บททั้งหมดของ เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ: บทที่ 21 - บทที่ 30

30

บทที่ 21

แน่นอนว่า มิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาวเห็นได้ชัดว่านางกับเซวียหมิงเฟยเกิดในวันเดียวกัน และอาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้มาสิบห้าปีแล้วทว่าวันนี้ เขากลับเพิ่งมองเห็นใบหน้าของนางผู้นี้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก“ผู้น้องเรียกข้าว่าผู้พี่เถิด วันนี้ออกจากจวนมาหรือ?”เซวียหว่านอี้พยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าค่ะ งานมงคลใกล้เข้ามาแล้ว ยังมีของบางอย่างที่ต้องเตรียมเจ้าค่ะ”แม้จะไม่ใช่ของสำคัญ แต่ก็ขาดไม่ได้เช่นกันตระกูลเซวียไม่มีผู้ใดใส่ใจนาง เหตุผลหลักคือเซวียหมิงเฟยต้องออกเรือนก่อนนาง ตอนนี้ทุกคนจึงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานที่เรือนอวี้ฉง จนไม่มีเวลามาเหลียวแลนางเพียงแค่ฟังชื่อเรือนพักของคุณหนูทั้งสอง ก็พอจะมองออกแล้วว่าเซวียหมิงเฟยเป็นที่โปรดปรานในจวนมากเพียงใดคำพูดของนาง ทำให้ฮูหยินเจียงใจสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความเคลื่อนไหวของตระกูลเซวียในช่วงนี้ แล้วหันมามองเด็กสาวตรงหน้าที่ดูคล้ายคลึงกับตนราวกับพิมพ์เดียวกัน ความสับสนว้าวุ่นในใจนี้ มีเพียงนางเท่านั้นที่ล่วงรู้“เรื่องงานแต่งก็กำหนดไว้แล้ว พิธีปักปิ่นก็ใกล้เข้ามา หากยังขาดผู้ประกอบพิธี ก็ลองไปทาบทามเจียงหมิ่นดูได้”เจียงเซิ่นจื
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 22

การประชุมเช้าสิ้นสุดลงเซวียฉงเดินออกจากตำหนักท้องพระโรงพร้อมกับสหายขุนนางที่คุ้นเคยกัน เตรียมตัวไปยังกรมการโยธาเพื่อจัดการงานต่อ“ใต้เท้าเซวีย”เสียงหนึ่งเรียกเขาไว้จากด้านหลังเขาหยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นใต้เท้าเหยียน ผู้ว่าศาลาว่าการเมืองหลวงผู้ว่าศาลาว่าการเมืองหลวงมีตำแหน่งขุนนางขั้นสา ซึ่งต่ำกว่าเขาเพียงครึ่งขั้นเท่านั้นทว่าใต้เท้าเหยียนผู้นี้กุมอำนาจในเขตเมืองหลวงที่สำคัญ อำนาจในมือจึงมิใช่สิ่งที่เซวียฉง ตำแหน่งรองเสนาบดีกรมโยธาจะเทียบได้“ใต้เท้าเหยียน” เขาเอ่ยทักด้วยความฉงนใจ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายรั้งตนไว้ด้วยเรื่องอันใด “มีเรื่องอันใดหรือ?”เหยียนเค่อหลี่ทำท่าผายมือเชื้อเชิญเซวียฉงเข้าใจความนัยทันที จึงหันไปกล่าวกับสหายร่วมงานสองสามคำ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปยังมุมอับสายตาผู้คน“เรื่องในจวนของใต้เท้าเซวีย เตรียมจะจัดการอย่างไรหรือ?”เหยียนเค่อหลี่เอ่ยถามขึ้นคำพูดที่ไร้หัวไร้หางเช่นนี้ มีหรือที่เซวียฉงจะฟังเข้าใจได้ในทันทีใบหน้าของเขาฉายแววฉงนสงสัย “มิทราบว่าใต้เท้าเหยียนหมายถึงเรื่องใด? หรือว่า คนในจวนของข้าไปก่อเรื่องอันใดเข้า?”ใต้เท้าเหยียนผู้นี้มิใช
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 23

