8
- เมาขาดสติ -
(- -) (o o) (0 0) นี่คือสีหน้าของฉันเมื่อลืมตาตื่นขึ้น
‘เชี่ยแล้ว ยัยฟ้า ตัวแกทำอะไรลงไปเนี่ย’ ดวงตาฉันเบิกกว้าง ร่างกายที่รู้สึกว่าไร้การห่อหุ้มจากเสื้อผ้า เมื่อเปิดดูร่างกายตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นวาบจากร่างกายเปลือยเปล่า ดูเหมือนจะมีรอยไปทั่วตัว ‘ระ..รุนแรงอะไรอย่างนี้’ ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก และค่อยๆ หันมองไปยังคนที่นอนข้าง ๆ
‘คุณพระ!!! นี่มันคุณเอ็ดเวิร์ด’ ฉันยกมือปิดปากตัวเองทันที จากที่สะลืมสะลือ ตอนนี้รู้สึกตื่นเต็มที่ชนิดที่อยากจะวาปหนีจากตรงนี้ไปให้ไกล
แล้วรอยตามตัวเขานั่นมันอะไรกันทำไมถึงเยอะขนาดนั้น คราวก่อนที่เคยเจอกัน แม้เขาจะกำลังมีเซ็กซ์กับผู้หญิงหลายคน แต่ตอนนั้นร่างกายเขาแทบขาวสะอาด ไร้รอยประทับด้วยซ้ำ แม้แต่รอยลิปสติกยังไม่มี แต่คราวนี้ตามตัวเขาดันเป็นรอยใหม่ ๆ ซะด้วย เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า เป็นฉันที่ฝากไว้ ยัยหื่น ยัยเรื้อน ยัยลามกเอ้ย คอแกได้ขาดสะบั้นแน่ถ้าเขาตื่น
ทั้งที่รู้ว่าฉันเมาแล้วฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ยังดื่มเหล้ากับคนที่พึ่งพบกันครั้งแรกอีก เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวฉันเอง
คุณเอ็ดเวิร์ดคงไม่คิดอะไร ไม่งั้นคงไม่ปล่อยฉันจนตื่นมาตอนนี้ เพราะเขาเองก็คั่วสาวไปทั่วอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ฉันล่วงเกินเขาไป เขาคงไม่ถือสาอะไรแน่ ๆ
ฉันอยากจะเก็บความบริสุทธิ์ให้สามีในอนาคต ดูท่ามันคงพังทลายไปตั้งแต่ต้นแล้วสินะ พอดื่มเหล้าแล้วธาตุแท้ดันออก อยากสัมผัสเขาจนตัวสั่นสิท่า ยัยฟ้าครามคนโง่ เจอคนที่สเปกหน่อยก็อดทนไม่ได้
“ฉันต้องรีบหนีก่อนที่เขาจะตื่น” ฉันค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างเบาที่สุด ไม่ให้เตียงสะเทือน จนเกิดเสียงใด ๆ ที่เสี่ยงจะทำให้เขาตื่นขึ้น จากการนอนหลับสนิทหรอก
“อั่ก....ปะ...ปวดหนึบชิบหาย” ร่างกายที่เมื่อได้ยืนก็รับรู้ได้ถึงความปวดร้าวไปทั้งตัว
ยิ่งมองไปรอบ ๆ มุมนั้นก็เละ มุมนี้ของก็หล่นตกไปหมด ชุดเขา และ ชุดของฉันทั้งเดรส กางเกงใน บรา คือปลิวไปคนละทาง โอ๊ยยยยยยยยย อยากจะบ้ารู้ถึงไหนอายถึงนั่น
ครั้งแรกดันมีกับคนแปลกหน้า แถมมอบให้กับคนเจ้าชู้ เซ็กซ์ไม่เลือกอีก หัวจะปวดเลยกู
เมื่อฉันสวมใส่ชุดและรวบผมให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนั้นก็คว้ากระเป๋าเพื่อเตรียมออกจากห้องทันที
ก่อนออกจากห้องฉันหันไปมองร่างเปลือยของเขาเป็นบุญตาตอนยังมีสติอีกสักหน
“เอาวะ อย่างน้อยครั้งแรกก็ได้กับคนหล่อฟ้าประทานขนาดนี้ถือว่ากำไรได้อยู่ จากนี้ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกหรอก” ฉันส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไปแบบระแวดระวัง เมื่อมองว่าไม่มีใคร ก็วิ่งกุลีกุจอกลับไปยังห้องของตัวเองอย่างเร่งด่วน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเข้าร่วมประชุมโครงการแล้วนะสิ
(
ณ.ห้องพัก สวีทรูม วีไอพี
ชายร่างกำยำลืมตาตื่นขึ้น แท้จริงแล้วเขาตื่นนอนก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นเสียอีก แต่เพราะเขาอยากดูปฏิกิริยาของเธอ จึงทำให้เขาแสร้งทำเป็นยังนอนอยู่ เขายกแขนก่ายหน้าผาก และจู่ ๆ ใบหน้าเขาก็ยกยิ้มขึ้นเมื่อนึกท่าทีของเธอเมื่อสักครู่
“หึ...คิดว่าจะหนีไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ”
ไม่นานนักลูกน้องคนสนิทของเขาก็เข้ามาภายในห้องเพื่อแจ้งกำหนดการ
“ท่านครับ ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้วนะครับ”
“รู้แล้วเตรียมชุดให้ฉัน”
“ผมจัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้วครับ”
“ดี วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเปิดตัวซะที”
“เอ่อ วันนี้สีหน้าท่านดูอารมณ์ดีนะครับ เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่าครับ”
“อืม เหมือนจะเป็นแบบนั้น”
“จริงเหรอครับ ที่ท่านบอกว่าหลับสบาย” สีหน้าของลูกน้องคนสนิท อ้าปากเหวออย่างตกใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินนายของตัวเองพูดว่านอนหลับสบาย
“ว่าแต่คุณผู้หญิงคนสวยเมื่อคืนไปไหนแล้วล่ะครับ”
“หนีไปแล้ว” เสียงทุ้มเข้มตอบ
“ท่านปล่อยให้เขากลับเหรอครับ นาน ๆ ท่านจะมีผู้หญิงที่ทำให้นอนหลับได้” ลูกน้องคนสนิทรู้สึกเสียดายมาก และแปลกใจที่นายของเขาปล่อยเธอออกไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขาควานหาคนที่จะทำให้เขานอนหลับได้สบายมาหลายปีแล้ว
“หึ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลไป ยังไงซะเธอคนนั้นก็ลูกไก่ในกำมือ” สีหน้าของเอ็ดเวิร์ดแสดงออกมาด้วยความมั่นใจ ก่อนที่เขาจะคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าไปห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์
“ยังไงซะ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว”
)
ณ.ห้องพักของฟ้าคราม
ฉันกลับมาถึงห้อง อันดับแรกฉันต้องการอาบน้ำอย่างแรง เนื้อตัวฉันมันทั้งเหนียว แถมกลิ่นน้ำหอมของเขาก็ติดไปทั่วตัวฉัน ราวกับไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่ได้แนบเนื้อกัน ยิ่งอาบน้ำแล้วจ้องมองไปยังกระจกก็ยิ่งพบร่องรอยอารยธรรมตามตัว ตั้งแต่คอ เนินนม ลามไปจนต้นขา วดฟ. มากแม่ ดีนะที่ฉันยังพกเครื่องสำอางชุดใหญ่มาด้วย ดังนั้นการลบรอยพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสาว ๆ ล่ะนะ
วันนี้แต่งตัวด้วยชุดสูทที่จัดเตรียมไว้ ทรงผมก็รวบเก็บให้ดูสุภาพ แต่งหน้าด้วยโทนสีอ่อนไม่จัดจ้าน หันตัวซ้ายขวามองกระจก เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
"อืม ใช้ได้แล้วล่ะ" ฉันยิ้มให้ตัวเองในกระจกเสริมความมั่นใจ แน่ล่ะดีลงานมูลค่าพันล้านครั้งนี้ต้องเป็นของบริษัทไอ้กรณ์กับฉันให้ได้เลยคอยดู
ไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มนายทุนจะเป็นรูปแบบไหน แต่ก็ต้องระแวดระวังไว้ก่อนเพราะหากเขาจะสร้างโรงแรมนี้ นอกจากเป็นที่พักแล้วยังมีบ่อนพนันในตัว นายทุนก็คงไม่ได้ขาวสะอาดนักหรอก อาจจะเป็นพวกกลุ่มตาแก่นักเลงที่ชอบข่มเหง วางมาดก็เป็นได้ ดังนั้นทำใจรับคำดูถูกไว้หน่อยดีกว่า
ฉันหยิบมือถือเพื่อโทรไลน์หาไอ้กรณ์ผู้เป็นทั้งหัวหน้า และเพื่อนสนิท
“ฮัลโหล กูพร้อมแล้ว มึงอย่างลืมเตรียมเอกสารของมึงให้ดีด้วยล่ะ”
(เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว เรามาคว้างานใหญ่กันเถอะเพื่อน)
“เออ เจอกันหน้าห้องประชุมนะ”
“ได้เลย”
ฉันเดินออกจากห้องพักตัวเอง ถามว่าตื่นเต้นมั้ย ก็มีนิดหน่อย แต่ก็เตรียมเผื่อใจรับความผิดหวังไว้บ้างแล้ว
แม้ที่ผ่านมาฉันจะมั่นใจในการดีลงานที่ไม่เคยพลาดสักครั้ง แต่งานพวกนั้นมันเทียบไม่ได้กับโครงการนี้เลย แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง อย่างน้อยขอแค่ให้บริษัทเราได้แสดงศักยภาพในการนำเสนอให้ประจักษ์ต่อสายตานายทุนรายใหญ่ไว้ก่อน หากพลาดโอกาสนี้ อย่างน้อยหากมีโอกาสหน้าพวกเขาจะได้มองเห็นบริษัทเราในสายตาบ้าง ถือว่าเป็นการวางคอนเนคชั่นได้ดี
ตอนนี้ฉันเดินมาจนถึงหน้าประตูทางเข้าห้องประชุมแล้ว เนื่องแน่นไปด้วยนักธุรกิจที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมว่าจะได้งานใหญ่แห่งนี้ ฉันเองก็เหมือนกัน ความมั่นใจในการเสนองานของฉันเต็มร้อยสุด ๆ แต่จะได้ไม่ได้ก็อีกเรื่อง
“อยู่ไหนกันนะ” ฉันพยายามมองหาไอ้กรณ์ มองหาไม่นานก็พบว่าไอ้กรณ์กำลังยืนคุยกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ อยู่
“ท่านคะ ดิฉันมาแล้วค่ะ” ฉันที่ต้องสวมบทบาทเป็นเลขาเฉพาะกิจ
“คุณฟ้าครามมาแล้วสินะ เอกสารที่ผมให้เตรียมเรียบร้อยดีใช่มั้ย”
“ค่ะท่าน ดิฉันเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดี เราเข้าไปด้านในกันเถอะ” ไอ้กรณ์ หันมาพูดกับฉัน ก่อนที่จะหันไปพูดกับนักธุรกิจตรงหน้า “ผมขอตัวเข้าไปก่อนนะครับ หวังว่าบริษัทเราจะได้ร่วมงานกันในอนาคต”
“แน่นอนครับ ผมตั้งตารอวันนั้นที่จะมาถึงเลยครับ” นักธุรกิจคนหนึ่งตอบรับเช่นกัน ดูท่าไอ้กรณ์มันคงจะพยายามหาคอนเนคชั่นไว้เหมือนกัน ทำดีมากเพื่อน
เมื่อปลีกตัวออกมาจากวงสนทนาได้แล้ว พวกเราเข้าไปยังที่นั่งประจำจุดโดยมีป้ายชื่อกำกับซึ่งเป็นส่วนที่ทางโรงแรมได้เตรียมไว้ พอเรานั่งเสร็จ ไอ้กรณ์ก็หันมากระซิบกับฉัน
“วันนี้ดูสีหน้าสดชื่นนะ เมื่อคืนหลับสบายมาเหรอ”
“หืม...ก็นอนปกตินิ”
“ปกติ ดวงตาต้องดูหม่น ๆ เหมือนคนโดนผีอำ บอกมาเมื่อคืนไปทำอะไรมา ฟ้า”
“เสียงดังไปแล้ว กูไม่ได้ทำอะไร นี่ก็เพิ่งลุกจากเตียงตื่นมาเนี่ย” สีหน้าไอ้กรณ์ดูไม่เชื่อที่ฉันพูดเท่าไหร่ พวกเรารู้จักกันมานานไม่แปลกที่หากฉันจะเปลี่ยนไปนิดมันก็จะจับสังเกตได้ทันที
ไม่ทันไรภายในห้องประชุมก็เต็มถนัดตา ดูเหมือนเหล่านักธุรกิจจะเข้ามาครบทุกที่นั่งแล้ว
“เอาล่ะครับพวกเราจะเริ่มประชุมกันแล้วนะครับ ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ” คนที่กล่าวน่าจะเป็นคนหนึ่งในหมู่กลุ่มนายทุน ดูภูมิฐานมาก สมเป็นพวกคนรวยขนานแท้
แต่แล้ว ก็มีนักธุรกิจคนหนึ่งยกมือขึ้น เหมือนจะกล่าวถามอะไรบางอย่าง
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า ประธานของพวกคุณจะมาหรือยังตั้งแต่ผมมา ผมไม่ยักกะเห็น” สิ้นคำของนักธุรกิจคนหนึ่งเอ่ย หนึ่งในกลุ่มนายทุนได้เอ่ยถามเขาอย่างเสียงเรียบนิ่ง
“คุณมาจากบริษัทไหนครับ”
“ผมมาจากบริษัท Y ครับ”
“งั้นทางเราของเรียนแจ้ง ยกเลิกการว่าจ้างบริษัทคุณเชิญออกจากห้องประชุมได้ครับ” สิ้นเสียง นักธุรกิจทุกคนในห้องประชุม ต่างก็ตกใจที่ทางกลุ่มนายทุนปฏิเสธการดีลง่ายกับบริษัทด้วยเหตุผลเช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่กำลังพูดคุยเซ็งแซ่ ต้องหุบปากเงียบสงัดไปโดยพร้อมเพรียง ฉันเองก็เช่นกัน ใครจะคิดว่าแค่เอ่ยถามหาประธานของพวกเขา จะถึงขนาดโดยปฏิเสธโดยไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น นะ...น่ากลัวไปแล้ว
31- ความเป็น ความตาย–“ช่วยด้วย......” ร่างของฉันกระตุกดีดตัวขึ้นร้องเสียงดังไปทั่วห้อง ดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าผุดเหงื่อจากอาการหวาดผวา ฉันหอบหายใจรัวระรินราวกับขาดอากาศหายใจเจียนตาย นั่นมันไม่ใช่ความฝันหรอก แต่สถานที่แห่งนั้นคือเส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับความตาย ฉันนึกว่าฉันจะไม่รอดกลับมาในโลกคนเป็นซะแล้ว พอคิดแบบนั้นก็พาลทำให้รู้สึกแย่แทบบ้าแล้วอะไรที่ทำให้ฉันกลับมาได้กันนะ นั่นคือสิ่งที่สมองฉันกำลังคิด“เป็นอะไร ฝันร้ายเหรอครับ” เสียงเข้มดังขึ้นนั่นจึงทำให้ฉันหลุดจากภวังค์เหม่อลอย ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่า มือของฉันถูกกุมไว้ด้วยมือหนาตั้งแต่ต้น และเขาเองก็นอนอยู่ข้าง ๆ ฉันมาตลอด เพียงฉันหันหน้าไปมองเขาความกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนก็พลอยรู้สึกปลอดภัยขึ้นเขาละมือหนาออกจากมือฉันก่อนจะดึงฉันเข้าสวมกอดพลางลูบหัวอย่างอ่อนโยน“ฝันร้ายเหรอครับ ไม่เป็นไรผมอยู่ตรงนี้ตลอด คุณจะไม่เป็นไร คุณฟ้า” เพียงคำพูดของเขาเปล่งออกมา นั่นก็ทำให้ฉันร้องไห้ขึ้นอีกครั้ง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความกลัว หรือ เสียใจ แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความรู้สึกดี อบอุ่นซาบซึ้งใจจนเอ่อล้นสองมือของฉัน โอบกอดเอวของเขาก่อนจะซ
30- รู้ว่าเสี่ยง...แต่คงต้องขอลอง –ฉันคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องพลางมองนาฬิกาข้อมือ“21.00 น. ยังพอมีเวลา น่าจะได้ความคืบหน้าอะไรมาสักหน่อยล่ะนะ” ฉันเดินตรงดิ่งผ่านตึก B ซึ่งฉันมีบัตรผ่านอยู่เพราะเป็นผู้ร่วมดูแลความรับผิดชอบ แต่เมื่อไปเกือบถึงตึก C ฉันก็ต้องค่อย ๆ ลัดเลาะมองซ้ายขวาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น ขืนมีคนมาเห็นเข้ามีหวังโดนมองเป็นผู้ต้องสงสัยไปอีกคนฉันเดินมาจนถึงทางเข้าตึก C ทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทางหลัก พยายามยืนนิ่ง ๆ ก่อนที่ผีคุณปานจะปรากฏ“คุณปานว่าไงคะ ได้คุยกับวิญญานตนนั้นรึยัง” ฉันหันไปพูดกับผีคุณปานที่ตอนนี้ลอยอยู่ใกล้ ๆ ฉัน‘ค่ะ แต่ เขา ยัง เอา แต่ เสีย สติ เพราะ บ่วง ห่วง อยู่ ค่ะ ไม่ ต่าง จาก ปาน’ ผีคุณปานพูดด้วยความหดหู่ ทั้งที่เรื่องเขาเองก็น่าหดหู่อยู่แล้ว“คุณปานช่วยทำยังไงก็ได้ให้เขามาตรงนี้ได้มั้ยคะ คือฟ้าเข้าไปด้านในไม่ได้จริง ๆ มันอันตรายเกินไป” ฉันทำหน้าวิงวอนผีคุณปาน ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับก่อนจะหายวับไปอีกครั้งฉันเดินไปมาเงียบ ๆ พลางก้มมองดูนาฬิกา ด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เพราะไม่อยากอยู่นานกลัวถูกจับได้ฉันกัดนิ้วหัวแม่โป้งด้วยความกังวลจนเป็นรอย ไม่นานผีคุณปานก
29- คดีอุบัติเหตุ หรือ ฆาตกรรม –หลังว่าสาย ไม่มีคำพูดใด ๆ ของพวกเรา ต่างคนต่างรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เก็บของสำคัญลงกระเป๋าก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากบ้านไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านทันที‘บรืน............’ รถของพวกเรามุ่งหน้าไปทางท่าเรืออย่างเร่งด่วนตอนนี้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจกัน ใบหน้าของคนขับรถเข้มดุ คิ้วขมวด กัดริมฝีปากบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ส่วนฉันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อปลายสายที่โทรเข้ามาคือไอ้กรณ์ มันโทรมาเพื่อจะถามข่าวเกี่ยวกับศพบนโรงแรมที่กำลังเป็นข่าวไปทั่วเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน แต่เพราะฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น เลยให้คำตอบมันไม่ได้ฉันก็ต้องตื่นตระหนกอยู่แล้ว เพราะทำงานที่นั่น แต่คนที่ควรจะเครียดมากกว่าฉัน มันก็ต้องเป็นคนข้าง ๆ อย่างเขาเนี่ยแหละ เพราะโรงแรมแห่งนี้ยังไม่ทันจะเปิดให้บริการแต่กลับมีศพบนเกาะแน่นอนว่าถ้าข่าวสะพัดไปเป็นวงกว้าง ผลกระทบที่ตามมามันมากมายแน่นอนเรามาถึงท่าเรือ และเลือกที่จะนั่งสปีดโบ๊ทเพราะต้องการไปถึงเกาะให้เร็วที่สุด เมื่อเรือเทียบท่า คุณเอ็ดเวิร์ดก็เดินเข้มเข้าไปในโรงแรมทันทีพร้อมกับเรียกประชุมด่วนของพนักงานในบริษัท (ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันล่ะนะ)ฉันเด
28- อยากรักต้องกล้าหน่อย –เช้าวันใหม่ฉันตื่นขึ้นมาหาววอด ๆ พลางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อค่อย ๆ รับแสง อาทิตย์ที่สาดเข้ามาผ่านกระจกระเบียงพอสร่างเมาแล้วความคิดต่าง ๆ ก็ถาโถมเข้ามาในสมองไม่หยุดไม่หย่อนฉันรู้ว่าตัวฉันไม่สามารถจะโหวกเหวกโวยวายได้ เพราะเวลาฉันเมาแล้วนั้น มันมักจะลืมตัวทำอะไรในแบบที่ปกติฉันไม่มีทางทำแน่ ๆแต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหงุดหงิดทุกทีจริงๆ ขนาดฉันปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ เขาแค่นอนทื่อ ๆ สวมกอดฉันก็เท่านั้น พาลทำให้หงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้ จนตอนนี้อยากจะลุกขึ้นออกไปสูดอากาศให้รู้สึกหัวโล่งซะหน่อยเพียงที่ฉันคิดจะลุกขึ้น ฉันก็รู้สึกว่าร่างของฉันถูกพันธนาการด้วยสองแขนแกร่งแน่น ใบหน้าของเขาอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าฉันมากนัก มันสามารถมองชัดจนเห็นขนตางอนของเขาที่รับกับใบหน้าได้เลยฉันจึงไม่พยายามขยับอีกเพราะกลัวเขาตื่น แต่กลับจ้องมองเขาด้วยความถวิลหา อิฟ้ามันก็ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายหล่อมาก ๆ ก็ค่อนไปทางสเปกแถมอยู่ห่างไม่ถึงคืบจะไม่ให้หวั่นไหวได้ไงอ่ะพวกแก“คุณฟ้า จะจ้องผมนานมั้ยครับ” เสียงเข้มแหบพร่า เพราะว่าเพิ่งตื่นนอนเอ่ยขึ้น แต่ดวงตาของเขาก็ไม่ได้เปิดออกแต่อย่างใด“ฉันไม่
27- ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(2) –ฉันพูดออกไป พลางเกยคางสะอื้นเบา ๆ เงียบ ๆ แบบนั้น เรี่ยวแรงหายหมด ทั้งยังปวดหัวตึก ตึก เป็นระยะ“คุณฟ้า...” เสียงเขาเรียกฉัน นั่นทำให้ฉันขยับใบหน้าเอียงมองเขาด้วยสายตามที่พริ้มด้วยอาการที่ยังมึนเมาค้างอยู่“คะ???”“ผมบอกคุณว่าวันนี้ไม่ต้องมาห้องผม แต่ผมไม่ได้บอกให้คุณออกมาเที่ยวนะครับ”“ละ..แล้วทำไมฉันจะออกมาเที่ยวไม่ได้ละคะ”“ก็คุณฟ้า พึ่งจะไม่สบายมานะครับ ผมก็เลยไม่ให้คุณมาห้องผม”“ไม่ใช่ว่าวันนี้ คุณต้องนอนกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” ฉันเอ่ย หน้าเอียงคอถามเขา“ผู้หญิงคนนั้น?? คนไหน” เขาเอ่ยเสียงทุ้มเข้มมองหน้าฉันคิ้วขมวด เหอะ.... คงเยอะจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครล่ะสิ“ก็คนสวย ๆ ในห้องทำงานของคุณเอ็ดเวิร์ดไงคะ ทำเป็นจำไม่ได้ ออกจะทอดสายตาหวานซึ้งขนาดนั้น” ฉันพูดพลางเบือนหน้าเกยบ่าเขาไป เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่คิดถึงผู้หญิงคนนั้นของเขา“หึ... นี่คุณหึงผมเหรอคุณฟ้า” เพียงคำนั้นของเขาทำให้ฉันสะดุ้งมองหน้าเขาอย่างลนลาน“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ใคร..ใครหึงคุณกัน คุณจะนอนกับใครอะไรที่ไหนก็เรื่องของคุณเอ็ดเวิร์ดอยู่แล้ว ฉันเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ใช่ผู้หญิง
26- ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(1) –เขาอุ้มฉันจะออกมาด้านนอก จวบจนเดินมาถึงรถยนต์ของเขา ความรู้สึกอึดอัดพาลให้ฉันหายใจโล่งขึ้น ใบหน้าของเขาพลันปรากฏต่อสายตาฉันชัดเจน และใกล้จนเขาน่าจะสามารถรับรู้การหายใจถี่ ๆ ขอฉันได้ ทำไมนะเหรอ ก็หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแรงตึกตัก ไม่รู้เพราะเมาเหล้า หรือเมารักแต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากไปกับเขาหรอก พอคิดว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน แถมเขาก็เพิ่งจะแยกกับผู้หญิงคนนั้นมา พาลทำให้ฉันอารมณ์เสียถ้าเขาจะงุนงง ว่าฉันเป็นบ้าอะไรคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะฉันก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไร เรื่องงานฉันอาจจะเก่ง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แต่กับเรื่องความรักฉันไม่สันทัดจริง ๆ“คุณจะปล่อยฉันได้รึยัง” เพียงฉันพูดออกมา เขาก็คลายแขนปล่อยให้ฉันลง ฉันหันไปคว้ากระเป๋าใบเล็กของฉันที่เขาถืออยู่ก่อนจะหันหลังเดินออกไปดุ่ม ๆ มุ่งไปทางออกถนนใหญ่แบบไม่พูดอะไรถึงท่าเดินที่ไม่เป็นเส้นตรง แถมสายตาก็เบลอ ๆ ก็ไม่ทำให้ฉันกลับไปกับเขาหรอก“นั่น.... คุณจะไปไหน” เสียงของคุณเอ็ดเวิร์ดพูดตามหลังฉัน“กลับบ้าน....สิ” ฉันหันไปมองเขาพร้อมกับพูดไปแบบนั้นก่อนจะหันเดินต่อเพื่อออกไปยังถนนใหญ่“ผมบอกให้คุณ