All Chapters of หย่าครั้งนั้น ฉันเกิดใหม่ในเส้นทางของตัวเอง: Chapter 1 - Chapter 10

100 Chapters

บทที่ 1

“เซ็นชื่อเถอะ”เหนือศีรษะมีเสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้น พร้อมกับเอกสารหย่าถูกยื่นมาตรงหน้า ซูย่างชะงักเล็กน้อย ก่อนเงยหน้ามองฝู่เฉินซีด้วยความเงียบงัน พลางเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองไม่น่าแปลกใจเลยที่เช้าวันนี้เขาถึงกับโทรมาบอกอย่างไม่เคยมีมาก่อนว่าจะกลับมาค่ำนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะคุยเธอเธอดีใจมาตลอดทั้งวัน ที่แท้เรื่องที่เขาจะพูดกลับกลายเป็นเรื่องนี้เอง…สามปีของการแต่งงาน สุดท้ายก็มาถึงจุดสิ้นสุดจนได้ซูย่างรับเอกสารหย่าไว้อย่างเงียบงัน มือกำแน่นเล็กน้อย นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“จำเป็นต้องหย่าจริง ๆ เหรอ?”ฝู่เฉินซีขมวดคิ้ว มองหญิงสาวตรงหน้าที่เป็นคุณนายฝู่มานานสามปีดูเหมือนว่าเพิ่งจะจัดห้องเสร็จใหม่ ๆ ตรงขมับขาวเนียนยังมีเหงื่อเกาะอยู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเลื่อนลอยที่เห็นได้ชัด ใบหน้าซีดเซียวไร้สีสันยังประดับด้วยแว่นหนาเตอะดูเผิน ๆ อ่อนโยน เรียบง่าย แต่ไร้เสน่ห์น่าสนใจก็ผู้หญิงธรรมดาเชื่องช้าเช่นนี้แหละ ที่เป็นคุณนายฝู่มานานถึงสามปีฝู่เฉินซีค่อย ๆ ถอนสายตากลับมา บดบุหรี่ในมือทิ้ง เสียงที่เอื้อนเอ่ยแม้จะราบเรียบ แต่
Read more

บทที่ 2

ซูย่างได้ยินบทสนทนานอกห้องทำงาน ก็หลุบตาลงตลอดหลายปีที่แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฝู่ เธอก็กล้าบอกกับตัวเองว่าได้ทุ่มเทดูแลทั้งคุณนายฝู่ผู้เป็นแม่สามี และฝู่หยาฮุ่ยผู้เป็นน้องสาวสามีอย่างสุดความสามารถตอนที่ฝู่หยาฮุ่ยประสบอุบัติเหตุรถชนต้องเข้ารับการผ่าตัด ก็เป็นเธอที่เฝ้าอยู่โรงพยาบาลติดต่อกันหลายวันที่แท้ ต่อให้ทำมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันเปลี่ยนท่าทีของคนตระกูลฝู่ได้ไม่นานนัก สายของหลินลู่ซีโทรเข้ามา น้ำเสียงของเธอแฝงความเหนื่อยล้าเล็กน้อยว่า“ย่างย่าง เธอจะไม่ไปจริง ๆ เหรอ? ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอชอบล่าสัตว์กลางแจ้งที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีโอกาสได้ซิ่งรถอีกนะ”ซูย่างชะงักไปบางความทรงจำก็พลันถูกดึงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวก่อนที่จะแต่งกับฝู่เฉินซี เธอชอบล่าสัตว์กลางแจ้ง ชอบซิ่งรถ ชอบเหล้าองุ่น หลังจากนั้นเธอได้พบฝู่เฉินซีที่บ้านตระกูลหลิน แล้วก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นหลังจากที่ตกหลุมรักฝู่เฉินซีไปแล้ว เธอก็ค่อย ๆ ได้ยินจากปากคนอื่นว่าฝู่เฉินซีชอบคุณหนูผู้ดีที่อ่อนโยนเรียบร้อยเธอถึงค่อย ๆ เลิกสิ่งเหล่านั้นไปทีละอย่างผ่านมาสามปีแล้ว เธอแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าตัวตนในตอนแรกเริ่มของเธอ
Read more

