Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก
คำเตือน :: เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้มีตัวละครบุคคลที่สามมีอาการ PTSD อาการทางจิตเภทหลังจากประสบพบเจอกับ
เหตุการณ์สะเทือนใจ และนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องสมมุติและจินตนาการของผู้เขียน บางฉากอาจจะมีเนื้อหารุนแรง
โปรดใช้วิจารณญาณให้การอ่านนิยายเรื่องนี้
Because her life belongs to me.
There's no way she can escape from me...
INTRO
“เรื่องส่งของเป็นไงบ้างนนท์”
“ผ่านไปได้ด้วยดีครับคุณองศา ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ดีมาก กูจะไปคาสิโนสักหน่อย ใกล้ได้เวลาต้อนรับแขกคนสำคัญละ”
‘องศา โยคินวาณิชย์สกุล’ นี่คือชื่อของผม อายุอานามก็ 32 ปีเต็มวันนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นวันเกิดที่ผมไม่ค่อยได้แคร์สักเท่าไหร่ ผมเกิดวันที่ 1 มกราคม 19xx ผมเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลโยคินฯ ที่เป็นถึงตระกูลร่ำรวยติดอันดับของประเทศ มีกิจการและธุรกิจมากมาย เมื่อก่อนพ่อของผมเป็นหัวหน้ามาเฟียมาก่อนและนั่นทำให้ผลพวงจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นผม
แน่นอนว่าผมทำงานบริษัทด้านธุรกิจนำรถเข้ามาจากต่างประเทศ ตามออร์เดอร์ที่คนรวยสั่งก็จัดมาให้... และธุรกิจอีกอย่างหนึ่งของผมคือ ‘คาสิโน’ ใช่ ธุรกิจนี้ทำเงินให้ผมมากมายมหาศาล ทว่าคาสิโนของผมพ่อไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมจะทำ เป็นการทำอย่างผิดกฎหมายและผมบอกพ่อว่า ‘ไม่ทำก็ได้ครับ’ ซะที่ไหนกันล่ะ ผมแอบเปิดแบบลับๆ โดยที่พ่อกับแม่ไม่รับรู้ ไม่เห็นและไม่ได้ยิน เพราะคาสิโนเป็นสิ่งเดียวทำให้ผมมีเงินมากมาย เพียงแค่ขายรถมันจะได้ค่า % สักเท่าไหร่กันเชียว
ผมออกจากบริษัทรถกระชับเสื้อสูทสีดำและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างในลงสองเม็ด เห็นถึงรอยสักตรงแผงอกลากยาวเป็นคำว่า ‘01.01.19xx’ ต่อท้ายด้วย ‘Ongsa Yokin Vanichsakul’ เป็นตัวภาษาอังกฤษแบบตวัด นอกจากรอยสักตรงแผงอกตรงแขนขวา หลังมือทั้งขวาซ้าย,แผ่นหลังและลำคอ บนร่างกายของผมมีแต่รอยสักทั้งนั้น แม้ว่าพ่อแม่จะรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นพวกที่ไม่เหลือพื้นที่สำหรับให้เห็นเนื้อหนังมังสาก็ตามที เนื่องจากผมเป็นพวกที่ชื่นชอบรอยสักเอามากๆ เมื่อก่อนตอนเรียนมหาลัยก็สักอยู่แล้ว แต่ก็มาสักเพิ่มอีกเช่นตรงลำคอหรือท้ายทอย หน้าท้องมีรอยถูกมีดฟัน ไม่ขอบอกนะว่าผมได้มันมายังไง ออกมาถึงหน้าบริษัทผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วเพราะเห็นผู้คนเดินไปมาเยอะพอควร
“ทำไมคนเยอะแบบนี้วะ?” หันไปถามนนท์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ผมเท้าเอวและมองคนที่เดินสวนผมไปเหมือนกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุ อีกส่วนก็มองด้วยสายตาที่หลงใหล
“น่าจะมีงานนะครับ ในห้าง” ด้วยเพราะบริษัทตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าและพวกร้านค้าที่เป็นแบบตึกล็อกตรงข้าม ก็อาจมีส่วนนะเพราะบริษัทที่ผมเข้ามาเป็นเพียงแค่โชว์รูมรถเท่านั้น ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่รถในโชว์รูมรวมกันเป็นร้อยล้านจะบอกให้ ผมล้วงกระเป๋าหยิบสมาร์ทโฟนสุดหรูสีน้ำเงินด้านขึ้นมาต่อสายหาคนของตัวเองที่อยู่คาสิโนว่าให้ต้อนรับแขกคนสำคัญทีเนื่องจากผมคงไปไม่ทันแน่รถติดเป็นหางว่าวแบบนี้
“มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
“ครับคุณองศา” นนท์ลูกน้องคนสนิทและเป็นคนเดียวที่ผมมอบงานสำคัญให้ทำแทนเสมอ นนท์เป็นหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ผมเจอกับนนท์ได้ก็เพราะว่าหมอนั้นมันกำลังหางานทำอยู่ ไม่ใช่แค่คนธรรมดาแต่นนท์เก่งเรื่องการต่อสู้และเก่งเรื่องธุรกิจ แค่สอนงานไม่กี่วันก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม นนท์ถูกผมทดลองงานเป็นเวลาสองเดือนพอผ่านก็เลยทำงานกับผมนับตั้งแต่อายุยี่สิบ เป็นเวลาห้าปีที่อยู่ด้วยกัน นนท์เป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ เพราะแบบนี้ผมถึงได้ชอบ ชอบนี้หมายถึงทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีเยี่ยมนะ ไม่ใช่อะไรอย่าคิดกันเยอะ
ผมคุยสายกับลูกน้องที่อยู่คาสิโนพลางหยิบบุหรี่ Marlboro Arctic Black คีบไว้ตรงมุมปากหยิบไฟแช็กในกระเป๋าเสื้อสูทเป็นแบบเติมแก๊สสีเงินที่สั่งทำพิเศษเพราะภาษาอังกฤษสลักคำว่าโยคินไว้สั้นๆ เมื่อคุยกับปลายสายเรียบร้อยผมก็ปลดล็อกรถ LOTUS ELISE SPORT 220 สีดำเงาตัดเทาราคาก็เกินยี่สิบล้าน ที่จริงผมมีรถที่ขับอีกเยอะจอดทิ้งไว้ที่คอนโดและเลือกใช้รถคันนี้เพราะมันมีแค่ไม่กี่คันในประเทศและมันอยู่ที่ผม
“เออ คุณคะ” เปิดประตูรถค้างไว้ผมก็หันไปมองร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีใบหน้าที่สละสวย ดวงตากลมโตรับกับใบหน้าเรียว สีผิวซีดขาว ผมสีดำยาวปล่อยสยายกลางหลังสวมชุดนักศึกษาแบบเรียบร้อยสุดๆ เธอยื่นอะไรบางอย่างมาตรงหน้าผมและนั้นคือกระเป๋าเงินของผมเอง มีเงินอยู่หลายแสนทำตกตอนหยิบสมาร์ทโฟนแน่เลย “ของคุณค่ะ”
“รู้ได้ไงว่าของผม?”
“ฉันเห็นคุณทำมันตกเองกับตาไงคะ” คำพูดแสนเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้าที่เย็นชาไม่เข้ากับใบหน้าสวยๆ เลยแหะ ผมรับกระเป๋าเงินของตัวเองมาพลางทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นและขยี้มันจนแหลก ควักเอาธนบัตรสีเทาสามใบส่งให้ “อะไรคะ?”
“เงิน เห็นเป็นอย่างอื่นหรือไง”
“แล้วให้ฉันทำไมคะ?” เกลียดผู้หญิงแบบนี้ชะมัด ผมยื่นเงินให้ผู้หญิงคนไหนก็รับไปหมด ทำไมเธอจะต้องมีคำถามด้วยไม่เข้าใจเลยว่ะ
“ตอบแทนที่เก็บกระเป๋าเงินมาคืนผม ในกระเป๋านี้มีเงินอยู่หลายแสน ถ้าคุณไม่เก็บมาให้มันก็คงหาย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันช่วยไม่ได้ต้องการของตอบแทน ขอตัวนะคะ”
พูดจบก็เดินสวนผมไปซึ่งมือก็ยังคงถือเงินที่จะให้เธออยู่ สายตาตวัดไปมองแผ่นหลังบอบบางที่เดินหายไปจนลับตา ตัวเล็กแถมยังเตี้ยกว่าผมเยอะเลย สูงแค่หน้าอกยังไม่เลยหัวไหล่ด้วยซ้ำ ความหยิ่งผยองของผู้หญิงเนี่ย... น่าสนใจเป็นบ้า
ผมเบ้ปากและเก็บเงินลงกระเป๋าเงินตามเดิม ขึ้นรถขับไปอย่างรวดเร็วเพื่อตรงไปนอกเมืองไม่ไกลสักเท่าไหร่ ที่นั้นคือสถานที่ที่เป็นคาสิโนแบบว่าเพิ่งสร้างเสร็จได้มาปีหนึ่งล่ะ ที่อยู่นอกเมืองไม่ใช่อะไรนะ ไม่ได้กลัวเพียงแค่ว่าที่นั้นมันดูสงบดี ไม่มีคนพลุกพล่าน อีกอย่างด้านนอกผมทำแบบวินเทจมากติดป้ายคำว่า ‘Ongsa Casino’ ปกติคาสิโนจะจัดในโรงแรมซะส่วนใหญ่ ผมแค่อยากแปลกแยกอะนึกออกปะ จะให้ธุรกิจไปอยู่รวมกับที่อื่นมันก็ยังไงอยู่ แบบนั้นผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
เดินตรงเข้ามาด้านในก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีแขกคนสำคัญมาที่นี่ด้วย ผมมองตรงไปยังโต๊ะเล่นที่กำลังโหวกเหวกโวยวายที่เล่นได้เหรียญคาสิโนที่จะแปลเป็นเงินได้อย่างมากมายมหาศาล รอยยิ้มของผมผุดขึ้นตรงมุมปาก พลางกวักมือเรียกผู้หญิงที่ทำงานที่นี่เกือบยี่สิบชีวิต บางส่วนเป็นเด็กเสิร์ฟ,นักเต้นรูดเสาหรือเด็กชงเหล้า ไม่มีเรื่องขายตัวในคาสิโนผมหรอกนะ... เชื่อหรือเปล่าล่ะ?
“สวัสดีค่ะคุณองศา”
“ไปเทกแคร์แขกคนสำคัญคนนั้นหน่อย” ผมชี้นิ้วไปยังชายวัยกลางคนอายุก็คงจะใกล้จัดงานแซยิดแล้วล่ะ “รู้นะว่าเธอต้องทำอะไร”
“รับทราบค่ะ” เธอฉีกยิ้มให้กับผมที่แต่งตัวยั่วยวนนุ่งน้อยห่มน้อย เธอเดินตามผมมาหาแขกคนนั้นที่เล่นและกินรอบวงอีกรอบ หึ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเสียจะหมดตัวขนาดไหน
“สวัสดีครับคุณกิตติ”
“อ้าว คุณองศา มาแล้วเหรอครับ?”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้มาต้อนรับคุณกิตติ พอดีผมติดงานด่วนน่ะครับ”
“ไม่ต้องซีเรียสเลย กิน!” ใบหน้าของผมเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มขณะมองกิตติที่เป็นนักการเมืองคนดัง ไม่สิ ต้องบอกว่าถึงจะไม่ได้ทำงานแล้วด้วยเพราะอายุแต่เรื่องอำนาจก็ยังคงมีอยู่ “ว่าแต่คุณองศามีธุระอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ?”
“มีสิครับ”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ทางนั้นจะตรวจสอบ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจัดการให้คุณองศาเรียบร้อยแล้ว”
“ดีมากเลยครับ ขอบคุณจริงๆ เลยนะครับ” ผมปรบมือพนมไว้กลางอก ขณะหันไปส่งซิกกับพนักงานที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘นกต่อ’ ที่ล้วงข้อมูลของคนๆ นั้นมาให้ผม เพื่อแบล็กเมล์ทำเรื่องที่มันไม่ดีมากเลยล่ะ บอกแค่นี้... เธอขยับมานั่งตักของกิตติที่ตกใจแต่พอมองไปที่หน้าอกของเธอคนนี้ก็หอบหายใจหนัก “งั้นช่วยดูแลคุณกิตติทีนะ”
“ได้เลยค่ะคุณองศา”
“ดูแลทุกซอกทุกมุมเลยนะ คุณกิตติคงอยากให้เด็กของผมดูแลใช่ไหมครับ?”
“ฮ่าๆ คุณองศาเนี่ย รู้ใจผมจริงๆ เลยนะครับ ผมจะดูแลให้ถึงสวรรค์ชั้นที่สิบเลยล่ะ ไม่ต้องห่วง”
รอยยิ้มของผมแปรเปลี่ยนเป็นสมเพชกับตาแก่หัวงู เมียก็มีแต่ก็มักจะชอบเลี้ยงเด็กๆ ไว้ดูเล่น ผมโน้มใบหน้าลงไปใกล้ข้างหูของพนักงานสาวพลางเอามือป้อง
“ล้วงมาให้หมด ฉันจะให้รางวัลเธออย่างงาม” ขยับใบหน้ามาสบตากับพนักงานสาวที่พยักหน้ารับว่าไม่ต้องห่วง เธอจะเอาทุกอย่างที่เป็นข้อมูลของกิตติมาให้ผม ซึ่งงานของผมก็เป็นแบบนี้ล่ะ ล้วงข้อมูลของคนใหญ่คนโตที่มาเล่นคาสิโนของผม เพราะมันปลอดภัยไม่มีใครเอาเรื่องนี้ไปปล่อยให้เสียชื่อ แต่ก็แลกมาด้วยความลับที่ผมต้องได้รู้ทั้งหมด
คาสิโนที่มีบางคนอยากจะเข้ามาตรวจสอบว่าเปิดแบบถูกกฎหมายหรือเปล่า? และที่นี่มีการค้าประเวณีไหม? คำตอบคือมีครบครัน ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะต้องการเงิน ใครๆ ก็อยากได้เงินกันทั้งนั้นแม้ว่าผมจะเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยก็ตามที ทว่าคาสิโนคือชีวิตของผม คือทุกอย่างและเป็นแหล่งทำเงินหนา ไหนจะเรื่องของการค้าอาวุธเถื่อนที่เป็นงานสำคัญผมก็เลยมักจะให้นนท์เป็นคนจัดการ ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการล้วงข้อมูลของคนใหญ่คนโต รวมถึงคนที่เข้ามาสืบเรื่องในคาสิโน คิดว่าจะทำอะไรคนอย่างองศาได้งั้นเหรอ? ฝันไปก่อนนะ
Rrr
ผมที่นอนอยู่บนเตียงชั้นบนของคาสิโน กำลังมองหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นพนักงานในคาสิโนโยกเอวเดินหน้าถอยหลัง โดยที่เสื้อผ้าของผมอยู่ครบบนตัว คว้าสมาร์ทโฟนที่อยู่บนเตียงมองปลายสายก็วางมือไปที่เอวเธอให้หยุดโยกสักแปบ
“อื้อ จะแตกแล้วนะคะ”
“งั้นก็เอามือปิดปากไว้ซะ อย่าให้เสียงครางหลุดเข้ามาในสาย” ผมบอกเธอที่พยักหน้ารับ มือที่ว่างก็เลื่อนไปบีบเค้นทรวงอกของเธอที่ทำตามคำสั่งของผมและเดินหน้าโยกเอวโดยที่ผมเองก็พร้อมจะไปถึงฝั่งด้วยเช่นกัน
(“ลูกอยู่ไหนองศา?”)
“อยู่ที่โชว์รูมรถครับ” กัดฟันตัวเองแน่นเอาสมาร์ทโฟนกดไว้กับเตียงนอนสักแปบ “ฮึ่ม...”
(“กลับมาบ้านหน่อยสิ แม่ทำกับข้าวเลี้ยงวันเกิดลูก”)
“ผมไม่ซีเรื่องวันเกิดนะครับ”
(“องศา”) แม่เค้นเสียงแข็งผมก็ทำได้เพียงกรอกตาไปมา (“แม่ให้เวลาลูกครึ่งชั่วโมงต้องถึงบ้าน... ตู๊ด”)
“เฮ้อ เร่งหน่อยฉันรีบ”
บอกหญิงสาวให้รีบทำให้เสร็จ เมื่อถึงจุดสุดยอดผมก็กระตุกเกร็งไม่ต่างจากเธอที่พาตัวเองออกจากท่อนเอ็นของผม เธอดึงถุงยางออกและแลบลิ้นเลียบนหัวบานหยักเพื่อเอาน้ำขาวขุ่นที่ยังคงรีดออกมาไม่หมด ริมฝีปากเล็กอ้าอมมาถึงแค่ครึ่งทางเพราะไซส์ถุงยางผมเป็นแบบใหญ่พิเศษ เพราะแบบนี้ปากเล็กๆ ถึงได้คับแน่นจนน้ำหูน้ำตาไหล เธอใช้มือชักรูดมันและดูดเลียส่วนปลาย
“พอแล้ว ไปทำงานได้”
“ค่ะ” เธอตอบทั้งที่น้ำขาวขุ่นยังอยู่ในปาก ลุกขึ้นแต่งตัวผมก็ดึงกางเกงขึ้นมาสวมใส่หยิบกุญแจรถลงบันไดมา
“ฝากด้วยนะ กูต้องรีบกลับบ้าน”
“ครับ” นนท์ค้อมศีรษะผมก็รีบออกจากคาสิโนขับรถไปตามทางที่เงียบสงัด คนอย่างองศาใครสั่งก็ไม่ได้... แต่พอเป็นคำสั่งของแม่ปุ๊บต้องรีบกุลีกุจอกลับทันที เฮ้อ ไม่เคยแพ้ใครแพ้แม่ตัวเองก็เอานะองศา
บ้านโยคินวาณิชย์สกุล
รถเลี้ยวเข้ามาภายในตัวบ้านหรือเปล่า? ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้เรียกคฤหาสน์เถอะ รถจอดที่ทางเข้าบ้านตอนนี้ไฟในบ้านคือเปิดสว่างราวกับกำลังรอผมอยู่ ทั้งที่ปกติพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันสามทุ่มก็ปิดไฟนอนแล้ว ที่ยังคงไม่ปิดเพราะคงรอผมนั่นแหละ วันนี้เป็นวันเกิดแต่แม่ชอบทำแบบว่าผมเหมือนเด็กทั้งที่อายุสามสิบสอง ย้ำ! สามสิบสองแล้วนะ ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปทางขวามือซึ่งเป็นโซนห้องอาหาร ถึงได้เห็นว่ามีอาหารมากมายเรียงกันเยอะมาก หนำซ้ำยังมีเค้กก้อนโตตั้งอยู่ตรงกลาง พ่อกับแม่นั่งรอผม พอเห็นก็รีบยกมือไหว้ท่านทั้งสอง
“หายหัวไปเลยนะ คิดว่าย้ายไปอยู่คอนโดจะกลับมาหาบ้าง ไม่มีเลย” พ่อของผมชื่อศาวิทย์ เอ่ยปากบ่นผมทันทีที่นั่งเก้าอี้ตูดยังไม่ทันร้อน พ่อของผมมีอายุห้าสิบแปดส่วนแม่ก็ห้าสิบพอดีเป๊ะ
“งานผมเยอะ พ่อต้องเข้าใจนะ?”
“ใช่ ฉันต้องเข้าใจสิ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกทำอะไรลับหลังฉันหรือเปล่า” เฮ้อ ยกมือขวาปิดหน้าตัวเอง
“ผมควรกลับดีกว่า ผมเริ่มง่วงแล้ว”
“นั่งลงเดี๋ยวนี้ องศา” น้ำเสียงเด็ดขาดของแม่ทำให้ฉันค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งตามเดิม “กินข้าวก่อน เอาไปอุ่นให้ที”
“ค่ะคุณท่าน” แม่บ้านเอาอาหารบนโต๊ะไปอุ่น ผมก็เลยจำใจต้องกินข้าวกับพ่อแม่และมันเป็นบรรยากาศที่เงียบสุดๆ มีเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานเท่านั้น กระทั่งผมกินอิ่มจะรีบชิ่งแม่ก็รั้งผมไว้อีกรอบ
“ผมไม่เป่าเทียนนะแม่ ผมสามสิบสองแล้วนะครับ”
“รู้ จะเอาใส่กล่องให้ไปกินที่คอนโด”
แม่มองค้อนผมขณะที่เอากล่องใส่เค้กดันมาให้ผมที่ต้องรับมันไปด้วยใช่ไหม? พ่อไม่พูดอะไรก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องครัว ผมก็เลยลุกขึ้นเพื่อกลับห้องบ้าง ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อแม่ ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกนะ แย่ตลอดเวลาเจอหน้ากัน ผมถึงได้ไม่ค่อยกลับบ้านเพราะเหตุผลนี้ พ่อสงสัยว่าผมจะทำอะไรไม่ดีซึ่งมันจริง ถ้าหากพ่อรู้ผมไม่อยากจะคิดว่าตัวเองจะโดนอะไรบ้าง แค่คิดว่าอำนาจและบารมีของพ่อทำให้ธุรกิจของผมไปได้ดีมันก็แค่นั้นเอง อ่อ ไม่สิ นับตั้งแต่ผมเริ่มเข้าวงการสีเทาผมก็กลายเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น แม้แต่กฎหมายก็เหอะ
รถของผมออกจากตัวบ้านที่ซอยบ้านค่อนข้างมืดนิดหน่อย แม้จะมีไฟตามทางก็เถอะ ผมเปิดกระจกรถและยื่นมือที่คีบบุหรี่สูบออกไปด้านนอก หันไปมองกล่องเค้กที่นั่งข้างคนขับก็ได้แต่ถอนหายใจหันกลับมามองทางอีกรอบก็ต้องรีบเหยียบเบรกทันทีที่เห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถผม
เอี๊ยด!
“เหี้ยไรวะ” ด้วยความหงุดหงิดและโมโหที่จู่ๆ ก็วิ่งมาตัดหน้ารถเหมือนหมาวิ่งตัดหน้า ผมรีบลงจากรถกำลังจะหาเรื่องผู้หญิงคนนี้ที่สวมชุดนักศึกษา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ก่อนที่เธอจะเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม แน่นอนว่าผมค่อนข้างแปลกใจที่เจอกับผู้หญิงคนนี้ ใช่ เธอคือคนที่เอากระเป๋าเงินมาคืนผม เธอคนนี้ที่แก้มแดงเถือก ดวงตาผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะหัวเข่าที่เวลานี้ถลอกเป็นแผล “เธอ?”
“คะ คุณ” น้ำเสียงของเธอสั่นเทาพลางค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมายืนหลบหลังผม การกระทำของเธอทำให้ผมค่อนข้างมึนงง กระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายวัยห้าสิบปีกับผู้หญิงรุ่นป้ารุ่นเดียวกัน มีเด็กผู้ชายที่สวมชุดนักเรียนน่าจะเรียนม.ปลาย กำลังกวาดสายตามองหาอะไรสักอย่าง ผมเสมองชายเสื้อสูทที่มือเล็กดึงกระตุกไว้อย่างแน่น
“นังแพร แกอยู่ไหนห๊า!” ผู้หญิงรุ่นป้าเท้าเอวมองหาคนที่ชื่อแพรและผมรู้... เธอคงจะชื่อแพร “นั่นไง มานี่เลยนะนังตัวดี กล้าดียังไงมาอ่อยผัวฉัน!”
“อ่อย?” สามคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าผมและพยายามจะพาตัวเธอคนนี้ไป แต่เธอกลับยืนหลบหลังเธอที่บังเธอจนมิด “ถามจริง เธออ่อยไอ้แก่แบบนี้ได้ไง”
“ปะ เปล่า ฉันไม่ได้ทำ เขาต่างหาก...”
“ไอ้ห่านี่มึงเป็นใครวะ กล้าดียังไงมาด่ากูว่าแก่”
“ไม่ดูสภาพตัวเอง?” ผมเบ้ปากพลางไล่สายตามองผู้ชายคนนี้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผัว แก่หัวหงอกแล้วเด็กรุ่นนี้จะไปอ่อยเนี่ยนะ “ก็ต้องตาบอดไม่ก็หูหนวก สภาพยังกับกระดูกเดินได้”
“ปากดีนะมึง ปล่อยนังแพรมา” ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องยุ่งหรือเสือกหรอกนะ ผมไม่เคยยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทว่าเธอคนนี้กลับกำชายเสื้อสูทผมแน่น “ฉันบอกให้แกมานี่ ถ้าแกไม่มา อย่างหวังว่าฉันจะส่งเสียแกเรียนนะ”
“แพรก็ส่งตัวเองเรียน ป้าไม่ได้เกี่ยวสักหน่อย”
“อีนี่!”
“ความจริงมันไม่ใช่เรื่องของฉันเลยนะเนี่ย” ผมบ่นพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นและทิ้งข้างตัว “ออกไปหาพวกเขา”
“ไม่” ใบหน้าสวยที่เจอเมื่อตอนสายของวันยังไม่มีรอยตบด้วยซ้ำไป ปากของเธอมีเลือดซึมแห้งกรัง “ได้โปรดค่ะ”
“อะไร?”
“แกจะไปกับเขาไม่ได้นะ ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย” ผู้ชายแก่คนนี้รีบบอกเธอว่าอย่าไปกับผม
“แพรยอมไปกับเขาดีกว่าไปหาป้า” ตวาดเสียงดังจนสามคนนั้นนิ่งไป “ปล่อยแพรไปเถอะ แพรขอ”
“แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าแกจะเรียนจบหาเงินมาเลี้ยงดูฉันที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กนะ!”
“เฮ้อ ให้ตายสิวะ!” แผดเสียงดังลั่นซอยที่เงียบสงัด จนสามคนตรงหน้าตกใจไม่ต่างจากเธอคนนี้ “ฉันอันตรายมากกว่าพวกเขา เธอแน่ใจ”
“คือ...”
“งั้นก็กลับไปกับพวกเขาซะ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่มานั่งเห็นอกเห็นใจคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากหรอกนะ” พูดจบก็สะบัดตัวจนร่างเล็กเซเกือบล้ม และนั่นทำให้สามคนนั้นรีบเข้ามากระชากลากถูเธอ ผมจึงเดินกลับไปที่รถของตัวเองเปิดประตูค้างไว้พลางมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ปล่อยแพรนะ แพรไม่ไป!”
“แกโดนดีแน่ กล้าดียังไงไปขอร้องผู้ชายที่ไม่รู้จักให้ช่วย” ผู้หญิงรุ่นป้าจิกนิ้วลงศีรษะของเธอและลากไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยหินลูกรัง ผมหรี่สายตามองชายรุ่นลุงที่มองเธอด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “โดนฉันขังลืมแน่ อ่อยผัวฉันได้ไง เขาเป็นลุงแกนะ!”
“ฮึก”
ตุ้บ
แม่งเอ๋ย! ทำไมกูจะต้องมาเห็นเหี้ยอะไรแบบนี้ด้วยวะ ผมทุบมือบนหลังคารถและเดินสาวเท้าไปหาร่างเล็กปัดมือของผู้หญิงคนนั้นออกจากศีรษะที่ดึงผมเธอจนหนังหัวแทบถลก เธอคนนี้รีบลุกขึ้นวิ่งอ้อมมาหลบด้านหลังผมอีกครั้ง
“นังแพร แกนี่มันร่านผู้ชายจริงๆ นะ”
“มานี่นะแพรวา!” ชายรุ่นลุงเดินสาวเท้ามาหวังจะคว้าตัวเธอ แต่ผมก็เอามือดันไหล่ของเขาที่เตี้ยกว่าผมเยอะให้เซถอยห่าง “มึงอย่าเสือกเรื่องชาวบ้านจะได้ไหมวะ ขับรถผ่านไปก็จบ”
“นั้นสินะ กูควรทำแบบนั้น” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก “ปกติกูไม่ใช่คนที่ชอบเสือกเรื่องคนอื่นด้วยซ้ำ ต่อให้ใครจะตายต่อหน้าต่อตากูก็ไม่สน”
“แล้วมึงจะสนทำไม ปล่อยแพรมา ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“อ๋อ มึงขู่กู?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ชายรุ่นลุงกับรุ่นเด็กเดินเข้ามาพร้อมจะเอาเรื่องผม “ฮะ ฮ่าๆ”
“!”
“จะฆ่ากู... ทำได้เหรอ?” สามคนนี้ตกใจกับเสียงหัวเราะของผมที่ฟังแล้วดูน่าพิศวงยิ่งนัก “คนอย่างกู ถ้าจะตายคงตายไปนานแล้ว ไม่มารอให้พวกสวะอย่างมึงมาขู่หรอกว่ะ”
“มึงจะเอาแบบนี้ใช่ปะ” เด็กรุ่นน้องทำท่าจะต่อยผมพร้อมรุ่นลุงที่เดินไปหยิบไม้แถวๆ นั้นมาหวังจะทำร้าย
“อย่าทำอะไรเขานะ!” หากแต่ว่าเสียงเล็กแหบพร่าด้านหลังก็ดังขึ้นก่อนที่พวกมันจะทำอะไรผม แพรวาเดินออกจากด้านหลังและหันมามองผมที่ขมวดคิ้วกับการกระทำของเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับไปกับคนพวกนี้ “แพรจะกลับก็ได้ แต่ห้ามทำร้ายเขานะคะ เขาก็แค่ผ่านทางมาเห็นเฉยๆ”
“...”
“ขอบคุณนะคะ ฉันไม่เป็นไร” ใบหน้าสวยที่โดนตบระบายยิ้มส่งมาให้ ผมมองสามคนนั้นที่รีบกระชากแขนเธอให้กลับไปด้วยกัน ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดดันทำให้ผมเอื้อมมือไปดึงข้อมือเธอไว้จนแพรวาหันมา “คะ คุณ”
“มึงไม่จบใช่ปะ” ชายรุ่นลุงปล่อยมือของแพรวาและนั่นทำให้ผมดึงเธอจนเซมาซบกับแผงอก มือซ้ายของผมเอื้อมไปด้านหลังและหยิบกระบอกปืนสีดำเงาจดจ่อไปยังหน้าผากของมันที่ตกใจกลัวจนทำไม้ในมือล่วงหล่น
“ดีเหมือนกัน ปืนกูไม่ได้ยิงใครมานานละ”
“ปืนปลอมสินะ คิดจะขู่กู...” ผมกระตุกยิ้มมุมปากพลางชูปืนขึ้นฟ้าจากนั้นก็ลั่นไก
ปัง
“!”
“ของปลอมสินะ งั้นอยากแดกสักลูกไหม? กูจะได้สนองให้” พวกมันสามคนรู้ว่าปืนในมือของผมเป็นของจริง ก็รีบวิ่งหนีหางจุกตูดจนลับตาไป ผมจึงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนเธอมองหน้าผมจากนั้นก็... “เฮ้ แพรวา”
“...”
“เหี้ยเอ๋ย! เป็นลมอีก”
เสือกเรื่องชาวบ้านไม่เข้าเรื่องเลยนะองศา แล้วทีนี้เอาไงต่อล่ะ? เธอหนีจากคนพวกนั้นมาเพื่อมาเจอคนอันตรายอย่างผม เธอคิดผิดมหันต์แล้วแบบนี้ก็อย่างที่สุภาษิตว่า ‘หนีเสือปะจระเข้’ มันเป็นอย่างนี้เองสินะ
*---------------------------*
“รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก
พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า
พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ
ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล
เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ
“อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล
“เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม