Share

บทที่ 3 ทดสอบพลัง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-31 03:04:15

บทที่ 3 ทดสอบพลัง

       ดวงตาดอกท้อเบิกโพลง สะดุ้งตัวขึ้นมานั่ง ร่างเล็กของไป๋ลี่เฟยหอบหายใจอยู่บนเตียงกว้าง เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามกรอบหน้า นางก้มลงมองร่างของตนเอง ควานหาคันฉ่องเล็กที่มักเก็บไว้ข้างหมอน

ยังไม่ตายจริงด้วย!

       เมื่อตั้งสติไปประมาณหนึ่งไป๋ลี่เฟยจึงเริ่มสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อให้ใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนี้สงบลง ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่กรอบหน้าก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะยามที่ลากมือผ่านหน้าผากมีแสงสีม่วงลวดวายดั่งไม้ใหญ่ที่เคยพบเมื่อครั้งแรกที่ไปยังภพประหลาดนั้น

แปลว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แล้วข้ากลับมาที่ช่วงเวลาใดกัน…ใบหน้าเช่นนี้คงไม่เกินสิบสามปีเป็นแน่

       ไม่นานเกินรอบ่าวประจำตัวที่ได้ยินเสียงนางขยับเขยื้อนก็ยกน้ำเข้ามาเตรียมรอให้ไป๋ลี่เฟยล้างหน้าบ้วนปาก

“คุณหนูตื่นเร็วนัก วันนี้ต้องไปวัดระดับพลัง เหตุใดจึงไม่นอนเอาแรงอีกเสียหน่อยเจ้าคะ” จูจูข้ารับใช้คนสนิทเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่งให้ลี่เฟยรู้ว่ายามนี้นางมีอายุสิบสองปี

“อาจเป็นเพราะข้าตื่นเต้นเกินไป เป็นสตรีชั้นสูงพลังไม่มากก็ไม่เป็นอันใดหรอกจูจู” คุณหนูไป๋ภายนอกดูพูดจาเจือความขบขัน แต่ภายในใจนั้นกำลังนึกถึงซินหยาน

       น้องสาวต่างมารดาผู้ที่แม้พลังจะกลางๆ แต่ก็ดึงความสนใจของคู่หมั้นของนางไปได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้เปิดหูเปิดตาไป๋ลี่เฟยแล้วว่าการได้รับความรักมาไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด หรือเพียบพร้อมที่สุดแม้สักนิด 

       ไป๋ลี่เฟยคิดอย่างจนใจเพราะหากจะฉุดชะตาขององค์ชายสามอย่างที่ตั้งใจไว้ ย่อมเท่ากับว่านางอาจต้องทำร้ายซินหยานทางอ้อม แต่เมื่อนึกถึงภาพที่เขาใช้เท้าเขี่ยตัวนางที่ล้มพับลงไปเช่นนั้น ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาจนเส้นโลหิตร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครา

หากรักกันจริง แม้หมดโชควาสนาก็ต้องพร้อมฟันฝ่า จ้าวหลงไฉ่จะไม่มีวันได้สิ่งที่มันต้องการอีก!!

“จูจูเตรียมอาภรณ์สีกลีบเหลียนฮวาให้ข้าด้วย” นางหันไปสั่งบ่าว ก่อนจะบรรจงผัดหน้าให้สลัดความจืดชืดทิ้งไป เพราะนักแสดงที่เล่นเป็นนางจืดชืดเสียจนลี่เฟยเก็บเอามากังวล แต่นางก็ยังออมมือเพื่อคงความสดใสตามวัยที่ควรจะเป็นอยู่ เพียงแค่ใช้สีเข้มอ่อนตามจุดต่างๆ ของใบหน้าเพื่อเพิ่มมิติตามที่มีมี่เคยสอนยามว่าง

       หลังตรวจสอบใบหน้า ทรงผมและอาภรณ์จนพร้อม ไป๋ลี่เฟยก็เดินไปยังเรือนของบิดาที่มีไป๋ซินหยานยืนรอกับท่านพ่อและแม่รองอยู่ก่อนแล้ว แม้จะบอกว่าไป๋ซินหยานเป็นน้องแต่เหตุที่ตัวนางและน้องรองผู้นี้ ถึงคราวทดสอบพลังพร้อมกันเป็นเพราะฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง คลอดบุตรในช่วงเวลาห่สงกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

“คาระวะท่านพ่อ คาระวะแม่รองเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าเล่าไปไหนเสียแล้ว” ไป๋ลี่เฟยที่ไม่เห็นมารดาของตนจึงร้องถาม ชาติแรกท่านแม่ของนางยืนรออยู่ก่อนมิได้หายไปเช่นนี้

“แม่เจ้าฝันเลวร้าย ทำให้ออกมาช้าเสียหน่อย” ท่านพ่อของนางตอบด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย

       ลี่เฟยพยักหน้ารับไม่ได้กดดันถามรายละเอียดต่อ จึงไม่ได้รู้เลยว่าความฝันของมารดาคือเรื่องราวที่ไป๋ลี่เฟยพบเจอมาในชาติเดิม

.

.

.

        คนสกุลไป๋เดินทางออกมาพร้อมกันทั้งหมดสี่รถม้าด้วยกัน บรรดาพี่ชาย และน้องสาวน้องชายที่เหลือต่างอยากมาดูไป๋ลี่เฟยและไป๋ซินหยานทดสอบพลัง

       ชาติก่อนนางขึ้นไปทดสอบก่อน เมื่อพลังออกมาในขั้นที่สูงที่สุดในบรรดาผู้ทดสอบหญิง จึงทำให้ซินหยานที่ทดสอบตามหลังไม่ได้รับความสนใจ

       ลี่เฟยรู้ว่าเหตุหนึ่งที่องค์ชายสามไม่ปล่อยนางไปก็เป็นเพราะพลังนี้ ความกลัวแผดเผาไปทั่วแผ่นหลังเล็กๆ นี้ 

“คุณหนูใหญ่เหตุใดจึงทำหน้าคล้ายตื่นตกใจกลัวเช่นนั้น หากพลังไม่ถึงขั้นก็ยังมีทางออกอีกมาก มารดาเจ้าก็มาฝันร้าย อาจเป็นลางไม่ดีจริงๆ” เสียงจิกกัดของฮูหยินรองดังออกมาในระหว่างที่ลี่เฟยกำลังตัดสินใจ

“คำพูดนี้ของแม่รอง มีเจตนาช่วยเหลือข้าหรือทำให้เจ็บช้ำกันแน่” ฮูหยินรองผู้นี้ไม่เคยทำอะไรรุนแรง แต่คำพูดของนางก็มักจะทำให้ชี่เฟยรู้สึกขัดหูอยู่เนืองๆ

“ลี่เฟยเป็นบุตรฮูหยินเอก ทั้งยังมีคู่หมายเป็นถึงองค์ชาย ต่อให้ไม่มีพลังก็ไม่มีวันลำบาก เจ้าห่วงตนเองเถิด” มารดาของลี่เฟยที่ไม่ชอบใจกับการมาจิกกัดกันนอกบ้านให้เป็นที่จับตาจึงเอ่ยปรามออกมาบ้าง

       เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้จากที่ลี่เฟยเคยคิดว่าจะใช้วิชาปกปิดระดับพลังของตน จนคล้ายว่าไม่มีพลังอันใดก็ต้องเปลี่ยนใจให้ยังเหลือไว้บ้างไม่ให้เป็นเป้าหมายแก่ ‘แม่รอง’ มากจนเกินไป แม้นั่นจะทำให้การใช้วิชาปิดพลังยากเย็นขึ้นแต่นางก็ยินยอมแลกมา

        ระดับขั้นในภพนี้แบ่งออกเป็นเจ็ดขั้นหลักตามสีที่ปรากฎ คือ ส้ม แดง ม่วง น้ำเงิน  เขียว เหลือง ขาว และย่อยเป็นสามขั้นตามความเข้มข้นของพลัง คือขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง พลังระดับสีเหลืองขั้นกลางไปจนถึงขาวขั้นสูงนั้นไม่ถูกพบมาหลายร้อยปี พลังสีขาวขั้นสูงคนล่าสุดที่ปรากฎในใต้หล้าคือจักรพรรดิหูหลงฉาง ผู้สร้างสิ่งล้ำค่าไว้ให้คนรุ่นหลังตามล่า และแย่งชิงมากมายผู้นั้น

        แต่ทว่าการตรวจวัดครั้งแรกนั้นไม่เคยปรากฎพลังสี เหลือง และสีขาวมาก่อน การได้สีน้ำเงินก็นับว่าดีมากแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ที่สีแดงขั้นสูงจนถึงสีม่วงขั้นกลางเท่านั้น

       ในภพก่อนนี้นางตรวจวัดได้ระดับสีเขียวขั้นกลาง นับว่าเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิดไปมากมาย พลังระดับน้ำเงินขั้นต่ำของซินหยานจึงดูจืดจางไปเสียสนิท เมื่อต้องมาเปรียบเทียบกัน

ชาตินี้คงต้องให้น้องรองได้เฉิดฉายบ้าง…

“ไป๋ลี่เฟยขึ้นแท่นทดสอบได้”

       เมื่อได้ยินเสียงเรียก นางก้างเดินอย่างมั่นคงตั้งสมาธิกดลมปราณ และหันหลังให้คณาจารย์ทั้งหลัง เพื่อเดินวิชากดพลัง พรางไว้ด้วยท่าทีกระวนกระวาย จากนั้นจึงแตะมือลงไปบนหินก้อนใหญ่ที่จะแสดงสีของพลังผู้รับการวัดออกมา ภายในช่องท้องของลี่เฟยปั่นป่วน กลัวว่าวิชากดพลังที่ใช้จะไร้ผลกับหินทดสอบนี้ และการปิดบางส่วนนั้นยากกว่าการปิดทั้งหมด ทำให้เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากเสียมากมาย ทั้งมือเล็กยังสั่นอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ 

       ความกังวลตบตีอยู่ภายใน ทั้งยังต้องต่อสู้กับไอปราณของหินทดสอบที่พยายามจะทะลุทะลวงเส้นปราณเพื่อวัดค่า จนลี่เฟยรู้สึกอยากจะอาเจียน และล้มเลิกไปหลายหน แต่เมื่อใกล้จะหมดแรงไอปราณที่ออกมาจากหินปรากฎเป็นสีม่วงสมใจหวัง

สำเร็จม่วงขั้นต่ำ!

       นางเดินลงจากแท่นด้วยความรู้สึกโล่งโปร่งอย่างถึงที่สุด เมื่อระดับอยู่ในขั้นดาดดื่น ประโยชน์ของนางในสายตาหลินไฉ่คงลดน้อยลงไปแล้ว หน้ากากแสแสร้งคงจะแตกออกไวขึ้นหลายเท่าตัว

ก็ลองมาดูเถิดว่าหากพลังของข้าไม่ได้มีส่วนส่งเสริมให้เจ้ามีชื่อเสียงดีงามอีกแล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อ…หึ

       เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นอย่างที่นางคาด เมื่อไม่มีใครที่ได้ระดับสีเขียวปรากฎตัวขึ้น ระดับน้ำเงินของน้องรองก็ดึงดูดอาจารย์ และคนรอบข้างให้ไปรุมสนใจ 

       แน่นอนว่าสายตาและคำพูดถากถาง จากฮูหยินรองก็ตามมาทิ่มแทงลี่เฟยอย่างทันท่วงทีเช่นกัน ขัดกับซินหยานที่ส่งสายตาขอโทษแทนมารดาของตนมาให้

“ซินหยานของข้ามีบุญบารมีอย่างแท้จริง” ฮูหยินรองหันไปพูดกับบรรดาฮูหยินที่มาดูบุตรหลานของตนทดสอบ

       เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังตื่นเต้นกับซินหยาน ลี่เฟยจึงขอท่านแม่ของตนออกไปเดินผ่อนคลาย เมื่อคนเป็นแม่เห็นเช่นนั้น ก็คิดไปเองว่าบุตรสาวอาจน้อยใจที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงปล่อยให้ไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าบุตรผู้นี้มิได้เสียใจอันใด แต่นางมีความคิดจะไปขโมยวาสนาของผู้อื่นต่างหาก!

________

เหลียนฮวา หมายถึงดอกบัว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 5 พบหน้าคู่หมาย

    บทที่ 5 พบหน้าคู่หมาย หลังเรื่องว้าวุ่นในวันนี้จบลงไป๋ลี่เฟยนั่งรับลมราตรีที่หอบเอากลืนหอมสะอาดบางเบาของเหล่าบุปผาในสวนข้างเรือนมาหมุนวนรอบกายบาง เรือนนอนของคุณหนูใหญ่ผู้นี้ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ทั้งยังเป็นเรือนส่วนตัวแยกจากมารดา ไป๋ลี่เฟยถูกเอาออกเอาใจเป็นพิเศษเพราะถูกวางตัวเป็นชายาขององค์ชายตั้งแต่คลอดออกมาได้ไม่กี่ชั่วยาม มารดาของนางและมู่กุ้ยเฟยเป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เกิด จึงคิดให้บุตรชายบุตรสาวได้ดองเป็นครอบครัว ไป๋ลี่เฟยแค่นยิ้มบางๆ วันพรุ่งนี้แล้วที่นางต้องได้พบจ้าวหลินไฉ่อีกครั้ง ครานี้บทนางรองผู้สนับสนุนและปักใจจะส่งเสริมว่าที่สามีจะไม่ใช่ตัวนางที่เป็นผู้รับ ลี่เฟยจะเป็นนางร้ายผู้ไม่ส่งเสียง วางแผนทำลายอยู่เบื้องหลัง แสแสร้งแกล้งทำด้วยใบหน้าอ่อนโยนประดับรอยยิ้มอาบยาพิษ เป็นนางร้ายที่มีมี่สอนสั่งว่าเป็นมารดาของนางร้ายทั้งปวง หากจะมีสิ่งใดที่นางเสียดายเมื่อต้องกลับมา คือการต้องจากลากับสหายผู้นั้น แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่มิตรภาพที่นางให้คือสิ่งที่จริงแท้“หวังว่าข้าจะได้พบเจอเจ้าอีกครา มีมี่” ลี่เฟยพึมพำกับตนเอง“คุณหนูว่าอย่างไรนะเจ้าคะ บ

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 4 ขโมยวาสนา

    บทที่ 4 ขโมยวาสนา บรรยากาศความวุ่นวายถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง สายตามาดมั่นขัดกับใบหน้าอ่อนเยาว์ดูเป็นแม่นางน้อยไม่ประสาของเจ้าตัว ตกอยู่ภายใต้สายตาคู่หนึ่งที่เพ่งพินิจดู และก้าวย่างตามมาอย่างใคร่รู้ ไป๋ลี่เฟยที่เดินลัดมายังประตูเก่าที่ถูกปิดการใช้งานไปแล้วของสำนักศึกษาหลวง นางลอดออกไปยังตรอกที่เป็นทางเชื่อมกับตลาด ทว่าเมื่ออยู่ในตรอกที่เงียบสงัด เสียงฝีเท้าที่คราแรกปัดไปว่าเป็นเสียงของคนในสำนัก ก็ยังคงดังก้องต่อเนื่อง เมื่อหันไปก็พบกับอาจารย์ผู้หนึ่งที่ยืนยิ้มแย้มรออยู่ก่อนแล้ว “หากไม่รู้ตัวไปนานกว่านี้ ข้าคงผิดหวังแล้ว” ชายวัยกลางคนผู้นั้นเผยรอยยิ้มคล้ายเอ็นดูลูกหลาน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจูจูก็นำตัวไปขวางระหว่างชายในอาภรณ์สีเขียวอ่อนและคุณหนูของตนไว้ ผู้ที่เดินตามมาคือ ‘อาจารย์โฉ่โม่จิน’ ผู้ที่นางกราบกรานเป็นหนึ่งในศิษย์เอกเมื่อภพที่แล้ว แต่ยามนี้ลี่เฟยเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยังไม่มีความโดดเด่นใดให้อยากรับเป็นศิษย์ คุณหนูไป๋จึงสับสนว่าเหตุใดอาจารย์โม่จึงลอบติดตามมา“ลี่เฟยไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสนใจติดตามแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาเช่นนี้ จึงไม่ได้ระวังตัว” นางตอบไปเพี

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 3 ทดสอบพลัง

    บทที่ 3 ทดสอบพลัง ดวงตาดอกท้อเบิกโพลง สะดุ้งตัวขึ้นมานั่ง ร่างเล็กของไป๋ลี่เฟยหอบหายใจอยู่บนเตียงกว้าง เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามกรอบหน้า นางก้มลงมองร่างของตนเอง ควานหาคันฉ่องเล็กที่มักเก็บไว้ข้างหมอนยังไม่ตายจริงด้วย! เมื่อตั้งสติไปประมาณหนึ่งไป๋ลี่เฟยจึงเริ่มสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อให้ใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนี้สงบลง ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่กรอบหน้าก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะยามที่ลากมือผ่านหน้าผากมีแสงสีม่วงลวดวายดั่งไม้ใหญ่ที่เคยพบเมื่อครั้งแรกที่ไปยังภพประหลาดนั้นแปลว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แล้วข้ากลับมาที่ช่วงเวลาใดกัน…ใบหน้าเช่นนี้คงไม่เกินสิบสามปีเป็นแน่ ไม่นานเกินรอบ่าวประจำตัวที่ได้ยินเสียงนางขยับเขยื้อนก็ยกน้ำเข้ามาเตรียมรอให้ไป๋ลี่เฟยล้างหน้าบ้วนปาก“คุณหนูตื่นเร็วนัก วันนี้ต้องไปวัดระดับพลัง เหตุใดจึงไม่นอนเอาแรงอีกเสียหน่อยเจ้าคะ” จูจูข้ารับใช้คนสนิทเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่งให้ลี่เฟยรู้ว่ายามนี้นางมีอายุสิบสองปี“อาจเป็นเพราะข้าตื่นเต้นเกินไป เป็นสตรีชั้นสูงพลังไม่มากก็ไม่เป็นอันใดหรอกจูจู” คุณหนูไป๋ภายนอกดูพูดจาเจือความขบขัน แต่ภายในใจนั้นกำลังนึกถึงซินหย

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 2 หลีกหนีไม่ได้แล้ว

    บทที่ 2 หลีกหนีไม่ได้แล้ว ไป๋ลี่เฟยอยู่วนเวียนในห้องน้องสาวผู้ยังไม่ตายของมีมี่ จนเอ็นดูหลานของมีมี่ดั่งว่าเป็นลูกหลานของตนไปด้วยเสียแล้ว คนในบ้านหลังนี้ หากไม่นั่งดูอะไรร่วมกันในจอใหญ่ก็จะดูให้จอเล็กที่ใช้ทำอะไรได้มากมายนัก บางคราแม่นางน้อยลูกของน้องสาวมีมี่ก็ใช้ทำแบบฝึกหัดที่อาจารย์จากสำนักศึกษาของนางสอนสั่งระหว่างรอมาดูเรื่องราวของนาง ที่ตอนนี้แล่นมาถึงโค้งสุดท้าย“ไป๋ลี่เฟย หากวันนี้มีอะไรไม่ถูกใจเธออีก เธอห้ามทำให้ไฟดับนะ” มีมี่เดินเข้ามาหาลี่เฟยที่นั่งเหม่อลอยรอเวลา“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าองค์ชายสามรักน้องรองถึงเพียงนั้น หากข้ารู้มาก่อนย่อมยินดีหลบทางให้ก่อนที่จะได้หมั้นหมายกันเป็นทางการ” ลี่เฟยยิ้มบางตอบในตอนล่าสุดองค์ชายสามไปลาซินหยานเพื่อไปยังสุสานของจักรพรรดิหูหลงฉางกับตัวนาง การจากลาที่หวานซึ้งไม่ได้ทำร้ายน้ำใจให้นางรู้สึกเจ็บปวดดั่งคนอกหักปางตาย แต่ลี่เฟยรู้สึกเสียหน้าจนเกินกว่าจะให้อภัย ความเจ็บปวดเรื่องความรักสำหรับนางไม่เท่าการไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้“ข้าทุ่มเทมากมายถึงเพียงนี้ ยอมเสี่ยงตายไปหุบเขานั้นเพื่อความฝันขององค์ชาย หาทุกวิถีทางให้เส้นทางการขึ้นเป็นรัช

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 1 นั่นมันเรื่องราวของข้า?!