บทที่ 3

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของฝู่หยาฮุ่ย ซูย่างลากกระเป๋าเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาเลยพอเดินออกจากบ้านตระกูลฝู่ ซูย่างก็เห็นหลินลู่ซีเลื่อนกระจกรถลง โผล่หน้าออกมาพร้อมรอยยิ้มสดใสแล้วส่งจูบมาให้เธอ “ที่รัก ขึ้นรถสิ พี่สาวจะพาไปฉลองเอง”บอกว่าจะพาไปฉลอง แต่หลินลู่ซีก็รู้ดีว่าซูย่างเพิ่งหย่า อารมณ์คงหดหู่ จึงพาเธอไปแค่ร้านอาหารธีมดนตรี พอรู้เหตุผลที่เธอหย่ากับฝู่เฉินซี หลินลู่ซีก็อดบ่นไม่ไหวว่า“ กู้อี่หนิงอีกแล้วเหรอ? หย่าแบบไร้เหตุผลสิ้นดี ฝู่เฉินซีชอบเธอตรงไหนกันแน่?”ซูย่างคนกาแฟพลางเอ่ยเสียงขี้เกียจ “ไม่รู้สิ…”ซูย่างไม่เคยรู้จักผู้หญิงที่เป็นรักแรกในใจของฝู่เฉินซี ตอนนั้นกู้อี่หนิงไปต่างประเทศแล้ว เธอถึงได้มารู้จักฝู่เฉินซีเธอแค่เคยได้ยินมาว่ากู้อี่หนิงเป็นคนอ่อนโยนเก่งกาจ เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ตอนที่ฝู่เฉินซีกับคุณปู่ทะเลาะกันเพราะเรื่องของเธอ คุณหนูกู้ก็ยังวางตัวมีเหตุผล คอยเกลี้ยกล่อมฝู่เฉินซี หลังจากนั้นถึงได้มีการแต่งงานตามข้อตกลงระหว่างเธอกับฝู่เฉินซีเห็นเธอไม่อยากเล่าต่อ หลินลู่ซีก็เปลี่ยนเรื่อง ค้อมคางลงกับมือพลางพูดว่า “...แต่ฝู่เฉินซีก็ใจกว้างอยู่นะ ทั้งบ้าน ทั้งรถ แถมยังมี
Read more

บทที่ 4

ซูย่างหยุดก้าว สีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่ได้ยื่นมือกลับไปจับสีหน้าของกู้อวี่หนิงแข็งกระด้างไปเล็กน้อยฝู่เฉินซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมาช่วยให้เธอคลายสถานการณ์ น้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณปู่รู้เรื่องของเราแล้ว ท่านเลยให้เธอไปทานข้าวด้วยกันคืนนี้ มือถือเธอดันปิดเครื่องไว้ ฉันเลยมารับเอง”“ฉันรู้แล้ว” ซูย่างก้มมองมือถือ เห็นว่าปิดเครื่องอยู่จริง ๆ จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอฉันชาร์จแบตแป๊บนะ เดี๋ยวจะตามไป”ความหมายก็คือ เธอไม่คิดจะไปพร้อมกับพวกเขาฝู่เฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “งั้นให้ฉันรอเธอก่อนก็ได้…”ซูย่างยิ้มพลางขัดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปเองก็ได้”เห็นเขาเงียบไป ซูย่างก็หันไปมองกู้อวี่หนิงแล้วพูดว่า“แล้วก็พรุ่งนี้เก้าโมง ถ้าคุณสะดวก เราไปเอาใบหย่ากันเถอะ”ฝู่เฉินซีไม่รู้ทำไม ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย “ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซูย่างพยักหน้า สีหน้าจริงจัง “ใช่ รีบมาก”ฝู่เฉินซีพูดไม่ออกกับคำตอบของเธอ สีหน้าหม่นหมองลง แล้วจูงกู้อวี่หนิงเดินออกไปเดินไปได้ไม่กี่ก้าว กู้อวี่หนิงก็พูดอะไรบางอย่างกับฝู่เฉินซีด้วยท่าทีสนิทสนม แล้วจึงหันกายกลับมาเดินตรงมาหาซูย่าง
Read more

บทที่ 5

ขณะเขากำลังคิดอยู่ ก็มีมืออุ่น ๆ คู่หนึ่งจับเขาไว้เบา ๆ ฝู่เฉินซีหันหน้าไป กู้อวี่หนิงมองเขาอย่างห่วงใยแล้วพูดว่า “เฉินซี ไม่สบายท้องหรือเปล่า อยากดื่มซุปสักหน่อยไหม?”ฝู่เฉินซีส่ายหัวซูย่างทักทายคุณปู่เสร็จแล้ว ก็ดึงเก้าอี้นั่งลงอย่างไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทำเหมือนไม่เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองคุณปู่ฝู่กลับส่งเสียงฮึออกมาอย่างดูแคลนเวลาทานอาหาร ตระกูลฝู่เคร่งครัดกับกฎที่ว่าห้ามพูดคุยระหว่างกิน ซูย่างเองก็ไม่ค่อยมีอารมณ์กินเท่าไหร่นัก เพียงแค่ตักอาหารเล็กน้อยตามมารยาทเพื่อให้คุณปู่สบายใจพอกินข้าวเสร็จ คุณปู่ฝู่ก็ดึงมือเธอไว้แล้วพูดว่า “เรื่องของหนูกับอาซี ปู่รู้หมดแล้วนะ ย่างย่าง ไม่ต้องกังวลหรอก ตระกูลฝู่ของเรายอมรับเธอเป็นลูกสะใภ้เพียงคนเดียวเท่านั้น”เขาหันไปมองกู้อวี่หนิงกับฝู่เฉินซีที่ยืนหน้าตึงอยู่ข้าง ๆ แล้วเหน็บแนมว่า “ถ้าจะมีใครต้องออกไปจากตระกูลฝู่ ก็ควรจะเป็นมือที่สามที่ไปทำลายครอบครัวคนอื่น กับผู้ชายห่วย ๆ ที่ไม่รับผิดชอบต่างหาก!”ซูย่างรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยฝู่เฉินซีขมวดคิ้ว สีหน้าดูหม่นลงเล็กน้อย ข้าง ๆ กู้อวี่หนิงจับมือเขาไว้ ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสา
Read more

บทที่ 6

คุณปู่ฝู่วางถ้วยชาลงอย่างแรง แววตาลึกซึ้งปนเศร้า “เธอแต่งเข้ามาในบ้าน แม่ของแกกลับทำตัวเย็นชาไม่เห็นใจ เวลาป่วยหรือไม่สบาย มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ใช่เธอเป็นคนไปหาหมอให้ หยาฮุ่ยชอบอะไร อยากได้อะไร มีครั้งไหนบ้างที่ไม่กลายเป็นเธอต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มีครั้งไหนบ้างที่แกกลับบ้านดึก แล้วไม่ใช่เธอที่คอยรอแก คอยทำอาหารไว้ให้แกกิน ตอนที่แกเป็นโรคกระเพาะเพราะกู้อี่หนิง ก็เป็นเธอนั่นแหละที่ต้มซุปให้ จนมือโดนน้ำร้อนลวกแดงไปทั้งแถบ”เขาถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ตอนที่พ่อเธอเสียไป ต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน เธอก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะ อาซี…ย่างย่างทำเพื่อแกมามากมายเหลือเกิน ให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยปฏิเสธ แต่กู้อวี่หนิงแค่ตักน้ำซุปให้แกหนึ่งชาม แกก็กลับรู้สึกซาบซึ้งกินใจแล้วเหรอ?”ฝู่เฉินซีฟังแล้ว มือค่อย ๆ กำแน่น ความหม่นมืดในดวงตาเอ่อพลุ่งพล่านราวกับหมึกดำที่กำลังปั่นป่วนซูย่างไม่รู้เลยว่าคุณปู่พูดอะไรออกมาบ้าง เธอได้หลับสนิทอย่างที่หาได้ยากเช้าวันถัดมา เวลาแปดโมงครึ่ง เธอโทรหาฝูเฉินซีเพื่อปรึกษาเรื่องการไปรับใบสมรส“คุณฝู่ ถ้าสะดวก ตอนเก้าโมงรบกวนมาที่สำนักงานทะเบียนนะคะ ฉันกำลังรอคุณอย
Read more

บทที่ 7

ขนตาของซูย่างสั่นไหวเล็กน้อยถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้คบกับฝู่เฉินซี ป่านนี้ก็คงได้เป็นนักจิตบำบัดไปแล้วจริง ๆ เพียงแต่พอเวลาผ่านไปหลายปี แม้ว่าในสายงานเธอจะไม่ได้มีความบกพร่องใด ๆ แต่เธอจะสามารถกลับไปทำอาชีพที่ถนัดได้อีกครั้งจริงเหรอ?ศาสตราจารย์เวินก็สังเกตเห็นความลังเลในใจของเธอ จึงพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบหรอก แต่ถ้าเธอมีความตั้งใจจริง อาจารย์ก็ยินดีที่จะช่วยเหลืออยู่แล้ว”“ขอบคุณค่ะ ศาสตราจารย์”หัวใจของซูย่างอบอุ่นขึ้นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่มีเวลาไปเยี่ยมศาสตราจารย์ คิดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์เวินยังคงห่วงใยศิษย์คนนี้อยู่ซูย่างเอ่ยถามอาการป่วยของศาสตราจารย์เวินด้วยความห่วงใย ทั้งยังนั่งพูดคุยกับท่านอยู่นาน ศาสตราจารย์เวินถึงกับเชิญให้เธออยู่ร่วมทานอาหารด้วยอย่างอบอุ่นจนกระทั่งบ่าย ซูย่างถึงได้ออกจากบ้านตระกูลเวินเพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องออกล่าสัตว์ ซูย่างจึงตั้งใจหยิบเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่เตรียมไว้แล้วออกมาวันถัดมา หลินลู่ซีขับรถไปรับซูหย่าง พอขับมาถึงเขาหมิง ทั้งสองก็มาถึงค่อนข้างเร็ว เห็นเพียงไม่กี่ใบหน้าที่ไม่คุ้นตา ไหนจะเพราะการล่าครั้งนี้จัดโดยตระกูล
Read more

บทที่ 8

ซูย่างรับปืนล่าสัตว์มาไว้ในมือ แต่ในใจกลับอดพึมพำไม่ได้ว่า “ปีศาจจริง ๆ”พอหรงอวี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทุกคนก็จัดของกันเรียบร้อย ตามคำแนะนำของครูฝึกในสนาม เหล่านักล่าก็พากันเข้าสู่ลานล่าสัตว์แน่นอนว่ามีอีกหลายคนที่ตั้งใจมาที่นี่ก็เพราะชื่อเสียงของมู่หรงอวี้โดยเฉพาะ ส่วนพวกที่ไม่ถนัดการล่าสัตว์ก็ยังคงอยู่ที่ค่ายเพื่อเฝ้าดูอยู่รอบ ๆซึ่งในนั้นก็รวมถึงฝู่เฉินซีและกู้อวี่หนิงด้วยตระกูลหรงได้ให้คนเตรียมกล้องส่องทางไกลพร้อมทั้งเครื่องดื่มและขนมเอาไว้ อีกทั้งด้านหลังก็ยังเลี้ยงกวางน้อยไว้มากมาย ถึงไม่ได้ออกไปทำอะไร ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อทว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังสนใจสถานการณ์การล่าสัตว์ในสนามมากกว่า ต่างก็หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูกันอย่างคึกคักฝู่เฉินซีนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของซูย่าง แล้วก้มหน้าหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาภายในสนามล่าสัตว์เป็นทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ สายลมสงบโปร่งโล่งสุดลูกหูลูกตา ซูย่างขี่ม้าอยู่ท่ามกลางเสียงลมที่หวีดหวิวพัดผ่านเธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับสิ่งที่ถูกกดทับอยู่ในใจมาตลอด ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในที่สุดในดวงตาของเธอเหมือนกลับมามีประกายอีกครั้ง คล้าย
Read more

บทที่ 9

ซูย่างเงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาดวงตาคมหวานคู่หนึ่งที่งดงามสะดุดตาปรากฏตรงหน้าชายหนุ่มคนนั้นดูหล่อเหลามีเสน่ห์ ออกจะเจ้าชู้หยอกล้อ แต่ท่วงทีกลับอ่อนโยนอบอุ่น พอเขายิ้มก็เผยให้เห็นความสดใสไร้เดียงสา คล้ายเด็กหนุ่มที่น่ารักชวนให้คนเอ็นดูในความทรงจำของซูย่าง เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายแบบนี้มาก่อน ส่วนหลินลู่ซีเองก็มองเขาอย่างสงสัยจ้าวเสี่ยวฉีออกจะคุ้นเคยเสียจริง เขายิ้มแย้มวางห่านป่าที่จัดการเสร็จแล้วไว้ข้าง ๆ ทั้งสอง พลางแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองว่า “ผมชื่อจ้าวเสี่ยวฉี เป็นพ่อครัวของคุณชายสาม ห่านป่าที่rujล่าได้ คุณชายสามให้ผมทำเป็นอาหารแล้วเอามาส่งให้พี่ ชิมดูหน่อยนะครับ”พ่อครัว?ซูย่างเงยหน้าขึ้นมอง จะมีพ่อครัวที่ใส่นาฬิการาคาเป็นล้านได้ยังไง?หลินลู่ซีเผลอพูดออกมาเลยว่า “เสี่ยวฉี พ่อครัวคุณชายสามของพวกคุณนี่รวยกันทุกคนเลยเหรอ?”จ้าวเสี่ยวฉีคอยหั่นห่านป่าให้ทั้งสองไปพลาง พร้อมพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ก็เพราะคุณชายสามของพวกเราน่ะสิที่รวยมาก”หลินลู่ซีกับซูย่างก็กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ ต่างก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยเสียงหัวเราะพูดคุยของทั้งสามคนลอยไปเข้าหูของฝู่เฉินซี อกของเขาราวกับมีอะไรอัดแน่
Read more

บทที่ 10

งานเลี้ยงบาร์บีคิวยืดออกไปกว่าสามชั่วโมง ระหว่างนั้นเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกยกชนกัน กลิ่นหอมของเหล้าและอาหารอบอวลไปทั่ว บรรยากาศอบอุ่นราวกับได้อยู่บ้านตัวเองระหว่างนั้น ซูย่างแอบออกไปข้างนอก แล้วมีเจ้าหน้าที่พาไปเลือกของล่าที่เป็นรางวัลของตัวเองตามกฎของหรงอวี้ เธอสามารถพาม้าโพนตัวเล็กที่เธอชอบไปได้ หรือไม่ก็เลือกสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆแม้ซูย่างจะชอบม้ามากกว่า แต่สุดท้ายเธอกลับเลือกกวางน้อยตัวหนึ่งเธอรู้สึกโดยไม่ทันคิดว่าม้าไม่เหมาะจะถูกเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนพวกอื่น ๆ พอเธอเลือกของรางวัลเสร็จเดินออกมา ก็ถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งขวางไว้ เขายืนอย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยว่า “คุณซู คุณชายสามเชิญครับ”แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีคุณชายสามคนที่สองดังนั้นก็ต้องเป็นหรงอวี้คนเดียวเท่านั้นซูย่างเดินตามบอดี้การ์ดขึ้นไปยังชั้นสอง ชายหนุ่มนั่งอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง จ้าวเสี่ยวฉีกำลังขยันขันแข็งผสมเหล้าอยู่ ก้อนน้ำแข็งแช่อยู่ในสุราสีม่วง แสงสะท้อนออกมาเป็นประกายยั่วยวนใจพอเห็นเธอมา จ้าวเสี่ยวฉีตาก็เป็นประกาย ก่อนจะแซวขึ้นว่า “โอ้ พี่สาวจริง ๆ ด้วย สรุปว่าพี่กับพี่สามของผมนี่มีซัมติงกันแน
Read more
PREV
123456
...
10
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status