บททั้งหมดของ หย่าครั้งนั้น ฉันเกิดใหม่ในเส้นทางของตัวเอง: บทที่ 11 - บทที่ 20

100

บทที่ 11

จ้าวเสี่ยวฉีแม้จะติดตามหรงอวี้มาหลายปี แต่โดยแท้จริงแล้วเขาเป็นพ่อครัวส่วนตัวของหรงอวี้ แถมยังมีตัวตนที่ลึกลับ ฝู่เฉินซีกับเพื่อน ๆ เลยไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ได้ยินเพียงน้ำเสียงคุ้นเคยที่ทักทายซูย่างกับหลินลู่ซี จากนั้นเขาก็ก้าวพ้นกลุ่มคนไป พลางยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “อากาศทั้งหนาวทั้งชื้นแบบนี้ ให้ผมไปส่งพี่สาวทั้งสองกลับบ้านดีไหม?”หลินลู่ซีถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อนกัน ถ้าได้ทำให้ฝู่เฉินซีกับกู้อวี่หนิงสองคนนี้ขายหน้าได้ก็ดีเลยทีเดียว ดวงตาเธอเป็นประกาย รีบส่งเสียงออดอ้อนว่า “งั้นก็ต้องขอบคุณพี่ชายแล้วล่ะ”ซูย่างเผลอยิ้มน้อย ๆ ออกมา แต่ในใจรู้ดีว่า จ้าวเสี่ยวฉีไม่ใช่คนรอบคอบอะไรนัก ที่จริงแล้วคนที่ให้เขามาส่ง คงเป็นหรงอวี้ต่างหากเธอเดินตามหลินลู่ซีขึ้นรถไป พลางมองเรือนที่ซ่อนอยู่ในเงามืด พอคิดถึงคำขอของชายคนนั้น สายตาของเธอก็พลันลึกซึ้งขึ้น“คุณซู ผมได้ยินศาสตราจารย์เวินบอกว่าคุณมีความรู้ด้านจิตวิทยาอยู่มาก พอดีมีคนไข้คนหนึ่ง ผมอยากรบกวนให้คุณช่วยหน่อยครับ”ตอนนั้นพอเธอฟังจบ ก็ปฏิเสธออกไปทันทีถ้าหากในตอนนั้นเธอไม่ได้แต่งงานกับฝู่เฉินซี บางทีเธอคงได้กลาย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 12

บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่ฝู่เฉินซีเคยสัญญาว่าจะให้เธอ เอกสารการโอนก็ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ต่อให้ฝู่เฉินซีอยากทำตัวเป็นลูกกตัญญูหรือหลานที่ดี ยอมให้ว่าที่พ่อตาแม่ยายเข้ามาอยู่ ก็สมควรจะต้องผ่านความเห็นชอบของเธอก่อนยิ่งไปกว่านั้น บ้านหลังนี้ยังเป็นเพียงที่เดียวที่เธอกับฝู่เฉินซีเคยอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานพูดไปก็เท่านั้น เพราะที่จริงแล้วฝู่เฉินซีไม่เคยเห็นเธอมีความสำคัญเลยซูย่างไม่ได้ใส่ใจหรอกว่าฝู่เฉินซีรักเธอหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ฝู่เฉินซีก็ควรเห็นค่าเธอในฐานะคนคนหนึ่งไม่ใช่แค่…สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งขณะทุกคนกำลังคุยกันอย่างออกรสเรื่องงานแต่ง แม่ฝู่ก็เหลือบไปเห็นซูย่างเข้า สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันทีคนที่เหลืออยู่ก็ต่างพากันหันมามองเธอเช่นกันฝู่หยาฮุ่ยเผลอหลุดปากออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “ซวยชะมัด นี่เธอมาทำอะไรที่นี่?”สุดท้ายกู้อวี่หนิงก็เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาทักทายอย่างสุภาพ เพื่อกลบความกระอักกระอ่วนในแววตา “คุณซู บังเอิญจังเลย คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”“ไม่เห็นจะบังเอิญเลย” ซูย่างกวาดตามองคนที่ทำท่าเหมือนเจอศัตรูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนพูดอย่างสงบว่า “ฉันย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ต่างหาก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 13

กู้อวี่หนิงรีบห้ามแม่ฝู่ไว้ว่า “แม่คะ ยังไงคุณซูก็เคยเป็นอดีตภรรยาของเฉินซี แบบนี้ก็ดูไม่ค่อยดีนะคะ ไหน ๆ บ้านเราก็มีห้องว่างอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ให้คุณซูพักอยู่ที่นี่เถอะ”พูดจบ รปภ.ก็เหลือบมองซูย่างที่แต่งตัวธรรมดา ๆ ด้วยสายตาเหยียดหยามอยู่บ้างอดีตภรรยาแบบนี้ เกรงว่าจะเกาะตระกูลใหญ่ไม่ยอมไปง่าย ๆซูย่างไม่สนใจสีหน้าของคนอื่น เพียงแต่ปฏิเสธไปว่า “ไม่จำเป็นหรอก”เธอลากกระเป๋าออกไป ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มลงกะทันหัน ฝนหนักก็เริ่มโปรยลงมาเวลาโชคร้าย แค่ดื่มน้ำก็ยังติดคอได้ซูย่างมองดูแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่แค่สองเปอร์เซ็นต์ แล้วอดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้รอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ไม่มีที่ให้หลบฝนเลยสักแห่ง ร่างของเธอเปียกโชกไปทั้งตัว ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาดูอับจนสิ้นท่ามากยิ่งขึ้นทันใดนั้น รถคาเยนคันหนึ่งก็จอดลงข้างเธอ ชายหนุ่มกางร่มสีดำเดินเข้ามาหา ท่ามกลางสายฝนที่โปรยหนักแต่กลับไม่อาจสาดเข้ามาใต้ร่มได้ หรงอวี้ยิ้มบาง ๆ อย่างสงบนิ่ง มองเธอที่เปียกปอนแล้วเอ่ยว่า “คุณซู ช่างบังเอิญจริง ๆ”ฝนเทกระหน่ำ หากมีชายหนุ่มรูปงามเดินกางร่มเข้ามาอย่างสง่างามแบบนี้ คงไม่มีใครที่ไม่หวั่นไหว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 14

หรงอวี้นิ่งไปอยู่นาน ซูย่างนึกว่าเขาจะไม่ตอบแล้ว กว่าจะได้ยินเขาเอ่ยเรียบ ๆ ว่า “เป็นเพื่อนคนหนึ่ง”น้ำเสียงของเขาแฝงความแปลกไปเล็กน้อย ซูย่างไม่คิดจะสืบค้นเรื่องราวของใคร จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อเอ่ยว่า “คุณหรง ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันขอถามได้ไหมว่าน้องสาวของคุณมีอาการป่วยแสดงออกอย่างไรบ้าง?”“เธอไม่สามารถเห็นเลือดได้ บางครั้งก็มีอาการความจำเสื่อมเป็นพัก ๆ หากต้องสัมผัสกับเพศตรงข้ามที่ไม่คุ้นเคย จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือกรีดร้อง และเมื่อเจอสถานการณ์บางอย่างก็จะควบคุมความหวาดกลัวและการกรีดร้องไม่ได้”ท่าทางของเขาแฝงไว้ด้วยความห่างเหินและเย็นชาอยู่เล็กน้อยซูย่างฟังจบแล้วก็ตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิดอาการเหล่านี้ล้วนเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการถูกกระตุ้นมากเกินไป บางทีในความทรงจำของหรงอิน อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอหวาดกลัวเธอยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งเหล่านี้ออกมา ป้าหลี่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าแล้วพูดว่า “คุณซู น้ำร้อนต้มไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่เป็นเสื้อผ้าของคุณหนู ขนาดก็ใกล้เคียงกับของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนใส่ได้เลยนะคะ”ซูย่างเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะกลับเข้าไปใน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 15

ใบหน้าคมเข้มของฝู่เฉินซีฉายแววหงุดหงิด “ฉันยังติดประชุมอยู่…”เขายังพูดไม่ทันจบ ซูย่างก็ขัดขึ้นทันที“ยังติดประชุมอยู่ใช่ไหม?” น้ำเสียงของซูย่างแฝงด้วยความเย็นเยียบอย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก “คุณฝู่ ไม่มีใครรอคุณได้ตลอดไปหรอกนะ ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะหย่า ก็อย่ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่เลย จัดงานแต่งไปพร้อม ๆ กันกับการไม่ยอมหย่า มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนคุณยังภักดีผูกพัน แต่สำหรับฉันแล้วมันช่างไร้สาระสิ้นดี”ซูย่างรู้สึกเหนื่อยล้ากับการหยั่งเชิงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของกู้อวี่หนิง และยิ่งเบื่อหน่ายกับสายสัมพันธ์ที่ไม่รู้จบและไร้เหตุผลกับฝู่เฉินซีเธอเป็นคนเด็ดขาดมาโดยตลอด หากรักใครก็ทุ่มเทจนไม่สนแม้ชีวิต แต่ถ้าเลิกแล้วก็ไม่อยากจะยื้อหรือผูกพันกันแบบคาราคาซังเธอไม่เคยหลงตัวเองคิดไปว่าฝู่เฉินซีรักเธอจนไม่อยากหย่า ฝู่เฉินซีแค่ไม่เคยเห็นความสำคัญในสิ่งที่เป็นตัวเธอต่างหากไม่ว่าการเลือกใด ๆ ก็ตาม ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอล้วนถูกจัดให้อยู่ลำดับสุดท้ายเสมอฝู่เฉินซีถือโทรศัพท์แน่น คิ้วบนใบหน้าคมเข้มขมวดแน่น เขากดริมฝีปากแน่น เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้นที่ไปส่งเธอวันนั้น ความโกรธพลุ่งพล่านก็เอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 16

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสรุปออกมาเป็นประโยคสั้น ๆ ว่า “คุณโคตรเก่งจริง ๆ เลยว่ะ”ซูย่างรู้ดีว่าเพื่อนยังอัดอั้นอยู่ เลยปล่อยให้เธอได้ด่าเต็มที่ พอฟังประโยคนี้จบก็ยังอดหัวเราะออกมาไม่ได้ฝู่เฉินซีกลับขมวดคิ้ว “แม่ฉันไล่เธอออกไป แล้วเธอป่วยงั้นเหรอ?”ตอนนี้ถึงกับทำท่าเสแสร้งมาแสดงความห่วงใยงั้นเหรอ?ซูย่างเหลือบมองประตูสำนักทะเบียน ในใจมีแต่ความรู้สึกเย้ยหยันอยู่ไม่น้อยเธอทำสีหน้าเรียบเฉย มองเขาแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณฝู่ ถ้าคิดจะจริงใจก็กรุณาจัดการเรื่องเอกสารให้เสร็จโดยเร็ว จะได้ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด”พอพูดจบ เธอก็จูงหลินลู่ซีเดินจากไป โดยไม่เปิดโอกาสให้ฝู่เฉินซีได้พูดอะไรต่อทันทีที่เธอจากไป ฝู่เฉินซีก็โทรหากู้อวี่หนิง เพื่อถามถึงเรื่องเมื่อวานกู้อวี่หนิงฟังดูเหมือนจะมีท่าทีจนใจอยู่บ้าง “เดิมทีฉันเองก็อยากให้คุณซูพักอยู่ แต่ดูเหมือนคุณแม่จะไม่ถูกชะตากับเธอ ก็เลยให้คนมาไล่เธอออกไป”ฝู่เฉินซีไม่รู้ทำไม พอฟังแล้วกลับรู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงเอ่ยขัดขึ้นอย่างเย็นชา “อวี่หนิง เรื่องบ้านนั่น ฉันยกให้เธอจริง ๆ”ซูย่างไม่รู้ว่าฝู่เฉินซีกับกู้อวี่หนิงคุยอะไรกัน แต่พ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 17

ปฏิกิริยาของเขาทำเอาหลายคนสะดุ้งตกใจ ชายคนนั้นจึงรีบอธิบายด้วยความลังเลว่า “ก็ตอนหลังจากที่พี่อวี่หนิงจากไปได้ไม่นาน พี่ฝู่ซึมเศร้าอยู่นานไม่ใช่เหรอ จนผู้บริหารในบริษัทต่างก็มีความเห็นไม่พอใจ แต่ต่อมาก็มีหลายโปรเจกต์เข้ามา ถึงได้ประคองสถานการณ์ไว้ได้ ฉันได้ยินพ่อฉันบอกว่าหลายโปรเจกต์นั้น ซูย่างเป็นคนไปหามาให้ โดยใช้ฐานะภรรยาของคุณนายฝู่ แต่เพราะกลัวว่าพี่จะไม่พอใจ ซูย่างเลยไม่เคยพูดอะไร”เธอไม่ได้มีการศึกษาสูง อีกทั้งก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ และยังต้องใช้ฐานะ “คุณนายฝุ่” ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด แม้ว่าโปรเจกต์เหล่านั้นจะหามาได้ แต่เกรงว่าเขาก็คงไม่ยอมรับ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะปิดบังไม่บอกเขาการปิดบังนี้กินเวลายาวนานถึงสามปีฝู่เฉินซีนั่งอยู่ในเงามืด แววตาแวบผ่านภาพสีหน้าของเธอในวันนี้ หัวใจพลันเจ็บปวดราวถูกบีบรัดขึ้นมาอย่างรุนแรงค่ำคืนนั้น ตอนที่ฝู่เฉินซีกลับถึงบ้าน กู้อวี่หนิงก็นั่งคุยกับแม่ฝู่อยู่บนโซฟา ทั้งสองดูมีความสุขสนิทสนมกัน ราวกับคนในครอบครัวเดียวกันเห็นเขากลับมา แม่ฝู่ก็เรียกอย่างกระตือรือร้นว่า “เฉินซี มานี่เร็ว แม่กำลังคุยกับอวี่หนิงเรื่องงานแต่งอยู่เลย อวี่ห
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 18

“แม่คะ เฉินซีก็แค่เห็นว่าเธอน่าสงสาร ได้ยินมาว่าไม่มีงานทำ แถมการศึกษาก็ต่ำ เฉินซีเลยอยากหย่าให้เร็ว ๆ ก็เลยยกให้เธอมากหน่อย เพื่อให้เธอยอมจากไปโดยดี”แม่กู้ทำหน้าดุ ตอบอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ได้! เรื่องนี้แม่จะต้องไปคุยกับบ้านนั้นให้รู้เรื่อง ฝู่เฉินซีจะยังมีใจให้นังผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือเปล่า?”กู้อวี่หนิงยิ้มเขินอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “แม่ พูดอะไรออกมาน่ะ เฉินซีจะไปชอบเธอได้ยังไงกัน เขาไม่เคยแตะต้องซูย่างเลย แถมยังตั้งใจรอฉันมาตั้งสามปีเต็ม”“แบบนี้สิค่อยสมเหตุสมผล แต่เรื่องบ้านนี่ลูกไม่ต้องยุ่ง แม่จะจัดการให้เอง”พอกู้อวี่หนิงกลับไปแล้ว แม่กู้ก็รีบโทรหาคุณฝู่ทันทีแม่ฝู่ฟังจบก็ถึงกับอึ้งไปเลยเธอไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกชายจะยกบ้านให้ยัยผู้หญิงเลวคนนั้นได้ ซูย่างก็ยังไม่ทันมีลูกด้วยกัน แล้วมีสิทธิ์อะไรเอาบ้านของครอบครัวพวกเขาไป!เธอกำลังจะโทรหาซูย่าง แต่ก็พบว่าหมายเลขของตัวเองถูกบล็อกไปแล้วติดต่อซูย่างไม่ได้ แถมก็ไม่กล้าถามฝู่เฉินซี กลัวว่าเขาจะรู้ว่าเรื่องของอวี่หนิงมีความเข้าใจผิด สุดท้ายเรื่องนี้เลยถูกดองคางไปหลายวันช่วงนี้ซูย่างก็เอาแต่พักอยู่ในห้องเช่าของตัวเอง ทบทวนความร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 19

จ้าวเสี่ยวฉียิ้มตาหยี เข้ามาช่วยพูดไกล่เกลี่ยบรรยากาศ“คุณซู ขอโทษที่มากะทันหัน รบกวนแล้วครับ” ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์รูปร่างสง่างามเอ่ยพลางพยักหน้าอย่างสุภาพ สายตาแวบวาบไปด้วยเล่ห์เจ้าเล่ห์ชั่วขณะ“สวัสดีค่ะพี่ซู” หรงอินมองหญิงสาวตรงหน้าที่สวยอ่อนหวาน ดวงตายิ้มโค้งอย่างน่ารัก “ฉันชื่อหรงอินค่ะ”ซูย่างมองเด็กสาวสวยสดใสคนนั้น ก็เข้าใจทุกอย่างในใจทันที“สวัสดีค่ะ เชิญเข้ามาข้างในเลย” ซูย่างเอี้ยวตัวเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้ามา“พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ ฉันขอไปทำกับข้าวก่อน” จ้าวเสี่ยวฉีหิ้วผักกับของสดเต็มมือ เข้ามาก็เดินเข้าครัวอย่างคล่องแคล่วซูย่างยังไม่ทันได้ห้าม โชคดีที่หลินลู่ซีก็เข้ามาขวางไว้ก่อน“เชฟใหญ่ ถึงจะรู้ว่าฝีมือนายทำกับข้าวเก่งก็เถอะ แต่วันนี้ย่างย่างเป็นเจ้าภาพ จะให้แขกลงมือได้ยังไง ของสำหรับทำหม้อไฟก็ซื้อไว้แล้ว วันนี้พวกเราจะกินหม้อไฟกัน”หลินลู่ซีถือว่าเป็นสายกิน คำชมที่ว่าจ้าวเสี่ยวฉีทำอาหารเก่งนั้นออกมาจากใจจริง เพราะจนถึงตอนนี้เธอยังจำรสชาติของห่านป่าที่วันนั้นได้อยู่เลยพอได้ยินว่าจะกินหม้อไฟ จ้าวเสี่ยวฉีก็หันไปมองหรงอวี้ด้วยสีหน้าลำบากใจท่านผู้นี้เป็นโรคย้ำความ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 20

“ได้ยินมาว่าคุณซูเริ่มทำงานที่มหาวิทยาลัยเอแล้วเหรอ?” สีหน้าของหรงอวี้ยังคงเรียบเฉย ราวกับไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่น น้ำเสียงก็ฟังดูสบาย ๆ เหมือนคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปในบ้านเด็กสาวข้างกายหรงอวี้ตาเป็นประกาย พูดด้วยความดีใจว่า “พี่ซูเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเอ ของพวกเราเหรอคะ?”เด็กสาวคนนั้นดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่จริง ๆ เธอชื่นชอบพี่สาวคนสวยที่ดูอ่อนโยนตรงหน้าคนนี้มาก ๆซูย่างชะงักไปเล็กน้อย เห็นความดีใจในแววตาของเด็กสาวไม่ใช่การเสแสร้ง จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันฝึกงานอยู่ที่ห้องให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาน่ะ”“ดีจังเลย งั้นต่อไปฉันไปหาพี่ซูย่างเล่นได้ไหม?”แววตาของเด็กสาวเต็มไปด้วยความคาดหวังถึงแม้วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับพี่สาวคนนี้ แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด และชอบพี่สาวคนนี้ออกมาจากใจจริง ๆซูย่างมองเด็กสาวตรงหน้า แล้วพลันนึกถึงลูกกวางตัวน้อยที่เคยได้มาจากในลานล่า ดวงตาใสชื้นราวน้ำ เหมือนไร้เดียงสาและไม่เป็นพิษเป็นภัย“ได้สิ” ซูย่างพยักหน้าตอบอย่างน้อยตอนนี้ เธอก็ยังมีความรู้สึกที่ดีกับเด็กสาวคนนี้อยู่“งั้นผมคงต้องขอบคุณคุณซูย่างที่ช่วยดูแลน้องสาวผมแล้ว
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
123456
...
10
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status