นางชื่ออาปิง สาวใช้ประจำตัวข้า เจ้ามาอยู่ในร่างข้า ข้าชื่อหลินลี่เซียน ลูกสาวคนโตของท่านมหาเสนาบดีกรมกลาโหมกับภรรยาเอก แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าตายเพราะโดนอนุของพ่อข้า อนุฉินอี้เหนียง วางยาในอาหารทุกวัน พ่อข้าก็เริ่มโดนแล้วเช่นกัน ข้าอยากให้เจ้า ช่วยพ่อข้าจากแผนชั่วของนางด้วย นางทำเพื่อหวังให้ลูกสาวนางได้สมบัติของสกุลหลินทั้งหมด เจ้าต้องช่วยข้า เปิดเผยแผนชั่วของ 2 แม่ลูกนี้
“อะไรกัน อย่างกับซีรี่ย์จีนโบราณที่ดูในแอฟมาเมื่อวานไม่มีผิด”
“อย่างไรก็แล้วแต่ หากเจ้าทำความปรารถนาของข้าเป็นจริงได้ วิญญาณของข้าก็จะสามารถไปสู่สุคติได้อย่างหมดห่วง”
“แล้วเธอต้องมาอยู่ติดตัวฉันแบบนี้ตลอดเหรอ มันไม่โอเคนะ มันดูน่ากลัวเกินน่ะ”
“ไม่หรอก ข้าจะมาแค่บางช่วง ข้าไม่มีพลังมากแล้ว ดวงวิญญาณข้าแทบจะแตกสลายอยู่แล้ว ข้าจะมาเฉพาะเวลาที่เจ้าเจอเหตุการณ์คับขันและต้องการให้ช่วยเท่านั้น”
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” อาปิงเรียกนาง
“ห๊ะ อ่ะ เอ่อ ว่าไงๆ หวัดดี อาปิง ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
โมรินทักทายตามอัตโนมัติ อาปิงทำหน้างงปนแปลกใจ
“คุณหนู ท่าน เป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ ให้ข้าเรียกท่านหมออี้มั้ยเจ้าคะ”
“ไม่ๆๆๆ ฉันไม่ เอ่อ ข้าไม่เป็นไร เจ้าช่วย เอากระจกให้ชั้น เอ๊ย ข้าทีสิ กระจกน่ะ”
นางพูดผิดๆ ถูกๆ
อาปิงเดินไปที่โต๊ะแต่งหน้าที่ตั้งอยู่มุมห้อง และหยิบกระจกบานประมาณกระดาษ A4 มายื่นให้นาง
โมรินมองหน้าเจ้าของร่างในกระจก หน้าตาของลี่เซียน ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยทีเดียว แต่ใบหน้าขาวซีดไปหน่อย ปากแห้งๆ นี่คืออะไร หน้านี่เคยแต่งบ้างมั้ยเนี่ย เสียดาย ผิวพรรณนางช่างดีเลิศโดยไม่ต้องบำรุงด้วยน้ำแร่หรือครีมแพงๆ เลย ถ้าได้แต่งสักหน่อยคงสวยมากเลยทีเดียว
“เจ้า มีกระจกบานใหญ่มั้ย”
นางถาม อาปิงพยักหน้า พานางเดินไปที่กระจกด้วยท่าทางงงๆ อาจเพราะนางพึ่งฟื้นขึ้นมาเลยรู้สึกสับสนกระมัง ลี่เซียนเดินตามอาปิงไปหากระจกบานใหญ่มุมห้อง
ว๊าววว หุ่นโคตรดี ตัวเล็ก ผิวขาวละเอียด หน้าอกตู้มมากกว่าชั้นซะอีก เลิศ หูยย หุ่นนางคือดีงามมาก เป็นบ้านชั้นนี่ประกวดนางงามได้เลยนะนี่
“อาปิงๆ เจ้าช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าทีสิ วันนี้ข้าอยากไปเที่ยว”
“คุณหนู แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าท่าน …. อยากออกไปข้างนอก”
อาปิงทำหน้าไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“ทำไมล่ะ มีอะไรถึงออกไปเที่ยวไม่ได้ ข้าอยากไปนี่นา”
อยากเห็นบ้านเห็นเมืองเค้า แค่คิดก็สนุกแล้ว ว่าบรรยากาศจะเหมือนในซีรี่ย์ที่เคยดูรึป่าว
“ก็ ตั้งแต่ …”
อาปิงไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเริ่มอยากรู้
“เจ้าพูดมาเถอะ ว่าอะไรทำให้ข้าไม่อยากออกไปข้างนอก”
นางต้องทำตัวให้ชินกับร่างใหม่ให้เร็วที่สุด ตอนนี้นางคือ หลินลี่เซียน ไม่ใช่โมรินอีกต่อไป
“ตั้งแต่ที่คุณหนู โดนคุณชายฟู่ปฏิเสธการหมั้นหมายกับท่าน ต่อหน้าผู้คนในงานเลี้ยงนายท่านคืนนั้น คุณหนูก็บอกบ่าวว่า จะไม่ออกไปนอกจวนอีกเจ้าค่ะ”
“แค่เนี้ย โอยย ช่างเหอะๆ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว แล้วอีกอย่างจะให้ข้าอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้คงไม่ไหวนะ ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง จะได้สดชื่น ว่าแต่ เจ้า มีเงินมั้ยอ่ะ”
“มีเจ้าค่ะ คุณหนูเก็บเงินไว้มากเจ้าค่ะ แต่ไม่เคยได้ใช้เลย และอนุฉิน ก็ไม่ได้ให้เงินเดือนคุณหนูมา 2 ปีแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูก็ไม่เคยไปถามจากนาง พอถาม นางก็จะทำร้ายเอา”
“หนอย อนุของพ่อข้านี่ ใช้เงินของพ่อข้า แต่ไม่ให้ลูกเขาใช้ ข้าได้เงินเดือนเท่าไหร่ นี่ไม่ให้มาตั้ง 2 ปี มันเป็นเงินเท่าไหร่กันนะ อาปิง เจ้าคิดซิ”
“เดือนละ 30 ตำลึงเจ้าค่ะ ไม่ได้มี 2 ปีแล้ว ก็เป็นเงิน…….”
“24 คูณ 30 ถ้า 20 เดือน ก็ 600 บวกกับ 120 เป็น 720 ตำลึง หึ ข้าต้องไปทวงหน่อยแล้ว”
อาปิงนั่งมองหน้าคุณหนู อ้าปาก ตะลึงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง นี่มันเกิดอะไรขึ้น นางกินยาผิดเข้าไป หรือว่ายาที่นางซื้อมาล่าสุด ได้ผลดีเกินคาด คุณหนูที่ไม่สู้คน ร่างกายอ่อนแอ พูดน้อย กลายเป็นหญิงสาวที่ปราดเปรียวราวกับคนละคนแบบนี้
“คุณหนู จะดีหรือเจ้าคะ ถ้าอนุฉินหาเรื่องตบตีคุณหนูอีก ร่างกายคุณหนูจะแย่เอานะเจ้าคะ คุณหนูพึ่งจะหายป่วย”
“งั้นเอาตามที่เจ้าว่า เอาเงินที่มีมาก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการนางปิศาจที่บ้านทีหลัง”
นางยิ้ม ปกติโมรินเป็นสาวห้าวอยู่แล้ว นอกจากนางจะเป็นเน็ตไอดอล แต่เรื่องศิลปะการต่อสู้ นางถือว่าชั้นครูเลยทีเดียว เพราะนางเคยเป็นครูสอนเทควันโด้เด็กๆ มาก่อน ความรู้ความสามารถถือว่ารอบด้าน พูดได้ 6 ภาษา ไทย จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ชอบการร้องเพลงและ cover เพลงที่สุด เคยทำรายการท่องเที่ยวและทำบริษัทปรึกษาด้านความรักด้วย แต่เป็นบริษัทของวุฒิ ที่พึ่งเปิดตัวได้เพียง 1 ปี แต่คุณสมบัติพวกนี้ คงไม่ได้เอามาใช้ที่นี่
