัน ม๊าเตรียมไว้แล้วนะคะ” ม๊ายิ้มออกมาอย่างใจดีก่อนจะเอ่ยทักทายคนรักของลูกชายคนโตของเธอ พร้อมกับเลื่อนจานของว่างไปให้
“แล้วป๋าไปไหนแล้วหล่ะครับม๊า เมื่อกี๊ผมยังเห็นนั่งอยู่ตรงนี้อยู่เลย” เคนตะที่เงยหน้าจากมือถือหันมาสนใจของว่าง เอ่ยถามม๊าของเขาขึ้น
“เรายังไม่รู้จักนิสัยป๋าเราอีกหรือไง ก็คงอยู่แถว ๆ นี้ ตีหน้าขรึมอยู่นั่นแหละ ม๊าหล่ะอยากจะตีแรง ๆ นัก ทั้งที่ใจอยากจะพูดกับลูกแต่กลับชอบวางมาดขรึมเหมือนไม่อยากจะคุย” ม๊าบ่นสามีของเธอออกมาอย่างขัดใจ
“ตั้งแต่ได้ย้ายสัญชาติจากญี่ปุ่นเป็นคนไทย นี่บ่นเก่งขึ้นจังเลยนะ” ป๋าที่เพิ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยกับภรรยาของเขา เป็นเชิงหยอกเอิน
“สวัสดีครับ… ป๋า” นทีมองหน้าผู้เป็นพ่อก่อนจะยกมือไหว้พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก
“อืม… กลับบ้านตัวเองถูกแล้วสินะ หลังจากที่ไม่ได้กลับมานาน”ป๋าเอ่ยถามลูกชายคนโตของเขาเสียงเรียบเป็นเชิงประชดประชันลูกชาย
“ครับ ป๋าสบายดีนะครับ”
“สบายดีตามประสาคนแก่ ที่ลูกชายคนโตมันไม่ค่อยสนใจนั่นแหละ”ป๋ายังคงวางมาดพูดจาประชดประชันลูกชายคนโตของเขาต่อ
เพียะ!!!เสียงของม๊าที่ตีต้นขาของสามีของเธออย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ เพราะเธอทนเห็นท่าทีของอีกฝ่ายไม่ไหว ทั้ง ๆทีบ่นคิดถึงลูกชายคนโตทุกวัน วันละสามเวลาหลังอาหาร และยิ่งวันนี้ก็แสดงอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าลูกชายจะมา แต่พอนทีมากลับวางมาดีขรึมเหมือนไม่ยินดียินร้าย“นี่คุณ!!! ผมเจ็บนะ ดีเข้ามาได้” ป๋าบ่นภรรยาของเขาพร้อมกับถูขาตัวเองเบา ๆ
“เจ็บสิคะดี ดิฉันก็ตั้งใจให้คุณเจ็บนั่นแหละ ทำไมจะต้องวางมาดสร้างกำแพงให้ตัวเอง ทั้ง ๆที่อยากเจอลูกใจจะขาด พอลูกมาหาก็มาทำตัวแบบนี้ มันน่าตีอีกหลาย ๆทีนัก” ม๊าบ่นสามีของเธอด้วยความขัดใจกับอาการของเขาที่เธอเห็น
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะที ลูกชายของป๋า ป๋าขอโทษนะ ที่เมื่อก่อนป๋าเอาแต่บังคับแก ให้แกทำในสิ่งที่ป๋าต้องการ โดยที่ป๋าไม่สนใจความรู้สึกของแกเลย ต่อไปนี้ป๋าจะไม่บังคับให้แก ทำในสิ่งที่ไม่ชอบอีกแล้วนะ ป๋ารักแกนะ ลูกชายสุดที่รักของป๋า” ป๋ายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและอบอุ่นส่งไปทีลูกชายคนโตของเขา
“ขอบคุณนะครับป๋า ขอบคุณที่เข้าใจผม ผมเองก็ต้องขอโทษป๋าในทุก ๆเรื่องที่ผมเคยทำไม่ดีกับป๋า ผมก็รักป๋าเหมือนกันนะครับ” นทีบอกกับป๋าของเขา พร้อมกับระบายยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ในที่สุดเขากับป๋าก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้เสียที
“แล้วคนนี้ คนรักของแกเหรอ” ป๋าถามลูกชายคนโตของเขา ก่อนจะหันมายิ้มด้วยกัน ชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆลูกชายของเขา
“ครับ นี่ไรวิน หรือวิน เป็นคนรักของผมครับป๋า”
“สวัสดีครับคุณป๋า” ไรวินกล่าวทักทายป๋าของคนรักพร้อมกับยกมือไว้
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวเรานะ ป๋าฝากเจ้าทีมันด้วยนะ”คุณป๋ายิ้มให้กับคนรักของลูกชายอย่างอ่อนโยนและใจดี
“ยินดีครับคุณป๋า” ไรวินตอบรับพ่อของแฟนหนุ่มพร้อมกับระบายยิ้มออกมา เพราะเขาไม่คิดว่าครอบครัวของนทีจะใจดี และให้การต้อนรับเขาดีขนาดนี้
ทั้งหมดพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่ ไม่นานก็ได้เวลาอาหารเย็น โดยที่อาหารเย็นในวันนี้ม๊าเป็นคนเข้าครัวลงมือทำอาหารเย็นด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งอาหารแต่ละอย่างก็มีแต่ของโปรดของนทีทั้งนั้น จนเคนตะอดที่จะบ่น ม๊าของเขาอย่างกระปอดกระแปดที่ทำแต่ของโปรดเอาใจพี่ชายของเขา ไม่ยอมทำให้เขา ทุกคนในบ้านต่างก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู อาการงอแงของลูกชายคนเล็กของบ้าน***********************************************************************************************************
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา