 ログイン
ログインใบหน้าหล่อคมคาย สายตาน่าลุ่มหลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กับหุ่นที่น่า... ขนาดนี้ เท่าที่เคยพบในชีวิตนี้ก็มีอยู่คนเดียว คนที่ทำให้ตกหลุมรัก และอยากหลีกหนีไปพร้อม ๆ กัน
“เจอกันอีกแล้วนะ” เขาพิงหลังไปตามราวระเบียงโดยที่มือทั้งสองจับราวไว้ ทำเป็นเท่(แต่ก็เท่จริงแหละ เฮ้อ)
“เออ...คือว่าฉันมาผิดทาง ขอตัวก่อนค่ะ” ฉันรีบหันหลังให้อย่างไวก่อนที่จะมีเสียงเรียก ถ้าเป็นตามปกติแล้วฉันคงเดินหนีไปไม่ยาก แต่เสียงเรียกของเขามันดุดัน แถมแรงกดดันบางอย่างทำให้ฉันตัวหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก ‘ให้ตายเถอะ ทำไมซวยแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาไว้ตอนไหน’
“ผมบอกให้คุณหยุด...เดี๋ยวนี้” ฉันได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเขาราวกับกำลังถูกมนต์สะกด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะเขาเองก็เพ่งมองฉันด้วยสายตาที่ทำเอาหัวใจเต้นแทบจะหลุดออกจากอก
“คะ...คุณมีอะไรกับฉันเหรอคะ”
“คุณชื่ออะไร” เสียงอันนุ่มลึกนั่นถามฉันด้วยท่าทีที่เริ่มเป็นมิตร
“ฟ้าครามค่ะ” ฉันตอบไปแบบเก้ง ๆ กัง ๆ
“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทะเลอันกว้างไกล
“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”
“คุณไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าผมชื่ออะไร”
“คะ?” ในหัวฉันมีแต่คำถาม เป็นเพราะเขารู้ชื่อฉันแล้วฉันควรจะถามเขาตามมารยาทใช่มั้ย “ละ..แล้วคุณชื่ออะไรคะ”
“ผมเอ็ดเวิร์ด”
“อ่อค่ะ คุณเอ็ดเวิร์ดเป็นชื่อที่ดีค่ะ” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรแล้วช่วยฉันออกจากสถานการณ์นี้ที กลัวจนตัวสั่นแล้วเนี่ย แล้วทำไมต้องพยายามโชว์ปืนข้างเอวให้เห็นด้วยกันนะ เขากำลังขู่ไม่ให้ฉันหนีรึไง หรือว่ายังโกรธตอนนั้นที่ไปขัดความสุขของเขาตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับพวกผู้หญิงตอนนั้น
“ผมว่าเราไปนั่งคุยตรงนั้นดีกว่ามั้ย” เขาพยักเพยิดใบหน้าไปทางมุมโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมดินเนอร์ไว้เป็นอย่างดี แต่มันดูจัดฉากไปหน่อยมั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ลานโต๊ะอาหารสักหน่อย แต่จะเอ่ยถามตรง ๆ ก็ไม่ได้ ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายอยู่รอมร่อ
“เอาที่คุณเอ็ดเวิร์ดสะดวกเลยค่ะ” เขาเดินนำฉัน ส่วนฉันก็ตามไปช้า ๆ รอบ ๆ ไม่มีบอดี้การ์ด หรือลูกน้องเขาคอยตามเหมือนคราวก่อนแหะ
“เชิญนั่งครับ”
“ค่ะ”
“ดื่มหน่อยมั้ย ผมหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธนะ” พูดขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธกัน
“ดื่มค่ะดื่ม”
“งั้นผมรินให้ครับ” เขารินเหล้าให้ฉัน ท่าทางของเขาตอนไม่แผดเสียง หรือทำตาดุดัน นี่หล่อจริง ๆ เลย ไม่ว่าจะใบหน้า สันกราม รูปร่างที่แม้จะสวมชุดอยู่ก็ดูดีไปหมด กรณ์เพื่อนฉันยังไม่ได้แม้แต่เสี้ยวของคนตรงหน้านี้ด้วยซ้ำ เฮ้อ เสียดายที่รอบตัวเขามันหม่น ถูกปกคลุมไปด้วยคำสาปแช่งแบบนี้
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึเปล่า คุณถึงได้มองขนาดนั้น”
“คะ...ไม่กล้าค่ะไม่กล้า ฉันไม่ได้ตั้งใจมองคุณนะคะ ฉันแค่มองไปรอบ ๆ บรรยากาศดีค่ะ” เขายื่นแก้วเหล้าให้ฉันก่อนที่เขาจะยกแก้วตัวเองเพื่อเชิญชวนให้ฉันดื่ม ฉันจิบมันไปหนึ่งครั้ง พูดได้คำเดียวว่าเข้มมาก เข้มสุดใจ แค่กลืนก็แทบรู้สึกร้อนคอไปหมด
“ไม่โอเคเหรอครับนี่เหล้าชั้นดีราคา หลักสิบล้านเลยนะครับ”
“แค่ก...แค่ก...คุณว่าไงนะคะ สิบล้าน” ฉันได้แต่กลืนน้ำลายไปหลายอึก แล้วฉันมีสิทธิ์อะไรมากินเหล้าชั้นสูงเนี่ย ราคาเท่าบ้านหรูหลังหนึ่งเลยนะเว้ย
“ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่โรงแรมแห่งนี้ครับ”
“ฉันมากับท่านประธานน่ะค่ะ เห็นว่าได้รับการติดต่อจากเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ เพื่อร่วมโครงการออกแบบตึกที่เหลือน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอครับ งานใหญ่เลยนะครับเนี่ย”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มนายทุนจะเห็นด้วยกับแผนที่เราเสนอไปรึเปล่า พวกเราเองก็เป็นแค่บริษัทระดับกลาง”
“คุณมั่นใจว่าจะร่วมทำโครงการนี้ไหวรึเปล่าครับ”
“แน่นอนสิคะ ไม่มีดีลงานไหนแล้วบริษัทเราไม่ทำเต็มที่ ผลออกมาตอบรับดีทุกครั้งเลยค่ะ”
“ทำเอาอยากเห็นคุณทำงานเลยนะครับ”
“ว่าแต่คุณเอ็ดเวิร์ดละคะ มาทำอะไรที่โรงแรมนี้ ได้รับเชิญเหมือนกันเหรอคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
“งั้นเราคือคู่แข่งทางธุรกิจกันรึเปล่า คุณคงไม่แค้นเคืองฉันตอนนั้นจน...เอ่อ ขัดขาทางธุรกิจนะคะ”
“เปล่า ผมแค่นักท่องเที่ยว ได้รับเชิญมาที่นี่ และตอนนั้นผมก็ไม่ได้แค้นอะไรคุณ”
“ฟวู่...โล่งอกไปที” ฉันถอนหายใจ ฉันนึกว่าเขากำลังตามแก้แค้นฉันซะอีก แต่เมื่อเขาเป็นมิตรแบบนี้ เขายิ่งดูมีเสน่ห์ไปไม่น้อย ว่าแต่ไอ้เหล้านี้แม้จะขมแรงก็จริง แต่ยิ่งดื่มยิ่งหยุดไม่ได้แหะ ดวงตาเริ่มจะล้า ๆ แล้วสิ
“คุณคิดว่าโรงแรมนี้เป็นยังไงบ้าง” เสียงนุ่มบาดลึกเอ่ยถามฉัน
“ก็ดีค่ะ โอ่อ่าหรูหรา อยู่บนเกาะส่วนตัว ทำให้น่าพักผ่อนได้ดี”
“แต่เท่าที่ผมเคยได้ข่าวมันเคยเจ๊งนะครับ”
“อะแฮ่ม คุณเอ็ดเวิร์ดจะหาว่าฉันบ้ามั้ยคะ จริง ๆ ฉันพอรู้สาเหตุที่มันเจ๊ง”
“คุณรู้?”
“ค่ะ ฉันไม่ได้จะอวดเก่งนะคะ ฉันว่าน่าจะมีฉันคนเดียวที่รู้ด้วย”
“บอกผมหน่อยได้มั้ยครับคุณฟ้าคราม”
“ได้สิคะ แต่คุณอย่าหัวเราะฉันล่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบาพลางกระซิบ อาจเพราะเมาแล้วเลยรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง “คุณเชื่อมั้ยคะว่าที่นี่เจ๊งเพราะมีผี”
“ผี??” เขาทำใบหน้ายิ้ม เขาต้องไม่เชื่อฉันเหมือนคนอื่น ๆ แน่ ๆ
“คุณเอ็ด ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ที่นี่น่ะ ผีเจ้าถิ่นเยอะจริง ๆ เยอะเป็นโขลงเลย ต่อให้สร้างอะไรดีแค่ไหน มันก็เจ๊งแหละ”
“งั้นเหรอครับ”
“คุณทำสีหน้าแบบนี้ คุณกำลังหาว่าฉันบ้าเหรอ งั้นฉันไม่พูดแล้ว” ฉันคว้าเหล้าในแก้วดื่มอย่างอารมณ์เสีย “อ่า...ขมชะมัด”
“ผมต้องเชื่อคุณฟ้าครามอยู่แล้วสิครับ งั้นเราควรไปบอกพวกนักลงทุนมั้ย ว่าอย่าสร้างอะไรที่นี่” ฉันได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวไปมา แต่ตอนนี้หัวเริ่มจะล้มฟุบแล้วสิ
“ม่ายได้หรอกค่ะ พวกเขาลงทุนกันไปแล้ว แต่ถ้าฉันได้ร่วมงานที่นี่ ฉันคิดว่าฉันช่วยเขาด้าย” เริ่มพูดไม่เป็นคำแล้วสิ
“คุณมั่นใจ”
“แน่สิค่ะ ฉันนะ นอกจากทำงานเก่ง ยังช่วยเหลือผีเก่งด้วยนา..อย่างตอนนี้ฉานก็เห็นผีตามคุณด้วย แต่ม่ายต้องห่วง ฉันให้พวกเขาไม่มาใกล้คุณแล้วค่า”
“ผมว่าคุณเริ่มเมาแล้วรึเปล่าครับ”
“คงงั้นค่า ตาฉันเริ่มลายแล้ว” ฉันที่พยายามลุกกลับเซจนล้มนั่งไปที่เดิม “เวียนหัวจัง”
“ผมช่วยพยุงคุณฟ้าครามนะครับ” เสียงอันนุ่มลึกนั่นกระซิบอย่างแผ่วเบาทำเอาฉันเคลิ้มไปซะได้
“ขอบคุณค่า” ดูเหมือนฉันจะเมาหนัก จนขาไม่มีแรงเท่าไหร่ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเบาหวิวล่องลอย คล้ายกับมีวงแขนของใครสักคนอุ้มฉัน แผงหน้าอกแน่นตรงหน้าน่าซบเสียจริง ตอนนี้เป็นความฝันหรือความจริงฉันแยกแยะอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้ามันคือความฝัน ฉันจะทำอะไรก็ได้สินะ

ผมวิ่งแทบไม่เหลือสติ ลูกน้องก็รั้งผมไม่ได้ จนถึงห้องที่เธออยู่ เพียงแค่สายตาผมเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมันก็ทำให้ใจผมสลาย เธอเป็นอะไรไปทำไมใบหน้าถึงซีดเซียวขนาดนี้ หรือเพราะผมดูแลเธอไม่ดีไม่คอยสังเกตอาการของเธอ จนทำให้เธอป่วยแบบนี้กันผมลากเก้าอี้มาข้าง ๆ เตียงเธอ ก่อนจะนั่งลงกุมมือเธอแน่น และอยู่แบบนี้สักพักเพื่อสงบสติของตัวเองที่มันกำลังคิดมาก“พะ...พี่คะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เรียกฉัน” เสียงของเธอที่เอ่ยมาอย่างแผ่วเบาทำให้ผมต้องรีบมองเธอ“ฟ้า....เป็นยังไงบ้าง หมอครับเมียผมฟื้นแล้ว หมอ...” พอผมเห็นเธอตื่น ผมก็ลุกวิ่งออกไปเรียกหมอทันที แม้ผมจะได้ยินเธอเรียกรั้งผมไว้ แต่ผมไม่สนผมต้องรู้จากหมอว่าเมียผมเป็นอะไรให้ได้แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานผมก็สามารถลากหมอเข้ามาในห้องได้ แม้จะโดนหมอค้อนมา ก่อนจะพามาห้องนี้ก็ตาม“หมอเมียผมเป็นอะไรครับ ทำไมหน้าเธอซีดแบบนั้น หมอ...”“ใจเย็น ๆ ครับผมกำลังจะอธิบาย” ผมเพ่งมองหมอ สลับกับเมียผมที่ตอนนี้ นั่งกุมขมับตัวเอง“จะให้ผมใจเย็นได้ไงครับ หมอดูสิ เมียผมกุมขมับเธอต้องปวดหัวเพราะป่วยแน่ ๆ ครับ หมอเอกซเรย์ศีรษะเมียผมรึยัง” ผมตื่นตระหนกจริง ๆ ก็ผมเป็นห
ในพิธีการ ผมยืนอยู่หน้าเวที ตอนนี้สมองผมแทบจะหยุดสั่งการ เสียงผู้คนแขกผู้มีเกียรติ เสียงของพิธีกร อะไรผมแทบจะไม่ฟัง จนเมื่อประตูไม้บานใหญ่เปิดออกเหล่าเพื่อนเจ้าสาวเดินนำถือตะกร้าโปรยดอกไม้ระหว่างเดิน แขกผู้มาร่วมงานปรบมือ จนท้ายสุดท้ายตาผมก็จดจ้องที่เดียวนั่นคือเจ้าสาวแสนสวยว่าที่ภรรยาของผมกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับคุณพ่อ(ในนาม) ที่กำลังเดินมาส่งตัวเธอให้ผม ตอนนั้นแหละที่ใบหน้านิ่งของผม อดยิ้มจนแทบแก้มปริไม่ได้วันนี้ภรรยาผมสวยมาก สวยชนิดที่อยากจะวิ่งไปโอบอุ้มซะตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเธอยืนอยู่ตรงหน้าผม ใจผมยิ่งเต้นแรงรอยยิ้มของเธอทำให้ผมได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่มีความสุขฝ่ายเดียวพิธีการยังคงดำเนินต่อไป เรากล่าวคำสาบานร่วมกัน จวบจนแลกแหวน ก่อนจะจบที่จุมพิตพิสูจน์คำปฏิญาณ จากนั้นแขกที่มาร่วมงานก็ยืนขึ้นปรบมือแสดงความยินดีกันอีกครั้ง“เอาล่ะนา.......” เสียงของเธอยิ้มหันไปบอกสาว ๆ ที่ตอนนี้รอที่จะแย่งช่อดอกไม้ช่อหนึ่งจากมือของภรรยาผม“ฟ้า...พวกเราพร้อมแล้ว”“หนึ่ง...สอง...สาม...ฟิ้ว.....” สาว ๆ ทุกคนสายตาจับจ้องช่อดอกไม้ที่ภรรยาผมหันหลังโยนออกไปกันยกใหญ่ พอช่อนั้นใกล้หล่น มือจำนวนนับไม่ถ
ตอนพิเศษ 1(ฉบับเอ็ดเวิร์ด)วันนี้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาโรงแรมของผมไม่ขาดสาย แน่นอนว่าวันนี้มีงานที่สำคัญสุดในชีวิตของผม ผมกำลังจะแต่งงานครับ ทุกคน ช่วยยินดีกับผมด้วยนะ เมียผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดี เธอคือคนที่เข้ามาทำให้หัวใจผมเต้นแรง และคอยช่วยเหลือผมอย่างเต็มใจเมื่ออยู่ในช่วงเวลาลำบากเอาจริง ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ตอนที่อยู่บ้านเกิดพ่อ (ก็ต่างประเทศนั่นแหละ) พวกผมก็ค่อนข้างเกเร ขาใหญ่ โหดร้าย เพราะสังคมที่นั่นคนอ่อนแออยู่ไม่ได้ไงที่นั่นการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธสงคราม การล้างแค้น เป็นเรื่องปกติที่ทางรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดีไม่ดีที่ประเทศนั้นยังคงดำรงอยู่ได้ก็คงเป็นเงินเทา ๆ ทั้งนั้นแหละจนเกิดเขตเสรีที่กฎหมายคุ้มครองไม่ได้ และพวกผมเองก็ดันเกิดที่นั่น ดังนั้นหากพวกเราไม่เข้มแข็ง ไม่ร้าย หรือ ไม่มีอิทธิพล เราก็จะเป็นฝ่ายถูกเหยียบให้จมดินซะเองแต่พอผมได้คุยกับ พ่อแม่ที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ว่าอยากลงทุนอะไรที่สุจริตไว้บ้างเผื่อวันใดที่ประเทศนั้นล่มสลายจะได้มีแผนสำรอง แม่ผมก็แนะนำเป็นบ้านเกิดของท่านผมหันไปถามเพื่อนซี้อีกสองคนอย่าง ไอ้เจ กับ ไอตินที่เราผ่านอะไรด้
เรายืนอยู่หน้าหลุมศพของพ่อแม่ฉัน ต่างคนต่างถือช่อดอกลิลลี่คนละช่อ ฉันสูดอากาศให้เต็มปอดก่อนที่จะมองป้ายหลุมศพนั้นด้วยความคิดถึงจากหัวใจ“พ่อคะ แม่คะ ฟ้ามาเยี่ยมแล้วค่ะ ฟ้าสบายดีมาก ๆ” ฉันพูดแบบนั้นออกไปจ้องมองรูปตรงป้ายอย่างแน่วแน่ ไม่นานนักไอวิญญาณของพ่อแม่ก็ลอยล่องเหนือหลุมทำให้ฉันเบิกตาโตมองตาม ฉันเห็นผีมากมายก็จริงในโลกคนเป็น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ฉันในโลกคนเป็นนี้ เพียงใบหน้าพวกเขาปรากฏ แม้จะเลือนราง แต่ความคิดถึงมันก็ทำให้ไอวิญญาณตรงหน้าชัดเจนขึ้นได้ฉันน้ำตาเอ่อล้น จนคนข้าง ๆ หันมามองอย่างแปลกใจ“ฟ้าเป็นอะไรไปทำไมจู่ ๆ ร้องไห้แบบนั้นครับ”“ฮือ...ฮึ่ก..พี่คะ พ่อกับแม่มาหาฉันด้วยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขาฮือ....หลังจากที่ ...พวกเขาจากฉันไป ฮือ....” ฉันร้องแบบนั้น จนรู้สึกได้ว่ามือหนาของเขากุมมือฉันแน่นอย่างอ่อนโยน พอฉันเริ่มตั้งสติได้ ก็หันไปมองพวกท่านอีกครั้ง“พ่อคะ แม่คะ นี่แฟนหนูเองนะคะ พี่เขาชื่อเอ็ดเวิร์ด เป็นคนเก่งมาก หล่อด้วยค่ะ ที่สำคัญพี่เขารักฟ้าและก็เป็นคนที่ฟ้ารักมาก ๆ ด้วย” ฉันที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าเพราะกลั้นไม่ไหว แต่ฉันเห็นนะว่า ไอวิญญาณของพว
51- คำสัญญาชั่วนิรันดร์ –ฉันขึ้นรถที่เรียกผ่านแอปไปกับพี่เอ็ดเวิร์ด ส่วนคุณมาตินบอกว่าจะตามไปซึ่งฉันก็ส่งโลเคชั่นให้แล้ว ตอนแรกที่คุณมาตินเห็นโลเคชั่น เขาก็มองหน้าฉันพลางเลิกคิ้ว ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนเขาจะมองออกนะว่าจุดหมายปลายทางที่ฉันกำลังจะไปนั้นเป็นที่ไหน ที่ไม่รู้ก็มีแต่คนตัวโตหล่อคมคายข้างฉันนี่แหละ ก็ปล่อยให้พี่เขาไม่รู้แบบนี้ต่อไปแล้วกัน หึงดีนักรถเข้ามาในสถานที่แห่งหนึ่ง ถนนที่โล่ง ต้นไม้รอบข้างที่ราบรื่น พร้อมกับสนามหญ้าเขียวขจี ไปทั่วบริเวณ สวยงามประดับไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ตัดขอบด้วยท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส ฉันมองผ่านจากบานกระจกรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นคุณลุงขับรถก็จอดให้พวกเราลงตรงลานจอดรถของสถานที่แห่งนี้ ฉันหอบช่อดอกลิลลี่ก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังเดินตามมา“พี่ดูสิ วิวที่นี่ สวยดีนะคะ”“อืม....” เขาตอบเพียงสั้น ๆ แต่ใบหน้าไม่มองฉันด้วยซ้ำ ทำเอาฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้หันมามองฉัน“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฟ้าไม่ได้หนีจะมาที่นี่คนเดียวตั้งแต่แรก ฟ้าอยากให้พี่มาด้วยจะตายไป แต่พี่บอกติดงานด่วนเองนินา”“จริงเหรอครับ”“จริงสิคะฟ้าจะโกหกทำไม
50- คนสำคัญ –(Fah Talk)หลังจากที่ฉันวิ่งแจ้นออกจากห้องทำงานของเขามาได้ ฉันก็ตรงดิ่งไปยังท่าเรือทันที เพราะตอนนี้ใกล้เวลาประชุมใหญ่ ฉันก็เป็นถึงผู้บริหารร่วมจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไม่ได้ จะทำให้คนรอในห้องประชุมได้ไงจริงมั้ยล่ะฉันนั่งอยู่ในเรือด้วยใจเลื่อนลอย วันนี้ภารกิจฉันมีเยอะจริง ๆ แม้จะเสียดายที่วันนี้ พี่เอ็ดเวิร์ดติดลูกค้าคนสำคัญ ทำให้ฉันพาเขาไปด้วยไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรปีหน้าค่อยพาเขามาใหม่แล้วกัน ฉันจะมางี่เง่าบังคับเขาทำโน้นทำนี่ทั้งที่ยังเป็นแค่แฟน ก็คงไม่ดีล่ะนะฉันมาถึงบริษัทตรงเวลา และได้รับความเคารพจากพนักงานอย่างดีเช่นเคย แถมพวกเขายังอวยฉันมากกว่าเดิมไปมาก เพราะตั้งแต่ฉันทำโครงการร่วมกับโรงแรมคุณเอ็ดเวิร์ดสำเร็จ ก็ทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดโบนัสฉ่ำ ๆ ไงล่ะการประชุมวันนี้ ก็เป็นการประชุมของผู้ถือหุ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ของไอ้กรณ์ตัดสินใจยกหุ้นที่เหลือของเขาให้ฉัน แต่ยังไงเริ่มแรกเดิมทีบริษัทนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ ครอบครัวของไอ้กรณ์ และตัวไอ้กรณ์มันเอง ฉันจึงรับน้ำใจแค่บางส่วนแล้วกลายเป็นผู้ถือหุ้นลำดับสอง (ไม่เอาหรอก NO.1 ใครจะอยากออกงานสังคมกัน) ส่วนหุ้นบางต