“ไหนขอดูชุดเสื้อผ้าข้าหน่อยสิ”
นางพูดกับอาปิง นางเปิดตู้และหีบเก่าๆ ดู นี่มันชุดอะไรเนี่ย ทั้งเก่าทั้งโทรม แทบจะไม่มีชุดใหม่ๆ เลย
“นี่ชุดของข้าเหรอ ทำไมมันดูโทรมจัง เก่าเชียว มีใหม่ๆ กว่านี้มั้ยอ่ะ”
นางถาม อาปิงส่ายหน้า
“ก็คุณหนูไม่เคยออกไปเลือกซื้อเลยนี่เจ้าคะ รอแต่ให้อนุฉินเอาชุดเก่าของคุณหนูรองมาให้”
อาปิงพูดอย่างเศร้าๆ
นี่ 2 คนนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย สุดแสนจะรันทด ยิ่งฟังยิ่งหดหู่ชอบกล
“เรามีเงินเท่าไหร่เหรออาปิง”
นางถาม อาปิงเลยพานางเดินไปที่เตียงนอน นางดึงพรมใต้เตียงออก และเลื่อนเปิดฝาออก และให้คุณหนูดู
“มีอยู่ด้านในเจ้าค่ะคุณหนู ที่เคยนับกัน น่าจะประมาณ 200,000 ตำลึงเจ้าค่ะ คุณหนูบอกว่า ให้ข้าเก็บไว้ เผื่อคุณหนูไม่อยู่ให้ข้านำเงินไปตั้งตัวเจ้าค่ะ”
อาปิงพูดไปก็เริ่มร้องไห้ออกมา
“200,000 ตำลึง โห ข้าเป็นเศรษฐีอยู่นี่นา กลัวอะไร โธ่ เอาวะ ไปช้อปปิ้งหน่อยละกัน ว๊าววว รวยแล้วๆๆๆ”
“อาปิง เจ้าร้องไห้ทำไม เจ้าไม่ดีใจเหรอ ที่ข้าฟื้นขึ้นมา แล้วยังอยู่กับเจ้า”
นางถาม อาปิงยิ้มออกมาและปาดน้ำตา
“ดีใจที่สุดเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากได้เงินทองพวกนี้ ข้าอยากอยู่กับคุณหนู เงินทองพวกนี้ไม่มีความหมายสำหรับข้า ข้าอยากอยู่กับคุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนู อย่าทิ้งข้าไปอีกเลยนะเจ้าคะ”
นางคุกเข่า กอดขาลี่เซียนไว้
“อาปิง เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ต่อไปเราเป็นพี่น้องกันนะ อย่าได้คิดว่าเป็นนายบ่าวอะไรนี่เลย ข้าอยากมีเพื่อน มีน้องสาว มากกว่ามีคนใช้ โอเคมั้ย”
นางถาม อาปิงมองหน้านาง
“ตกลงมั้ย เป็นพี่น้องกัน นะ”
นางพูด อาปิงยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลคุณหนูตลอดไปเจ้าค่ะ”
นางพูด ลี่เซียนคิดว่าเรื่องแบบนี้ คงต้องค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ว่าแล้วนางก็หยิบชุดสีฟ้าอ่อนออกมาจากกล่อง ชุดนี้คล้ายๆ กับชุดที่นางเคยใส่ก่อนถ่ายรายการก่อนที่นางจะมาที่นี่ เอาชุดนี้แหละ น่าจะดูดีสุดละ ไหนๆ ก็จะออกไปแล้ว เดี๋ยวค่อยซื้อมาใหม่ละกัน จะได้เอาขยะพวกนี้ทิ้งให้หมด ว่าแล้วนางก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเสร็จแล้วก้เดินมาที่หน้ากระจก
“มาๆ มาทำผมให้ข้าที เดี๋ยวข้าแต่งหน้าเอง”
นางบอกอาปิง อาปิงถึงกับตกใจ
“คุณหนูจะแต่งหน้าเองหรือเจ้าคะ ทำเป็นหรือเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวทำให้ดีกว่านะเจ้าคะ”
“ไม่ๆๆๆ ไม่เอา ข้าแต่งเอง welcome to my makeup world baby!”
อาปิงอึ้ง นางพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่องเลย นั่นใช่ภาษาคนหรือไม่ แต่อาปิงกลับรู้สึกดีใจ ที่คุณหนูเปลี่ยนเป็นคนที่ร่าเริงขึ้น
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว พร้อมออกไปช้อปปิ้งรึยัง Let go baby!!” ……….
“ท่านพี่ ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะ มาช่วยผูกที่คาดเอวให้ข้าทีสิ เว่ยหลง ท่านทำอะไรอยู่”“มาแล้วๆ ฮูหยิน เจ้าอย่าใจร้อนสิ ไหนดูสิ ท้องเจ้าเริ่มโตแล้ว เจ้าจะเดินทางโดยรถม้าอีกไม่ได้แล้วนะ วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต่อไปก็นั่งรอคลอดอยู่ที่จวนดีๆซะ”“เร็วเข้าๆ ท่านผูกให้ข้าหน่อย อาปิงกับอิ้นสี่ไปเตรียมของขวัญ เดี๋ยวจะไม่ทันแล้ว เว่ยหลง ท่านชักช้าอะไรอยู่”“ก็มัดอยู่นี่ไง เจ้าอย่าเร่งข้าสิ”ฟู่เว่ยหลงเร่งมัดสายคาดเอวให้ฮูหยินอย่างทุลักทุเล ช่วงนี้ท้องนางเริ่มโตขึ้น การแต่งตัวทำได้ยากกว่าเดิม นางมักจะหงุดหงิดง่ายเวลาเรียกหาใครแล้วมาหาช้า ช่วงนี้นางเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ และก็ยังนอนมากเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งทำให้เว่ยหลงพอใจยิ่งนัก แต่วันนี้ พวกเขาต้องไปร่วมยินดีในงานมงคลสมรสของเจ้าซีห่าวกับเสี่ยวหง และเจียงเฉิง กับเฟยเฟย ซึ่งพวกเขาตกลงหาฤกษ์ยามทันทีที่ตกลงกันได้ เนื่องจากฟู่ลี่เซียนท้องเริ่มโตขึ้นแล้ว จะไปงานพวกเขาลำบาก จะรอให้นางคลอดก่อนค่อยแต่ง สองหนุ่มก็รอไม่ไหว จึงรีบหาฤกษ์วันเดียวกันและแต่งพร้อมกันทีเดียวสองคู่เสียเลย“เสร็จแล้วๆ ไปกันได้แล้ว”“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้ายังไม่ได้ใส่ต่างหูเล
“เฟยเฟย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”เฟยเฟยหันมาเห็นเจียงเฉิงที่กำลังเดินมา นางไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้ซ้ำอีก น้ำตานางไหลเป็นทาง เจียงเฉิงรู้แล้วว่าเขาคงมาช้าไป หลิวอี้เจินต้องพูดอะไรกับนางแน่ นางถึงขั้นหลั่งน้ำตา“เฟยเฟย รอข้าก่อน เฟยเฟย”หลิวอีเจินดึงเขาไว้“พี่เฉิงเจ้าคะ ปล่อยนางไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”“แม่นางหลิว เจ้าพูดอะไรกับนาง เหตุใดนางจึงร้องไห้”“ข้าก็แค่ บอกว่าผู้ใหญ่ของพวกเรากำลังคุยกันด้านใน เรื่องงานแต่งของเรา”“เหลวไหลทั้งเพ คุณหนูหลิว ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ข้าไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่น”“แต่ท่านจะแต่งงานกับนางงั้นหรือ เจียงเฉิง ท่านไม่กลัวผู้อื่นนินทาหรืออย่างไร สมภารกินไก่วัด น่าไม่อาย”“ความรักของข้ากับเฟยเฟยเป็นของจริง มีเรื่องใดที่น่าไม่อาย ที่ไร้ยางอายนะ ใครกันแน่ ข้าไม่เคยไปตกลงว่าจะแต่งกับเจ้า แต่เจ้ากลับแต่งเรื่อง พูดขึ้นมาเองจนนางเข้าใจข้าผิด เจ้าต่างหากที่หน้าด้าน ไร้ยางอาย ขอตัว”“ท่านหยุดนะ!! ท่านมาว่าข้าเสียหายแบบนี้แล้วจะเดินหนีอย่างนั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร แค่พ่อค้าคนหนึ่ง ท่านมีอะไรสู้ตระกูลหลิวของข้าได้งั้นหรือ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการแสดงแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงที่มีการแสดงของโรงงิ้ว และแขกเหรื่อก็ทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างไม่ขาดสาย รวมถึง“คุณชายเจียง ข้ามาช้า โปรดอภัย”“ใต้เท้าหลิว ไม่เป็นไรขอรับ ยินดีต้อนรับ เชิญตามสบายขอรับ”“พี่เฉิง ยินดีด้วยนะเจ้าคะที่เปิดร้านใหม่ วันนี้ข้าตั้งใจมาหาท่านโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”เฟยเฟยหันไปมองเจ้าของเสียง สตรีหน้าตาน่ารัก ดูสูงศักดิ์ เรียกเขาว่าพี่เฉิงอย่างสนิทสนม“คุณหนูหลิว ขอบใจเจ้ามาก”เฟยเฟยหันไปมองหน้าเขา เจียงเฉิงจึงนึกขึ้นได้“ออ ลืมแนะนำไปขอรับ นี่ เจ้าเฟยเฟย น้องสาวเจ้าซีห่าว น้องรองของข้า หนึ่งในเจ้าของหออ้ายจือขอรับ”“เฟยเฟยคารวะใต้เท้าหลิว ฮูหยินหลิวเจ้าค่ะ ทุกทานเชิญตามข้ามาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาที่นั่งใ ด้านล่างเต็มแล้ว เชิญชั้นสองดีกว่าเจ้าค่ะ”“พี่เฉิง พี่พาพวกเราไปก็ได้เจ้าค่ะ ไม่รบกวนแม่นางเจ้าแล้ว ขอบคุณ”แม่นางหลิวมองเฟยเฟย และเชิดใส่เล็กน้อย นางเดินไปเกาะแขนเจียงเฉิงให้เขาพานางไปเลือกโต๊ะ เฟยเฟยได้แต่เดินตามพวกเขาไปเงียบๆ เมื่อพวกเขาได้โต๊ะแล้ว เจียงเฉิงจึงนั่งกับพวกเขา เฟยเฟยเลยเดินเลี่ยงออกมาลี่เซียนเห็นเฟยเฟยเดินมาหงอยๆ นางจ
เสียงประทัดดังขึ้นหน้าหออ้ายจือหลังใหม่ พร้อมกับทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดร้านใหม่ เต็มหน้าลานการแสดง เจียงเฉิงเป็นตัวแทนของร้านออกมากล่าวต้อนรับ“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้สละเวลามาร่วมในงานเปิดร้านใหม่ของหออ้ายจือสาขาสองของพวกเรา วันนี้จะมีการแสดง ทั้งของเหล่าไอดอลหออ้ายจือของเรา และกลางคืนยังมีการแสดงงิ้ว และงานเทศกาลโคมไฟไปพร้อมๆกันด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับงานในวันนี้ และที่สำคัญ เชิญทุกท่าน ร่วมรับประทานอาหาร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ทุกท่านเชิญ”แขกหน้าร้านทุกคนปรบมือ และทยอยเข้าไปนั่งภายในร้าน ซึ่งโอ่อ่า และกว้างขวางมาก โต๊ะเกือบ 50 โต๊ะ ทยอยเต็มอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้านบนชั้นลอย จะเป็นที่สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน เถ้าแก่อวิ๋นเองก็นั่งโต๊ะถัดไป และคอยช่วยเจ้าซีห่าวจัดแจงที่นั่งให้แขกผู้ใหญ่“พี่เจียง พี่ใหญ่ พี่สามมาแล้วเจ้าค่ะ”เฟยเฟยตะโกนเรียกทั้งสอง ซึ่งพวกเขารีบวิ่งออกไปต้อนรับนาง ฟู่เว่ยหลงค่อยๆพยุงลี่เซียนลงมาจากรถม้า“น้องสามๆๆ คอยๆเดิน ระวังๆหน่อย หลานข้าอยู่ในท้องเจ้า จะเดินไปไหนต้องระวังหน่อย”“พี่รอง ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านว่าเว่ยหลงจะย
จวนสกุลฟู่“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”อาปิงและอิ้นสี่ พาหลินลี่เซียนเดินไปที่ห้องหอที่จัดเตรียมไว้สำหรับพิธีสมรสพระราชทานของท่านเม่ทัพหลวงคนใหม่ และฮูหยินแม่ทัพฟู่“อาปิง ข้าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว มีอะไรให้ข้ากินได้บ้างมั้ย”“ฮูหยินเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะเอาขนมมาให้ท่าน แต่ท่านอย่าเปิดผ้าคลุมหน้านะเจ้าคะ จะเสียฤกษ์ ต้องรอให้ท่านแม่ทัพเปิดนะเจ้าคะ”“รู้แล้วๆ รีบไปหาของกินมาทีเร็ว กว่าเว่ยหลงจะเข้ามาอีกนาน เขาต้องรับแขกข้างนอกอีก ป่านนั้นข้าหิวตายอยู่ตรงนี้แหละ”อาปิงรีบออกไปยกขนมมาให้หลินลี่เซียนกิน อิ้นสี่รินน้ำชาส่งให้นางใต้ผ้าคลุมเพื่อให้นางดับกระหาย“อา ค่อยยังชั่วหน่อย นี่ หลังจากนี้ ต้องทำอะไรอีกล่ะ”“ก็รอให้เจ้าบ่าวเข้ามา เปิดผ้าคลุมหน้า ดื่มเหล้ามงคล แล้วก็... เข้าหอเจ้าค่ะ”“ข้าง่วงจังเลย”“ฮูหยิน ท่านจะนอนพักก่อนมั้ยเจ้าคะ แค่นั่งพิงหลับน่าจะได้”“อืม ข้าขอพักสักงีบ พวกเจ้าออกไปเถอะ”“เจ้าค่ะ”หลินลี่เซียนนั่งพิงกับขอบเตียง หลังจากที่กินขนมไป นางรู้สึกง่วงมากเพราะเตรียมตัวมาตั้งหลายวัน และวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าพิธีอีก กว่าจะแ
ลี่เซียนตื่นขึ้นมา พบว่านางสวมใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะพ่อคนดีข้างๆ นางนี่เอง ที่จัดการให้ นางยิ้มและก้มหอมแก้มเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นมา“เจ้าตื่นแล้วหรือ ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืน ท่านใส่ยาและสวมเสื้อผ้าให้ข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่ เจ้าลุกไหวหรือไม่ ให้ป้าจางยกข้าวมาให้กินที่นี่ก็แล้วกันนะ”“วันนี้ท่านจะไปไหนหรือเปล่าเจ้าคะ”“ข้าจะเข้าวังหน่อย เจ้ามีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าเจ้าค่ะ งั้นข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ท่านลุกเถอะเจ้าค่ะ ไปอาบน้ำ เตรียมเข้าวังได้แล้ว”“ได้สิ เจ้าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ข้าจะได้ให้อาปิงเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้”“เจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ”เว่ยหลงก้มลงจูบที่หน้าผากนาง วันนี้เขาจะเข้าวังไปสะสางงานที่เหลือจากเมื่อวาน และไปฟังข่าวด้วย ที่สำคัญ วันนี้มีการกำหนดโทษของสนมฉิน ฉืนอี้เหนียงและฉินชุนเหมยด้วยพวกเขากินข้าวเช้าในห้องของลี่เซียนเสร็จแล้ว นางเดินมาส่งเขาหน้าจวน เขาหันมาบอกนาง“รอข้านะ เดี๋ยวข้าก็กลับ”“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนี่นา ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ได้”เว่ยหลงส่งยิ้มให้นาง ก้มลงหอมแก้มข้างที่ไม่มีผ้าปิดแผล และหันกลับไปขี่ม้าเพื่อเข้าวัง ล