วันนี้หลังจากเลิกเรียน ทิวาและเพื่อน ๆก็เข้ามาร่วมกิจกรรมภายในชมรม เคนตะได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาของทีม เนื่องจากเขามีพื้นฐานและเคยเป็นนักกีฬาเก่าจากโรงเรียนเดิมมาก่อน ส่วนทิวากับโอโซนได้อยู่แผนกสวัสดิการเนื่องจากพวกเขาทั้งคู่เล่นไม่เป็นและไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้เลย
“หน้าระรื่นเลยนะโอโซน ได้เข้ามาอยู่ในชมรมบาสอย่างที่หวัง”ทิวาเอ่ยแซวเพื่อนขึ้น เมื่อเห็นอาการกระดี๊กระด๊าระริกระรี้ออกหน้าออกตาอย่างเห็นได้ชัด
“ของมันแน่อยู่แล้ว มึงดูสิวา มีแต่คนหล่อ ๆทั้งนั้น ชมรมบาสเป็นศูนย์รวมของคนหล่อเลยนะมึง ใคร ๆก็อยากจะเข้า ดีนะที่นี่เขามีกฎไม่รับชะนี ไม่งั้น คงวุ่นวายตายเลย”
“เออนั่นสิ กูว่าจะถามพี่คินก็ลืมเลยว่าทำไมเขาถึงไม่รับผู้หญิงเข้าชมรม”
“เอ้า!! นี่มึงไม่รู้เหรอวา เสียชื่อน้องชายประธานชมรมจริง ๆ มานี่กูจะเล่าให้ฟัง”
หลังจากพูดแขวะเพื่อนจบโอโซนก็เริ่มเล่าเรื่องที่เป็นสาเหตุให้มีกฎห้ามรับผู้หญิงเข้าชมรมให้เพื่อนรักของเขาฟังทันที เพราะเมื่อก่อนที่ยังไม่มีกฎแบบนี้ ภายในชมรมก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายสมัครเข้ามาภายในชมรม แล้วก็เกิดเรื่องชู้สาวหึงหวงทะเลาะตบตีกันภายในชมรมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ประธานชมรมณ.ตอนนั้นจึงออกกฎห้ามรับผู้หญิงเข้าชมรมเพื่อเป็นการตัดปัญหา และกฎนี้ก็มีผลตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงปัจจุบันนี้
“แบบนี้ก็แย่เลยนะ เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เลยทำให้คนที่ตั้งใจจะเข้าชมรมเพราะอยากเล่นบาสจริง ๆก็เลยไม่ได้เข้ามาเลย” ทิวาบ่นออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียด
“แต่กูว่าแบบนี้หน่ะดีแล้ว มันจะมีชะนีสักกี่คนกัน ที่อยากจะเข้าชมรมนี้เพราะอยากเล่นบาส ส่วนใหญ่มันก็อยากเข้าชมรมนี้ด้วยเหตุผลเดียวกันกับกูทั้งนั้นแหละ” โอโซนพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ซึ่งก็พลอยทำให้ทิวาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ทิวาและโอโซนนั่งคุยกันอยู่สักพัก เขาก็เห็นสาวสวยรูปร่างดี แต่งตัวดูดี เดินเข้ามาในชมรมพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนอย่างมั่นใจพร้อมกับเดินตรงดิ่งไปยังภาคินที่กำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อน ๆนักกีฬาด้วยกัน ทุกคนต่างพากันมองเป็นตาเดียวกัน เพราะเธอทั้งสวยแล้วก็สะดุดตาและแต่งตัวดูดีทันสมัยที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง
“ฮัลโหลคิน ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” พูดจบแพมก็เดินมานั่งข้าง ๆภาคินทันทีโดยที่ไม่สนใจสายตาคนรอบ ๆข้างที่กำลังจ้องมองมาที่เขาเลยสักนิด
“แพม คุณมาได้ยังไง ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าชมรมนี้เขาไม่ให้ผู้หญิงเข้า” ภาคินบอกผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆเขาอย่างหงุดหงิด พร้อมกับแกะมือของเธอออก ก่อนจะลุกเดินออกไป แพมถึงกับหน้าเสีย เพราะไม่คิดว่าภาคินจะทำกับเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
“แพมก็แค่มาหาคิน ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรสักหน่อยนี่คะ แพมสัญญานะคะว่าแพมจะอยู่เงียบ ๆ จะไม่สร้างความวุ่นวายให้คินแน่นอนนะคะ คินให้แพมอยู่ด้วยนะคะ” แพมยังคงขอร้องพร้อมกับเกาะแขนออดอ้อนภาคินไม่เลิกจนภาคินเองก็เริ่มเอือมระอา
“กฎก็ต้องเป็นกฎ ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ คุณกับเพื่อนคุณออกไปได้แล้ว แล้วก็อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก” ภาคินแกะมือของผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะเขาออก พร้อมกับบอกเสียงเข้ม จนแพมและเพื่อนก็เริ่มหน้าเสีย
แต่ตัวของแพมก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอยังยืนยันที่จะขอภาคินอยู่ที่นี่ จนตัวภาคินเริ่มจะหมดความอดทน แสดงสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังไม่พอใจเอามาก ๆ ซึ่งเมื่อเพื่อนอีกสองคนของแพมเห็นก็เริ่มกลัวก่อนที่จะลาก เพื่อนรักของพวกเธอออกไปจากชมรม“ไหนว่าห้ามผู้หญิงเข้า แล้วทำไมผู้หญิงสามคนนี้เข้าได้ เขาเป็นแฟนพี่คินเหรอ” ทิวาเอ่ยถามภาคินด้วยความสงสัย ด้วยน้ำเสียงประชดประชันนิด ๆ
“แพมไม่ได้เป็นแฟนกู กูไม่มีแฟน”ภาคินบอกกับทิวาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมกับพยายามยามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด
“ไม่ใช่แฟนเหรอ แต่เขาเกาะแขนพี่คินเลยนะ แถมยังเอานมใหญ่ ๆนั่นเบียดแขนพี่ด้วย” ทิวายังคงประชดประชันภาคินต่อ
“กูบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง ทำไมเหรอ หรือว่ามึงหึงกู ถึงได้ถามถึงแพมไม่หยุดแบบนี้” ภาคินพูดกับทิวาพร้อมกับมองหน้าอย่างจับผิด
“พี่จะบ้าเหรอ ใครจะหวงพี่กัน เราเป็นพี่น้องกัน จำไม่ได้หรือไง ก็ถ้าเขาเป็นแฟนพี่ วาจะได้ทำความรู้จักไว้ไง แต่วาว่าคนนี้ไม่ผ่านเธอดูแรงเกินไป หล่อ ๆอย่างพี่น่าจะหาได้ดีกว่านี้นะ”
“เมื่อกี้มึงชมว่ากูหล่อเหรอ ไอ้วา”ภาคินถามทิวาพร้อมกับหรี่ตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไรของพี่เนี่ย รีบไปซ้อมได้แล้ว คนอื่นเขารอพี่อยู่ไปๆๆๆ” ทิวาเบนหน้าหนีพร้อมกับรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อน ก่อนจะออกปากไล่ผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ยืนอยู่ข้างหน้า
“แถเก่งนะมึง” ภาคินพูดกับคนตัวเล็กตรงหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีและเดินกลับไปซ้อมกับเพื่อนตามเดิม
หลังจากที่ภาคินและเพื่อนซ้อมเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายทยอยกันกลับบ้าน นทีก็ยังคงยืนคุยถามสารทุกข์สุกดิบอยู่กับเคนตะตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันนาน“เมื่อไหร่พี่จะกลับบ้านไปเยี่ยมป๋าบ้างพี่ที ป๋ากับม๊าบ่นถึงพี่ทุกวันเลย บ่นจนผมที่อยู่ด้วยทุกวันเริ่มจะน้อยใจแล้วเนี่ย”เคนตะบอกกับพี่ชายต่างแม่ของเขา อย่างอารมณ์ดี
“มึงก็รู้ว่าเพราะอะไร กูถึงไม่อยากกลับบ้าน” นทีบ่นออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เริ่มเสณ้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
“ก็พี่เป็นลูกชายคนโต ป๋าก็ต้องตั้งความหวังกับพี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าในใจลึก ๆแล้วป๋าก็ต้องเข้าใจแล้วก็ต้องยอมรับในสิ่งที่พี่เลือก เพียงแต่พี่ต้องเข้าไปคุยกับป๋าให้เข้าใจ พี่เชื่อผมสิ” เคนตะบอกกับพี่ชายของเขา ด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงปนหวังดี
“เออ..ไว้ว่าง ๆกูจะเข้าไปแล้วกัน”
“พี่สัญญาแล้วนะ ป๋ากับม๊าต้องดีใจมาก ๆ แน่ ๆเลย แล้วพี่อย่าลืมพาแฟนพี่ไปหาป๋ากับม๊าด้วยนะ พวกเขาเขาอยากเห็น” เคนตะพูดกับพี่ชายของเขาด้วยความตื่นเต้น
“เออ..เดี๋ยวกูลองถามเขาก่อน ถ้าเขาตกลงกูจะพาไป นี่ก็ค่ำแล้วมึงก็กลับบ้านได้แล้วเดี๋ยวป๋ากับม๊ามึงจะเป็นห่วง” นทียิ้มออกมาบาง ๆให้กับน้องชายของเขาก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันกับบ้าน
*************************************************************************************************************
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา