All Chapters of องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี: Chapter 1 - Chapter 10

30 Chapters

บทที่ 1

ฤดูใบไม้ร่วง รัชศกเจียจิ้งปีที่สามสิบเก้าแห่งราชวงศ์ต้าหมิงณ เรือนสี่ประสานหลังหนึ่งภายในตรอกจินอวี๋ของเมืองหลวง บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมชุดเครื่องแบบปลาบินกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าชุดเครื่องแบบปลาบินนั้น หากมิใช่ขุนนางใหญ่ขั้นสองขึ้นไปในหกกรม หรือแม่ทัพใหญ่ที่ถูกส่งไปประจำการตามหัวเมือง ย่อมมิอาจสวมใส่ได้ตามอำเภอใจ ทว่าทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น ในหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ตั้งแต่ยศนายกองร้อยขึ้นไป ล้วนได้รับพระราชทานชุดเครื่องแบบปลาบินและดาบซิ่วชุนบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือเฮ่อลิ่ว นายกองร้อยผู้ตรวจสอบแห่งกรมบัญชาการฝ่ายเหนือขององครักษ์เสื้อแพรเบื้องหน้าเฮ่อลิ่ว มีเด็กหญิงตัวน้อยวัยสี่ห้าขวบนั่งอยู่ เด็กหญิงคนนี้ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ พวงแก้มแดงระเรื่อ ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ตรงหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยมีชามผักหนึ่งชาม และเนื้อวัวอีกหนึ่งจาน นางมองเฮ่อลิ่วด้วยสายตาเว้าวอนน่าสงสาร “ท่านพ่อ เซียงเซียงไม่อยากกินผัก”เฮ่อลิ่วมองลูกสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู “เซียงเซียงเด็กดี เด็กเล็กๆ หากกินแต่เนื้อไม่กินผักจะถ่ายไม่ออกนะ หากถ่ายไม่ออก ท้องก็จะระเบิด! ถึงตอนนั้นนะ ไส้เอย เลือ
Read more

บทที่ 2

องครักษ์เสื้อแพรมีฐานะสูงส่ง ไม่เหมือนกับที่ว่าการทหารรักษาพระองค์อื่นๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวง ตั้งตระหง่านอยู่นอกประตูเฉิงเทียน ทางทิศตะวันตกของระเบียงพันก้าว ติดกับกองบัญชาการห้าทัพ และอยู่คนละฝั่งถนนกับหกกรมทางทิศตะวันออกกว่าเฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูจะเดินเอื่อยเฉื่อยมาถึงหน้าประตูที่ว่าการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ ตะวันก็ขึ้นสูงโด่งแล้วหน้าประตูที่ว่าการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ ขุนนางองครักษ์เสื้อแพรในชุดเครื่องแบบนายกองพันสี่นายกระโดดขึ้นหลังม้า เบื้องหลังพวกเขามีพลทหารติดดาบอีกหนึ่งร้อยนายติดตาม ขบวนคนองอาจน่าเกรงขาม มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกอย่างยิ่งใหญ่ประตูเฉิงเทียนคือเขตพระราชฐาน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางจากหกกรม หรือแม่ทัพนายกองจากกองบัญชาการห้าทัพ ใครเล่าจะกล้าควบม้าตะบึงในเขตนี้?มีเพียงคนขององครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น ที่กล้าทำตัวอวดเบ่งที่นี่ตาเฒ่าหูกล่าวกับเฮ่อลิ่ว “ท่าทางจะมีคดีใหญ่เกิดขึ้นอีกแล้วกระมัง สิบสามองครักษ์หลวงแห่งองครักษ์เสื้อแพรถึงกับเคลื่อนไหวพร้อมกันสี่คน! เจ้าหก คาดว่าพอพวกนั้นจับคนเสร็จ งานของเจ้าก็ตามมาแน่นอน”สิบสามองครักษ์หลวงแห่งองครักษ์เสื้อแ
Read more

บทที่ 3

ทางทิศใต้ของเมือง ณ จวนตระกูลว่านว่านอันเหลียงเป็นนักโทษที่ถูกจับกุมตามพระราชโองการ กรมการทหารห้าเมืองและกรมอาญาจึงมิกล้าชักช้า รีบส่งคนมาปิดล้อมจวนตระกูลว่านไว้อย่างแน่นหนา รอเพียงคนขององครักษ์เสื้อแพรมาลงมือตรวจค้นเท่านั้นเฮ่อลิ่วนำตาเฒ่าหูและพลทหารห้าสิบนายมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลว่านสิ่งที่เรียกว่าจวนตระกูลว่าน เป็นเพียงเรือนสี่ประสานธรรมดาๆ หลังหนึ่ง หากเทียบกับฐานะขุนนางขั้นสามชั้นเอกอันสูงส่งของว่านอันเหลียงแล้ว เรือนสี่ประสานนี้ช่างดูอัตคัดขัดสนยิ่งนักตาเฒ่าหูกล่าวกับเฮ่อลิ่ว “ท่านนายกองร้อย ดูท่าว่านอันเหลียงจะเป็น...ขุนนางตงฉินอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ น่าเสียดายที่คนผู้นี้หัวรั้นเกินไป ดันไปล่วงเกินฝ่าบาท ล่วงเกินมหาอำมาตย์เหยียนเข้า”ในช่วงต้นปีนี้ จักรพรรดิเจียจิ้งทรงเบิกเงินท้องพระคลังเพื่อสร้างวิหารเฉาเทียน การก่อสร้างวิหารเฉาเทียนนี้กินเวลากว่าครึ่งปี ผลาญเงินในท้องพระคลังไปกว่าหกแสนตำลึงในวันที่วิหารเฉาเทียนสร้างเสร็จ จักรพรรดิเจียจิ้งเสด็จไปทำพิธีบวงสรวงสวรรค์ขอพร ว่านอันเหลียงกลับถวายฎีกาทัดทาน ซึ่งเป็นการขัดพระทัยของจักรพรรดิเจียจิ้งอย่างรุนแรงในฎีกาฉบับนั้
Read more

บทที่ 4

ในเมื่อเป็นการค้นบ้านยึดทรัพย์ ย่อมมิได้มีเพียงทองคำหรือเงินเท่านั้นที่ถูกยึด แต่ยังรวมถึงวัตถุโบราณและของมีค่าสารพัดชนิดด้วยทองคำ เงิน และตั๋วเงินที่ยึดได้ จะถูกส่งเข้าคลังไท่ชาง หรือก็คือท้องพระคลัง ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมพระคลัง ส่วนวัตถุโบราณและของมีค่าอื่นๆ นั้น จะถูกนำส่งเข้าคลังสำนักพระราชวัง หรือคลังส่วนพระองค์ของจักรพรรดินี่ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งภาพอักษรศิลป์ของปรมาจารย์มีมูลค่ามหาศาล ย่อมไม่ขาดแคลนยอดฝีมือในการทำของปลอม บรรดาขุนนางกังฉินที่ชอบทำตัวเป็นผู้มีรสนิยมสูงส่ง ย่อมมีโอกาสได้รับของปลอมมาบ้างสมมติว่าวันดีคืนดี จักรพรรดิทรงนึกอยากจะทอดพระเนตรภาพอักษรศิลป์ของปรมาจารย์ในคลังสำนักพระราชวัง แล้วทรงพบว่าเป็นของปลอม มิทรงกริ้วหนักเลยหรือ?ของปลอมจะคู่ควรอยู่ในคลังสำนักพระราชวังได้อย่างไร?พวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพรทำงานกันประสาอะไร? ตาบอดหรือไร? แยกแยะของจริงของปลอมไม่ออกหรือ?ด้วยเหตุนี้ นายกองร้อยผู้ตรวจสอบแห่งองครักษ์เสื้อแพร จึงมิใช่เพียงแค่ต้องรู้วิธีค้นบ้านยึดทรัพย์ แต่ยังต้องมีความรู้เรื่องการดูของโบราณและภาพอักษรศิลป์ด้วยยี่สิบปีก่อน ตอนที่เฮ่อลิ่วรับสืบทอดต
Read more

บทที่ 5

นับตั้งแต่อายุยี่สิบปีที่ได้รับสืบทอดตำแหน่ง เฮ่อลิ่วก็ทำหน้าที่เป็นนายกองร้อยผู้ตรวจสอบมานานถึงยี่สิบปีเต็มประสบการณ์อันยาวนานยี่สิบปี ทำให้เขามีประสาทรับกลิ่นที่ไวต่อเงินทองของมีค่า ส่วนที่เรียกว่า “ประสาทรับกลิ่น” มิได้หมายถึงการใช้จมูกดมกลิ่น หากแต่ “ประสาทรับกลิ่น” เป็นความรู้สึกแวบหนึ่งที่แล่นเข้ามาในสมองบ่อยครั้งที่เมื่อความรู้สึกประหลาดนี้ผุดขึ้นมา เฮ่อลิ่วก็มักจะขุดเจอภูเขาเงินมูลค่ามหาศาลเสมอ“ได้กลิ่นเงิน? เจ้าหก เจ้าเริ่มระแวงไปเรื่อยอีกแล้ว!” ตาเฒ่าหูกล่าวกับเฮ่อลิ่วเฮ่อลิ่วหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “ความระแวงของข้า มันแม่นมากี่ครั้งแล้วล่ะ?”ตาเฒ่าหูหัวเราะร่า “นิสัยเหมือนพ่อเจ้าที่ตายไปแล้วไม่มีผิด! แต่จะว่าไปแล้วเวลาพวกเจ้าพ่อลูกหาเงิน จมูกแม่นยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก!”เฮ่อลิ่วด่ากลับขำๆ “กล้าว่าพี่น้องร่วมสาบานที่ตายไปแล้วว่าเป็นสุนัขหรือ? ระวังเถอะ คืนนี้พี่น้องของท่านจะไปหาถึงเตียงเก่าๆ ที่บ้าน”ตาเฒ่าหูหัวเราะลั่น “ข้าไม่กลัวหรอก สมัยนี้คนน่ากลัวกว่าผีเยอะ อำมหิตยิ่งกว่าผีเสียอีก”เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูเดินกลับเข้าไปในเรือนสี่ประสานผู้บัญชาการของกรมการทหารห้าเมืองห
Read more

บทที่ 6

ครึ่งชั่วยามต่อมา ตาเฒ่าหูก็กลับมาพร้อมเชือกป่านเส้นหนาเท่าแขนเด็ก ยาวกว่าสิบจั้ง จำนวนยี่สิบเส้นตาเฒ่าหูเอ่ยถาม “ทำอย่างไรต่อ?”เฮ่อลิ่วกล่าว “หากต้องการเปิดเผยเสาเงินสี่ต้นนี้ให้ปรากฏแก่สายตาทุกคน ก็มีแต่จะต้องรื้อห้องชุดปีกตะวันออกนี้ทิ้งเสีย มาเถอะ เอาเชือกไปผูกกับเสา ใช้คนห้าคนดึงเชือกหนึ่งเส้น ดึงเสาให้ล้มลงมา!”เชือกถูกมัดไว้กับเสา ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งโยนลอดหน้าต่างออกไปนอกเรือนภายนอกเรือน องครักษ์เสื้อแพรห้าสิบนาย ทหารจากกรมการทหารห้าเมืองสามสิบนาย และเจ้าหน้าที่กรมอาญาอีกยี่สิบนาย รวมหนึ่งร้อยคน ต่างออกแรงดึงเชือกยี่สิบเส้นนั้นอย่างสุดกำลังทว่าเสายักษ์ในห้องชุดปีกตะวันออกกลับตั้งตระหง่าน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย! เฮ่อลิ่วเกาหัว “นี่ เฮ้อ ยากกว่าที่คิดจริงๆ ”เฮ่อลิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวกับตาเฒ่าหู “ท่านเอาป้ายประจำตำแหน่งของข้าไปยังศาลาว่าการซุ่นเทียน ให้ศาลาว่าการซุ่นเทียนเกณฑ์ช่างปูนและชายฉกรรจ์มาที่นี่สักสามร้อยคน!”ขณะพูด เฮ่อลิ่วก็ยื่นป้ายประจำตำแหน่งของตัวเองให้กับตาเฒ่าหูป้ายประจำตำแหน่งนั้นสลักอักษรว่า “เฮ่อผิงอัน นายกองร้อยผู้ตรวจสอบ กรมบัญชาก
Read more

บทที่ 7

ณ คุกหลวง กรมบัญชาการฝ่ายเหนือ องครักษ์เสื้อแพรนับตั้งแต่ปฐมกษัตริย์หงอู่สถาปนาราชวงศ์ ก็ได้มีการจัดตั้งคุกหลวงไว้ภายใต้สังกัดกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ คุกหลวงแห่งนี้มีไว้ขังเฉพาะนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ตามพระราชโองการเท่านั้นนักโทษในคุกหลวง หากสุ่มลากคอออกมาสักคน ก่อนต้องโทษ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเคยสวมหมวกขุนนางขั้นห้าชั้นเอกขึ้นไปส่วนลึกในคุกหลวง มี “ห้องสอบสวน” เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดสามจั้ง การสอบสวนนักโทษขององครักษ์เสื้อแพร ล้วนเกิดขึ้นในห้องสอบสวนขณะนี้ ภายในห้องสอบสวนมีคนนั่งอยู่สามคนคนหนึ่งคือว่านอันเหลียงรองเสนาบดีขวากรมพิธีการ อีกคนคือจินว่านก้วนหรือเจ้าสามในสิบสามองครักษ์หลวงแห่งองครักษ์เสื้อแพร ผู้ดำรงตำแหน่งนายกองพันผู้คุมเรือนจำ และคนสุดท้ายคือ เฮ่อลิ่วเฮ่อลิ่วกวาดตามอง “ขุนนางตงฉินผู้ยิ่งใหญ่” ที่อยู่ตรงหน้านี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นเพียงว่านอันเหลียงผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก มีใบหน้าที่ดูเป็นขุนนางตงฉินท่านสามจินว่านก้วนที่นั่งอยู่ด้านข้างจิบชาใหม่ก่อนฝนจากกาน้ำชาดินเผาสีม่วง แล้วเอ่ยกับว่านอันเหลียง “ใต้เท้าว่าน เรามาเริ่มกันเถอะ”จินว่านก้วนคือยอดปรมาจารย์การสอบสวนที่เลื่
Read more

บทที่ 8

กว่าเฮ่อลิ่วจะก้าวเท้าออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ ราตรีก็มาเยือนเสียแล้วบนถนนเงียบเชียบวังเวง เมื่อเดินมาถึงหน้าตรอกจินอวี๋ก็มีชายชราคนหนึ่งร้องตะโกนขายของ “ผลไม้ เคลือบน้ำตาลจ้า~”เฮ่อลิ่วเดินเข้าไป ซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลมาหนึ่งไม้ นี่คือของโปรดของเซียงเซียงลูกสาวของเขาชายชรายื่นผลไม้เคลือบน้ำตาลให้เฮ่อลิ่ว “นายท่าน สิบอีแปะขอรับ”เฮ่อลิ่วล้วงเศษเงินสองสามเหรียญออกมา แล้วยื่นให้กับชายชราชายชราทำท่าทางตกใจ “นายท่าน ข้าไม่มีเงินทอนหรอกขอรับ!”เฮ่อลิ่วยิ้ม “ช่างเถอะๆ ลูกสาวของข้าชอบกินผลไม้เคลือบน้ำตาลของเจ้ามากนัก ไม่ต้องทอนหรอก”ชายชรากล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฮ่อลิ่วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ถือผลไม้เคลือบน้ำตาลไปพลาง คลอเพลงงิ้วคุนฉวี่กลับบ้านไปพลาง “ตัวข้ายืนอยู่บนกำแพงเมือง ชมทิวทัศน์ขุนเขา แว่วเสียงอื้ออึงจากนอกเมือง...”วันนี้ขุดเจอเสาเงินสี่ต้นมูลค่ากว่าสองแสนตำลึงที่บ้านของว่านอันเหลียง ตามธรรมเนียมขององครักษ์เสื้อแพร เขาจะได้รับเงินรางวัลถึงสองร้อยตำลึงตำแหน่งนายกองร้อยผู้ตรวจสอบนี้ แม้จะดูไม่ใหญ่โต เป็นเพียงขุนนางขั้นหกชั้นเอก แต่กลับเป็นตำแหน่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลประโ
Read more

บทที่ 9

เฮ่อลิ่วกล่าว “อืม อีกเดี๋ยวไปที่คุกหลวง พวกเราก็จะได้รู้กันว่าปากของท่านสามจินจะสามารถพูดกล่อมจนปลาในแม่น้ำยอมกระโดดขึ้นฝั่งได้จริงหรือไม่”เมื่อเฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูกินข้าวเสร็จ ก็มาที่กรมบัญชาการฝ่ายเหนือหน้าประตู “ห้องสอบสวน” มีนายกองที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของจินว่านก้วนยืนอยู่สี่นาย ทั้งสี่คนนี้ล้วนมีสภาพอิดโรยไร้เรี่ยวแรงเมื่อเฮ่อลิ่วเดินเข้าไป นายกองทั้งสี่ก็ประสานมือคารวะ “คารวะท่านหก”เฮ่อลิ่วเอ่ยถาม “ท่านสามไต่สวนว่านอันเหลียงทั้งคืนเลยหรือ?”นายกองผู้หนึ่งพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า “ขอรับ ไต่สวนมาทั้งคืน ตอนนี้ก็ยังไต่สวนอยู่ข้างในเลยขอรับ”เฮ่อลิ่วกล่าวกับตาเฒ่าหู “ตาเฒ่าหู ท่านรออยู่หน้าประตูก่อน ข้าจะเข้าไปดู”“ห้องสอบสวน” ของคุกหลวง ใช่ว่าใครนึกอยากจะเข้าก็เข้าไปได้ องครักษ์เสื้อแพรมีการแบ่งลำดับขั้นจากล่างขึ้นบน ได้แก่ พลทหาร นายกอง นายหมู่ ผู้บังคับหมู่ รองนายกองร้อย นายกองร้อย รองนายพัน นายกองพัน ผู้บัญชาการกรม ผู้ช่วยผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการ รวมสิบสองขั้น ตาเฒ่าหูเป็นเพียงนายหมู่ลำดับขั้นที่สิบ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าออกห้องสอบสวนตามอำเภอใจแ
Read more

บทที่ 10

เฮ่อลิ่วถึงกับหูผึ่ง คำถามที่จินว่านก้วนเอ่ยถาม คือสิ่งที่เขาสนใจใคร่รู้มากที่สุดว่านอันเหลียงเริ่มเปิดปากเล่าความจริงทั้งหมดออกมาอย่างหมดเปลือก ย้อนกลับไปเมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งถูกโยกย้ายมารับตำแหน่งรองเสนาบดีขวากรมพิธีการ เขาได้ให้บ่าวชราไปหาซื้อไก่ที่ตลาดเพื่อมาฉลองเทศกาลใครจะคาดคิดว่า ตอนที่บ่าวชราไปจ่ายตลาด ดันไปมีปากเสียงกับพ่อค้าขายผัก...แน่นอนว่าทะเลาะกันเรื่องราคาพ่อค้าผักคนนั้นมีลูกพี่ลูกน้องเป็นอันธพาลขาใหญ่ประจำตลาด สองพี่น้องรุมซ้อมบ่าวชราจนสะบักสะบอม มิหนำซ้ำยังกักตัวคนแก่ไว้ แล้วเรียกให้ทางบ้านของเขานำเงินยี่สิบพวงมาไถ่ตัวว่านอันเหลียงขุนนางใหญ่ขั้นสามชั้นเอกแห่งกรมพิธีการผู้สง่างาม กลับไม่มีปัญญาหาเงินยี่สิบพวงมาไถ่ตัวคน! แน่นอนว่า ต่อให้มีเงิน เขาก็คงไม่ยอมจ่ายอยู่ดีเวลานั้นบรรดาคนหามเกี้ยวต่างเลิกงานกลับบ้านไปฉลองเทศกาลกันหมด เขาไม่มีเกี้ยวนั่ง จึงต้องเดินเท้ามาที่ตลาดเพียงลำพังเมื่อว่านอันเหลียงแสดงฐานะของตน กลับถูกกลุ่มอันธพาลตลาดสดรุมหัวเราะเยาะถากถาง “คนรับใช้ของขุนนางขั้นสามจะซื้อไก่สักตัว ยังจะมาต่อความยาวสาวความยืดกับเ
Read more
PREV
123
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status