Nevermind : 7
ธิปก
“เป็นอะไรหรือเปล่าแพร”
“เปล่า แค่มึนหัวนิดหน่อย”
“อ้าว พักก่อนไหม ฉันบอกพี่วันให้”
ส่ายหน้าไปมาเพื่อบอกมุกว่าอย่าไปบอกพี่วันเลย ฉันน่ะหยุดงานไปเมื่อวานหนึ่งวันเต็มเลยนะ ฉะนั้นฉันต้องรวบรวมสติของตัวเองให้กลับมาสนใจเค้กตรงหน้าเพื่อตกแต่งสำหรับส่งให้ลูกค้าที่จองเค้กวันเกิด เมื่อเช้าตื่นมาก็ไม่เห็นคุณองศาเลย ราวกับว่าเขาไม่ได้กลับมาที่ห้อง และนั่นทำให้สมองของฉันประมวลเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อยากจะตบหน้าตัวเองสักพันครั้งแพรวา!
เธอไปอ่อยเขาแบบนั้นได้ยังไงกันอะ คุณองศาคือผู้มีพระคุณนะ ไม่ควรทำกับเขาเหมือนเขาเป็นคนอื่นเลย ทั้งที่เขามองฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งซึ่งสถานะนี้ฉันไม่สมควรได้รับมันด้วยซ้ำ แต่คุณองศาก็เลือกที่จะมองฉันเป็นใครในสายตาของเขา เพราะแบบนี้ฉันก็เลยรีบพาตัวเองมาทำงานตั้งแต่เช้าโดยที่มาคนเดียวนะ คนของคุณองศายังไม่ตื่นด้วยซ้ำ
ไม่กล้าไปสู้หน้าเขาเลยบอกแค่นี้... จะมองหน้าเขายังไงไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิด
“ออกมาหน้าร้านหน่อย ไม่มีใครต้อนรับลูกค้าเลย”
“ค่ะๆ แพรจะไปเอง” ฉันวางมือจากตกแต่งหน้าเค้กเพราะมุกเกี่ยงให้ฉันออกไป ตัวเองจะได้ตกแต่งหน้าเค้กไง ฉันออกมาอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ มองผู้ชายร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทสีดำทั้งชุด ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเรียบนิ่ง ดวงตาคมกำลังตวัดมองไปด้านบนที่มีรายการกาแฟและเค้ก สายตาฉันมองออกไปยังนอกร้านก็เห็นชายชุดดำยืนรออยู่สามคน
“คาราเมลมัคคิอาโต้”
“ได้ค่ะคุณลูกค้า” นิ้วจิ้มไปยังจอคอมแบนกดราคากาแฟที่ลูกค้าสั่ง “คุณลูกค้าสนใจรับครัวซองค์ไปทานด้วยไหม”
“...” เขาจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น
“เพิ่งอบใหม่ๆ เลยค่ะ”
“เอามาชิ้นหนึ่ง”
“มีครัวซองต์เนยสด,ครัวซองต์ไวท์ช็อก แล้วก็ครัวซองต์เห็ดทรัฟเฟิล รับชิ้นไหนดีคะ?”
“เนยสด”
“รับทราบค่ะ ทั้งหมดสองรายการมีคาราเมลมัคคิอาโต้และครัวซองต์เนยสด ทั้งหมด 250 บาทค่ะ” ฉันกดหน้าจอสักพักใบเสร็จก็ออกมาก่อนที่เขาจะยื่นเงินมาให้ เป็นธนบัตรแบงค์พันฉันก็จัดการถอนเงินให้เขา “รอสักครู่นะคะ”
“ห้องน้ำไปทางไหน?”