เหยียนเค่อหลี่สั่งให้คนยกน้ำชามา “ใต้เท้าเซวียตัดสินใจได้แล้วใช่หรือไม่?”ดูผิวเผินคล้ายเป็นคำถาม ทว่าความจริงคือบีบให้เขาต้องเลือกเองไม่ว่าเขาจะเลือกหนทางใด เว้นเสียแต่จะเลือกเหมือนกับใต้เท้าเหยียน มิฉะนั้นเรื่องนี้ย่อมถูกทูลรายงานต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทอยู่ดีเซวียฉงเป็นเพียงรองเสนาบดีกรมโยธา ตำแหน่งของเขาดูเหมือนไม่สลักสำคัญ อันที่จริงก็ไม่สำคัญถึงเพียงนั้น อย่างน้อยก็มิใช่ว่าจะหาผู้ใดมาแทนที่มิได้“ย่อมต้องให้ทุกอย่างกลับสู่ที่เดิม” อันที่จริงเซวียฉงโปรดปรานเซวียหมิงเฟยผู้เป็นบุตรสาวคนนี้มากกว่าทว่าหากเทียบกับอนาคตในราชสำนักแล้ว ต่อให้เป็นบุตรสาวที่รักปานดวงใจ ก็ยังต้องหลีกทางให้เหยียนเค่อหลี่พยักหน้าพลางยิ้มกล่าว “ใต้เท้าเซวียรู้ความถึงเพียงนี้ ฝ่ายข้าก็จัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว”จากนั้น เขาก็พาเซวียฉงเข้าไปยังคุกใต้ดินของศาลาว่าการเมืองหลวง เพื่อพบกับแม่เฒ่าซุนผู้นั้น……ยามค่ำคืนยิ่งดึกสงัดเซวียฉงกลับมายังจวนด้วยสีหน้าหนักอึ้งเคร่งขรึมเขาตรงกลับไปยังเรือนทิงหลานทันที ยามนี้ฮูหยินเจียงกำลังเตรียมตัวเข้านอนพอดี“วันนี้ ข้าไปที่ศาลาว่าการเมืองหลวงมา...”เขาเพิ่งจะเอ่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 24

เซวียหมิงเฟยมีชีวิตมาถึงสองชาติภพ นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าตนเองจะเป็นเพียงบุตรีอนุแม้ว่าสถานะบุตรีสายตรงหรืออนุจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นคุณหนูแห่งตระกูลเซวียของนางก็ตามทว่า การได้เป็นบุตรีของฮูหยินเจียงย่อมนำมาซึ่งเกียรติยศและหน้าตาที่สูงส่งกว่า ยิ่งมิต้องกล่าวถึงว่าเบื้องหลังของนางยังมีจวนกว่างผิงโหวคอยหนุนหลังอยู่อีกส่วนอนุชิว แม้ภายนอกจะดูเหมือนได้รับความโปรดปราน ทว่าความรักใคร่ที่ว่านั้นกลับเป็นเพียงสิ่งที่ล่องลอยว่างเปล่าจับต้องมิได้ในชาติที่แล้ว แม้จะอาศัยความโปรดปรานนี้ จวบจนวันตายก็มิอาจสั่นคลอนตำแหน่งนายหญิงของฮูหยินเจียงได้แม้แต่น้อยเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องรอง การปฏิบัติที่นางได้รับภายในจวนย่อมไม่เปลี่ยนแปลงไปต่อให้ต้องถูกคนทั้งจวนเพิกเฉยดังเช่นเซวียหว่านอี้ แต่ในเรื่องอาหารการกินและเครื่องอุปโภคบริโภค ก็มิมีผู้ใดกล้าหักทอนของนางทว่ามารดาที่นางเรียกขานมาตลอดสองชาติภพ กลับมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดนางจะให้เซวียหมิงเฟยทำใจยอมรับได้อย่างไร?“ข้าจะเป็นบุตรสาวของนางได้อย่างไร ท่านพ่อ ท่านแม่ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันเป็นแน่เจ้าค่ะ”หากนี่เป็นเรื่องจริง เหตุใดชาติที่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 25

เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันตรงหน้าทั้งสอง แม้จะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่ในใจของเซวียหมิงเฟยก็บังเกิดความคิดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอนุชิว คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนางชีวิตสิบห้าปีที่ผาสุกในจวนซึ่งนางได้รับมา แท้จริงแล้วควรเป็นของเซวียหว่านอี้ฮูหยินเจียงมองคนทั้งสองในโถงด้วยสายตาเรียบเฉยไม่อยากยอมรับก็ไร้ประโยชน์อนุชิวและเซวียหมิงเฟย ช่างเหมือนกันเสียจริงนางปรายตามองเซวียฉงที่อยู่ข้างกายนางแวบหนึ่งไม่ว่าเขาจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ฮูหยินเจียงก็บังเกิดความแค้นเคืองต่อเขาแล้วเป็นเพราะความโปรดปรานที่บุรุษผู้นี้มีต่ออนุภรรยา จึงทำให้อนุชิวบังเกิดจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้แต่ตัวนางและบุตรสาวแท้ ๆ ช่างเป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งนักพลันนึกขึ้นได้ว่า เซวียหว่านอี้ได้รับพระราชทานสมรสกับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วหากเป็นเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเจียงย่อมไม่พอใจอยู่แล้วเรื่องสมรสของบุตรีอนุ ไฉนเลยจะสูงส่งกว่าบุตรสาวของนางได้แต่บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากจวนโหวโดยแท้ความรู้สึกนั้นจะมองว่าสำคัญก็ได้ หรือไม่สำคัญก็ได้ ทุกอย่างล้วนผูกพันกับผลประโยชน์ของตระกูล“นับแต่นี้ไป เบ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 26

เซวียมู่เจาพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นความทรงจำ หรือควรกล่าวว่ากำลังพยายามล้างสมองตนเองอยู่ในความทรงจำของเขาน้องหญิงรองผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรคงเป็นเด็กขี้ขลาด หวาดกลัว และไร้ซึ่งความสดใสมีชีวิตชีวาส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อยก็ไม่น่าแปลกใจขนาดคนรับใช้ในจวนยังกล้ามองข้ามเซวียหว่านอี้ได้อย่างสิ้นเชิง หรือควรกล่าวว่าไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลยต่างหากนี่สะท้อนให้เห็นเพียงว่า ทั่วทั้งตระกูลเซวีย หามีเจ้านายคนใดให้ความสำคัญต่อนางไม่ขอเพียงมีสักคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติต่อนางดีสักสามส่วน พวกบ่าวไพร่ในจวนก็ย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ฉะนั้น การที่เซวียมู่เจาจำรูปลักษณ์ของเซวียหว่านอี้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งเซวียหว่านอี้ย่อกายคารวะ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”กิริยาท่วงท่าของนางนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติความสมบูรณ์แบบนี้ หากพูดให้ฟังดูดีคือนางเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ แต่หากพูดให้ฟังดูแย่ ก็คือความห่างเหินจนเกินไปไม่ทราบเพราะเหตุใด เซวียมู่เจาพลันรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง“พี่น้องกันแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมากพิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 27

นางมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโถงด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “ช่างเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดียิ่งนัก”เซวียมู่เจา: “...”เมื่อเห็นแววตาเย็นชาเมินเฉยของฮูหยินเจียง ในใจของเซวียมู่เจาก็วูบไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาไม่รู้ว่าตนไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ไม่พอใจ ถึงขั้นทำให้นางต้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ฮูหยินเจียงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลายปีมานี้ หว่านอี้ต้องอยู่อย่างไรในจวนแห่งนี้ พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี”“พวกเราไม่รู้เรื่องที่สลับตัวลูกก็จริง แต่อนุชิว...”นางชี้ไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่หน้าโถง “นางที่เป็นตัวการเรื่องนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”“สับเปลี่ยนลูกสาวของข้าแล้ว ยังเหยียบย่ำข่มเหงนางไม่หยุดหย่อน”นางลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่หน้าอนุชิว ก่อนจะก้มลงเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วกล่าวว่า “เจ้าคงลำพองใจมากกระมัง ที่ลอบใช้ลูกสาวของข้ามาดูความน่าสมเพชของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าปั่นหัวข้าไว้ในกำมือได้”“เป็นเพียงอนุภรรยา แต่กลับอาศัยลูกสาวแท้ ๆ ของข้า มาหลอกปั่นหัวข้าที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซวียจนโง่งมงายอยู่เบื้องหลัง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง”นางสะบัดใบหน้าของอน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 28

เซวียหว่านอี้ทอดมองอย่างเย็นชาชาติก่อน การถูกทรมานให้เป็นมนุษย์หมูตลอดหลายปี ทำให้นางสูญเสียการรับรู้ทางอารมณ์ไปเกือบหมดสิ้นนางถึงกับสัมผัสได้ว่า ฮูหยินเจียงมิได้เห็นนางสำคัญถึงเพียงนั้นที่มากกว่านั้นคือความอัปยศอดสูจากการถูกอนุชิวสับเปลี่ยนตัวบุตรไปหากบัดนี้ให้ฮูหยินเจียงเลือก ระหว่างนางกับเซวียหมิงเฟยมิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทุกคนย่อมเลือกเซวียหมิงเฟยฮูหยินเจียงอยากให้อนุชิวตาย ทว่านั่นมิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ความผูกพันฉันแม่ลูกตลอดสิบห้าปี ไหนเลยจะตัดขาดกันได้โดยง่ายเซวียมู่เจาในยามนี้ไม่คิดจะเอ่ยปากทว่าก็อดมิได้ที่จะสงสารยามเห็นเซวียหมิงเฟยร่ำไห้จนควบคุมตนเองไม่อยู่ท่านพ่อไม่สะดวกเอ่ยปากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านพ่อและท่านแม่ทว่าคนผู้นี้…“น้องหญิงรอง เจ้าไม่มีสิ่งใดอยากพูดบ้างหรือ?” เขาเอ่ยปากขึ้นจนได้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเซวียหว่านอี้เป็นจุดเดียวอนุชิวมิได้เอ่ยปาก ทว่าแววตาที่มองมากลับเปี่ยมไปด้วยความเวทนาและอ้อนวอนส่วนเซวียหมิงเฟย กลับลุกขึ้นวิ่งไปทรุดกายคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียหว่านอี้อีกคราเมื่อสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังอด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 29

นางยิ้มบางเบา “หากท่านไม่เต็มใจ พวกเราสลับตัวเจ้าสาวกันก็ได้”นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชาตินี้เซวียหมิงเฟยไม่กล้าแต่งให้เย่จั๋วอีกเป็นอันขาดหากเดิมพันชนะ นางก็สามารถยืมอำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงมาจัดการฉู่ยวนให้ตายตกไปเดิมพันแพ้ ก็แค่แต่งออกไป ในคืนวันเข้าหอ ก็ไปสู่ปรโลกพร้อมกับเขาไม่ฉู่ยวนตาย ก็พวกเขาตายด้วยกันเซวียหมิงเฟยตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมนางส่ายหน้า ไม่แยแสต่อสีหน้าตื่นเต้นยินดีของอนุชิว พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้ากับเจิ้นกั๋วกงมีพระราชทานสมรสตามราชโองการของฝ่าบาท หากเรื่องสลับตัวเจ้าสาวถูกเปิดโปง ตระกูลเซวียของพวกเราเกรงว่าจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติล้างตระกูล”ชาติก่อนนางถูกเย่จั๋วทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด ชาตินี้จะยังกล้าแต่งไปหาเขาได้อย่างไรอย่าว่าแต่แต่งเลย แค่ได้ยินชื่อของเย่จั๋ว นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างแล้วแสงสว่างในแววตาของอนุชิวดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง“ข้าเกิดก่อนเจ้าเล็กน้อย ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าน้องหญิงอีกเลย”นางไม่รู้ว่าเซวียหมิงเฟยมีสีหน้าเช่นไร จึงกล่าวต่อ “หากเจ้าเรียกไม่ถนัดปาก เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็เรียกชื
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 30

ราตรีเยียบเย็นดุจสายน้ำเซวียหว่านอี้นั่งอยู่ในศาลา ตรงหน้ามีเตาอุ่นขนาดเล็กจุดอยู่กาน้ำดินเผาสีแดงบนเตา มีกลิ่นหอมหวานโชยเอื่อยออกมานางยกจอกสุราข้างกายขึ้นมา เอนกายพิงพนักอย่างเกียจคร้าน ทอดมองเหล่าปลาจิ่นหลี่ที่กำลังแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้แสงโคมบัวยามค่ำคืน“คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าพิธีปักปิ่นที่ในจวนจะจัดให้คุณหนู ครานี้จะยิ่งใหญ่กว่าของท่านผู้นั้นเสียอีกนะเจ้าคะ”เฝ่ยชุ่ยถือเครื่องเคียงสองอย่างเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะหินอย่างแผ่วเบา“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณหนูแล้วกระมังเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยตอบ นางจิบสุราเพียงเล็กน้อย พวงแก้มก็พลันระเรื่อสีชมพูจาง ๆเฝ่ยชุ่ยเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหนู จึงพูดต่อไปตามลำพัง“ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นจะคิดอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ”เมื่อตอนบ่าย เรือนทิงหลานส่งของมาให้มากมาย ทำให้เรือนว่างซูที่แต่เดิมโล่งกว้าง กลับโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาในทันทีแม้ว่าหากเทียบกับจวนอ๋องจวนโหวเหล่านั้น อาจจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็ตามสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เหล่าแมกไม้ใบหญ้าพลันส่งเสียงเสียดสีกัน“พิธีปักปิ่นของท่านผู้นั้นจะจั
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
123
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status