Lahat ng Kabanata ng เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ: Kabanata 11 - Kabanata 20

30 Kabanata

บทที่ 11

ฮูหยินเจียงประคองจอกชาอุ่น ๆ พลางพึมพำว่า “นายท่าน ทราบเรื่องหรือไม่?”วาจานี้ตกกระทบโสตประสาทของแม่นมหลิน ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาหากเป็นเช่นนั้นจริง ฮูหยินมิใช่ว่า…“ฮูหยิน...”แม่นมหลินก้าวเข้าไปยืนเคียงข้าง คอยปลอบประโลมอยู่อย่างเงียบงันบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัดเนิ่นนานฮูหยินเจียงทอดถอนใจแผ่วเบา แววตาเต็มไปด้วยความโศกศัลย์ที่มิอาจจางหาย“เจ้าจงไปที่ตระกูลเจียงด้วยตนเองสักเที่ยว แจ้งเรื่องนี้แก่พี่ชายข้า ให้เขาช่วยตรวจสอบอีกแรง”แม่นมหลินรับคำอย่างจริงจัง “เจ้าค่ะฮูหยิน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”……วันต่อมา รถม้าคันหนึ่งที่ดูเรียบง่ายได้เคลื่อนออกจากเมืองหลวงเซวียหว่านอี้ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ ไม่รู้ว่านางจะไปทันเวลาหรือไม่ชาติก่อน หลังจากมีราชโองการพระราชทานสมรสลงมาไม่ถึงสองวัน บุตรสาวคนเล็กสายตรงของมู่ชินอ๋องได้หายตัวไปที่วัดหลิงอวิ๋น กว่าจะพบตัวอีกครั้งก็ผ่านไปสามวันแล้ว กลายเป็นศพอยู่ในหลุมดินที่หลังเขาวัดหลิงอวิ๋นเล่าลือกันว่าก่อนตาย นางถูกทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยมที่สุด ทั่วทั้งร่างไม่มีผิวหนังดีเลยสักแห่งเพราะเหตุนี้ พระชายามู่ชินอ๋
Magbasa pa

บทที่ 12

หวังหย่วนไหนเลยจะฟังวาจาไร้สาระของคนทั้งสองเขาหักกิ่งไม้หยาบหนาข้างกายท่อนหนึ่งแล้วพุ่งทะยานเข้าใส่เดิมทีพวกเขาคิดว่าตนมีดาบอยู่ในมือ ย่อมไร้ปัญหาทว่าผู้ที่โผล่เข้ามาขัดจังหวะกลางคันผู้นี้ มีวรยุทธ์ไม่เลวเลยทีเดียวเพียงไม่นานทั้งสองก็ถูกทุบตีจนร้องโอดโอย ดาบในมือแทบจับไม่อยู่เมื่อเห็นว่าไร้หนทางชนะ คนผู้นั้นจึงคว้าสตรีที่แบกอยู่บนบ่าโยนใส่หวังหย่วนทั้งสองฉวยโอกาสตอนที่หวังหย่วนรับตัวคน วิ่งหนีหายไปทันทีสองนายบ่าวที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างเดินออกมา“คุณหนู นี่มิใช่ท่านหญิงน้อยแห่งจวนมู่ชินอ๋องหรอกหรือเจ้าคะ?”เมื่อความปรารถนาบรรลุผล หัวใจที่แขวนค้างอยู่กลางอากาศของเซวียหว่านอี้ก็วางลงได้เสียทีขอเพียงท่านหญิงน้อยผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ พระชายามู่ชินอ๋องก็จะไม่ตรอมใจตายท่านผู้นี้มีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา เป็นถึงน้องสาวแท้ ๆ ของเว่ยกั๋วกงเว่ยกั๋วกงกุมกำลังทหารสามแสนนาย ประจำการอยู่ชายแดนเหนือตลอดทั้งปี มีชื่อเสียงเกรียงไกรนับเป็นเสาหลักให้พระชายามู่ชินอ๋อง ทั้งในจวนอ๋องไปจนถึงทั่วทั้งราชวงศ์อวิ๋นเซวียหว่านอี้พยักหน้า “เฝ่ยชุ่ย เจ้าแบกไหวหรือไม่?”“ไหวเจ้าค่ะคุณหนู” เฝ่ยชุ่ย
Magbasa pa

บทที่ 13

เฝ่ยชุ่ยรินน้ำชาให้เซวียหว่านอี้ แล้วจึงยกไปให้หวังหย่วนอีกถ้วย“พระชายามู่มีบุตรธิดาสองคน คือซื่อจื่อเซี่ยจวิ้น และท่านหญิงน้อยเซี่ยเหลียวเหลียว”นางจิบชาอุ่นคำหนึ่ง พลางยิ้มกล่าวว่า “ท่านหญิงน้อยผู้นี้เป็นบุตรสาวที่พระชายาให้กำเนิดเมื่อวัยล่วงเลยสามสิบ จึงได้รับการประคบประหงมมาแต่อ้อนแต่ออก เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนทั้งจวน จะกล่าวว่าเป็นดั่งชีวิตของพระชายาก็ไม่เกินจริงนัก”“หากนางจะกระทำการณ์วู่วามไปบ้าง ก็พอจะเข้าใจได้”……ยามได้เห็นบุตรสาวกลับมาอย่างปลอดภัย พระชายาจ้าวซื่อก็รีบสั่งให้หมอประจำจวนเข้ามาตรวจดูอาการทันทีเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของบุตรสาวยังคงเรียบร้อยดี ผิวกายส่วนที่โผล่พ้นร่มผ้าไร้ร่องรอยการถูกย่ำยี นางจึงค่อยวางใจลงได้หลังจากหมอประจำจวนตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ลุกขึ้นรายงาน“เรียนพระชายา ท่านหญิงถูกวางยานอนหลับ ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต อย่างช้าช่วงค่ำก็น่าจะฟื้นขอรับ”สีหน้าของพระชายาดูผ่อนคลายลงสามส่วน “ไม่มีอะไรอื่นแล้วใช่หรือไม่?”คำถามนี้ หมอประจำจวนย่อมเข้าใจความนัยดี“ทูลพระชายา ชีพจรของท่านหญิงปกติดี มิได้ประสบเหตุร้ายใดขอรับ”คำว่าเหตุร้ายในที่นี้
Magbasa pa

บทที่ 14

เซวียหว่านอี้ตั้งใจที่จะปฏิเสธจริง ๆที่นางช่วยคน มิใช่เพราะหวังในสิ่งของนอกกายเหล่านี้ทว่าเมื่อเห็นท่าทีอันแข็งขันของพระชายามู่ นางจึงทำได้เพียงรับไว้ก่อน ค่อยคิดหาหนทางอื่นในภายหลังนางย่อกายลง คารวะอย่างนุ่มนวล“ขอบคุณพระชายาเจ้าค่ะ เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น เดิมทีไม่สมควรรับของกำนัลล้ำค่าเช่นนี้จากท่าน เพียงแต่ผู้ใหญ่ประทานให้ มิจอาจปฏิเสธ หว่านอี้ขอบคุณในความเมตตาของพระชายาเจ้าค่ะ”ทั้งสองสบตากัน พระชายามู่จ้าวซื่อมองดูเด็กสาวตรงหน้าชั่วครู่ นางก็อดที่จะแย้มยิ้มออกมามิได้“แม่นางตระกูลเซวียช่างหลักแหลมยิ่งนัก”ที่จริงแล้ว นางดูแคลนตระกูลเซวียอยู่บ้างเล็กน้อยผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ดีว่า เซี่ยเหลียวเหลียว คือบุตรีแก้วตาดวงใจของนางตราบใดที่ยังมีพี่ชายนางอยู่ บุตรีของนางก็มีสถานะไม่ด้อยไปกว่าองค์หญิงเลยบัดนี้ บุตรีตระกูลเซวียช่วยชีวิตบุตรีของนางไว้ บุญคุณนี้นับว่าใหญ่หลวงนักทว่าบุญคุณที่หนักอึ้งเกินไป ก็มิแน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฐานะของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป“ชีวิตของจวิ้นจู่ ย่อมมิอาจเทียบได้กับอัญมณีเพียงหีบนี้ หากวันหน
Magbasa pa

บทที่ 15

ด้วยเพราะนางช่วยชีวิตบุตรสาวของตนไว้ พระชายามู่จึงยอมเอ่ยปากอธิบายความเพิ่มอีกสองสามประโยค“หากการแต่งงานนั้นเหมาะสม ตระกูลย่อมได้รับผลประโยชน์ และผลประโยชน์นั้นย่อมส่งผลดีกลับคืนสู่ตัวบุตรธิดา”“หากแต่งให้เย่จั๋ว ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดเลย ยังต้องสูญเสียบุตรสาวที่เลี้ยงดูมากว่าสิบปีไปโดยเปล่าประโยชน์ การค้าที่ขาดทุนเช่นนี้ พวกเขาไม่ทำเป็นแน่”ผู้ที่รับราชการในราชสำนัก ย่อมไม่มีผู้ใดโง่เขลาดังนั้น เรื่องที่การแต่งงานนี้ตกมาถึงตระกูลเซวียนั้นคงต้องไปสืบหาสาเหตุจากตัวเซวียฉงแล้วเมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เซวียหว่านอี้ก็เตรียมจะลากลับในยามนั้นเอง แม่นมผู้หนึ่งก็รีบร้อนเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้น“พระชายา ท่านหญิงน้อยฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”พระชายามู่พลันลุกขึ้นยืน ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชะงักแล้วหันมามองเซวียหว่านอี้นางย่อกายคารวะ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณพระชายาที่ไขข้อข้องใจให้ข้า ในเมื่อท่านหญิงน้อยปลอดภัยดีแล้ว ข้าขอตัวลาก่อนเจ้าค่ะ”การที่นางมิได้คิดรีบร้อนเข้าไปอวดอ้างความดีความชอบ ทำเอาพระชายามู่รู้สึกชื่นชมนางขึ้นมาไม่น้อยนางหันไปสั่งแม่เฒ
Magbasa pa

บทที่ 16

ณ จวนเจิ้นกั๋วกงเมื่อได้ฟังรายงานจากองครักษ์เงา แววตาของเย่จั๋วที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากก็ฉายแววหวั่นไหวเล็กน้อยเขามิได้ไถ่ถามว่าเซวียหว่านอี้ตั้งใจไปช่วยคนโดยเฉพาะหรือไม่“ใครคือผู้บงการ?”นี่ต่างหากคือประเด็นสำคัญโจรเด็ดบุปผารึ?ท่านหญิงน้อยแห่งจวนอ๋องมู่เพิ่งจะอายุครบสิบขวบ ยังเยาว์วัยนักอีกทั้งนางยังเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งในจวนอ๋องมู่ แม้แต่ซื่อจื่ออ๋องมู่ก็ยังมิอาจเทียบได้เพียงแค่เห็นการแต่งกายด้วยผ้าไหมและหยกที่ประดับเต็มตัวของท่านหญิงน้อย ก็ย่อมรู้ได้ว่าต้องมาจากตระกูลที่มั่งคั่งสูงส่งโจรเด็ดบุปผามิได้โง่เขลาถึงเพียงนี้ศัตรูงั้นรึ?ก็ดูมีความเป็นไปได้ แต่ไม่เหมือนว่ามุ่งเป้าไปที่จวนอ๋องมู่หากมีจริง ๆ ก็คงเป็นเพราะถูกจวนเว่ยกั๋วกงลากเข้าไปพัวพันด้วยเท่านั้นทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดบ้างไม่รู้ว่ามู่ชินอ๋องกลัวภรรยา ทั้งยังไร้ความสามารถ ที่มีวันนี้ได้ก็เพียงเพราะอาศัยฐานะน้องชายฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเท่านั้นองครักษ์เงาส่ายหน้า “ยังมิทันที่ข้าน้อยจะได้ซักไซ้ พวกเขาสองคนก็ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายแล้วขอรับ”“วรยุทธ์ของคนทั้งสองธรรมดามาก แม้แต่ชายหยาบกระด้างจากตลาดที่อยู่ข้า
Magbasa pa

บทที่ 17

จวบจนบัดนี้ นางก็ยังคิดไม่ตกครอบครัวของแม่เฒ่าซุนนั้น ไม่เคยได้ยินว่าไปล่วงเกินผู้ใดด้วยฝีมือการทำคลอดของแม่เฒ่าซุน กลับทำให้พวกนางค่อนข้างมีหน้ามีตาอยู่บ้างตามหลักเหตุผลแล้ หมอตำแยผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นหมอตำแยที่ชราแล้ว ต่อให้ไปล่วงเกินผู้ใดเข้า ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องฆ่าล้างตระกูลเซวียหว่านอี้คิดถึงอนุชิวเป็นคนแรกทว่า นางคาดการณ์ถึงจุดจบของครอบครัวแม่เฒ่าซุนไว้แล้ว จึงได้ให้หวังหย่วนจับตาดูหลานชายคนเล็กของแม่เฒ่าซุนไว้เด็กคนนั้นคือหมากต่อรองบัดนี้ แม่เฒ่าซุนเป็นตายร้ายดีอย่างไรมิทราบได้ หลานชายของนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานสาวก็ถูกสังหารสิ้นแผนการที่วางไว้ก่อนหน้านี้ บัดนี้ล้วนไร้ประโยชน์สิ้นเชิงนางกำหมัดแน่นอย่างเงียบงันเซวียหว่านอี้กัดฟันกรอด สะกดกลั้นไม่ให้ตนเองสับสนวุ่นวายนางครุ่นคิด ตกลงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ ที่มาทำลายแผนการของนางจนย่อยยับ“แผนการของข้าเดิมทีก็หยาบนัก บางที...”เซวียหว่านอี้เอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก “อาจเป็นไปได้ว่าแม่เฒ่าซุนไปล่วงเกินผู้ใดคนอื่นเข้า”นางเคยคิดว่าเป็นฮูหยินเจียง ที่ล่วงรู้ความจริงแต่ยังอยากรักษาทุกอย่า
Magbasa pa

บทที่ 18

“คุณหนูเจ้าคะ?”เฝ่ยชุ่ยเห็นท่าทางของนาง ก็รีบวางตะเกียบแล้วก้าวเข้าไปถาม “ท่านไม่สบายตรงไหนหรือเจ้าคะ?”เมื่อสังเกตเห็นว่าเฝ่ยชุ่ยทำท่าจะมองออกไปด้านนอก นางจึงยกมือขึ้นคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้“พวกเรากลับจวนกันเถิด”ในใจของนางยังคงสั่นสะท้าน ไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานานไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า สายตาของคนผู้หนึ่ง จะสามารถสร้างแรงกดดันได้ถึงเพียงนี้ก่อนจะจากไป นางเหลือบมองออกไปด้านนอกอีกครั้ง เย่จั๋วมิได้อยู่ที่เดิมแล้ว คาดว่าคงจากไปแล้วเมื่อถูกเซวียหว่านอี้ขัดจังหวะ เฝ่ยชุ่ยจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงคิดว่าคุณหนูของตนนางไม่สบายกาย“ท่านยังกินไม่อิ่ม อยู่กินต่อเถิด”เฝ่ยชุ่ยหันไปบอกหวังหย่วน “ข้าจะพาคุณหนูกลับจวนก่อน”หวังหย่วนเดินตามไปส่งพวกนางถึงหน้าห้องส่วนตัว “ได้ เดินทางกลับกับคุณหนูระวังด้วย”ตอนนี้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หวังหย่วนติดตามต่อไปเขามิใช่บ่าวรับใช้หรือองครักษ์ของตระกูลเซวีย ยิ่งมิใช่ทาสรับใช้เฝ่ยชุ่ยพยักหน้า ประคองเซวียหว่านอี้จากไปอย่างรวดเร็วหวังหย่วนมองอาหารที่ยังคงเหลืออยู่ จึงสั่งให้ลูกน้องในร้านไปเรียกลูกน้องสองสามคนมากิน พลางจัดการเรื่อ
Magbasa pa

บทที่ 19

มิหนำซ้ำ คนในครอบครัวของนางก็ตายกันหมดเจียงเซิ่นจือราวกับได้เห็นภูตผี ทั้งที่เป็นเรื่องลับสุดยอด ไฉนจึงมีคนชิงลงมือก่อนตระกูลเจียงได้“ซ่า—”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแม่เฒ่าซุนสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความหนาวเหน็บเสียดกระดูกนางตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น เมื่อเห็นรองเท้าหลายคู่ตรงหน้า ก็ตกใจจนรีบร้อนคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อร้องขอชีวิต“นายท่านไว้ชีวิตด้วย นายท่านไว้ชีวิตด้วยเถิด เรื่องที่ควรสารภาพ ข้าก็สารภาพไปหมดแล้ว ไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย ขอร้องนายท่าน...”เจียงเซิ่นจือมองดูท่าทางน่าสมเพชของนาง ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบจากทางด้านหลัง“สารภาพมาอีกรอบ”ขี้ขลาดเพียงนี้ ยังกล้ามีส่วนร่วมในแผนการสลับตัวลูกของตระกูลเซวียอีกหรือ?ร่างของแม่เฒ่าซุนแข็งทื่อไปชั่วขณะ ครู่ต่อมา นางจึงค่อย ๆ หันกลับมาทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ เมื่อเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ นางก็ถึงกับงุนงงไปชั่วขณะเปลี่ยนคนอีกแล้วหรือ?อีกทั้ง ดูท่าว่าสถานที่ก็เปลี่ยนไปด้วย“เป็นใบ้ไปแล้วหรือ?”เจียงเซิ่นจือเอ่ยถามพลางยิ้มบาง นิ้วมือที่วางอยู่บนพนักเท้าแขนเคาะเป็นจังหวะเบา ๆ สองสามครั้งเพียงชั่ว
Magbasa pa

บทที่ 20

“...”เมื่อได้ฟังคำพูดของหลานชาย สีหน้าของฮูหยินเจียงก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมากนางโซเซถอยหลังไป ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรงเจียงเซิ่นจือรีบปรี่เข้าไปข้างหน้า เอื้อมมือไปประคองนางไว้หลวม ๆ “ท่านป้า...”เขารู้ดีว่าท่านป้าย่อมมิอาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใด ก็คงยากจะยอมรับได้เช่นกันเจียงเซิ่นจือไปมาหาสู่กับตระกูลเซวียค่อนข้างบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์กับเหล่าลูกผู้น้องก็แนบแน่นดีเสมอมาหากมิใช่เพราะเจียงเซิ่นจือถูกจับจองหมั้นหมายไว้ตั้งแต่หลายปีก่อน สองตระกูลถึงขั้นคิดจะผูกสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น โดยการให้เซวียหมิงเฟยแต่งให้เขายามนี้เมื่อหวนคิด ก็นับว่าโชคดีนักที่เรื่องมิได้เป็นไปเช่นนั้นฮูหยินเจียงพยายามข่มกลั้นอาการวิงเวียนศีรษะ ในดวงตาฉายชัดถึงความเปราะบางและตื่นตระหนกกระทั่งยังมีความเกลียดชังที่ซุกซ่อนไว้ลึกล้ำ“แน่ใจหรือ?”นางกัดฟันถามเพื่อยืนยันเจียงเซิ่นจือพยักหน้า “แน่ใจขอรับ แม่เฒ่าซุนผู้นั้นยอมรับสารภาพด้วยตนเอง อีกทั้งยังกล่าวว่าที่ต้นแขนซ้ายด้านในของผู้น้องมีปานแดงขนาดเท่าเล็บมืออยู่แห่งหนึ่ง”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท
Magbasa pa
PREV
123
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status