“อ๋อ เดินไปด้านหลังร้านเลี้ยวซ้ายค่ะ”
ผายมือให้เขาคนนี้ที่สูงเท่าๆ กับคุณองศาเดินไปตามทางที่ฉันบอก ร้านกาแฟและเค้กของพี่วันมีห้องน้ำในตัวด้วยนะ เข้าได้แบบทั้งชายและหญิงแต่ต้องต่อแถว เข้าพร้อมกันไม่ได้นะ ฉันจัดการทำกาแฟที่เขาคนนั้นสั่งพร้อมหยิบครัวซองต์ใส่ซองกระดาษเหมือนกับกาแฟ พี่วันเป็นพวกรักสิ่งแวดล้อมมากๆ ทุกอย่างจะเป็นแบบกระดาษหมดเลยนะ
“แย่แล้วแพร!” ตกใจทันทีที่มุกโผล่หน้ามาจากด้านหลัง
“มีอะไร?” พี่วันไม่อยู่ซะด้วยสิ มาสั่งงานแล้วก็ไปมาอีกทีก็บ่ายนู้น
“ลูกค้าตะโกนลั่นห้องน้ำเลย ไม่รู้เจอแมลงสาบหรือเปล่า”
“อ้าว แล้วไม่ไปดูลูกค้าล่ะ”
“ฉันไม่กล้า ฉันกลัวแมลงสาบนะแพร”
ยกมือเกาหัวตัวเองอย่างแรง ฉันก็หันไปมองชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้านแต่เขาคงไม่เห็นสินะว่าผู้ชายคนนั้นหายไปไหน ฉันรีบวิ่งตรงไปยังด้านหลังร้านเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็ต้องตกใจทันทีที่ไฟในห้องน้ำมืดสนิทไม่ได้มีแมงสาบอย่างที่มุกคิด
“ปะ เปิดไฟเดี๋ยวนี้!”
“ได้ค่ะคุณ รอแปบหนึ่งนะคะ”
“อย่าเข้ามา ออกไป...” ฉันทำอะไรไม่ถูกจึงรีบเอาบันไดมากางและปีนขึ้นไปบิดหลอดไฟจนกระทั่งในห้องน้ำสว่างขึ้น ฉันเห็นร่างสูงนั่งอยู่ตรงมุมข้างอ่างล้างมือ เขาเอามือทั้งสองกุมศีรษะตัวเองและจิกทึ้งอย่างรุนแรง พร้อมดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
อาการแบบนี้ กลัวความมืดแน่นอนเลย
“คุณคะ” ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเขา ฉันดึงข้อมือทั้งสองข้างของเขาออกจากการดึงเส้นผมที่หลุดติดมือมาไม่กี่เส้น เขายังคงขืนและแรงเยอะมาก กว่าฉันจะดึงมือเขาออกมากอบกุมบีบให้กำลังใจเขา มือใหญ่ทั้งสองข้างเย็นเฉียบเลยไหนจะเหงื่อที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้าเรียวของเขาคนนี้
“พ่ออย่าตายนะ”
“คุณใจเย็นๆ นะคะ มองหน้าฉันค่ะ”
“แม่อย่าขังผมไว้ในห้อง มันมืด... มันมืด!”
“มองหน้าฉัน” เค้นเสียงแข็งใส่คนตรงหน้าที่ค่อยๆ เงยหน้ามาสบตากับฉัน บีบมือเขาลูบขึ้นลงให้เขาใจเย็นเล่นเอาซะตัวเองเหนื่อยหอบ “ห้องน้ำไม่มืดแล้วค่ะ คุณดูสิสว่างจนแสบตาแล้ว”
“...”
“ไม่เป็นไรนะคะ” เขามองฉันทั้งที่เนื้อตัวจากที่สั่นอย่างรุนแรงก็สงบลงอย่างเห็นได้ชัด เอื้อมมือลูบท่อนแขนแกร่งจึงนั่งกับเขาสักพักชายชุดดำสามคนก็รีบกู่เข้ามาผลักฉันออกจากการเข้าใกล้เขาคนนี้จนเซล้มลงไปกองบนพื้นห้องน้ำ
“คุณทำอะไรเขา!”
“ปะ เปล่านะคะ ไฟห้องน้ำดับฉันก็เลย...” สามคนนั้นประคองผู้ชายที่กลัวความมืดออกจากห้องน้ำ ฉันจึงวิ่งตามไปและส่งแก้วกาแฟกับครัวซองต์ให้คนของเขา กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดเซียวหันมามองฉันแวบหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อน” สั่งให้หยุดเดินเขาก็เอ่ยคำพูดที่เสียงแผ่วเบาแต่ได้ยินค่อนข้างชัด “ขอบใจ”
“ด้วยความยินดีค่ะคุณลูกค้า”
สายตาของฉันลอบมองแผ่นหลังกว้างที่ยังคงสั่นอยู่ ด้วยเพราะกลัวความมืดเหตุที่ฉันรู้ได้ก็ไม่ต้องเดาเยอะ ไฟดับมืดขนาดนั้นถ้าเขาไม่กลัวความมืดก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันแน่ เพราะในห้องน้ำไม่มีแมลงสาบอย่างที่มุกบอกเลยสักนิด ฉันกลับมาทำหน้าที่ตัวเองต่อโดยมีมุกที่ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นฉันก็เล่าให้มุกฟังนะ จนเวลาล่วงเลยมาสองทุ่มก็เริ่มเก็บกวาดร้านแล้วล่ะ ฉันกวาดพื้นอยู่ให้มุกเอาขยะไปทิ้ง หลังจากที่เจอป้ามาดักรอฉันก็ให้มุกเอาขยะไปทิ้งด้านหลังเลย อย่างน้อยถ้าหากป้ามาที่หน้าร้านยังพอมีมุกช่วยกับพี่วันช่วยได้
กริ๊ง~
“ร้านปิดแล้วค่ะคุณลูกค้า มาใหม่พรุ่งนี้เวลาแปดโมงนะคะ” ฉันกำลังถูพื้นอยู่เลยไม่ได้มองว่าลูกค้าเข้ามาหยุดตรงหน้าแถมยังใช้ปลายรองเท้าขัดเงาสีดำคุ้นตาเหยียบบนผ้าที่ถู เงยหน้าขึ้นพลางดวงตาเบิกกว้างราวกับจะหลุดออกจากเบ้าทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง “คะ คุณองศา”
“เดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่เห็นหัวฉันแล้วใช่ไหม แพรวา”
“คือว่าแพร...”
“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น” คุณองศาตวาดฉันเสียงดัง จนฉันตกใจน้ำตาเอ่อล้นขอบตา “เธอขัดคำสั่งฉัน”
“แพรเปล่านะคะ”
“ไปเก็บของ กลับตอนนี้”
คำสั่งของคุณองศาทำให้ฉันเดินไปด้านหลังจังหวะนั้นเจอกับมุกที่ทิ้งขยะเรียบร้อย ฉันถูพื้นเสร็จพอดีและให้มุกเป็นคนปิดร้าน หยิบกระเป๋าผ้าสะพายข้างและถอดผ้ากันเปื้อนสีดำคาดเอวออก เดินตามหลังคนตัวสูงมาถึงรถของเขา แน่นอนว่าในรถเงียบมีเพียงเพลงสากลดังคลอเบาๆ
“แพรขอโทษค่ะ”
“...” คุณองศาไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ
“แพรขอโทษเรื่องเมื่อคืนด้วยค่ะ แพรทำตัวไม่ดี แพรเลยกลัวว่าคุณองศาจะโกรธ”
“ใช่ ฉันโกรธเธอ” กัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงเพื่อระบายความรู้สึกเสียใจ
“แพรไม่กล้าสบตากับคุณ แพรเครียดมากที่ทำแบบนั้นกับคุณองศา” จำได้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เพราะแบบนี้ถึงได้ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา เพียงเพราะโกรธและเกลียดที่ตัวเองเผลอไผลทำกิริยาบ้าๆ กับเขา “ลงโทษแพรได้เลยนะคะ ถ้าทำให้คุณองศาหายโกรธแพร”
“สัญญากับฉัน” รถของคุณองศาจอดที่ลานจอดรถซึ่งมีลิฟต์ส่วนตัวขึ้นไปโผล่ที่ชั้นของเขา ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้จนฉันเอนหลังติดกับประตูฝั่งตัวเอง “ห้ามไปดื่มกับใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะกับใครรวมทั้งเพื่อนผู้หญิง”
“แพรสัญญาค่ะ” คงไม่ดื่มแล้วล่ะ ดื่มแล้วเมาทำตัวแย่ๆ ใส่คุณองศา ฉันขอบายละกัน
“แล้วก็อย่าหนีคนของฉันไปทำงานก่อน ต้องรอไปพร้อมกัน”
“ค่ะ”
“ฉันยังไม่วางใจเรื่องป้าเธอ” พยักหน้ารับพลางระบายยิ้มส่งให้คุณองศา สายตาของเราสองคนผสานเข้าหากันและกัน กระทั่งเรื่องเมื่อคืนวนเวียนเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง ทำเอารอบนี้ใบหน้าร้อนราวกับแสงอาทิตย์ยามบ่าย “ถึงจะรู้ว่าพวกนั้นคงไม่มารังควานเธอก็เถอะ”
“แพรถึงได้บอกไงคะ ไม่ต้องส่งคนของคุณมาหรอก”
“ถ้าไม่ให้ส่งคนของฉันไปดูแล... งั้นฉันไปรับไปส่งเธอแทนดีไหม?”
“ตะ แต่ว่าคุณองศางานยุ่งนะคะ แพรเกรงใจ” จู่ๆ จะมารับมาส่งฉันทำไมกันล่ะ คุณองศางานเยอะจะตายไป
“งั้นฉันส่งนนท์ไปรับไปส่งเธอแทนแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
ยกมือไหว้ขอบคุณเขาที่ลงจากรถตรงขึ้นห้องและให้ฉันทำอาหารให้เขากิน ตั้งแต่เคลียร์งานที่คาสิโนพอรู้ว่าคนของคุณองศาไม่ได้ติดตาม เขาก็รีบไปหาฉันที่ร้านกาแฟเลย เช้าคือไม่มีอะไรตกถึงท้องจนถึงค่ำ เฮ้อ อดข้าวเก่งจริงๆ
คุณองศาให้คุณนนท์มาส่งฉันที่ร้านกาแฟหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา อันที่จริงคุณองศาก็มาส่งฉันบ้างเป็นบางวันเพราะงานเขาเยอะเกรงใจจะแย่ แต่พอเหมือนช่วงนี้งานที่คาสิโนมีปัญหามั้งเห็นคุณนนท์เล่าให้ฟังว่ามีเรื่องที่บอกให้ฟังไม่ได้ก็พอจะเดาอะไรได้หลายๆ อย่าง โดยที่ไม่ต้องคะยั้นคะยอ งานของคุณองศาก็คืองานของเขาฉันไม่ก้าวก่ายอยู่แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันกำลังเอาครัวซองต์เข้าเตาอบและทำเค้กเป็นแบบสามเหลี่ยมรสต่างๆ เพื่อเอาวางขายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เนื่องจากร้านเปิดแปดโมงก็จริงนะแต่ขนมก็ต้องอบให้ทันด้วย ส่วนมากลูกค้ายังไม่มีใครเข้ามาในเวลานี้หรอก ที่เห็นจะเยอะสุดช่วงสาย บ่ายและเย็น
“เมื่อวานแฟนเธอมารับเหรอแพร”
“แฟน?” หันไปมองมุกที่กำลังตัดเค้กทำเป็นแบบสามชั้นเพื่อวางขายเป็นเค้กวันเกิด “ฉันมีซะที่ไหนกัน”
“อ้าว แล้วที่ฉันเห็นเมื่อวานล่ะ ผู้ชายคนนั้นที่แบบทรงมาเฟีย รอยสักเยอะแถมหล่ออีกต่างหาก”
“อ๋อ นั่นคุณองศา”
“ผู้ชายที่พาเธอไปอยู่ด้วยอะนะ”
“ใช่ แล้วเขาก็ไม่ใช่แฟนฉันแต่เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน”
“แต่ฟิลแฟนมากเลยนะ ตอนที่เห็นเขาทำหน้าโกรธเธออะ” จะไปเหมือนฟิลนั้นได้ยังไงกัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฟิลแฟนมันเป็นยังไง ถึงเอมเพื่อนสาวจะมีแฟนแต่ก็ไม่เคยเห็นความสัมพันธ์ในรูปแบบ ‘ฟิลแฟน’ อย่างที่มุกบอกเลยสักนิด ก็ตั้งแต่โตมาถึงอายุยี่สิบ ฉันเคยมีแฟนที่ไหนกันล่ะ จะมีก็แค่ความรู้สึกดีๆ กับพี่ตะวันแค่นั้นเอง แต่ไม่ถึงขั้นแบบชอบนะ กับพี่ตะวันฉันแค่รู้สึกว่าเขาเป็นที่พึ่งให้ได้ก็แค่นั้นเอง
“ใครจะออกมาต้อนรับลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์จ้ะ”
“แพรเองค่ะ” ตอบพี่วันที่เอ่ยถามเวลานี้ต้องมีใครออกไปอยู่ตรงเคาน์เตอร์ แต่ฉันกับมุกก็เล่นทำขนมกันอยู่ ทิ้งหน้าร้านไว้แบบนั้นจนพี่วันต้องเข้ามาตาม พอมาตามก็ออกไปข้างนอกเหมือนเดิม พี่วันไม่ได้มีร้านแค่ที่ห้างนี้นะ มีอยู่สองที่ได้มั้งและสองที่ก็น่าเป็นห่วงพี่วันถึงต้องไปจัดการ ฉันกับมุกทำงานที่นี่มาได้ปีสองปีได้เรียนรู้การชงกาแฟ การทำเค้กได้อย่างคล่องแคล่วพี่วันถึงได้ไม่เป็นห่วงร้านนี้มากนัก
ฉันออกมาหน้าร้านทันทีที่พี่วันสั่ง พอไม่เห็นลูกค้าเข้ามาก็หมุนตัวกลับไปด้านหลังแทน คือถ้าลูกค้ามาจะมีกริ่งให้กดเรียกเลยไม่เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ ฉันเอาครัวซองต์ที่อบเสร็จมาวางเรียงที่ตู้โชว์พร้อมเค้กที่มุกตกแต่งเรียบร้อย เห็นว่าจะทำคัพเค้กต่อด้วย เค้กและขนมปังที่อบขายหมดเกือบทุกวันนะ ถ้าไม่หมดฉันกับมุกก็จะเอากลับไปกินที่บ้านเสมอ
ชุดยูนิฟอร์มของร้านพี่วันจะเป็นแบบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำปักโล้โก้พี่วันที่ชื่อว่า ‘One-Two Café & Bakery’ จะบอกว่าชื่อร้านพี่วันเก๋มากเลยล่ะ เสื้อของทางร้านที่พี่วันให้พวกเรามีสามตัวด้วยกัน ส่วนด้านล่างจะใส่กางเกงหรือกระโปรงก็ได้หมดขอให้เรียบร้อยก็พอ ฉันมักจะสวมกางเกงยีนส์เสมอเพราะว่ามันสะดวกสบายและทรงผมก็ต้องมัดรวบให้เรียบร้อยใส่หมวกแก๊ปสีดำโล้โก้ร้านเหมือนกับเสื้อ ทุกอย่างในร้านฉันกับมุกจะทำกันหมดแบ่งกันเป็นโซนๆ ไป ทั้งล้างห้องน้ำ อ่อ ลืมบอกไปเมื่อวานฉันแจ้งพี่วันเรื่องไฟในห้องน้ำพี่วันก็ซื้อหลอดไฟมาให้ฉันเปลี่ยนเพื่อกันไฟตกแบบเมื่อวาน
กริ๊ง~
“ลูกค้ามาแล้ว ออกไปเลย” ฉันเอ่ยปากไล่มุกไปต้อนรับแขกบ้าง ยัยเพื่อนก็ทำหน้าบูดใส่ฉันแถมยังผลักศีรษะฉันอีกต่างหาก เกือบแล้วไง หน้าคัพเค้กเกือบเละแล้วนะยัยบ้า! ฉันตกแต่งคัพเค้กแต่ละสีและแต่ละรสชาติเหลืออีกแค่สามชิ้นก็เอาไปวางขายได้แล้วล่ะ
“แพร”
“ว่า?” หันไปมองมุกที่เดินเข้ามาด้านหลังอีกครั้ง
“ลูกค้าอยากเจอเธอ”
“ลูกค้าคนไหน”
“ไม่รู้สิ เธอออกไปเลย ฉันทำเอง อิอิ” เข้าทางมุกเลยล่ะ หัวเราะแบบนี้น่าตบปากสักที ขี้เกียจใหญ่แล้วไม่ยอมออกไปต้อนรับลูกค้าเลยเดี๋ยวนี้ คงเพราะทำเค้กสบายกกว่าสินะแต่งานอะก็หนักๆ พอกันปะ ฉันผลักศีรษะมุกเอาคืนเดินออกไปยังเคาน์เตอร์บาร์ก็ต้องตกใจทันทีที่เห็นร่างสูงคุ้นตา วันนี้เขาสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก เผยให้เห็นรอยสักท่อนแขนซ้ายแค่นั้น
“คุณลูกค้า”
“คาราเมลมัคคิอาโต้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็สั่งกาแฟโปรดของตัวเองกับฉันทันที “มีครัวซองต์อะไรบ้าง?”
“มีอัลมอนด์,ครอฟเฟิลแล้วก็เนยสดค่ะ”
“เอาครอฟเฟิล ฉันกินที่นี่”
“ได้ค่ะ”
“เธอมาคุยกับฉันหน่อยสิ”
“คะ?” เลิกคิ้วขึ้นพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เขาคนนี้ก็พยักหน้ารับพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุดติดกำแพง ฉันมองคนของเขาที่ยืนรออยู่หน้าร้านตามเดิม ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และตอนนี้ก็ไม่มีลูกค้าฉันไปคุยกับเขาหน่อยดีกว่า วางแก้วกาแฟเซรามิคสีดำและจานครอฟเฟิลสองชิ้นที่ตกแต่งด้วยไอซ์ซิ่งตามด้วยใบสาระแหน่เป็นอันเสร็จ ฉันเดินมาถึงโต๊ะของเขาที่นั่งเก้าอี้ตรงที่นั่งเป็นนวมแบบราดยาวสามโต๊ะ “ทานให้อร่อยนะคะ”
“นั่งก่อน” เขาเอ่ยให้ฉันนั่งตรงข้ามกับเขา แน่นอนว่าฉันดึงเก้าอี้ไม้ขัดเงาสีน้ำตาลและทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเขา ผู้ชายคนนี้ยกกาแฟขึ้นจิบ สายตาของฉันก็สำรวจใบหน้าหล่อเหลาที่ดูดีกว่าเมื่อวานเยอะมาก ไล่สายตามาถึงลำคอแกร่งที่มีรอยสักด้วยแต่ไม่รู้ว่าเขาสักคำว่าอะไรและมาถึงสร้อยคอที่เป็นสร้อยเงินเงาวับเส้นยาวอยู่ด้านในเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมลงมาสองเม็ด
“คุณลูกค้าดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ?”
“อืม” ตอบแค่นั้นเขาก็ยกแขนทั้งสองพาดอกมองฉัน “เธอช่วยฉันไว้”
“ถ้าเป็นใครก็คงทำแบบฉันค่ะ”
“นั่นแหละ ถึงได้บอกว่าเธอช่วยฉันไว้”
“...”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกลัวความมืด”
“ไฟในห้องน้ำดับสนิท แล้วคุณก็กลัวมาก ฉันเดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ”
“นั่นสินะ” เขากระตุกยิ้มมุมปาก “ฉันคงพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปเยอะเลยใช่หรือเปล่า?”
