เข้าสู่ระบบไป๋ลี่เฟยอยู่วนเวียนในห้องน้องสาวผู้ยังไม่ตายของมีมี่ จนเอ็นดูหลานของมีมี่ดั่งว่าเป็นลูกหลานของตนไปด้วยเสียแล้ว คนในบ้านหลังนี้ หากไม่นั่งดูอะไรร่วมกันในจอใหญ่ก็จะดูให้จอเล็กที่ใช้ทำอะไรได้มากมายนัก บางคราแม่นางน้อยลูกของน้องสาวมีมี่ก็ใช้ทำแบบฝึกหัดที่อาจารย์จากสำนักศึกษาของนางสอนสั่งระหว่างรอมาดูเรื่องราวของนาง ที่ตอนนี้แล่นมาถึงโค้งสุดท้าย
“ไป๋ลี่เฟย หากวันนี้มีอะไรไม่ถูกใจเธออีก เธอห้ามทำให้ไฟดับนะ” มีมี่เดินเข้ามาหาลี่เฟยที่นั่งเหม่อลอยรอเวลา
“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าองค์ชายสามรักน้องรองถึงเพียงนั้น หากข้ารู้มาก่อนย่อมยินดีหลบทางให้ก่อนที่จะได้หมั้นหมายกันเป็นทางการ” ลี่เฟยยิ้มบางตอบในตอนล่าสุดองค์ชายสามไปลาซินหยานเพื่อไปยังสุสานของจักรพรรดิหูหลงฉางกับตัวนาง
การจากลาที่หวานซึ้งไม่ได้ทำร้ายน้ำใจให้นางรู้สึกเจ็บปวดดั่งคนอกหักปางตาย แต่ลี่เฟยรู้สึกเสียหน้าจนเกินกว่าจะให้อภัย ความเจ็บปวดเรื่องความรักสำหรับนางไม่เท่าการไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้
“ข้าทุ่มเทมากมายถึงเพียงนี้ ยอมเสี่ยงตายไปหุบเขานั้นเพื่อความฝันขององค์ชาย หาทุกวิถีทางให้เส้นทางการขึ้นเป็นรัชทายาทตกเป็นขององค์ชายสามอย่างมั่นคง แต่เขากลับเอ่ยออกมาว่าน้องสาวของข้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่อยู่เคียงข้าง น่าขันเป็นที่สุด” ลี่เฟยที่ยังรอดูต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าชายที่นางยึดเป็นหมุดหมายมาตลอดชีวิต แม้ไม่ได้รักลี่เฟยก็คงอาจทำตามคำสัตย์ที่ให้ไว้ต่อกันบ้าง
“เธอไม่โกรธน้องสาวเธอบ้างเลยเหรอ” มีมี่ถามอย่างอดไม่อยู่
“ถ้ามีองค์ชายมาเกี้ยวทุกวัน เจ้าจะไม่ใจอ่อนเลยหรือ น้องของข้าเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งหัวใจย่อมหวั่นไหว และเจ้าก็เห็นว่าตลอดมา ซินหยานพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใส่ใจ ข้าโทษนางเห็นจะไม่ได้” เมื่อลี่เฟยพูดจบเสียงเพลงเริ่มเรื่องก็จบลงพอดี ถึงเวลาแล้วที่ลี่เฟยจะได้รู้ตัวตนขององค์ชายผู้นี้อย่างแท้จริง
.
.
.
เหตุการณ์หลังไป๋ลี่เฟยดื่มพิษจิตแตก…
ประตูหินเลื่อนออกเผยให้เห็นขวดยาที่บรรจุน้ำหกธาตุพิชิตไว้ พร้อมกับนักแสดงหญิงที่ได้บทบาทเป็นไป๋ลี่เฟยล้มลงกับพื้นนอนนิ่งอยู่เช่นนั้นแทบเท้าจ้าวหลินไฉ่ผู้เป็นพระคู่หมั้น เมื่อนางดื่มน้ำวิเศษลงไปแล้วก็เกิดแสงเรืองรองสีม่วงจนเกือบดำหมุนวนรอบกายก่อนจะกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย
องค์ชายสามกวาดสายตามองมาที่ร่างของไป๋ลี่เฟยเล็กน้อยก่อนออกคำสั่ง “นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย”
“องค์ชายจะไม่ส่งนางคืนสกุลไป๋เพื่อทำพิธีหรือ” หนึ่งในทหารเอ่ยถาม
“หากนำนางกลับไปด้วยย่อมทำให้พื้นที่การขนสมบัติอื่นน้อยลง เจ้าอยากลดส่วนแบ่งของตัวเจ้าหรือ” กล่าวเช่นนั้นเสร็จสิ้นก็ใช้พลังที่ได้มาใหม่นี้ ระเบิดกำแพงสุสานเพื่อออกไปภายนอกโดยไม่เดินกลับทางเดิมที่สลับซับซ้อนอีก
.
.
.
‘นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย’
‘นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย’
‘นำร่างของนางไปรวมกับทหารที่ตกตายในสุสานนี้เสีย’
เสียงนั้นยังก้องดังอยู่ในหูของไป๋ลี่เฟย เสมือนถูกฉายซ้ำ ตอกย้ำความเจ็บปวด นางทำได้เพียงยืนนิ่งจมอยู่ในอารมณ์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สับสนว่าความรู้สึกควรเป็นอย่างไรเมื่อเจอเรื่องเช่นนี้ ทั้งในตอนท้ายยังเป็นฉากบันทึกว่าหลินไฉ่ผู้ชั่วช้าได้กลายเป็นกษัตริย์ที่คนกล่าวขานถึงคุณงามความดี และมีสตรีในวังหลังเพียงผู้เดียวคือไป๋ซินหยานน้องสาวของนาง
.
.
.
“แม่คะ ทำไมพระเอกถึงทำกับคู่หมั่นแบบนี้ อย่างน้อยถ้าไม่ขนร่างกลับก็หาที่ฝังดีหน่อยก็ได้” มี่เยว่หลานสาวของมีมี่เอ่ยถามมารดาของตน
“นี่ล่ะนะมี่เยว่ นางรองเรื่องนี้น่าสงสารจริงๆ ทำไปเท่าไหร่ คนไม่รักเขาก็ไม่รักอยู่ดี ไม่ให้เกียรติอีกต่างหาก” น้องสาวของมีมี่ตอบบุตรตน
…
“ลี่เฟย…ลี่เฟย ลี่เฟย!” มีมี่ร้องเรียก
“ข้าต้องไปแล้ว”
“ไปไหน”
“ไม่รู้ ที่ผ่านมาข้าขอบคุณเจ้า แต่ข้าต้องไป ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ต้องหาหนทางกลับไป ขะ…ข้า” ไป๋ลี่เฟยมีท่าทีลนลาน หลังจากที่นิ่งไปกับความผิดหวังที่ได้เห็น น้ำตาแห่งความเคียดแค้นก็ไหลรินจนห้ามไม่อยู่
ต่ำช้า สารเลว! ปฏิบัติกับผู้ที่ช่วยเหลือตนจนบรรลุเป้าหมาย ดั่งว่าเป็นขยะที่ต้องกำจัดได้อย่างไร!!
ไป๋ลี่เฟยวิ่งขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของตึก นางจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนแห่งนี้ “จ้าวหลินไฉ่เกิดกี่ชาติข้าจะขอจองเวรจองกรรมกับเจ้าตลอดไป เมื่อทำดีแล้วไม่เห็นค่า ไม่รักษาสัญญาตอบแทนความเสียสละของข้า ไม่แม้แต่จะไว้อาลัยให้เช่นนี้ หากข้าได้กลับไปจะขอขัดขวางเจ้าให้ถึงที่สุด จะร้ายจนสิ่งที่เรียกว่านางร้ายต้องกราบกรานให้เป็นอาจารย์! หากความแค้นนี้จะส่งให้ข้าเป็นหรือตาย ไป๋ลี่เฟยผู้นี้ก็ไม่สน ขอเพียงเจ้าล่มจมไปตามกัน!!!”
‘ครึก ครึก เปรี้ยง’
สิ้นเสียงพูดและกรีดร้องระบายความคับแค้นลง เสียงฟ้าร้องก็ดังสะเทือนไปทั่วบริเวณ พร้อมกับสายฟ้าที่ผ่าฟาดมาตรงกลางวิญญาณของไป๋ลี่เฟย ส่งให้นางถูกดูดมายังดินแดนประหลาดระหว่างโลกอีกครั้ง
“แม่นางไป๋มาแล้ว พวกข้าต้องสุ่มตามหาว่าเจ้าไปที่ใดจึงนานเช่นนี้ คงตกใจไม่น้อย” สัตว์คล้ายสุนัขที่เคยวิ่งไล่ล่านางจนต้องกระโดดใบบัวปรากฎขึ้นพร้อมเสียงที่ฟังแล้วดูใจดีจนแปลกแยก
“พวกท่านคือ…” คุณหนูไป๋ที่รู้ว่าคงหนีไม่พ้นอีกแล้วจึงถามสถานะให้นางปฏิบัติตัวไปถูกต้อง
“พวกข้าเป็นสัตว์เทพในดินแดนนิลดาภพแห่งนี้ และยังมีหน้าที่ดูแลผู้ที่มาเพราะมนต์ของนายท่านหูหลงฉาง
“ท่านสัตว์เทพท่านส่งข้ากลับไปได้หรือไม่ ชายผู้นั้น ชายที่เห็นแก่ตัวผู้นั้น…ข้าต้องการทำลาย” เข่าทั้งสองของนางทรุดลงต่อหน้าสัตว์เทพทั้งสี่ตน ความต้องการทวงแค้นแรงกล้าจนนางกล้าเอ่ยปากขอในสิ่งที่อาจเป็นไปไม่ได้ สัตว์เทพทั้งสี่อาจมีหน้าที่มาทำลายดวงจิตของนางตามคำสั่งผู้เป็นนาย
“แม่นาง…พิษจิตแตกมิได้มีฤทธิ์เดชอย่างที่คนร่ำลือกัน พิษนี้เหตุที่ชื่อว่าจิตแตกเป็นเพราะผู้ดื่มกินจะได้ทางเลือกสองทางที่ยากจะเลือกจนจิตสับสน หาได้เป็นการทำลายวิญญาณไม่” สัตว์เทพกายสีฟ้ากล่าว
“เลือกอย่างไร” ลี่เฟยเงยหน้าเล็กน้อย
“ทางแรกเจ้าสามารถมีชีวิตใหม่ที่ขีดเขียนชะตาชีวิตได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าสิ่งใดก็เป็นไปได้ ลิขิตได้ทุกสิ่ง มากสมบัติ มากความรู้ มากอำนาจ ล้วนมีทั้งหมดได้โดยไม่จำกัดในโลกภพใหม่ ตัวตนใหม่ ร่างใหม่” สัตว์เทพกายเขียวเอ่ยตอบ
“ทางที่สองเจ้ากลับไปใช้ชีวิตเดิมได้อีกครั้ง ด้วยความทรงจำทั้งหมดที่เจ้ามี จะเดินในเส้นทางเดิม หรือเปลี่ยนแปลงทางเลือกย่อมอยู่ที่เจ้า” สัตว์กายสีม่วงเอ่ยบ้าง
“ความทรงจำของข้ารวมถึงสิ่งที่ข้ารู้ยามเป็นวิญญาณทั้งหรือไม่” คุณหนูใหญ่ไป๋มองด้วยดวงตาอันแน่วแน่ หากคนที่ไม่ได้มีความชิงชังในใจมากมายเช่นนาง ย่อมสับสนว่าควรเลือกชีวิตชาติใหม่ที่พร้อมสรรพ หรือชีวิตเดิมจะดีกว่า แต่สำหรับลี่เฟยที่จะทำลายทุกสิ่งที่หลินไฉ่ต้องการ ทางเลือกนี้ไม่ได้ยากอันใดเลย
“แน่นอนแม่นาง” สัตว์เทพทั้งสีเอ่ยพร้อมเพรียงกัน
“สิ่งที่ข้ารับรู้มา คนที่นั่นรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ไป๋ลี่เฟยถามเพิ่มห่อนที่นางจะตัดสินใจอย่างชัดเจน
“เป็นบันทึกของคุณหนูไป๋ซินหยานส่วนหนึ่ง รวมกับบันทึกจากคำสารภาพก่อนตายของทหารที่เข้าไปในสุสานกับเจ้า หลานชายของเขาเป็นผู้บันทึกไว้” สัตว์เทพตนหนึ่งเอ่ยบอกออกมา
ไป๋ลี่เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เหยียดรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาออกมา “ส่งข้ากลับไป ส่งข้ากลับไปทำลายมันเสีย!” วิญญาณไป๋ลี่เฟยถูกยกลอยขึ้น ก่อนดิ่งลงพื้นจนรอบกายเหลือแต่ความมืดมิด
จ้าวหลงไฉ่ แม้แต่ดินกลบหน้าก็อย่าได้มี!!!
บทพิเศษ 4 บรรจบเป็นวงกลมในที่สุดสหายรักของไป๋ลี่เฟยก็เดินทางถึงเมืองหลวงในแคว้นจ้าวอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนเสียที หลังเดินทางเข้ามาถึงตงหม่าจางต้องทำเรื่องขอกลับเข้าเป็นองครักษ์ ส่วนฉือจี้ผ่าก็จำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้านเดิมให้บิดามานดาของนางเห็นหน้ามากหน่อย กว่าจะได้มาพบปะสหายทั้งหลาย เวลาก็ผ่านไปเกือบรอบจันทร์แล้ว“ข้ามาแล้ว” จี้ผ่าเอ่ยทักเมื่อเข้ามาในร้านประมูลของแม่นางอูที่เปิดขึ้นใหม่เมื่อสองปีก่อน“จี้ผ่า คิดถึงเจ้านัก” ลี่เฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสียดายที่มิได้ร่ำลากัน”“โชคยังดีที่มีโอกาสได้กลับมา” จี้ผ่ายิ้มเล็กน้อย“และโชคดีที่พวกเจ้าออกมาหาข้าได้ มิเช่นน
บทพิเศษ 3 งานปักผ้าของจี้ผ่าชีวิตของฉือจี้ผ่าและตงหม่าจางหลังออกจากเมืองหลวงมิได้ลำบากนัก ด้วยทรัพสินเงินทองที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ติดตัวมิได้น้อยเลย หากจะมีลำบากก็เพราะตงหม่าจางต้องติดสินบนปลอมแปลงเอกสารยืนยันตัวตน เพื่อผ่านทางไปยังแคว้นอื่นที่สงบจากภัยสงครามในขณะนี้แต่เมื่อผ่านมาได้แล้วทั้งสองก็เลือกปักหลักอยู่ที่เมืองทางทิศใต้ของทะเลสาบต้งถิง เป็นเมืองที่มีผู้คนผ่านไปมามาก จึงทำให้ผู้มาใหม่ทั้งสองสามารถกลืนไปกับผู้คนในเมืองได้ไม่ยากเย็นนัก จวนที่ซื้อต่อจากสกุลวานิชเล็กๆ สกุลหนึ่ง กลายเป็นบ้านใหม่ของคู่สามีภรรยาเยาว์วัยคู่นี้ทุกๆ วันตงหม่าจางจะเข้าป่าเพื่อสร้างสถานที่เก็บตำราของฮ่องเต้ พร้อมกับคิดค้นกับดักและร่ายอักขระไว้ปกป้องตำราภายในด้วย ส่วนจ
บทพิเศษ 2 ความร้อนในกายช่วยให้อบอุ่นโจวเฉิงจับข้อมือของไป๋ลี่เฟยอ้าออกก่อนจะก้มลง เพื่อใช้ลิ้นร้อนฉ่าทักทายยอดบัวชมพูอย่างตั้งใจ อีกมือหนึ่งผละจากท่อนแขนมากอบกุบความนุ่มนวลตรงหน้านี้ สลับข้างไปมาอย่างคนถูกมอมเมามิอาจละตัวให้ห่างไปได้เลย“อ๊ะ..พะ พี่” ลี่เฟยที่ถูกจู่โจมเช่นนี้รู้สึกวูบวาบจนเริ่มหายใจติดขัด จะกล่าววาจาใดก็ไม่ถนัดดังเช่นยามปกติเห็นเช่นนั้นท่อนแขนแข็งแรงช้อนตัวไป๋ลี่เฟยให้ขึ้นไปนั่งยังบริเวณขอบบ่อ หยดน้ำพราวเกาะบนผิวยิ่งทำให้ร่างกายนี้เย้ายวนเหนือบรรยาย ใบหน้าของชายหนุ่มไล่สายตาจนมาหยุดอยู่ที่กึ่งกลางร่างกายของไป๋ลี่เฟย“เฟยเฟยอ้าขาออก”
บทพิเศษ 1 พักตากอากาศเมืองซุ่ยปาคือจุดมุ่งหมายที่สองบิดามารดามือใหม่ตั้งใจจะไปพักผ่อนให้สบายจิตใจ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสงบมีผู้คนอยู่อาศัยไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นขุนนางที่ปลดระวางตนเองจากตำแหน่งหน้าที่แล้วมาอยู่อาศัย ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเกินไป เพื่อให้สะดวกหากมีขุนนางคนใดอยากเข้ามาปรึกษาหารือประเด็นต่างๆเมืองซุ่ยปามีทิวเขางดงาม ป่าไม่อุดมสมบูรณ์มีแหล่งพลังปราณธรรมชาติหนาแน่น สตรีมีครรภ์และผู้มีอายุจึงนิยมมาอาศัยในเมืองแห่งนี้เพื่อบำรุงร่างกาย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวมีเพียงอากาศที่เย็นกว่าพื้นที่ส่วนอื่นของแคว้นอย่างน่าประหลาดจ้าวโจวเฉิงจับจูงไป๋ลี่เฟยให้เดินชมสวนของจวนไม่เล็กไม่ใหญ่หลังนี้ “ชอบหรือไม่”
บทที่ 67 คลี่คลายง่ายนัก“ท่านหมอ พอรู้หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร” ไป๋ลี่เฟยเอ่ยถามออกไป แต่ไม่ทันที่จะได้เว้นช่วงให้หมอเทวดาตอบ นางก็มิอาจกลั้นอาเจียนไว้ได้อีกต่อไป“พระชายาไป๋ นั่งลงก่อน” หมอเทวดาดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นความท้าทายในการรักษาถึงสองอาการ คนหนึ่งหลับไปเฉยๆ โดยที่มิได้รับความบาดเจ็บใด ส่วนอีกผู้หนึ่งอาเจียนเป็นเลือด แต่ยังเดินเหินและดูแข็งแรงปกติไป๋ลี่เฟยนั่งลงให้ท่านหมอตรวจอาการ และไม่ลืมนำน้ำหกธาตุพิชิตออกมาให้หมอเทวดาผู้นี้ดู ก่อนจะเล่าว่าอาการของตนและองค์ชายหกเกิดได้อย่างไร แต่มิได้บอกความมหัศจรรย์ของพิษจิตแตก บอกแต่เพียงว่าเป็นพิษ“วิเศษนัก” ท่านหมอกล่าวระหว่างยกขวดโอสถขึ้นมาส่องดู ก่อนจะวางลงข้างกาย “อาการขององค์ชายหก
บทที่ 66 ความสุขกลับคืนทีละน้อยเช้าวันรุ่งขึ้นข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าองค์รัชทายาทต้องการพาพระชายาไปพักผ่อนให้เป็นส่วนตัว จึงมิได้ให้องครักษ์คนใดติดตามไป เกิดเป็นเรื่องราวน่าใจหายองค์ชายถูกสัตว์รุมกัด มีร่องรอยการต่อสู้ดุเดือด ส่วนไท่จื่อเฟยก็หนีอยากหวาดกลัว กล่าวกับผู้คนว่าองค์ชายปกป้องตนเองจนตัวตายท่าทางของพระชายาคนงามดูอ่อนแอบอบบางจนมีแต่ผู้คนสงสาร เล็บมือเล็บเท้าของสตรีสูงศักดิ์ฉีกขาดเพราะการหนีตาย ยิ่งทำให้หมดข้อสงสัยว่าไป๋ซินหยานมีส่วนรู้เห็นกับการตายขององค์ชายสาม ช่วงเวลาต่อมาวังเมฆาแสงจันทร์ถูกปิดตาย ด้วยคำสั่งพระชายามีเพียงหมอหลวง และคนจากสกุลเดิมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตเข้าออกวังแห่งนี้ได้ ส่วนตัวไป๋ซินหยานเองก็ออกมาด้ายนอกเพียงเพื่อร่วมพิธีศพเท่านั้น“ซินหยาน เป็







