All Chapters of เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!: Chapter 21 - Chapter 30

100 Chapters

บทที่ 21

เป็นอีกครั้งที่หลี่วั่นเหนียนประทับใจในตัวหลินหว่านเหยียน วิสัยทัศน์ของนางไม่เลวเลย น่าเสียดายที่เป็นสตรี.......เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งวันก่อนออกเดินทาง หัวหน้าหมู่บ้านหลี่จื้อหมิงก็ได้มาที่บ้านของหลี่วั่นเหนียนทันทีที่เห็นหลี่วั่นเหนียน หลี่จื้อหมิงก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายหนุ่มลงอีกแล้ว ครั้นนึกถึงว่าช่วงนี้เรี่ยวแรงของตัวเองไม่เป็นดังใจหวังอยู่บ่อย ๆ เขาก็คิดว่าคงเป็นเพราะตัวเองไม่ได้แต่งงานภรรยาสาว ๆ “เจ้าหลี่ พรุ่งนี้เช้าไปพวกเจ้าไปรวมตัวที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน เตรียมตัวไปลงทะเบียนที่ค่ายทหารทางเหนือของอำเภอผิงอัน อย่าลืมพกเสบียงติดตัวไปด้วย ได้ยินว่ามาตรฐานของอาหารในกองทัพตกต่ำลงอีกแล้ว!”“เข้าใจแล้ว! เสี่ยวหมิง!”“เจ้า…เอาเถอะ คืนนี้ก็กินอาหารดี ๆ!”หลี่จื้อหมิงจะแก้ไขคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเอง แต่คิดไปคิดมาแล้วรู้สึกว่าก็ช่างมันเถอะ เรียกแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว คงแก้ได้ยาก อีกอย่าง หลังจากนี้จะได้ยินอีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าเสี่ยวหมิงอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้หลี่วั่นเหนียนไม่ได้คิดอะไรมาก เขาฝึกต่อยอยู่ภายในลานบ้าน พบว่าตอนที่ฝึกวิชาหมัดชุดนี้ ร่างกายจะรู้สึกร้อนระอุไปทั่วทั้งตั
Read more

บทที่ 22

หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน หลี่วั่นเหนียนก็ตื่นแต่เช้า ทว่าหญิงสาวทั้งสามกลับตื่นเช้ายิ่งกว่า นอกจากนี้ยังเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เขาได้กินอิ่มก่อนออกเดินทางหลี่วั่นเหนียนรู้สึกหนักใจเล็กน้อย เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันจริง ๆ เขาก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยหลี่วั่นเหนียนกินข้าวแล้วนำดาบม่อเตาออกมาพันใบมีดด้วยผ้า จากนั้นใช้ปลายทั้งสองด้านหามข้าวคั่วกับชุดเกราะ อย่างหนึ่งหนักยี่สิบชั่ง อีกอย่างหนักสามสิบกว่าชั่ง ทางฝั่งของข้าวคั่วรวมน้ำหนักกับเสื้อผ้ารองเท้าแล้ว มีน้ำหนักสามสิบกว่าชั่งเขาแบกของทั้งหมดไว้บนบ่า มองไปยังขอบฟ้าที่กำลังเริ่มสว่างก่อนจะมองไปยังหญิงสาวสี่คนด้านหลัง ภายในใจยากจะสงบ “ตอนเช้าอากาศเย็น พวกเจ้ากลับเข้าบ้านเถอะ!”“ให้พวกข้าไปส่งท่านที่หน้าหมู่บ้านเถิดนะเจ้าคะ!”หลินหว่านเซียนพูด“ใช่เจ้าค่ะ ให้พวกข้าไปส่งที่หน้าหมู่บ้านเถิด!”หลินหว่านชิงพูดแบบนี้เช่นกัน เสี่ยวเยี่ยนจื่อกับหลินหว่านเหยียนเป็นคนขี้อายพูดน้อย ไม่ได้เอ่ยอะไร“ก็ได้!”หลี่วั่นเหนียนแบกของเดินไปทางตะวันออกของหมู่บ้าน ภายใต้การรายล้อมของหญิงสาวทั้งสี่คนตอนนี้มีบางคนมารออยู่ก่อน
Read more

บทที่ 23

บรรดาหนุ่ม ๆ อาศัยแสงแดดยามเช้าในการเดินทางมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง ระยะทางสิบกว่าลี้ไม่ถือว่าไกลสำหรับชาวนา แต่ทุกคนต้องแบกอาหารแห้งและเสื้อผ้า ทำให้การเดินเป็นไปด้วยความยากลำบาก เดินได้ห้าหกลี้ก็แทบไม่ไหวแล้ว“ท่านปู่น้อย สัมภาระของท่านดูหนักมาก แต่เหตุใดท่านกลับดูไม่เหนื่อยสักนิดเลย!”หลี่เฉิงหัวถามด้วยความสงสัย“เรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ต้องถาม! รีบเดินทางเข้าเถอะ หากไปถึงหลังเที่ยงก็จะลงทะเบียนไม่ทันแล้ว!”หลี่วั่งฉายเร่งเร้าให้ทุกคนเร่งเดินทาง แม้จะเหนื่อย แต่อย่างไรก็ยังหนุ่มยังแน่น กัดฟันเดินจนถึงตัวอำเภอได้ก่อนเที่ยงวันนี้ในตัวอำเภอมีคนเยอะกว่าปกติ เพราะทหารใหม่ส่วนใหญ่ต้องมาลงทะเบียนวันนี้ ทำให้วันนี้ในเมืองมีคนเพิ่มมาห้าร้อยคนอย่าได้ดูแคลนคนจำนวนห้าร้อยคนนี้ไป ทั้งตัวเมืองมีประชากรแค่สี่ถึงห้าพันคน บัดนี้มีคนเพิ่มมาหาร้อยคนจึงถือว่าไม่น้อยเลย นอกจากนี้ยังมีครอบครัวที่ตามมาส่งด้วยไม่น้อยชายหนุ่มส่วนใหญ่ไม่เคยมาที่ตัวอำเภอ นี่จึงถือเป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขา ทำให้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นพวกเขาเข้ามาจากทางใต้ของเมือง เดินเพียงไม่นานก็มาถึงทางเหนือของเมือง ที่นี่มีที่ว่าการ
Read more

บทที่ 24

หลี่วั่นเหนียนวางหินหนักร้อยชั่งลงเบา ๆ หากไม่รู้ก็คงคิดว่าเขากำลังยกต้นกก“ถัดไปคือหนึ่งร้อยสามสิบชั่ง!”ภายใต้คำสั่งของทหารชั้นผู้น้อยคนนั้น หลี่เฉิงหัวลองยกหินหนักหนึ่งร้อยสามสิบชั่ง แต่เขาทำได้เพียงยกขึ้นมาเท่านั้น ยกขึ้นเหนือศีรษะได้แบบฝืน ๆ แล้วหมดแรงทันที ก้อนหินร่วงตกลงพื้น พื้นดินสั่นสะเทือนหลี่วั่งฉายเห็นดังนี้ก็ลองยกเช่นกัน เขาสามารถยกหินขึ้นมาได้ ทว่าในตอนที่ลองยกขึ้นเหนือศีรษะนี่เอง จู่ ๆ ก้อนหินก็หลุดจากมือ หากไม่ระวังก็อาจทำให้ขาทั้งสองพิการได้เลย เคราะห์ดีที่หลี่วั่นเหนียนช่วยรับไว้ได้ทัน มิหนำซ้ำยังรับด้วยมือข้างเดียว จากนั้นวางลงบนพื้นอย่างมั่นคงก่อนจะยกขึ้นเหนือศีรษะแรงที่ใช้ยกน้ำหนักไม่ได้เท่ากับแรงจริงของคน ส่วนใหญ่แล้วมักจะต่ำกว่าความเป็นจริง ยกเว้นแต่จะเคยผ่านการฝึกพิเศษจากนั้น หลี่เฉิงหัวอยากลองยกน้ำหนักหนึ่งร้อยหกสิบชั่งต่อ แต่ก็ทำได้แค่ยกขึ้นมา ไม่ทางชูขึ้นเหนือศีรษะได้ จึงต้องยอมแพ้ไป หลี่วั่งฉายยอมแพ้เช่นกัน เขายังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย หากไม่มีหลี่วั่นเหนียนช่วยไว้ เขาคงกลายเป็นคนพิการแล้วหลี่วั่นเหนียนทำการยกหินหนักหนึ่งร้อยหกสิบชั่งขึ้น
Read more

บทที่ 25

ตอนนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในที่ว่าการพูดกับผู้บังคับการว่า “ใต้เท้า มีแค่สี่ร้อยเก้าสิบเก้าคนขอรับ!”“เหตุใดจึงขาดไปหนึ่งคน?”ผู้บังคับการถามด้วยเสียงราบเรียบ เขาไม่อนุญาตให้ผู้ใดขาดหายไปทั้งนั้น คำสั่งที่ได้รับมาคือต้องมีคนครบตามจำนวน“หนึ่งคนในนี้ติดโรคระบาดตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ส่งผลให้ขาดไปหนึ่งคนขอรับ!”เจ้าหน้าที่มีเหงื่อตกท่วมศีรษะ เขาไม่กล้ามีเรื่องกับคนของกองทัพ มิเช่นนั้นชีวิตจะหาไม่“ข้าไม่สน ก่อนพระอาทิตย์ตกดินวันนี้ เจ้าต้องหาคนมาให้ครบ! มิเช่นนั้นต้องถูกลงโทษตามกฎของทหาร!”เมื่อผู้บังคับการพูดจบ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เหงื่อตกหนักกว่าเดิม ได้เพียงกล่าวว่า “ข้าน้อยจะไปหามาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เจ้าหน้าที่คนนี้ก็ออกไปตะโกนหน้าที่ว่าการ “ต้องการทหารหนึ่งคนสุดท้าย ผู้ใดสมัครจะได้สามร้อยอีแปะ!”เขาตะโกนไม่หยุด แต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบรับ เพราะผู้ที่สามารถเป็นทหารได้ต่างก็มารายงานตัวกันหมดแล้ว ส่วนคนที่ไม่อยากเป็นก็ย่อมไม่มา อีกอย่าง เงินแค่สามร้อยอีแปะไม่เพียงพอที่จะให้ผู้ใดยอมเอาชีวิตเข้าแลกในยามที่เจ้าหน้าที่ทางการกำลังร้อนรนกระวนกระวาย บุรุษร่างผอมคนหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้น “ข้
Read more

บทที่ 26

หากหลี่วั่นเหนียนไม่พูดเช่นนี้ หลินอิงไถก็จะเลือกนอนติดกับเขาอยู่แล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นี่กลับทำให้หลินอิงไถรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะนางรู้สึกว่าหลี่วั่นเหนียนมีเจตนาคิดไม่ซื่อ!“ไม่รบกวนท่านหัวหน้าหมู่ย่อยดีกว่า!”หลินอิงไถ่เลือกที่นอนตรงมุม แต่นางไม่ได้นำผ้าห่มหรือเสื้อผ้ามาด้วย พกมาแค่ห่อผ้าที่ด้านในเป็นชุดเกราะ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถใช้เป็นผ้าห่มกันหนาวในยามค่ำคืนสำหรับทหารส่วนใหญ่แล้ว เวลานอนก็แค่กอดฟางแห้งบนพื้น เพราะเมื่อถึงเวลาต้องเดินทัพของจริง เครื่องนอนกับเสื้อผ้าจะพกติดตัวได้ลำบากมาก ส่วนใหญ่ก็พึ่งพาอาศัยกัน หาที่แห้ง ๆ ไว้สำหรับนอนก็พอหากเป็นวันฟ้าใสก็ดีไป แต่หากวันใดฝนตก พื้นดินจะเปียกชื้นจนไม่อาจนอนได้ ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนสี่ อากาศเริ่มชื้นขึ้นเรื่อย ๆ พื้นดินในกระโจมตอนกลางคืนก็ชื้นเล็กน้อยเช่นกัน อาการบาดเจ็บของหลินอิงไถยังไม่หายสนิท เกรงว่าคืนนี้คงนอนไม่สบายนัก“ท่านลุง ข้าขอนอนกับท่านได้หรือไม่?”พ่อหนุ่มน้อยหลี่วั่งฉายหอบผ้าห่มของตัวเองมาหาหลี่วั่นเหนียน“ผ้าห่มของเจ้าเหมือนจะเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้ตอนที่เจ้าเกิดเลย!”หลี่วั่นเหนียนจำ
Read more

บทที่ 27

หลินอิงไถเข้าใจกฎในกองทัพมากกว่าอย่างเห็นชัด หลี่วั่นเหนียนฟังแล้วคิดตาม คาดเดาว่าหัวหน้าหมวดต้องอยู่ห้องคู่ มีแค่หัวหน้าหน่วยเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้อยู่ห้องเดียว“เช่นนั้นสหายอิงไถกับข้าคงต้องพยายามเป็นหัวหน้าหมวดให้ได้!”หลินอิงไถฟังแล้วรู้ทันทีว่าหลี่วั่นเหนียนมีความหมายแอบแฝง “ที่บ้านมีภรรยาสามคนกับสาวใช้หนึ่งคนยังไม่พอให้เหน็ดเหนื่อยอีกหรือ”“สหายอิงไถเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าเพียงอยากเรียนรู้อะไรบางอย่างจากสหายอิงไถก็เท่านั้น!”หลี่วั่นเหนียนกลับพูดความจริง หลังจากที่เขารู้ว่าหญิงสาวนางนี้เป็นแม่ทัพ เขาก็รู้ว่านี่เป็นหนึ่งในโอกาสที่จะได้พลิกชีวิตตัวเอง มิเช่นนั้น ต่อให้เขาจะเก่งกาจเพียงใด หากไร้ซึ่งคนหนุนหลังก็เปล่าประโยชน์“ข้าสอนเจ้าไม่ได้หรอก!”หลินอิงไถฝึกหมัดจบก็กลับเข้ากระโจม เมื่อหลี่วั่นเหนียนกลับเข้าไปก็พบว่า ผ้าห่มของตัวเองถูกหลินอิงไถหยิบไปใช้แล้ว เห็นทีว่าเมื่อคืนคงจะหลับไม่สบายจริง ๆอาการบาดเจ็บของนางคงจะยังไม่หายดี มิเช่นนั้นแม่ทัพเช่นนางคงไม่มีทางหวั่นเกรงต่อความหนาวแค่นี้ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม เสียงของหัวหน้าหมู่หลิวเถียนก็ดังขึ้นนอกกระโจม “รวมพล! เข้าแถว!
Read more

บทที่ 28

อันที่จริง ในตอนที่วิ่งได้หนึ่งลี้กว่า ก็เริ่มมีคนไม่ไหวและลดความเร็วลงแล้ว ครั้นวิ่งได้ถึงสองลี้ก็มีคนวิ่งรั้งท้ายอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อถึงสามลี้ คนส่วนใหญ่ก็ลดความเร็วลง ทำให้หลี่วั่นเหนียนที่ตอนแรกอยู่ท้ายขบวนได้ขยับมาอยู่ตรงกลางท้ายที่สุด หวังเอ้อร์ จางซาน และจ้าวซื่อก็เป็นสามคนแรกที่วิ่งผ่านธง ขณะที่วิ่งรอบขากลับได้หนึ่งร้อยกว่าจั้งก็เห็นหลี่วั่นเหนียน ทั้งสามคนไม่หยุดพักแต่อย่างใด ยังคงวิ่งต่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หลี่เฉิงหัววิ่งไล่หลังทั้งสามคนมาและดูมีแนวโน้มที่จะแซง ส่วนหลี่วั่งฉายที่ตัวเบาก็ไม่เป็นรองเช่นกันหลี่วั่นเหนียนรู้ว่าตัวเองต้องเร่งความเร็วแล้ว เขาพุ่งตัวไปที่เสาธง หลังจากวิ่งรอบธงเรียบร้อยก็พุ่งตัวลงจากยอดเขาด้วยความเร็ว หลินอิงไถก็ทำแบบนี้เช่นกัน ทั้งสองคนวิ่งแซงคนอื่นไม่หยุด เพียงไม่นานก็ทิ้งห่างจากหลี่เฉิงหัวเพียงไม่กี่จั้ง อยู่หลังหลี่วั่งฉายเพียงไม่กี่ก้าวหลี่วั่นเหนียนมีพลังต่อสู้ของผู้ใหญ่หกคน ตามหลักแล้วควรจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นหกเท่า แต่เมื่อต้องคำนึงถึงแรงต้านอากาศแล้ว ความจริงก็ไม่ได้เร็วขึ้นหกเท่า กระนั้นก็ไม่ได้ต่างกันมากนักไม่นาน หลี่วั่นเหนียน
Read more

บทที่ 29

หลิวเถียนพูดต่อ “ครั้งนี้ข้าไม่ได้จะทดสอบความเร็วของพวกเจ้า แต่เป็นการทดสอบด้านการจัดสรรแรงกายของพวกเจ้าต่างหาก เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าสามคนไม่ผ่านเกณฑ์!”ทั้งสามคนได้ยินหลิวเถียนพูดเช่นนี้ก็เข้าใจ กระนั้นก็ยังคงไม่พอใจอยู่เล็กน้อย อย่างไรทุกคนก็เป็นชาวไร่ชาวนากัน เหตุใดจึงมีแค่สองคนนี้ที่ได้กินข้าวสวย?เมื่อทุกคนทยอยกันกลับมาครบ หลิวเถียนก็ให้ทุกคนไปรออาหารที่ประตูเมืองอาหารของทหารใหม่จะถูกปรุงภายในเมืองก่อน จากนั้นนำมาแจกจ่ายนอกเมืองหัวหน้าหมู่หลิวพาหลี่วั่นเหนียนกับหลินอิงไถไปยังแผงที่บรรดาหัวหน้าหมู่กินอาหาร ข้าวที่อยู่ในถังไม้ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง หลี่วั่นเหนียนสังเกตเห็นว่าข้างถังข้าวฟ่างมีถังใบเล็กอยู่อีกใบ ด้านในนั้นมีข้าวสาลีผสมอยู่ด้วย พึงรู้ไว้ว่ารสสัมผัสของข้าวสาลีดีกว่ามาก! มีปริมาณแป้งมากกว่า พูดง่าย ๆ ก็คืออยู่ท้องกว่า!“เลิกมองเถอะ ถังที่อยู่ด้านข้างเป็นของพวกหัวหน้าหมวด! ส่วนข้าวที่ท่านหัวหน้าหน่วยกินจะเป็นข้าวสาลีเป็นหลัก ข้าวฟ่างเป็นรอง และอาหารของท่านผู้บังคับการจะเป็นข้าวสาลีล้วน!”ความเป็นจริงที่หลิวเถียนอธิบายนี้ ทำให้หลี่วั่นเหนียนสัมผัสได้ถึงการแบ่งลำดับขั้นที่เ
Read more

บทที่ 30

ตลอดทั้งบ่ายเป็นการฝึกใช้อาวุธ โดยพื้นฐานแล้วมีไม่เกินสามกระบวนท่า เพราะหากครบสามกระบวนท่ายังสังหารศัตรูไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นท่าตั้งรับ การต่อสู้ในสนามรบไม่ได้มีกระบวนที่สวยหรู ทุกกระบวนท่าล้วนแต่เป็นกระบวนท่าสังหารทั้งสิ้นหัวหน้าหมู่วุ่นมาทั้งวัน หลี่วั่นเหนียนคอยเดินตามด้านหลังไม่ห่างกาย ไม่รู้เช่นกันว่าไปหากระดาษกับพู่กันมาจากที่ใด คอยบันทึกทุกถ้อยคำสำคัญของหัวหน้าหมู่“ในสนามรบ สิ่งสำคัญที่สุดคือความน่าเกรงขาม ก่อนอื่นเจ้าต้องน่าเกรงขาม เช่นนี้ศัตรูก็จะหวาดกลัวเจ้าไปสามส่วน!”“ใต้เท้าพูดได้ถูกต้อง ข้าต้องจดเอาไว้!” หลี่วั่นเหนียนก้มหน้าก้มตาจด“เจ้ารู้หนังสือด้วยหรือ?”หลิวเถียนเห็นหลี่วั่นเหนียนรู้หนังสือก็แปลกใจมาก เพราะสำหรับเขาแล้ว ตัวอักษรที่เขารู้จักมีแค่ชื่อของตัวเองกับชื่อของผู้บังคับบัญชา ส่วนตัวอักษรตัวอื่น ๆ นั้นไม่รู้จักเลย“บิดาของข้าเคยเป็นซิ่วไฉ ด้วยเหตุนี้จึงพอจะอ่านออกเขียนได้เล็กน้อย!”หลี่วั่นเหนียนถ่อมตัวมาก เขารู้ว่าหลิวเหยียนไม่รู้หนังสือ ดังนั้นจะทำตัวเย่อหยิ่งเกินไปไม่ได้“วันนี้ฝึกกันพอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่!”หลิวเถียนกลัวว่
Read more
PREV
123456
...
10
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status