Share

บทที่ 4 ขโมยวาสนา

last update Last Updated: 2025-10-31 03:05:14

บทที่ 4 ขโมยวาสนา

       บรรยากาศความวุ่นวายถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง สายตามาดมั่นขัดกับใบหน้าอ่อนเยาว์ดูเป็นแม่นางน้อยไม่ประสาของเจ้าตัว ตกอยู่ภายใต้สายตาคู่หนึ่งที่เพ่งพินิจดู และก้าวย่างตามมาอย่างใคร่รู้

       ไป๋ลี่เฟยที่เดินลัดมายังประตูเก่าที่ถูกปิดการใช้งานไปแล้วของสำนักศึกษาหลวง นางลอดออกไปยังตรอกที่เป็นทางเชื่อมกับตลาด ทว่าเมื่ออยู่ในตรอกที่เงียบสงัด เสียงฝีเท้าที่คราแรกปัดไปว่าเป็นเสียงของคนในสำนัก ก็ยังคงดังก้องต่อเนื่อง

       เมื่อหันไปก็พบกับอาจารย์ผู้หนึ่งที่ยืนยิ้มแย้มรออยู่ก่อนแล้ว “หากไม่รู้ตัวไปนานกว่านี้ ข้าคงผิดหวังแล้ว” ชายวัยกลางคนผู้นั้นเผยรอยยิ้มคล้ายเอ็นดูลูกหลาน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจูจูก็นำตัวไปขวางระหว่างชายในอาภรณ์สีเขียวอ่อนและคุณหนูของตนไว้

       ผู้ที่เดินตามมาคือ ‘อาจารย์โฉ่โม่จิน’ ผู้ที่นางกราบกรานเป็นหนึ่งในศิษย์เอกเมื่อภพที่แล้ว แต่ยามนี้ลี่เฟยเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยังไม่มีความโดดเด่นใดให้อยากรับเป็นศิษย์ คุณหนูไป๋จึงสับสนว่าเหตุใดอาจารย์โม่จึงลอบติดตามมา

“ลี่เฟยไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสนใจติดตามแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาเช่นนี้ จึงไม่ได้ระวังตัว” นางตอบไปเพียงเท่านั้นมิได้เผยอะไรไปมากเกินจำเป็น และสะกิดบ่าวด้านหน้าให้หลบออกไป

“เด็กหญิงที่ยังไม่เข้าสำนักศึกษาแต่กลับใช้วิชาปกปิดพลัง ทั้งยังเป็นรูปแบบการขัดปราณที่ข้าคิดค้นขึ้น มีศิษย์เอกของข้าสอนสั่งเจ้าไว้หรือ” อาจารย์โฉ่ตามออกมา เพราะสิ่งที่คุณหนูใหญ่แห่งจวนสกุลไป๋ทำเมื่อครู่สะดุดตาเขาเข้าทั้งยังรู้สึกคุ้นเคยทั้งที่พึ่งพบเจอเป็นครั้งแรก

        อาจเป็นเพราะโชคช่วย แต่ท่าทางของเด็กหญิงผู้นี้ยามเด็กขึ้นแท่นวัด มีท่าทางกึ่งมั่นใจกึ่งกระวนกระวายจึงทำให้ตัวอาจารย์โฉ่จับตาเป็นพิเศษ นั่นทำให้เขาเห็นในสิ่งที่อาจารย์คนอื่นไม่ทันเห็น

“ไม่มีใครสอนสั่งเจ้าค่ะ…” ลี่เฟยคิดหาคำแก้ตัวไม่ได้จึงเลือกที่จะเงียบลง นางใช้วิชาที่อาจารย์สอนในชาติเดิมจนชินชา หลงลืมไปว่าลักษณะเฉพาะย่อมทำให้จับสังเกตได้ว่าใครเป็นผู้สอนสั่งมา

“เช่นนั้นรู้ได้อย่างไร คิดเอาเองหรือ ทั้งการปกปิดนั่นอีก แสร้งเป็นคนพลังน้อยไปด้วยเหตุผลใดกัน” โฉ่โม่จินที่แม้จะสงสัยในตัวลี่เฟย แต่กลับมีความรู้สึกเอ็นดูอยู่ จึงมิได้จับตัวไปคาดคั้นเอาความอย่างรุนแรงอันใด

“เรื่องสาเหตุที่ปิดพลัง ศิษย์คงไม่อาจแจ้งความนี้กับผู้ใดได้ แต่เรื่องที่รู้วิชาได้อย่างไร หากข้าพูดความจริง ท่านอาจารย์ต้องหาว่าลี่เฟยผู้นี้เสียสติเป็นแน่” 

“เล่ามาเถิด ข้าจะตัดสินเองว่าสติของเจ้าสูญสิ้นไปแล้วหรือไม่” เมื่ออาจารย์ตอบมาเช่นนี้ ลี่เฟยจึงสั่งให้จูจูยืนรอห่างไปสามช่วงตัว อย่างไรคนผู้นี้ก็เปรียบเสมือนเป็นบิดาคนที่สองของนาง

       ไป๋ลี่เฟยเล่าว่าเคยใช้ชีวิตนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว บอกรายละเอียดทุกอย่าง แม้กระทั่งความลับของอาจารย์โฉ่ที่มีเพียงไม่กี่คนที่รับรู้ก็ยกมากล่าวพิสูจน์ จะเว้นไว้ก็แต่เรื่องสุสานของจักรพรรดิหูหลงฉาง และความแค้นของนางที่มีต่อองค์ชายสามสารเลวผู้นั้น อาจารย์โฉ่เมื่อฟังจบก็ออกสีหน้าคล้ายเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทำให้ลี่เฟยรู้สึกคล้ายสุนัขที่ถูกเจ้าของทอดทิ้งก็ไม่ปาน

“ท่านอาจารย์ทำสีหน้าเช่นนั้นเหมือนยามจี้จับโกหกข้าและศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่มีผิด เรื่องนี้มีวิธีพิสูจน์ท่านอาจารย์รอลี่เฟยเข้าเรียน ก็สามารถเรียกมาทดสอบกับแท่นหินใหม่ได้ ขอเพียงไม่มีคนอยู่รอบข้างก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ ข้าอยากเก็บเป็นความลับ” ไป๋ลี่เฟยที่แม้จะอยู่ในชาติใหม่ก็ยังคงเคารพอาจารย์ของตนเช่นเดิม นางไม่อาจปล่อยให้เขาคิดว่านางโป้ปด

“ไม่ต้องรอถึงขนาดนั้นหรอก หากทนได้ถึงเขียวขั้นต่ำย่อมหมายความว่าเจ้ามีปราณในกายสีเขียวขั้นกลางจริงๆ” โฉ่โม่จินยื่นมือออกมาให้เด็กหญิงตรงหน้าจับ หากเรื่องที่ไป๋ลี่เฟยพูดเป็นจริงการส่งลมปราณเข้าไปตรวจสอบก็สามารถประเมินระดับพลังได้คร่าวๆ เช่นกัน แม้ไม่แม่นยำเท่าหินทดสอบแต่ก็ทดแทนได้

        การส่งพลังเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงเค่อ ไป๋ลี่เฟยยืนได้อย่างสบายๆ จนถึงระดับเขียวขั้นต่ำ และเริ่มต้านไม่ไหวเมื่อขึ้นไปยังระดับที่เท่ากับปราณในกายตน จึงทำให้อาจารย์โฉ่อยากลากตัวนางเข้าไปในสำนัก เพื่อทดสอบความรู้ให้หมดสิ้น 

       อาจารย์โฉ่ดีใจจนเนื้อเต้น หากที่เด็กคนนี้พูดเป็นจริง นั้น ย่อมหมายความว่าชาตินี้คุณหนูไป๋จะสามารถเรียนรู้ต่อยอดจากชาติเดิม และเก่งกาจได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่ก็ต้องถูกขัดคอ เพราะลี่เฟยไม่อาจรั้งรอไปได้มากกว่านี้

“ไว้ตรวจสอบเพิ่มภายหลังเถิด ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจฝึกฝน และเป็นสิทธิ์เอกที่ท่านปลุกปั้นให้โดดเด่นจนผู้คนร่ำลือ แต่ตอนนี้ต้องไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกล่าวเท่านั้น แล้วก็รีบวิ่งออกไปโดยที่จูจูร้องเรียกก็ไม่ได้ทำให้ลี่เฟยวิ่งช้าลง ร้องบอกเพียงว่า ‘ตามมา’

ขอให้ทันเถิด มิเช่นนั้นแผนการณ์นี้อาจพังไม่เป็นท่า

       ภาพในจอที่เห็นจากโลกอนาคตฉายให้เห็นว่าซินหยานมีองค์ชายมาติดพันหลายพระองค์ และนั่นเป็นจุดที่ทำให้จ้าวหลินไฉ่ละสายตาจากไป๋ซินหยานไม่ได้ ความต้องการเอาชนะคงเคลื่อนผ่านกายองค์ชายสามอย่างห้ามไม่อยู่

        ในภพนี้นางต้องการชิงความสนใจนั้นมาไว้ที่ตนเองแทน มิใช่เพื่อเรียกร้องความรัก แต่เพื่อคัดเลือกหาตัวละครใหม่ที่ลี่เฟยจะผลักดันให้ได้ตำแหน่งรัชทายาทแทนที่องค์ชายสามผู้นั้น หากจะดึงมาร่วมแผนย่อมต้องสนิทสนมไว้

        เสียงคึกคักของตลาดดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท สายตาดอกท้อหันมองหาเด็กขอทานเป้าหมายของตน เมื่อกวาดสายตาก็พบเห็นเด็กน้อยกำลังยื้อแย่งยาต้มห่อหนึ่งกับหญิงชราที่กลางถนนคนเดิน

ฟ้ายังเป็นใจสินะ

“ท่านป้า เด็กน้อย พวกท่านมีปัญหาอันใดกัน อ๊ะ” แม้หน้าตาของทั้งสองจะแตกต่างจากคนแสดงในจอประหลาด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ผิดเพี้ยนไปจากนี้ ไป๋ลี่เฟยจึงแทนกตัวไปขัดขวางไว้จนถูกลูกหลงทุบตีไปหลายครา

“ข้าซื้อยาเทียบนี้ แต่เจ้าเด็กสกปรกนี่กลับมาฉุดยื้อแย่งไปจากข้า สันดานขโมยต้องตีให้ตาย” เมื่อพูดจบหญิงชราคนดังกล่าวก็เอื้อมมือจะไปตบตีอีก ฟาดลงบนตัวจูจูแทน 

        แม้บ่าวตัวน้อยอย่างจูจูจะไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายตน แต่ก็เอาตัวไปบังไว้ไม่ให้ลี่เฟยเจ็บ

        คุณหนูไป๋สวมหน้ากากแม่พระผู้มีจิตใจอ่อนโยนหันไปถามเอากับเด็กน้อยด้านหลัง “ที่ท่านป้าพูดมาจริงหรือไม่”

       เด็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางใจดีบริสุทธิ์เช่นนี้จึงไม่กล้าโกหก แต่ก็ยังพูดจาให้เหลือช่องเอาตัวรอดไว้ “จริงขอรับ แต่ข้ามีเหตุผล” 

“เช่นนั้นคืนของให้ท่านป้าไปเสีย หากเจ้าต้องการยาข้าจะซื้อให้เอง” ไป๋ลี่เฟยส่งยิ้มที่แฝงด้วยไอความเป็นพี่สาวผู้ใจดี แม้จะโตกว่าเด็กอีกคนแค่สามสี่ปี แต่อาจเป็นเพราะดวงจิตมีอายุมากกว่าร่างกาย จึงส่งกลิ่นไอที่ทำให้เด็กน้อยยินยอมแต่โดยดีออกมา

“ท่านป้า ให้อภัยเด็กเถิดหนา” เมื่อส่งของคืนแล้วลี่เฟยก็ลอบส่งตำลึงเงินใส่มือไปด้วย ทำให้หญิงผู้นั้นไม่ติดใจเอาความใด 

หากจะให้ลับฝีปากกับท่านป้าผู้นี้อย่างซินหยาน ข้าไม่ยอมเสียเวลาหรอก

       แม้นางจะมาช่วยเหลือเหมือนกัน แต่จะให้ลี่เฟยไปก่นด่าคนที่ถูกขโมยของก็เห็นจะใช่ที่ และประเด็นสำคัญคือองค์ชายผู้นั้นเพียงประทับใจในความมีน้ำใจของซินหยานที่พาเด็กน้อยไปซื้อเทียบยาใหม่เท่านั้น 

“เจ้าจะเอายาไปทำสิ่งใด มีคนที่บ้านป่วยหรือ” ลี่เฟยหันไปสอบถาม เมื่อเห็นที่หางตาแล้วว่าจ้าวโจวเฉิงยังลอบมองเหตุการณ์เบื้องล่างอยู่จากหน้าต่างชั้นบนของโรงเตี๊ยม 

“น้องสาวของข้าไม่สบายจึงอยากนำยาไปให้นาง”

“เช่นนั้นไปร้านยา อธิบายอาการของน้องสาวเจ้าให้หมอยาจัดเทียบให้ถูกต้องดีกว่าหรือไม่ และคราวหลังห้ามขโมยเจ้าใจหรือไม่ ต่อให้ลำบากก็ต้องไม่ทำความผิด”

       ไป๋ลี่เฟยจัดการทุกอย่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางไม่ทำอะไรที่มากไปหรือน้อยไป ก่อนจะออกจากตลาด ลี่เฟยเงยหน้าขึ้นไปมององค์ชายหกที่ยังคงมองออกมานอกหน้าต่าง แสร้งทำสีหน้าสงสัยส่งไปเล็กน้อย ชายผู้นั้นส่งรอยยิ้มเป็นมิตรตอบกลับมา จึงทำให้คุณหนูใหญ่จวนไป๋มั่นใจแล้วว่าวาสนาที่เคยเป็นของซินหยานคงตกมาเป็นของนางเรียบร้อยแล้ว

.

.

.

“โกเว่ย แม่นางน้อยผู้นั้นเป็นบุตรหลานสกุลใด ตามไปดูที” โจวเฉิงหันไปถามองครักษ์ข้างกาย ที่ไม่โต้ตอบสิ่งใด เพียงแค่พยักหน้ารับ แล้วติดตามแม่นางน้อยผู้ช่วยเหลือเด็กน้อยไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทพิเศษ 4 บรรจบเป็นวงกลม

    บทพิเศษ 4 บรรจบเป็นวงกลมในที่สุดสหายรักของไป๋ลี่เฟยก็เดินทางถึงเมืองหลวงในแคว้นจ้าวอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนเสียที หลังเดินทางเข้ามาถึงตงหม่าจางต้องทำเรื่องขอกลับเข้าเป็นองครักษ์ ส่วนฉือจี้ผ่าก็จำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้านเดิมให้บิดามานดาของนางเห็นหน้ามากหน่อย กว่าจะได้มาพบปะสหายทั้งหลาย เวลาก็ผ่านไปเกือบรอบจันทร์แล้ว“ข้ามาแล้ว” จี้ผ่าเอ่ยทักเมื่อเข้ามาในร้านประมูลของแม่นางอูที่เปิดขึ้นใหม่เมื่อสองปีก่อน“จี้ผ่า คิดถึงเจ้านัก” ลี่เฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสียดายที่มิได้ร่ำลากัน”“โชคยังดีที่มีโอกาสได้กลับมา” จี้ผ่ายิ้มเล็กน้อย“และโชคดีที่พวกเจ้าออกมาหาข้าได้ มิเช่นน

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทพิเศษ 3 งานปักผ้าของจี้ผ่า

    บทพิเศษ 3 งานปักผ้าของจี้ผ่าชีวิตของฉือจี้ผ่าและตงหม่าจางหลังออกจากเมืองหลวงมิได้ลำบากนัก ด้วยทรัพสินเงินทองที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ติดตัวมิได้น้อยเลย หากจะมีลำบากก็เพราะตงหม่าจางต้องติดสินบนปลอมแปลงเอกสารยืนยันตัวตน เพื่อผ่านทางไปยังแคว้นอื่นที่สงบจากภัยสงครามในขณะนี้แต่เมื่อผ่านมาได้แล้วทั้งสองก็เลือกปักหลักอยู่ที่เมืองทางทิศใต้ของทะเลสาบต้งถิง เป็นเมืองที่มีผู้คนผ่านไปมามาก จึงทำให้ผู้มาใหม่ทั้งสองสามารถกลืนไปกับผู้คนในเมืองได้ไม่ยากเย็นนัก จวนที่ซื้อต่อจากสกุลวานิชเล็กๆ สกุลหนึ่ง กลายเป็นบ้านใหม่ของคู่สามีภรรยาเยาว์วัยคู่นี้ทุกๆ วันตงหม่าจางจะเข้าป่าเพื่อสร้างสถานที่เก็บตำราของฮ่องเต้ พร้อมกับคิดค้นกับดักและร่ายอักขระไว้ปกป้องตำราภายในด้วย ส่วนจ

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทพิเศษ 2 ความร้อนในกายช่วยให้อบอุ่น

    บทพิเศษ 2 ความร้อนในกายช่วยให้อบอุ่นโจวเฉิงจับข้อมือของไป๋ลี่เฟยอ้าออกก่อนจะก้มลง เพื่อใช้ลิ้นร้อนฉ่าทักทายยอดบัวชมพูอย่างตั้งใจ อีกมือหนึ่งผละจากท่อนแขนมากอบกุบความนุ่มนวลตรงหน้านี้ สลับข้างไปมาอย่างคนถูกมอมเมามิอาจละตัวให้ห่างไปได้เลย“อ๊ะ..พะ พี่” ลี่เฟยที่ถูกจู่โจมเช่นนี้รู้สึกวูบวาบจนเริ่มหายใจติดขัด จะกล่าววาจาใดก็ไม่ถนัดดังเช่นยามปกติเห็นเช่นนั้นท่อนแขนแข็งแรงช้อนตัวไป๋ลี่เฟยให้ขึ้นไปนั่งยังบริเวณขอบบ่อ หยดน้ำพราวเกาะบนผิวยิ่งทำให้ร่างกายนี้เย้ายวนเหนือบรรยาย ใบหน้าของชายหนุ่มไล่สายตาจนมาหยุดอยู่ที่กึ่งกลางร่างกายของไป๋ลี่เฟย“เฟยเฟยอ้าขาออก”

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทพิเศษ 1 พักตากอากาศ

    บทพิเศษ 1 พักตากอากาศเมืองซุ่ยปาคือจุดมุ่งหมายที่สองบิดามารดามือใหม่ตั้งใจจะไปพักผ่อนให้สบายจิตใจ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสงบมีผู้คนอยู่อาศัยไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นขุนนางที่ปลดระวางตนเองจากตำแหน่งหน้าที่แล้วมาอยู่อาศัย ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเกินไป เพื่อให้สะดวกหากมีขุนนางคนใดอยากเข้ามาปรึกษาหารือประเด็นต่างๆเมืองซุ่ยปามีทิวเขางดงาม ป่าไม่อุดมสมบูรณ์มีแหล่งพลังปราณธรรมชาติหนาแน่น สตรีมีครรภ์และผู้มีอายุจึงนิยมมาอาศัยในเมืองแห่งนี้เพื่อบำรุงร่างกาย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวมีเพียงอากาศที่เย็นกว่าพื้นที่ส่วนอื่นของแคว้นอย่างน่าประหลาดจ้าวโจวเฉิงจับจูงไป๋ลี่เฟยให้เดินชมสวนของจวนไม่เล็กไม่ใหญ่หลังนี้ “ชอบหรือไม่”

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 67 คลี่คลายง่ายนัก

    บทที่ 67 คลี่คลายง่ายนัก“ท่านหมอ พอรู้หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร” ไป๋ลี่เฟยเอ่ยถามออกไป แต่ไม่ทันที่จะได้เว้นช่วงให้หมอเทวดาตอบ นางก็มิอาจกลั้นอาเจียนไว้ได้อีกต่อไป“พระชายาไป๋ นั่งลงก่อน” หมอเทวดาดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นความท้าทายในการรักษาถึงสองอาการ คนหนึ่งหลับไปเฉยๆ โดยที่มิได้รับความบาดเจ็บใด ส่วนอีกผู้หนึ่งอาเจียนเป็นเลือด แต่ยังเดินเหินและดูแข็งแรงปกติไป๋ลี่เฟยนั่งลงให้ท่านหมอตรวจอาการ และไม่ลืมนำน้ำหกธาตุพิชิตออกมาให้หมอเทวดาผู้นี้ดู ก่อนจะเล่าว่าอาการของตนและองค์ชายหกเกิดได้อย่างไร แต่มิได้บอกความมหัศจรรย์ของพิษจิตแตก บอกแต่เพียงว่าเป็นพิษ“วิเศษนัก” ท่านหมอกล่าวระหว่างยกขวดโอสถขึ้นมาส่องดู ก่อนจะวางลงข้างกาย “อาการขององค์ชายหก

  • ไม่เป็นมันแล้วนางรองผู้แสนดี   บทที่ 66 ความสุขกลับคืนทีละน้อย

    บทที่ 66 ความสุขกลับคืนทีละน้อยเช้าวันรุ่งขึ้นข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าองค์รัชทายาทต้องการพาพระชายาไปพักผ่อนให้เป็นส่วนตัว จึงมิได้ให้องครักษ์คนใดติดตามไป เกิดเป็นเรื่องราวน่าใจหายองค์ชายถูกสัตว์รุมกัด มีร่องรอยการต่อสู้ดุเดือด ส่วนไท่จื่อเฟยก็หนีอยากหวาดกลัว กล่าวกับผู้คนว่าองค์ชายปกป้องตนเองจนตัวตายท่าทางของพระชายาคนงามดูอ่อนแอบอบบางจนมีแต่ผู้คนสงสาร เล็บมือเล็บเท้าของสตรีสูงศักดิ์ฉีกขาดเพราะการหนีตาย ยิ่งทำให้หมดข้อสงสัยว่าไป๋ซินหยานมีส่วนรู้เห็นกับการตายขององค์ชายสาม ช่วงเวลาต่อมาวังเมฆาแสงจันทร์ถูกปิดตาย ด้วยคำสั่งพระชายามีเพียงหมอหลวง และคนจากสกุลเดิมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตเข้าออกวังแห่งนี้ได้ ส่วนตัวไป๋ซินหยานเองก็ออกมาด้ายนอกเพียงเพื่อร่วมพิธีศพเท่านั้น“ซินหยาน เป็

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status