“ค่ะ แต่ฉันเข้าใจนะคะคุณคงกังวลและตื่นกลัว”
“ฉันมีความหลังที่ค่อนข้างกระทบกระเทือนจิตใจฉันน่ะ มันฝังอยู่ก้นบึ้งแต่เวลาที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ฉันมักจะเอาแต่นึกถึงมันเสมอ... ความเลวร้ายและฝันร้ายที่ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับตัวฉัน”
สงสัยไม่น้อยทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เขากลับเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังได้ยังไงกัน ราวกับไว้ใจฉันทั้งที่แค่ช่วยเขาไว้เนี่ยนะ “เพราะแบบนี้ฉันถึงมีอาการ flash back ใจสั่น ตื่นกลัวแล้วก็เหงื่อออกมาก”
“...”
“และฉันมักจะควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย มันเป็นเหมือนบ้วงรัดคอฉันตลอด เวลาไปไหนฉันจะไปในที่ที่มันไม่ทำให้ฉันต้องหวาดกลัว”
“ตอนนี้ไฟในห้องน้ำฉันเปลี่ยนแล้วนะคะ ถ้าคุณลูกค้าเข้าไฟไม่ดับแน่นอนค่ะ”
“หือ?”
“ไฟในห้องน้ำน่ะค่ะ” คนตรงหน้ามองฉันพลางระบายยิ้มออกมา “คุณไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วค่ะ”
“เธอมีสติมากเลยนะกับการต้องรับมือกับคนแบบฉัน”
“การที่คุณเป็นโรคกลัวความมืดมันไม่ผิดหรอกค่ะ” ฉันเอ่ยพูดจนคนตรงหน้าชะงักกับการดื่มกาแฟ “ไม่มีใครเลือกเกิดได้ คุณเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับตัวของคุณ”
“...”
“เพราะงั้นคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะดีขึ้นค่ะ” หวังว่าคำพูดของฉันจะเป็นเหมือนกำลังใจให้เขาคนนี้ต่อสู่กับสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ให้เขาผ่านมันไปให้ได้ “คนเราทุกคนมีความหลังที่ทำให้รู้สึกหวาดระแวง ฉันเองก็เคยมีเรื่องที่ทำให้ต้องทนทุกข์ แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้ค่ะ”
“เธอเจอกับอะไรมาบ้าง?”
“ป้าทุบตีค่ะ”
“!”
“แล้วก็เกือบจะโดนลุงสามีของป้าขืนใจ ลวนลามรวมถึงน้องนอกไส้ด้วย” ดวงตาของคนตรงหน้าเบิกกว้างขึ้นทั้งที่ฉันอยากจะลืมมันไป คุณองศามักจะบอกให้ฉันลืมเรื่องเลวร้ายนั่นไปซะ ฉันลืมไม่ได้หรอกแต่ก็อยู่กับมันได้ไง เพราะตอนนี้ฉันผ่านมันมาได้ด้วยความช่วยเหลือของคุณองศา ฉันเองก็อยากแบ่งปันความรู้สึกที่ก้าวผ่านมันมาได้ให้กับคนที่กำลังทุกข์ทรมาน เช่นผู้ชายตรงหน้าฉันที่จ้องหน้าฉันนิ่งราวกับตกใจกับสิ่งที่ฉันพูด “ฉันเองก็เคยอยากตายเพื่อจะให้ตัวเองพ้นทุกข์ แต่มีคนบอกฉันค่ะว่าฉันยังตายไม่ได้ ชีวิตของฉันต้องดำเนินต่อไปเพราะชีวิตเป็นของเรา ไม่ใช่ของใคร”
“งั้นเหรอ” คนตรงหน้าหลุบสายตามองแก้วกาแฟพลางยกยิ้มมุมปาก
“คุณเองก็ต้องต่อสู้กับมันและผ่านมันไปให้ได้นะคะ”
“...”
“ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ” ส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้ฉันเช่นกัน ราวกับว่าเราสองคนได้เจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาเหมือนกัน มีอะไรเหมือนๆ กันทุกอย่าง แค่ว่าฉันไม่ได้เป็นโรคกลัวอะไรแบบเขา ฉันเองก็หวังว่าคำพูดนี้จะทำให้เขาผ่านพ้นวิกฤตที่เขายังก้าวข้ามมาไม่ได้สักที
“ขอบใจนะ...”
“แพรวาค่ะ” บอกชื่อตัวเองให้เขารับรู้
“แพรวา” จากนั้นผู้ชายคนนี้ก็เอื้อมมือหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตส่งกระดาษแผ่นเล็กๆ สีน้ำเงินมีกลิ่นหอมและหนามาให้ฉันดู
“ธิปก นฆีกร” ฉันอ่านออกเสียงชื่อของผู้ชายคนนี้ นามบัตรเขาเป็น CEO บริษัทอสังหาริมทรัพย์และเป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาว ต้องลองเสิร์จหาข้อมูลเขาดูแล้วล่ะถ้าอยากรู้มากกว่านี้ “คุณธิปก”
“ธาม”
“...”
“ชื่อเล่นฉันคือธาม”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณธาม”
“เช่นกันนะ แพรวา” เราสองคนสบตากันราวกับว่ามันดึงดูดเราให้เข้าหากันเพียงเพราะเราสองคนมีอะไรที่คล้ายกันมาก ผ่านจุดที่ทนทุกข์มาอย่างมากมาย ฉันเองก็รู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขาเฉกเช่นเดียวกับเขา “ถ้าเธอเบื่อทำงานที่ร้านเค้ก เธอไปทำงานกับฉันได้นะ”
“ฉันยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่งเองนะคะ ยังไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ”
“เธออายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบค่ะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันทีจนฉันมึนงง “คุณธามอายุเท่าไหร่เหรอคะ?”
“สามสิบสอง” เท่ากับคุณองศาเลย “เบอร์ฉัน เธอติดต่อได้เสมอนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ”
“ขอบคุณนะคะ” เอ่ยขอบคุณฉันก็ก้มหน้าลงมองนามบัตรในมืออีกครั้ง ทว่ากลับรู้สึกว่าคุณธามจ้องฉันอยู่แล้วก็จริง เขาจ้องฉันราวกับคิดอะไรบางอย่าง “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า แค่จะบอกว่าต่อให้เธอเรียนยังไม่จบ เธอก็ทำงานกับฉันได้อยู่ดีนั่นแหละ”
“อ๋อค่ะ” พยักหน้ารับฉันก็เก็บนามบัตรคุณธามลงกระเป๋ากางเกงยีนส์ พลางมองชายร่างสูงใหญ่ที่เดินมาค้อมศีรษะให้กับคุณธามพร้อมโน้มใบหน้ากระซิบที่ข้างใบหูราวกับไม่ให้ฉันที่นั่งอยู่ตรงนี้ได้ยิน
“รู้แล้ว ฉันต้องไปก่อน”
“ให้ฉันเอาครอฟเฟิลใส่กล่องกลับไปกินด้วยไหมคะ?”
“ได้สิ” ฉันลุกขึ้นหยิบจานครอฟเฟิลที่คุณธามไม่ได้แตะมันสักนิด เดินอ้อมเข้าไปตรงเคาน์เตอร์บาร์หยิบกล่องกระดาษและแถมคัพเค้กให้คุณธามหนึ่งชิ้นโดยที่เขาไม่เห็นหรอกนะ
“เรียบร้อยค่ะ”
“ไม่ต้องทอน” ธนบัตรสีเทาถูกส่งมาให้ทั้งที่ของทั้งหมดไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ ฉันก็จ่ายเงินตามความจริงซึ่งพี่วันบอกว่าถ้าลูกค้าให้ Tip ให้เก็บไว้เลย เอาเป็นว่าฉันได้จากคุณธามเกือบครึ่ง... ขอบคุณนะคะ มีเงินเก็บอีกแล้ว
*--------------------------------*
“รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก
พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า
พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ
ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล
เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ
“อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล
“เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม