All Chapters of อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ: Chapter 31 - Chapter 40

86 Chapters

บทที่ 31

ทุกคนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า เปิดทางเป็นช่องตามอัตโนมัติจูอวิ่นเทิงก้าวเข้าไปในเรือน ก่อนจะหันกลับมาเอ่ย “ผู้ใดที่กีดขวางบ้านผู้อื่น ผลที่ตามมาต้องรับผิดชอบเอง!”“เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ปล่อยสุนัข!”เหมยเอ๋อร์พาสุนัขหมาป่าตัวใหญ่ออกมาจากเรือน!สุนัขหมาป่าส่งเสียงหอน ทำให้หวงเฉิงอิ้นที่หมดสติไปหวาดกลัวจนตื่นทันทีนั่นหมาหรือ? เห็นได้ชัดว่าเป็นหมาป่า!หมาป่าแยกเขี้ยวพร้อมจะพุ่งเข้าหาทุกคนร้องเสียงดังแล้วก็วิ่งหนีทันทีหวงเฉิงอิ้นยกมือกุมหัว แต่กลับวิ่งได้เร็วที่สุดพอฟังคำคร่ำครวญของหวงเฉิงอิ้น หวงจื่อเฉิงก็เริ่มโกรธมากจากนั้นหวงจื่อเฉิงกลับดีใจขึ้นมา “ตีได้ดีทีเดียว ตีได้ดีทีเดียว!”ยังไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น หวงจื่อเฉิงก็เดินจากไปอย่างดีใจตื่นเต้นหวงเฉิงอิ้นรู้สึกหดหู่ใจอย่างที่สุด สงสัยทันทีว่าเป็นบุตรแท้ ๆ ของบิดาเขาหรือไม่หวงจื่อเฉิงรีบไปพบเสนาบดีกรมกลาโหมฉีไท่“ใต้เท้าฉี วันนี้อู๋อ๋องปฏิเสธงานเลี้ยงและการเข้าเยี่ยมทั้งหมด แถมยังตีบุตรชายคนเดียวของข้าอีก นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าอู๋อ๋องไร้ความทะเยอทะยาน”ฉีไท่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใต้เท้าหวง จูอวิ่นเทิงห้ามประมาทเด็ดขา
Read more

บทที่ 32

ครั้นหันไปตามเสียง เห็นว่าข้างหม่าซานเป่าเป็นขันทีน้อยที่อายุใกล้เคียงกันขันทีน้อยคนนี้ ริมฝีปากแดง ฟันขาว ใบหน้างดงาม หน้าเนียนแฝงความน่าเกรงขาม น่าเอ็นดูอย่างยิ่งขันทีน้อยคนนี้หน้าตาดีเกินไป ทำให้คนสงสัยว่าเป็นสตรีเมื่อมองไปที่หม่าซานเป่าอีกครั้ง ไม่ผิด นี่คือเจิ้งเหอในยุคหลัง!หม่าซานเป่าค้อมศีรษะอีกครั้ง และกล่าว “ขอแจ้งให้อู๋อ๋องทราบ กระหม่อมไม่ใช่หม่าซานเป่าแล้ว ฝ่าบาทได้พระราชทานนามใหม่แก่ข้าน้อยว่าเจิ้งเหอพ่ะย่ะค่ะ”ตอนแรกคิดว่าได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แล้ว ทว่าประวัติศาสตร์กลับบังคับให้กลับไปตามเส้นทางเดิมหม่าซานเป่าไม่ได้ไปที่จวนเยียนอ๋อง แต่ยังคงเปลี่ยนชื่อเป็นเจิ้งเหอที่แตกต่างคือ ในประวัติศาสตร์เป็นจูตี้มอบชื่อให้บัดนี้ จูหยวนจางเป็นผู้มอบชื่อนี้ให้แก่หม่าซานเป่า“ที่แท้ เจ้าก็คือหม่าซานเป่า!” ​​ขันทีน้อยประหลาดใจเจิ้งเหอรับแนะนำขันทีน้อยทันที “อู๋อ๋อง นี่คือผู้เข้าวังมาใหม่ นามเริ่นเหยา มาจากอวิ๋นหนานพ่ะย่ะค่ะ”เริ่นเหยา เหรินเยา[1] หรือ?ยิ่งจูอวิ่นเทิงมองก็ยิ่งเหมือน ขันทีน้อยคนนี้ยิ่งงดงามน่าทึ่งจริง ๆ!ลักษณะของขันทีและคนข้ามเพศคล้ายคลึงกันบางท
Read more

บทที่ 33

ทว่าไม่กี่เดือนก่อน ดูเหมือนฝ่าบาทจะเริ่มสนใจจูอวิ่นเทิงฝ่าบาทให้โอกาสเขาหลายครั้ง แต่เขาไม่ได้แสดงความสามารถโดดเด่นเลยแต่ฝ่าบาทกลับโปรดปรานจูอวิ่นเทิงมากขึ้นเรื่อย ๆตามที่ขันทีคนอื่น ๆ ซึ่งผลัดเวรกันกล่าว ฝ่าบาทมักเอ่ยถึงจูอวิ่นเทิงถี่มากขึ้นเรื่อย ๆการเอ่ยถึงโดยไม่ตั้งใจ พิสูจน์แล้วว่าจูอวิ่นเทิงมีตำแหน่งสำคัญในใจของฝ่าบาทเมื่อตนถูกจับสอบสวนด้วยการทรมาน โดยเฉพาะเมื่อจูอวิ่นเหวินยกแส้ขึ้น เจิ้งเหอสิ้นหวังอย่างยิ่งโชคดีที่จูอวิ่นเทิงและฝ่าบาทปรากฏตัวมิเช่นนั้น เขาคงตายอย่างไม่เป็นธรรมฝ่าบาทได้มอบนามใหม่ให้เขาที่ตำหนักหย่างซินเป็นพิเศษ และจากนี้ให้เขาติดตามจูอวิ่นเทิงแม้นใจจะไม่ยินดีอยู่บ้าง แต่ประสงค์ของฝ่าบาทมิอาจฝ่าฝืนได้นอกจากนี้ จูอวิ่นเทิงก็ถือว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาในทางอ้อมจูอวิ่นเทิงเข้าใจตนได้ถึงขนาดนี้ เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของเจิ้งเหออย่างสิ้นเชิงมีเพียงคำอธิบายเดียว คนผู้นี้มีพลังเหนือธรรมชาติ บางทีเขาอาจเป็นทูตที่มูฮัมหมัดส่งมามิฉะนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่เขารู้เรื่องเมกกะ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ความฝันของตนที่จะไปแสวงบุญที่เมกกะเขาเป็นทูตของมูฮั
Read more

บทที่ 34

อย่างไรก็สายแล้ว จูอวิ่นเทิงจึงไม่ได้รีบร้อนเขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า สวมเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟัน ทำเอาฉางเซิงที่อยู่ข้างนอกร้อนใจจนเดินวนไปวนมาขณะที่ออกจากเรือนและขึ้นม้าเหงื่อโลหิต ฉางเซิงเอ่ยขึ้น “อวิ่นเทิง เร็วเข้า! สายแล้ว จะถูกโบยเอาได้”พระอาทิตย์เกือบจะขึ้นแล้ว และในเวลานี้ก็สายไปนานแล้ว!ฉางเซิงอธิบายว่า เมื่อวานหลังการประชุมเช้าเสร็จสิ้น ฝ่าบาทได้ประกาศว่าจากนี้ไปเวลาในการประชุมเช้าจะเลื่อนออกไปหรือว่าร่างกายจูหยวนจางมีปัญหา?ครั้นรีบมาถึงตำหนักเฟิ่งเทียน ซึ่งเหล่าขุนนางทั้งหมดได้มากันครบแล้วด้านหลังของตนกับฉางเซิงไม่มีผู้ใดแล้วเช่นนี้ จูอวิ่นเทิงจึงกลายเป็นจุดสนใจของท้องพระโรงอีกครั้ง[คำนวณพลาดแล้ว คำนวณพลาดแล้ว คำนวณพลาดครั้งใหญ่เลย หากถูกบังคับให้เข้าร่วมประชุมเช้าปรึกษางานราชการ ต้องเดินให้ไม่อยู่ข้างหน้าสุดและไม่อยู่ข้างหลังสุด ไม่เร็วหรือช้าเกินไป แบบนี้ถึงจะเงียบเชียบ ไม่มีใครสังเกตเห็น][ตาเฒ่าจูเป็นแบบอย่างของแรงงานมาเสมอ ทำไมคราวนี้ถึงสายขนาดนี้?][ตาเฒ่าจูเป็นคนบ้างานสุดขีด ฉลาดสุดยอด ทำงานเกินกำลังอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี แม้แต่คนเหล็กก็ท
Read more

บทที่ 35

[ว้าว! นึกไม่ถึงว่าตาเฒ่าจูผลักดันระบบเน่ยเก๋อก่อนเวลาเสียด้วย!][เขาคิดเรื่องการผลัดกันรับหน้าที่กันด้วแน่ะ!][ตาเฒ่าจู ขอกดไลก์ทองคำมหึมาให้เลย!][ตาเฒ่าจูนี่สุดยอดกว่าที่คิดไว้อีก!][ข้ายังมามัวดีใจอยู่กับฉบับดัดแปลงของตัวเอง! แต่ตาเฒ่าจูคิดออกมานานแล้ว!][ละอายใจจริง ๆ ละอายใจจริง ๆ]เมื่อจูหยวนจางได้ยินเสียงในใจของจูอวิ่นเทิง ก็มีอารมณ์ซับซ้อนขึ้นหลานสามรู้สึกละอายใจ ทว่าในใจของตนเองรู้สึกละอายใจยิ่งกว่าจูอวิ่นเหวินเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไร โดยเฉพาะสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อยของเสนาบดีไม่กี่คนที่อยู่ด้านหน้า ก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุได้ดังนั้น จึงกล่าวเสียงดังว่า “ฝ่าบาท หลานคิดว่าระบบเน่ยเก๋อนี้ อาจขัดแย้งกับทั้งหกกรมพ่ะย่ะค่ะ”หลายวันมานี้จูอวิ่นเหวินรู้สึกกดดันมากตามคำสั่งของมารดา จับขันทีน้อยหม่าซานเป่าไปสอบสวนในห้องตัวเขาเองยังลงมือเฆี่ยนหม่าซานเป่าอีกด้วยไหนเลยจะรู้ว่าฝ่าบาทกับจูอวิ่นเทิงอยู่นอกประตูสิ่งที่ทำให้เขายิ่งหวาดกลัวไปกว่านั้นคือ ฝ่าบาทพาจูอวิ่นเทิงและหม่าซานเป่าเดินเล่นรอบในวัง ขณะพูดคุยกันก็เดินวนไปเสียหลายรอบ!สัญญาณนี้ชัดเจนเกินไปตนดันไปตีคนที่ไม่ค
Read more

บทที่ 36

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจูหยวนจาง จูอวิ่นเทิงก็มองไปรอบ ๆ ด้วย “ความหวาดกลัว” ก่อนจะเหลือบตามองจูอวิ่นเหวินอีกครั้ง“เสด็จปู่ หลานไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้ เพียงแต่คิดว่าคำพูดของพี่รองก็ไม่ผิดนักพ่ะย่ะค่ะ”จูอวิ่นเทิงกล่าวจบก็ถอยหลังไปอีกครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวบั้นท้ายเกือบจะชนฉีไท่เสนาบดีกรมกลาโหมจูหยวนจางหรี่ตาเล็กน้อย พระราชนัดดาเจ้าเล่ห์ผู้นี้ยังไม่ยอมเปิดเผยสักนิดเดียว! ยังจะเสแสร้งอีก![หึ ๆ เน่ยเก๋อกับกรมขัดแย้งกัน นี่คือผลลัพธ์ที่ฮ่องเต้ต้องการอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?] [กรมกลาโหมของเจ้ากลายเป็นปึกแผ่นขึ้นมา ฮ่องเต้จะทำอย่างไรเล่า?] [หากเสนาบดีกรมกลาโหมถูกสมาชิกเน่ยเก๋อที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตนเองแย่งอำนาจไป เสนาบดีกรมกลาโหมผู้นี้จะมีประโยชน์อันใด? เปลี่ยนคนเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว] [อยากป้องกันไม่ให้สมาชิกของเน่ยเก๋อกลายเป็นปากเสียงหรือตัวแทนของกรมต่าง ๆ หรือ? ฮ่องเต้มัวทำอะไรอยู่? แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังดูไม่ออกหรือ?] [อีกอย่างมีการประเมินผลปีละครั้ง เปลี่ยนชุดใหม่ทุกหกปี การหมุนเวียนรวดเร็วถึงเพียงนี้ จะให้พวกเขาจะรวมตัวเป็นกลุ่มผลประโยชน์ได้อย่างไร?][ให้สมาชิกในเน่ยเก
Read more

บทที่ 37

แม้ไม่ได้วิจารณ์โดยตรง แต่ความเห็นของฝ่าบาทเสมือนกับฝ่ามือที่ใหญ่เท่าพัดใบตาล ตบหน้าของเขาดังเพียะ ๆ จนเจ็บไปหมดเมื่อมองจูอวิ่นเทิงอีกครั้งก็รู้สึกดีขึ้นมากแม้ว่าตนจะเสนอความคิดเห็นผิดพลาด แต่ย่อมต้องดีกว่าคนที่เอาแต่คล้อยตามผู้อื่น ไม่มีความคิดเห็นของตัวเองไม่ใช่หรือ? ใครไม่เคยทำผิดกันบ้างเล่า?ไม่แน่ว่าความเห็นที่ตนเสนอออกไป อาจเป็นสิ่งที่เสด็จปู่ต้องการจะได้ยินก็ได้หากไม่มีความเห็นที่ผิดพลาดของตน จะดึงการตัดสินใจอันชาญฉลาดของเสด็จปู่ออกมาได้อย่างไร?ไม่มีความคิดเห็นของตนเอง ถูกผู้อื่นชักจูงไปมา คนเช่นนี้จะแบกรับหน้าที่สำคัญได้อย่างไร?ตอนนี้ดูแล้ว ฝ่าบาทคิดระบบเน่ยเก๋อเช่นนี้ออกมาได้ ไม่เกี่ยวข้องกับจูอวิ่นเทิงเลยสักนิดเดียวฝ่าบาทสามารถขับไล่ชาวหยวนที่ป่าเถื่อน ก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมา จะมองไม่ออกได้หรือว่าผู้ใดมีคุณสมบัติสูงต่ำ? ช่วงนี้พระองค์ทรงดีต่อจูอวิ่นเทิงเป็นพิเศษ ประการหนึ่งเป็นเพราะมารดาของจูอวิ่นเทิงจากไปเร็วนัก อีกประหนึ่งอาจเป็นเพราะทำให้ตนดูดูว่าตนสามารถควบคุมจิตใจให้สงบนิ่งได้หรือไม่จูหยวนจางปฏิเสธข้อเสนอของจูอวิ่นเหวินอย่างอ้อม ๆ เหล่าขุนนางล้วนไม่กล้า
Read more

บทที่ 38

จูอวิ่นเทิงได้ยินแล้วก็ขบขันที่แท้จูหยวนจางก็มีมุมตลกเหมือนกันถึงกับหักมุมชมก่อนแล้วค่อยตำหนิทีหลังกับจูอวิ่นเหวินด้วย หรือว่าจะเป็นนักแสดงจำอวดของคณะเต๋ออวิ้นเซ่อย้อนเวลามา?จูหยวนจางปฏิเสธข้อเสนอของจูอวิ่นเหวิน กำลังคิดจะบอกเหตุผลออกมา แต่พอเห็นจูอวิ่นเทิงก็เปลี่ยนใจอีกครั้งหากบอกเหตุผลออกมาจริง ๆ จูอวิ่นเทิงจะสังเกตเห็นว่ามีปัญหาหรือไม่?หากพูดความคิดที่อยู่ในใจจูอวิ่นเทิงออกมาทั้งหมด จูอวิ่นเทิงอาจจะรู้ถึงความสามารถพิเศษว่าเขาลอบฟังความคิดได้ พอถึงตอนนั้น จูอวิ่นเทิงจิตใจล่องลอย ปิดกั้นเสียงในจิตใจขึ้นมาจะทำอย่างไร?“การค้าขายระหว่างชาวบ้าน เป็นความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย จะไปบังคับได้อย่างไร? ชาวบ้านใช้เงินตำลึงในการซื้อขายแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าพวกเขามีความผิด แต่เป็นทางการต่างหากที่ไร้ความสามารถ!” ในที่สุดจูหยวนจางก็หาเหตุผลที่ฟังดูยิ่งใหญ่ออกมาได้ความผิดไม่ได้อยู่ที่ชาวบ้าน ตนก็ไม่ผิดเช่นกัน ความผิดอยู่ที่ขุนนางเหล่านี้ที่ไม่ได้จัดการให้ดี! [ตาเฒ่าจูรักประชาชนเหมือนบุตรจริง ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อย!] [ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน พวกฮ่องเต้ต่างก็ร้องตะโก
Read more

บทที่ 39

โชคดีที่มีพระราชนัดดาอยู่ข้างกาย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงถูกขุนนางเหล่านี้หลอกลวงเข้าให้แล้ว “ฟ่านหมิ่น เราขอถามเจ้าว่าเราปล่อยตั๋วเงินไปมากเท่าไร รวมเป็นมูลค่าเท่าไร? เงินตำลึงที่สามารถให้ประชาชนแลกเปลี่ยนได้มีอยู่เท่าไร?” คำถามของจูหยวนจางทำให้ฟ่านหมิ่นอึ้งไปทันที ตัวเลขเหล่านี้ ไม่ว่าทั้งในบัญชีหรือว่าในใจล้วนไม่มีตัวเลขเลย! “ฝ่าบาท กรมคลังมีเพียงทะเบียนที่ดินและสำมะโนประชากรเท่านั้นที่ลงบันทึกรายละเอียดไว้ ตั้งแต่ปีที่ห้าของรัชสมัยหงอู่เป็นต้นมา ได้มีการออกตั๋วเงินสิบกว่าครั้ง แต่มูลค่าโดยรวมมีอยู่เท่าไรนั้น ไม่มีการรวบรวมรายละเอียดไว้พ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านหมิ่นใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าผาก “เงินตำลึงในคลังแคว้นมีไม่มากนัก เงินตำลึงส่วนใหญ่ล้วนกระจายอยู่ในหมู่ราษฎร การแลกเปลี่ยนตั๋วเงินจึงค่อนข้างยากจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น จูหยวนจางก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย ที่แท้ฟ่านหมิ่นก็เข้าใจเรื่อง “ทุนสำรอง” ที่พระราชนัดดากล่าวในใจเช่นกัน หรือก็คือตั๋วเงินกับสินทรัพย์ต้องสอดคล้องกันอย่างชัดเจน ตอนนี้เงินตำลึงในคลังแคว้นมีไม่มากนัก เงินตำลึงอยู่ในหมู่ประชาชน และไม่มีใครยินดีแลกเปลี่ยนเป
Read more

บทที่ 40

[ในที่สุดตอนนี้ข้าก็เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้เลยคือบัณฑิตหมายความว่าอย่างไร!][เอาแต่ท่องสิ่งที่เรียกว่าตำรานักปราชญ์ทั้งวัน ทั้ง ๆ ที่แขนขาไม่ได้ทำงาน แยกแยะธัญพืชห้าชนิดไม่ออกเสียด้วยซ้ำ!][ให้คนพวกนี้มาปกครองแคว้น มีแต่จะทำลายแคว้น ทำลายประชาชนเท่านั้น!]จูหยวนจางตั้งใจฟังอย่างละเอียด เนื่องจากเสียงในใจของหลานสามตรงกับความคิดของเขาเลย รำคาญพวกบัณฑิตที่ผ่านการสอบคัดเลือกขุนนางพวกนี้! แต่ละคนเอาแต่ทำตัวหยิ่งยโสทั้งวัน ปากมีแต่บทกวีขงจื๊อ คิดว่าเป็นผู้สูงส่งเหนือใครเวลานี้เอง เสนาบดีกรมคลังก็กล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าคำพูดของใต้เท้าฉีกับพระราชนัดดารองมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ” จูหยวนจางกำลังตั้งใจฟังเสียงในใจของจูอวิ่นเทิงอยู่ ไฉนจะรู้ว่ามีคนที่ตาไร้แววโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน“หุบปาก! เราให้เจ้าพูดแล้วหรือ?”จูหยวนจางแทบจะตวาดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวท้องพระโรงเงียบกริบลงทันทีนี่เป็นการประชุมราชสำนักไม่ใช่หรือ? ประชุมราชสำนักมีไว้ให้คนหารือกันไม่ใช่หรือ? ไม่ให้คนหารือกัน แล้วยังจะให้ทุกคนยืนอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?ฝ่าบาทบอกว่ารู้สิ่งใดก็จงพูดมาให้หมด และพูดโดย
Read more
PREV
1234569
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status