    บทที่ 1 นั่นมันเรื่องราวของข้า?!“มีมี่ข้าเข้าไปได้แน่หรือ” ไป๋ลี่เฟยฉงนอยู่หน้าประห้องน้องสาวของมีมี่สหายในโลกวิญญาณผู้นี้ คราแรกนางเข้าใจว่าทั้งตึกเป็นจวนประจำสกุลของผีสาวนางนี้ แต่เมื่อรู้ว่าคนในยุคสมัยนี้อยู่ในห้องกันเสียส่วนมากก็ตกใจไม่น้อย“เข้าได้สิ เจ้าที่แถวนี้น่ะไม่มีพลังขนาดนั้นแล้ว กันเราเข้าไปไม่ได้หรอก” มีมี่ทะลุประตูเข้าไปโดยที่ฉุดไป๋ลี่เฟยตามเข้าไปด้วย“เห็นไหมว่าเข้าได้” มีมี่ยักคิ้ว“เหตุใดเจ้าที่ไม่มีพลัง” ไป๋ลี่เฟยยังยึดติดกับคำพูดก่อนหน้าอยู่จึงกล่าวถามเช่นนี้ออกไป“ก็ไม่มีใครสนใจจะบูชาอะไรแล้วน่ะสิ เหลือแค่ส่วนน้อยเท่านั้น มาเร็วเข้า กำลังเริ่มพอดี” มีมี่ที่เห็นน้องสาวของตนนั่งข้างหลานสาวตรงหน้าโทรทัศน์แล้วก็รีบเรียกให้มาทันที ไป๋ลี่เฟยก้าวตามไปหยุดตรงที่นั่งซึ่งมีมี่หันมาบอกว่าคือโซฟา แล้วก็นั่งลงเลียนแบบคนทั้งสอง และผียุคอนาคตของนางอีกหนึ่งตน ดวงตาจับจ้องไปที่กล่องสี่เหลี่ยมบางจนเกือบเป็นกระดาษอย่างไม่เข้าใจนัก “เหตุใดมีคนอยู่ในที่บางเช่นนั้นได้ ช่วยพวกเขาออกมาเร็วเข้า!” คุณหนูไป๋ตกใจสุดขีด แม้จะพบเรื่องประหลาดมากมาย แต่สิ่งที่เห็นอยู่นี้ทำให้นางไม่เข้า

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทนำ วิชาถนอมวิญญาณ

    โปรยเนื้อหา‘เป็นคนดีไปก็ไม่มีใครรัก ทุ่มเทเท่าไหร่สุดท้ายไอ้พระเอกก็ทิ้งข้าไปรักกับแม่นางเอกที่ไม่เคยทุ่มเทอันใดให้ เช่นนั้นก็ร้ายแทนแล้วกัน!’ ไป๋ลี่เฟยดื่มยาพิษเพื่อช่วยเหลือชายผู้เป็นที่รักไว้ เกิดวิญญาณหลุดลอยไปเห็นว่าเรื่องราวของนาง(?) ถูกบอกเล่าอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมน่าประหลาด แล้วดูนั่นเหตุใดจึงเลือกหญิงสาวหน้าตาจืดจางเช่นนั้น มาแทนตัวไป๋ลี่เฟยสาวที่นับว่าน่ารักน่าเอ็นดูงดงามเป็นหนึ่งในสี่ของเมืองหลวงกัน?! ยังกรุ่นโกรธได้ไม่เต็มที่กล่องนั้นก็ฉายภาพเป็นเหตุการณ์ที่นางเสียสละตนเองดื่มพิษเจ็ดทวารสี่ทรมานพอดี ไป๋ลี่เฟยที่เป็นวิญญาณจึงอยากตั้งใจดูว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นตามมา ลี่เฟยพบว่าการกระทำของนางไม่ถูกจารึกลงในหัวใจเขาเลย ต้องกลับกลายเป็นหญิงโง่งม เป็นสิ่งที่คน ณ ที่แห่งนี้รู้สึกเวทนาสงสาร “นี่ล่ะนะ นางรองน่าสงสารจริงๆ ทำไปเท่าไหร่ คนไม่รักเขาก็ไม่รักอยู่ดี” ลี่เฟยอดทนดูไปจนถึงตอนจบพวกเขาที่เป็นพระเอกนางเอกก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสม องค์ชายสามที่นางหลงรักเอาชนะหัวใจไป๋ซินหยานที่ผู้คนในที่แห่งนี้เรียกว่านางเอกมาเป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์ได้ในที่สุด เมื่อทำดีแล้วไม่เห

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status