Masukไป๋ลี่เฟยอยู่วนเวียนในห้องน้องสาวผู้ยังไม่ตายของมีมี่ จนเอ็นดูหลานของมีมี่ดั่งว่าเป็นลูกหลานของตนไปด้วยเสียแล้ว คนในบ้านหลังนี้ หากไม่นั่งดูอะไรร่วมกันในจอใหญ่ก็จะดูให้จอเล็กที่ใช้ทำอะไรได้มากมายนัก บางคราแม่นางน้อยลูกของน้องสาวมีมี่ก็ใช้ทำแบบฝึกหัดที่อาจารย์จากสำนักศึกษาของนางสอนสั่งระหว่างรอมาดูเรื่องราวของนาง ที่ตอนนี้แล่นมาถึงโค้งสุดท้าย
“ไป๋ลี่เฟย หากวันนี้มีอะไรไม่ถูกใจเธออีก เธอห้ามทำให้ไฟดับนะ” มีมี่เดินเข้ามาหาลี่เฟยที่นั่งเหม่อลอยรอเวลา
“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าองค์ชายสามรักน้องรองถึงเพียงนั้น หากข้ารู้มาก่อนย่อมยินดีหลบทางให้ก่อนที่จะได้หมั้นหมายกันเป็นทางการ” ลี่เฟยยิ้มบางตอบในตอนล่าสุดองค์ชายสามไปลาซินหยานเพื่อไปยังสุสานของจักรพรรดิหูหลงฉางกับตัวนาง
การจากลาที่หวานซึ้งไม่ได้ทำร้ายน้ำใจให้นางรู้สึกเจ็บปวดดั่งคนอกหักปางตาย แต่ลี่เฟยรู้สึกเสียหน้าจนเกินกว่าจะให้อภัย ความเจ็บปวดเรื่องความรักสำหรับนางไม่เท่าการไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้
“ข้าทุ่มเทมากมายถึงเพียงนี้ ยอมเสี่ยงตายไปหุบเขานั้นเพื่อความฝันขององค์ชาย หาทุกวิถีทางให้เส้นทางการขึ้นเป็นรัชทายาทตกเป็นขององค์ชายสามอย่างมั่นคง แต่เขากลับเอ่ยออกมาว่าน้องสาวของข้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่อยู่เคียงข้าง น่าขันเป็นที่สุด” ลี่เฟยที่ยังรอดูต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าชายที่นางยึดเป็นหมุดหมายมาตลอดชีวิต แม้ไม่ได้รักลี่เฟยก็คงอาจทำตามคำสัตย์ที่ให้ไว้ต่อกันบ้าง
“เธอไม่โกรธน้องสาวเธอบ้างเลยเหรอ” มีมี่ถามอย่างอดไม่อยู่
“ถ้ามีองค์ชายมาเกี้ยวทุกวัน เจ้าจะไม่ใจอ่อนเลยหรือ น้องของข้าเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งหัวใจย่อมหวั่นไหว และเจ้าก็เห็นว่าตลอดมา ซินหยานพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใส่ใจ ข้าโทษนางเห็นจะไม่ได้” เมื่อลี่เฟยพูดจบเสียงเพลงเริ่มเรื่องก็จบลงพอดี ถึงเวลาแล้วที่ลี่เฟยจะได้รู้ตัวตนขององค์ชายผู้นี้อย่างแท้จริง
.
.
.
เหตุการณ์หลังไป๋ลี่เฟยดื่มพิษจิตแตก…
ประตูหินเลื่อนออกเผยให้เห็นขวดยาที่บรรจุน้ำหกธาตุพิชิตไว้ พร้อมกับนักแสดงหญิงที่ได้บทบาทเป็นไป๋ลี่เฟยล้มลงกับพื้นนอนนิ่งอยู่เช่นนั้นแทบเท้าจ้าวหลินไฉ่ผู้เป็นพระคู่หมั้น เมื่อนางดื่มน้ำวิเศษลงไปแล้วก็เกิดแสงเรืองรองสีม่วงจนเกือบดำหมุนวนรอบกายก่อนจะกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย
องค์ชายสามกวาดสายตามองมาที่ร่างของไป๋ลี่เฟยเล็กน้อยก่อนออกคำสั่ง “นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย”
“องค์ชายจะไม่ส่งนางคืนสกุลไป๋เพื่อทำพิธีหรือ” หนึ่งในทหารเอ่ยถาม
“หากนำนางกลับไปด้วยย่อมทำให้พื้นที่การขนสมบัติอื่นน้อยลง เจ้าอยากลดส่วนแบ่งของตัวเจ้าหรือ” กล่าวเช่นนั้นเสร็จสิ้นก็ใช้พลังที่ได้มาใหม่นี้ ระเบิดกำแพงสุสานเพื่อออกไปภายนอกโดยไม่เดินกลับทางเดิมที่สลับซับซ้อนอีก
.
.
.
‘นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย’
‘นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย’
‘นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย’
เสียงนั้นยังก้องดังอยู่ในหูของไป๋ลี่เฟย เสมือนถูกฉายซ้ำ ตอกย้ำความเจ็บปวด นางทำได้เพียงยืนนิ่งจมอยู่ในอารมณ์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สับสนว่าความรู้สึกควรเป็นอย่างไรเมื่อเจอเรื่องเช่นนี้ ทั้งในตอนท้ายยังเป็นฉากบันทึกว่าหลินไฉ่ผู้ชั่วช้าได้กลายเป็นกษัตริย์ที่คนกล่าวขานถึงคุณงามความดี และมีสตรีในวังหลังเพียงผู้เดียวคือไป๋ซินหยานน้องสาวของนาง
.
.
.
“แม่คะ ทำไมพระเอกถึงทำกับคู่หมั่นแบบนี้ อย่างน้อยถ้าไม่ขนร่างกลับก็หาที่ฝังดีหน่อยก็ได้” มี่เยว่หลานสาวของมีมี่เอ่ยถามมารดาของตน
“นี่ล่ะนะมี่เยว่ นางรองเรื่องนี้น่าสงสารจริงๆ ทำไปเท่าไหร่ คนไม่รักเขาก็ไม่รักอยู่ดี ไม่ให้เกียรติอีกต่างหาก” น้องสาวของมีมี่ตอบบุตรตน
…
“ลี่เฟย…ลี่เฟย ลี่เฟย!” มีมี่ร้องเรียก
“ข้าต้องไปแล้ว”
“ไปไหน”
“ไม่รู้ ที่ผ่านมาข้าขอบคุณเจ้า แต่ข้าต้องไป ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ต้องหาหนทางกลับไป ขะ…ข้า” ไป๋ลี่เฟยมีท่าทีลนลาน หลังจากที่นิ่งไปกับความผิดหวังที่ได้เห็น น้ำตาแห่งความเคียดแค้นก็ไหลรินจนห้ามไม่อยู่
ต่ำช้า สารเลว! ปฏิบัติกับผู้ที่ช่วยเหลือตนจนบรรลุเป้าหมาย ดั่งว่าเป็นขยะที่ต้องกำจัดได้อย่างไร!!
ไป๋ลี่เฟยวิ่งขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของตึก นางจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนแห่งนี้ “จ้าวหลินไฉ่เกิดกี่ชาติข้าจะขอจองเวรจองกรรมกับเจ้าตลอดไป เมื่อทำดีแล้วไม่เห็นค่า ไม่รักษาสัญญาตอบแทนความเสียสละของข้า ไม่แม้แต่จะไว้อาลัยให้เช่นนี้ หากข้าได้กลับไปจะขอขัดขวางเจ้าให้ถึงที่สุด จะร้ายจนสิ่งที่เรียกว่านางร้ายต้องกราบกรานให้เป็นอาจารย์! หากความแค้นนี้จะส่งให้ข้าเป็นหรือตาย ไป๋ลี่เฟยผู้นี้ก็ไม่สน ขอเพียงเจ้าล่มจมไปตามกัน!!!”
‘ครึก ครึก เปรี้ยง’
สิ้นเสียงพูดและกรีดร้องระบายความคับแค้นลง เสียงฟ้าร้องก็ดังสะเทือนไปทั่วบริเวณ พร้อมกับสายฟ้าที่ผ่าฟาดมาตรงกลางวิญญาณของไป๋ลี่เฟย ส่งให้นางถูกดูดมายังดินแดนประหลาดระหว่างโลกอีกครั้ง
“แม่นางไป๋มาแล้ว พวกข้าต้องสุ่มตามหาว่าเจ้าไปที่ใดจึงนานเช่นนี้ คงตกใจไม่น้อย” สัตว์คล้ายสุนัขที่เคยวิ่งไล่ล่านางจนต้องกระโดดใบบัวปรากฎขึ้นพร้อมเสียงที่ฟังแล้วดูใจดีจนแปลกแยก
“พวกท่านคือ…” คุณหนูไป๋ที่รู้ว่าคงหนีไม่พ้นอีกแล้วจึงถามสถานะให้นางปฏิบัติตัวไปถูกต้อง
“พวกข้าเป็นสัตว์เทพในดินแดนนิลดาภพแห่งนี้ และยังมีหน้าที่ดูแลผู้ที่มาเพราะมนต์ของนายท่านหูหลงฉาง
“ท่านสัตว์เทพท่านส่งข้ากลับไปได้หรือไม่ ชายผู้นั้น ชายที่เห็นแก่ตัวผู้นั้น…ข้าต้องการทำลาย” เข่าทั้งสองของนางทรุดลงต่อหน้าสัตว์เทพทั้งสี่ตน ความต้องการทวงแค้นแรงกล้าจนนางกล้าเอ่ยปากขอในสิ่งที่อาจเป็นไปไม่ได้ สัตว์เทพทั้งสี่อาจมีหน้าที่มาทำลายดวงจิตของนางตามคำสั่งผู้เป็นนาย
“แม่นาง…พิษจิตแตกมิได้มีฤทธิ์เดชอย่างที่คนร่ำลือกัน พิษนี้เหตุที่ชื่อว่าจิตแตกเป็นเพราะผู้ดื่มกินจะได้ทางเลือกสองทางที่ยากจะเลือกจนจิตสับสน หาได้เป็นการทำลายวิญญาณไม่” สัตว์เทพกายสีฟ้ากล่าว
“เลือกอย่างไร” ลี่เฟยเงยหน้าเล็กน้อย
“ทางแรกเจ้าสามารถมีชีวิตใหม่ที่ขีดเขียนชะตาชีวิตได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าสิ่งใดก็เป็นไปได้ ลิขิตได้ทุกสิ่ง มากสมบัติ มากความรู้ มากอำนาจ ล้วนมีทั้งหมดได้โดยไม่จำกัดในโลกภพใหม่ ตัวตนใหม่ ร่างใหม่” สัตว์เทพกายเขียวเอ่ยตอบ
“ทางที่สองเจ้ากลับไปใช้ชีวิตเดิมได้อีกครั้ง ด้วยความทรงจำทั้งหมดที่เจ้ามี จะเดินในเส้นทางเดิม หรือเปลี่ยนแปลงทางเลือกย่อมอยู่ที่เจ้า” สัตว์กายสีม่วงเอ่ยบ้าง
“ความทรงจำของข้ารวมถึงสิ่งที่ข้ารู้ยามเป็นวิญญาณทั้งหรือไม่” คุณหนูใหญ่ไป๋มองด้วยดวงตาอันแน่วแน่ หากคนที่ไม่ได้มีความชิงชังในใจมากมายเช่นนาง ย่อมสับสนว่าควรเลือกชีวิตชาติใหม่ที่พร้อมสรรพ หรือชีวิตเดิมจะดีกว่า แต่สำหรับลี่เฟยที่จะทำลายทุกสิ่งที่หลินไฉ่ต้องการ ทางเลือกนี้ไม่ได้ยากอันใดเลย
“แน่นอนแม่นาง” สัตว์เทพทั้งสีเอ่ยพร้อมเพรียงกัน
“สิ่งที่ข้ารับรู้มา คนที่นั่นรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ไป๋ลี่เฟยถามเพิ่มห่อนที่นางจะตัดสินใจอย่างชัดเจน
“เป็นบันทึกของคุณหนูไป๋ซินหยานส่วนหนึ่ง รวมกับบันทึกจากคำสารภาพก่อนตายของทหารที่เข้าไปในสุสานกับเจ้า หลานชายของเขาเป็นผู้บันทึกไว้” สัตว์เทพตนหนึ่งเอ่ยบอกออกมา
ไป๋ลี่เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เหยียดรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาออกมา “ส่งข้ากลับไป ส่งข้ากลับไปทำลายมันเสีย!” วิญญาณไป๋ลี่เฟยถูกยกลอยขึ้น ก่อนดิ่งลงพื้นจนรอบกายเหลือแต่ความมืดมิด
จ้าวหลงไฉ่ แม้แต่ดินกลบหน้าก็อย่าได้มี!!!
บทที่ 5 พบหน้าคู่หมาย หลังเรื่องว้าวุ่นในวันนี้จบลงไป๋ลี่เฟยนั่งรับลมราตรีที่หอบเอากลืนหอมสะอาดบางเบาของเหล่าบุปผาในสวนข้างเรือนมาหมุนวนรอบกายบาง เรือนนอนของคุณหนูใหญ่ผู้นี้ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ทั้งยังเป็นเรือนส่วนตัวแยกจากมารดา ไป๋ลี่เฟยถูกเอาออกเอาใจเป็นพิเศษเพราะถูกวางตัวเป็นชายาขององค์ชายตั้งแต่คลอดออกมาได้ไม่กี่ชั่วยาม มารดาของนางและมู่กุ้ยเฟยเป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เกิด จึงคิดให้บุตรชายบุตรสาวได้ดองเป็นครอบครัว ไป๋ลี่เฟยแค่นยิ้มบางๆ วันพรุ่งนี้แล้วที่นางต้องได้พบจ้าวหลินไฉ่อีกครั้ง ครานี้บทนางรองผู้สนับสนุนและปักใจจะส่งเสริมว่าที่สามีจะไม่ใช่ตัวนางที่เป็นผู้รับ ลี่เฟยจะเป็นนางร้ายผู้ไม่ส่งเสียง วางแผนทำลายอยู่เบื้องหลัง แสแสร้งแกล้งทำด้วยใบหน้าอ่อนโยนประดับรอยยิ้มอาบยาพิษ เป็นนางร้ายที่มีมี่สอนสั่งว่าเป็นมารดาของนางร้ายทั้งปวง หากจะมีสิ่งใดที่นางเสียดายเมื่อต้องกลับมา คือการต้องจากลากับสหายผู้นั้น แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่มิตรภาพที่นางให้คือสิ่งที่จริงแท้“หวังว่าข้าจะได้พบเจอเจ้าอีกครา มีมี่” ลี่เฟยพึมพำกับตนเอง“คุณหนูว่าอย่างไรนะเจ้าคะ บ
บทที่ 4 ขโมยวาสนา บรรยากาศความวุ่นวายถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง สายตามาดมั่นขัดกับใบหน้าอ่อนเยาว์ดูเป็นแม่นางน้อยไม่ประสาของเจ้าตัว ตกอยู่ภายใต้สายตาคู่หนึ่งที่เพ่งพินิจดู และก้าวย่างตามมาอย่างใคร่รู้ ไป๋ลี่เฟยที่เดินลัดมายังประตูเก่าที่ถูกปิดการใช้งานไปแล้วของสำนักศึกษาหลวง นางลอดออกไปยังตรอกที่เป็นทางเชื่อมกับตลาด ทว่าเมื่ออยู่ในตรอกที่เงียบสงัด เสียงฝีเท้าที่คราแรกปัดไปว่าเป็นเสียงของคนในสำนัก ก็ยังคงดังก้องต่อเนื่อง เมื่อหันไปก็พบกับอาจารย์ผู้หนึ่งที่ยืนยิ้มแย้มรออยู่ก่อนแล้ว “หากไม่รู้ตัวไปนานกว่านี้ ข้าคงผิดหวังแล้ว” ชายวัยกลางคนผู้นั้นเผยรอยยิ้มคล้ายเอ็นดูลูกหลาน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจูจูก็นำตัวไปขวางระหว่างชายในอาภรณ์สีเขียวอ่อนและคุณหนูของตนไว้ ผู้ที่เดินตามมาคือ ‘อาจารย์โฉ่โม่จิน’ ผู้ที่นางกราบกรานเป็นหนึ่งในศิษย์เอกเมื่อภพที่แล้ว แต่ยามนี้ลี่เฟยเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยังไม่มีความโดดเด่นใดให้อยากรับเป็นศิษย์ คุณหนูไป๋จึงสับสนว่าเหตุใดอาจารย์โม่จึงลอบติดตามมา“ลี่เฟยไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสนใจติดตามแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาเช่นนี้ จึงไม่ได้ระวังตัว” นางตอบไปเพี
บทที่ 3 ทดสอบพลัง ดวงตาดอกท้อเบิกโพลง สะดุ้งตัวขึ้นมานั่ง ร่างเล็กของไป๋ลี่เฟยหอบหายใจอยู่บนเตียงกว้าง เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามกรอบหน้า นางก้มลงมองร่างของตนเอง ควานหาคันฉ่องเล็กที่มักเก็บไว้ข้างหมอนยังไม่ตายจริงด้วย! เมื่อตั้งสติไปประมาณหนึ่งไป๋ลี่เฟยจึงเริ่มสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อให้ใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนี้สงบลง ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่กรอบหน้าก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะยามที่ลากมือผ่านหน้าผากมีแสงสีม่วงลวดวายดั่งไม้ใหญ่ที่เคยพบเมื่อครั้งแรกที่ไปยังภพประหลาดนั้นแปลว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แล้วข้ากลับมาที่ช่วงเวลาใดกัน…ใบหน้าเช่นนี้คงไม่เกินสิบสามปีเป็นแน่ ไม่นานเกินรอบ่าวประจำตัวที่ได้ยินเสียงนางขยับเขยื้อนก็ยกน้ำเข้ามาเตรียมรอให้ไป๋ลี่เฟยล้างหน้าบ้วนปาก“คุณหนูตื่นเร็วนัก วันนี้ต้องไปวัดระดับพลัง เหตุใดจึงไม่นอนเอาแรงอีกเสียหน่อยเจ้าคะ” จูจูข้ารับใช้คนสนิทเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่งให้ลี่เฟยรู้ว่ายามนี้นางมีอายุสิบสองปี“อาจเป็นเพราะข้าตื่นเต้นเกินไป เป็นสตรีชั้นสูงพลังไม่มากก็ไม่เป็นอันใดหรอกจูจู” คุณหนูไป๋ภายนอกดูพูดจาเจือความขบขัน แต่ภายในใจนั้นกำลังนึกถึงซินหย
บทที่ 2 หลีกหนีไม่ได้แล้ว ไป๋ลี่เฟยอยู่วนเวียนในห้องน้องสาวผู้ยังไม่ตายของมีมี่ จนเอ็นดูหลานของมีมี่ดั่งว่าเป็นลูกหลานของตนไปด้วยเสียแล้ว คนในบ้านหลังนี้ หากไม่นั่งดูอะไรร่วมกันในจอใหญ่ก็จะดูให้จอเล็กที่ใช้ทำอะไรได้มากมายนัก บางคราแม่นางน้อยลูกของน้องสาวมีมี่ก็ใช้ทำแบบฝึกหัดที่อาจารย์จากสำนักศึกษาของนางสอนสั่งระหว่างรอมาดูเรื่องราวของนาง ที่ตอนนี้แล่นมาถึงโค้งสุดท้าย“ไป๋ลี่เฟย หากวันนี้มีอะไรไม่ถูกใจเธออีก เธอห้ามทำให้ไฟดับนะ” มีมี่เดินเข้ามาหาลี่เฟยที่นั่งเหม่อลอยรอเวลา“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าองค์ชายสามรักน้องรองถึงเพียงนั้น หากข้ารู้มาก่อนย่อมยินดีหลบทางให้ก่อนที่จะได้หมั้นหมายกันเป็นทางการ” ลี่เฟยยิ้มบางตอบในตอนล่าสุดองค์ชายสามไปลาซินหยานเพื่อไปยังสุสานของจักรพรรดิหูหลงฉางกับตัวนาง การจากลาที่หวานซึ้งไม่ได้ทำร้ายน้ำใจให้นางรู้สึกเจ็บปวดดั่งคนอกหักปางตาย แต่ลี่เฟยรู้สึกเสียหน้าจนเกินกว่าจะให้อภัย ความเจ็บปวดเรื่องความรักสำหรับนางไม่เท่าการไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้“ข้าทุ่มเทมากมายถึงเพียงนี้ ยอมเสี่ยงตายไปหุบเขานั้นเพื่อความฝันขององค์ชาย หาทุกวิถีทางให้เส้นทางการขึ้นเป็นรัช
บทที่ 1 นั่นมันเรื่องราวของข้า?!“มีมี่ข้าเข้าไปได้แน่หรือ” ไป๋ลี่เฟยฉงนอยู่หน้าประห้องน้องสาวของมีมี่สหายในโลกวิญญาณผู้นี้ คราแรกนางเข้าใจว่าทั้งตึกเป็นจวนประจำสกุลของผีสาวนางนี้ แต่เมื่อรู้ว่าคนในยุคสมัยนี้อยู่ในห้องกันเสียส่วนมากก็ตกใจไม่น้อย“เข้าได้สิ เจ้าที่แถวนี้น่ะไม่มีพลังขนาดนั้นแล้ว กันเราเข้าไปไม่ได้หรอก” มีมี่ทะลุประตูเข้าไปโดยที่ฉุดไป๋ลี่เฟยตามเข้าไปด้วย“เห็นไหมว่าเข้าได้” มีมี่ยักคิ้ว“เหตุใดเจ้าที่ไม่มีพลัง” ไป๋ลี่เฟยยังยึดติดกับคำพูดก่อนหน้าอยู่จึงกล่าวถามเช่นนี้ออกไป“ก็ไม่มีใครสนใจจะบูชาอะไรแล้วน่ะสิ เหลือแค่ส่วนน้อยเท่านั้น มาเร็วเข้า กำลังเริ่มพอดี” มีมี่ที่เห็นน้องสาวของตนนั่งข้างหลานสาวตรงหน้าโทรทัศน์แล้วก็รีบเรียกให้มาทันที ไป๋ลี่เฟยก้าวตามไปหยุดตรงที่นั่งซึ่งมีมี่หันมาบอกว่าคือโซฟา แล้วก็นั่งลงเลียนแบบคนทั้งสอง และผียุคอนาคตของนางอีกหนึ่งตน ดวงตาจับจ้องไปที่กล่องสี่เหลี่ยมบางจนเกือบเป็นกระดาษอย่างไม่เข้าใจนัก “เหตุใดมีคนอยู่ในที่บางเช่นนั้นได้ ช่วยพวกเขาออกมาเร็วเข้า!” คุณหนูไป๋ตกใจสุดขีด แม้จะพบเรื่องประหลาดมากมาย แต่สิ่งที่เห็นอยู่นี้ทำให้นางไม่เข้า
โปรยเนื้อหา‘เป็นคนดีไปก็ไม่มีใครรัก ทุ่มเทเท่าไหร่สุดท้ายไอ้พระเอกก็ทิ้งข้าไปรักกับแม่นางเอกที่ไม่เคยทุ่มเทอันใดให้ เช่นนั้นก็ร้ายแทนแล้วกัน!’ ไป๋ลี่เฟยดื่มยาพิษเพื่อช่วยเหลือชายผู้เป็นที่รักไว้ เกิดวิญญาณหลุดลอยไปเห็นว่าเรื่องราวของนาง(?) ถูกบอกเล่าอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมน่าประหลาด แล้วดูนั่นเหตุใดจึงเลือกหญิงสาวหน้าตาจืดจางเช่นนั้น มาแทนตัวไป๋ลี่เฟยสาวที่นับว่าน่ารักน่าเอ็นดูงดงามเป็นหนึ่งในสี่ของเมืองหลวงกัน?! ยังกรุ่นโกรธได้ไม่เต็มที่กล่องนั้นก็ฉายภาพเป็นเหตุการณ์ที่นางเสียสละตนเองดื่มพิษเจ็ดทวารสี่ทรมานพอดี ไป๋ลี่เฟยที่เป็นวิญญาณจึงอยากตั้งใจดูว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นตามมา ลี่เฟยพบว่าการกระทำของนางไม่ถูกจารึกลงในหัวใจเขาเลย ต้องกลับกลายเป็นหญิงโง่งม เป็นสิ่งที่คน ณ ที่แห่งนี้รู้สึกเวทนาสงสาร “นี่ล่ะนะ นางรองน่าสงสารจริงๆ ทำไปเท่าไหร่ คนไม่รักเขาก็ไม่รักอยู่ดี” ลี่เฟยอดทนดูไปจนถึงตอนจบพวกเขาที่เป็นพระเอกนางเอกก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสม องค์ชายสามที่นางหลงรักเอาชนะหัวใจไป๋ซินหยานที่ผู้คนในที่แห่งนี้เรียกว่านางเอกมาเป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์ได้ในที่สุด เมื่อทำดีแล้วไม่เห







