Teilen

บทที่ 5

โค้กบิ๊กเบิ้ม
นับตั้งแต่อายุยี่สิบปีที่ได้รับสืบทอดตำแหน่ง เฮ่อลิ่วก็ทำหน้าที่เป็นนายกองร้อยผู้ตรวจสอบมานานถึงยี่สิบปีเต็ม

ประสบการณ์อันยาวนานยี่สิบปี ทำให้เขามีประสาทรับกลิ่นที่ไวต่อเงินทองของมีค่า ส่วนที่เรียกว่า “ประสาทรับกลิ่น” มิได้หมายถึงการใช้จมูกดมกลิ่น หากแต่ “ประสาทรับกลิ่น” เป็นความรู้สึกแวบหนึ่งที่แล่นเข้ามาในสมอง

บ่อยครั้งที่เมื่อความรู้สึกประหลาดนี้ผุดขึ้นมา เฮ่อลิ่วก็มักจะขุดเจอภูเขาเงินมูลค่ามหาศาลเสมอ

“ได้กลิ่นเงิน? เจ้าหก เจ้าเริ่มระแวงไปเรื่อยอีกแล้ว!” ตาเฒ่าหูกล่าวกับเฮ่อลิ่ว

เฮ่อลิ่วหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “ความระแวงของข้า มันแม่นมากี่ครั้งแล้วล่ะ?”

ตาเฒ่าหูหัวเราะร่า “นิสัยเหมือนพ่อเจ้าที่ตายไปแล้วไม่มีผิด! แต่จะว่าไปแล้วเวลาพวกเจ้าพ่อลูกหาเงิน จมูกแม่นยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก!”

เฮ่อลิ่วด่ากลับขำๆ “กล้าว่าพี่น้องร่วมสาบานที่ตายไปแล้วว่าเป็นสุนัขหรือ? ระวังเถอะ คืนนี้พี่น้องของท่านจะไปหาถึงเตียงเก่าๆ ที่บ้าน”

ตาเฒ่าหูหัวเราะลั่น “ข้าไม่กลัวหรอก สมัยนี้คนน่ากลัวกว่าผีเยอะ อำมหิตยิ่งกว่าผีเสียอีก”

เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูเดินกลับเข้าไปในเรือนสี่ประสาน

ผู้บัญชาการของกรมการทหารห้าเมืองหน้าประตูทำหน้างงงวย บอกว่าจะแปะแถบผนึกแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดท่านผู้ตรวจการสองท่านนี้ถึงเดินกลับเข้าไปอีก?

เฮ่อลิ่วเดินสำรวจห้องทั้งสิบสองห้องในเรือนสี่ประสานอีกรอบ

เมื่อเดินมาถึงห้องชุดปีกตะวันออก ฝีเท้าของเฮ่อลิ่วก็หยุดชะงัก

ภายในห้องชุดปีกตะวันออก มีเสาอิฐขนาดหนึ่งคนโอบตั้งตระหง่านอยู่สี่ต้น เสาเหล่านี้เชื่อมต่อกับห้องใต้หลังคาด้านบน

เฮ่อลิ่วไพล่มือไว้ข้างหลัง สายตาจดจ้องไปที่เสาอิฐทั้งสี่ต้น

ภายนอกของเสาอิฐถูกฉาบด้วยปูนขาวหนึ่งชั้น

เฮ่อลิ่วเอ่ยถามตาเฒ่าหู “ท่านว่าเสาพวกนี้มีจุดไหนที่แตกต่างจากปกติหรือไม่?”

ตาเฒ่าหูตอบ “เสารับน้ำหนักของบ้านขุนนางใหญ่ ต้องใช้ไม้ซุงท่อนใหญ่เนื้อดี ได้ยินว่าปีที่แล้วตอนมหาอำมาตย์เหยียนสร้างจวนมหาอำมาตย์ใหม่ เสาหลักแปดต้นในห้องโถงใหญ่สั่งไม้ชั้นเลิศมาจากป่าลึกในอวิ๋นหนาน! ใช้คนขนย้ายเป็นร้อยกว่าจะถึงเมืองหลวง แต่ว่านอันเหลียงเป็นขุนนางตงฉิน คงไม่มีปัญญาซื้อไม้ซุงราคาแพง การใช้เสาที่ก่อด้วยอิฐรับน้ำหนัก ภายนอกฉาบด้วยปูนขาว ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”

เฮ่อลิ่วเอ่ยขึ้น “ห้องชุดปีกตะวันออกของบ้านคนทั่วไปมักจะเป็นเพดานเรียบ แต่ห้องโถงนี้กลับมีห้องใต้หลังคาอยู่ด้านบน นี่ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?”

ตาเฒ่าหูกล่าว “ก่อนที่เราจะเริ่มขูดกำแพง ฟังเสียงธรณี ข้าให้ลูกน้องขึ้นไปค้นห้องใต้หลังคาที่อยู่ด้านบนนั้นแล้ว บนห้องใต้หลังคานั้นมีแต่หนังสือเก่าๆ ของว่านอันเหลียง การสร้างห้องใต้หลังคาเหนือห้องชุดไว้เก็บหนังสือ เพื่อไม่ให้โดนความชื้นจากดิน หนังสือจะได้ไม่ขึ้นรา ก็สมเหตุสมผลดี”

ตาเฒ่าหูหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวเสริม “อ้อ จริงสิ หนังสือพวกนั้นข้าก็ให้ลูกน้องพลิกดูทุกหน้าแล้ว ไม่มีตั๋วเงินสอดไส้อยู่หรอก จะยึดหนังสือเก่าๆ พวกนี้กลับกรมฝ่ายเหนือด้วยหรือไม่?”

เฮ่อลิ่วกล่าวกับตาเฒ่าหู “ห้องชุดขนาดแค่นี้ ใช้เสารับน้ำหนักต้นเดียวก็อยู่แล้ว เหตุใดต้องใช้ถึงสี่ต้น? ไปเอาปี้ซ่างหู่มา”

ตาเฒ่าหูหยิบปี้ซ่างหู่ออกมาจากหีบชิงไป๋ เฮ่อลิ่วรับไปเคาะที่เสา

ตาเฒ่าหูเอ่ยถาม “มีเสียงผิดปกติหรือไม่? หรือว่าเสานี้จะกลวง ข้างในยัดแท่งเงินไว้?”

เฮ่อลิ่วส่ายหน้า “เป็นเสาทึบตันจริงๆ ”

ตาเฒ่าหูรับปี้ซ่างหู่คืนจากมือเฮ่อลิ่ว เก็บเข้าหีบชิงไป๋

ตาเฒ่าหูกล่าว “ก็จบเรื่องแล้วนี่! ในเมื่อเสามันตัน ก็ซ่อนเงินข้างในไม่ได้!”

เฮ่อลิ่วทำท่าทางครุ่นคิด ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ตบหน้าผาก แล้วถามตาเฒ่าหู “เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ? ท่านพูดอีกทีซิ”

ตาเฒ่าหูเอ่ยขึ้น “เจ้าหก เจ้าอย่าทำท่าทางตื่นตูมได้หรือไม่? ข้าบอกว่าข้างในมันซ่อนเงินไม่ได้”

เฮ่อลิ่วถาม “ประโยคก่อนหน้านั้นล่ะ?”

ตาเฒ่าหูตอบ “ข้าบอกว่าในเมื่อเสามันตัน ก็ซ่อนเงินไม่ได้”

เฮ่อลิ่วตบไปที่เสาต้นนั้น “เสาตันแล้วซ่อนเงินไม่ได้หรือ? ไม่แน่หรอกกระมัง?”

ตาเฒ่าหูแบกหีบชิงไป๋ขึ้นหลัง “ข้าว่านะเจ้าหกเอ๊ย เจ้านี่เหมือนพ่อเจ้าไม่มีผิด ขี้ระแวงสงสัยไปเรื่อย ข้าตามพ่อเจ้ามายี่สิบปี แล้วก็มาตามเจ้าอีกยี่สิบปี สี่สิบปีนี้ คนสองรุ่นค้นจวนขุนนางมาเป็นพันหลังแล้วกระมัง? เคยเห็นก็แต่เสากลวงข้างในยัดเงิน แต่เสาตันๆ เนี่ยนะ? มันจะมีที่ว่างตรงไหนให้ยัดเงิน?”

เฮ่อลิ่วไม่ตอบ เขาชักดาบซิ่วชุนที่เอวออกมา

ในองครักษ์เสื้อแพร ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์พกดาบซิ่วชุน ต้องมียศระดับนายกองร้อยขึ้นไปเท่านั้นจึงจะพกพาได้ ดาบซิ่วชุนก็เหมือนชุดเครื่องแบบปลาบิน ล้วนเป็นของพระราชทาน

แต่เฮ่อลิ่วกลับใช้ดาบซิ่วชุนที่ได้รับพระราชทาน มาเป็นเกรียงของช่างปูนเสียอย่างนั้น

เสาอิฐทั้งสี่ต้นถูกฉาบปูนขาวหนาเตอะ เฮ่อลิ่วใช้เวลาแคะอยู่นานหลายก้านธูป กว่าจะแซะอิฐออกมาได้ก้อนหนึ่ง

ทันทีที่อิฐก้อนนั้นหลุดออกมา เฮ่อลิ่วถึงกับยืนตะลึงงัน

ตาเฒ่าหูตบไหล่ของเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เป็นอะไรไป วิญญาณหลุดไปแล้วหรือไร?”

เฮ่อลิ่วเก็บดาบซิ่วชุนเข้าฝัก “ตาเฒ่าหู วิธีซ่อนเงินของว่านอันเหลียงนี่... ร้ายกาจนัก!”

ตาเฒ่าหูเอ่ยถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าเลิกพูดจาอ้อมค้อมได้หรือไม่?”

เฮ่อลิ่วชี้ไปที่เสา ท่านดูเอาเองเถอะ

ผ่านช่องว่างของอิฐที่ถูกแซะออก ตาเฒ่าหูมองเห็นเนื้อในของเสาเป็นสีขาวแวววาว มันคือเงิน! เงินนั้นแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับร่องอิฐ!

ตาเฒ่าหูอุทานด้วยความตกตะลึง “หรือว่า ว่านอันเหลียงผู้นี้ จะใช้เงินหล่อเป็นเสาแกนกลาง แล้วก่ออิฐทับ?”

เฮ่อลิ่วพยักหน้า “ถูกต้อง! เสาเงินด้านในหล่อหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกับเสาอิฐด้านนอก ดังนั้น พอเราใช้ปี้ซ่างหู่เคาะ ถึงฟังดูเหมือนเสาตัน!”

ตาเฒ่าหูอ้าปากค้างจนแทบจะถึงพื้น “ยังไม่ต้องพูดถึงเสาอีกสามต้นที่เหลือ แค่เอาเงินมาหล่อเป็นเสาต้นเดียว ต้องใช้เงินมากมายมหาศาลขนาดไหนกัน?”

เฮ่อลิ่วส่ายหน้า “จำนวนเงินเป็นเรื่องรอง สิบปีก่อนตอนเราค้นจวนของเหรินเจี้ยนปั๋วผู้ตรวจการเกลือแห่งเหลียงหวย เจอเงินสองล้านตำลึงกองเป็นภูเขาอัดแน่นอยู่ในห้องใต้ดินแปดห้อง พวกเราก็เคยเห็นมาแล้ว เพียงแต่ว่าว่านอันเหลียงจะหล่อเสาเงินขนาดมหึมาโดยไม่ให้ใครรู้เห็นได้อย่างไร? วิธีการต้องแนบเนียนขนาดไหน?”

เฮ่อลิ่วเดินออกจากห้องชุดปีกตะวันออก ตะโกนถามผู้บัญชาการของกรมการทหารห้าเมืองและรองหัวหน้าฝ่ายจากกรมอาญา “พวกเจ้ากรมการทหารห้าเมืองและกรมอาญาที่อยู่ที่นี่มีทั้งหมดกี่คน?”

ผู้บัญชาการตอบ “พวกเรากรมการทหารห้าเมืองมีพลทหารสามสิบนายอยู่ที่นี่”

รองหัวหน้าฝ่ายจากกรมอาญาตอบ “พวกเรากรมอาญามีเจ้าหน้าที่ยี่สิบคนอยู่ที่นี่”

เฮ่อลิ่วพยักหน้า พึมพำกับตัวเอง “ทั้งหมดเป็นร้อยคน? อืม น่าจะพอ ตาเฒ่าหู ท่านพาคนไปที่ตลาดทางใต้ ซื้อเชือกป่านเส้นใหญ่ขนาดเท่าแขนเด็กมาสักยี่สิบเส้น”

ตาเฒ่าหูรับคำ “รับทราบ”

เมื่อตาเฒ่าหูออกไปแล้ว เฮ่อลิ่วก็กลับเข้าไปในห้องชุดปีกตะวันออก เขาชักดาบซิ่วชุนออกมา แล้วแซะอิฐออกจากเสาอีกสามต้นที่เหลือ!

เสาอิฐทั้งสี่ต้นในห้องชุดปีกตะวันออก ล้วนซ่อนเสาเงินตันๆ ไว้ภายในทั้งสิ้น!

ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจของเฮ่อลิ่ว

การจะหล่อเสาเงินสี่ต้นนี้ แล้วขนย้ายเข้ามาในเรือนเล็กๆ แห่งนี้ จะต้องเกิดเสียงดังโครมครามแน่นอน!

กรมบัญชาการฝ่ายเหนือมีหน้าที่สอดส่องขุนนาง ขุนนางขั้นสามชั้นเอกอย่างว่านอันเหลียง จะเข้าจะออกบ้านย่อมมีสายลับห้าถึงหกคนซึ่งเป็นลูกน้องของนายกองพันผู้ตรวจตรากรมฝ่ายเหนือคอยติดตามดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา

ภายใต้สายตาขององครักษ์เสื้อแพรที่แทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่ง ใช้อุบายอันแยบยลขนเสาเงินยักษ์สี่ต้นเข้ามาในเรือนได้?

นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ต่อให้ขนเสาเงินสี่ต้นนี้เข้ามาในเรือนได้ แต่การจะยกมันขึ้นตั้งได้ ก็คงต้องใช้คนนับร้อยกระมัง? ห้องชุดปีกตะวันออกเล็กๆ แค่นี้? จะยัดคนร้อยคนเข้าไปได้อย่างไร?

รองเสนาบดีว่านผู้นี้ ทำได้อย่างไรกันแน่?

อีกอย่าง รองเสนาบดีว่านผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินมิใช่หรือ? แล้วไปเอาเงินมหาศาลขนาดนี้มาจากไหน?

หรือว่าจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสี? ในราชสำนักมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เมื่อเกิดการต่อสู้ทางการเมือง ย่อมมีคนใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสี ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เฮ่อลิ่วเห็นเรื่องการใส่ร้ายป้ายสีมานักต่อนักแล้ว

สมัยปฐมกษัตริย์หงอู่ ขุนนางโกงกินแค่หกสิบตำลึงก็ถูกถลกหนังยัดฟางแล้ว

มาถึงราชวงศ์ปัจจุบัน โทษถลกหนังยัดฟางด้วยเงินแค่หกสิบตำลึงมีแต่ในหน้าประวัติศาสตร์แล้ว

แต่การรับสินบนไม่กี่พันตำลึง ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้หลุดจากตำแหน่งและหัวหลุดจากบ่าได้

ดังนั้น การใส่ร้ายป้ายสี ปกติก็จะใช้เงินสักสองพันตำลึง อย่างมากก็สามถึงห้าพันตำลึงก็เกินพอ

แต่เสาเงินสี่ต้นนี้ เกรงว่าน่าจะต้องใช้เงินแสนตำลึงขึ้นไปในการหล่อกระมัง? ใครหน้าไหนจะใช้เงินกว่าแสนตำลึงเพื่อใส่ร้ายคนอื่น? ถ้าทำเช่นนั้นคงต้องกินอุจจาระจนสมองเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของเฮ่อลิ่ว
Lies dieses Buch weiterhin kostenlos
Code scannen, um die App herunterzuladen

Aktuellstes Kapitel

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 30

    เครื่องมือทำมาหากินของเฮ่อลิ่วคือ “หีบชิงไป๋” ที่บรรจุอุปกรณ์ยึดทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ส่วนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าสิบสองจ้าวฉือ คือ “กล่องยมราช” ขนาดหนึ่งฉื่อ ที่บรรจุอุปกรณ์ลงทัณฑ์กว่าสิบชนิดจ้าวสือเอ้อร์เดินเข้ามาในห้องสอบสวนเขาพูดกับติงว่างว่า “นักโทษ ข้าคือรองนายกองพันผู้ตรวจตราแห่งองครักษ์เสื้อแพร จ้าวฉือ”ติงว่างเอ่ยปากขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “ที่แท้ก็ใต้เท้าจ้าว ใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ‘คนบ้าศพ’ แห่งองครักษ์เสื้อแพร? ได้ยินชื่อเสียงมานานขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์วาง “กล่องยมราช” ลงบนโต๊ะ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าทหารเฝ้าคลังคนหนึ่ง จะเคยได้ยินฉายา ‘คนบ้าศพ’ ของข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”ติงว่างเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกล่องยมราชกระมังขอรับ ว่ากันว่าอุปกรณ์ทรมานในกล่องนี้ หากใช้กับนักโทษ... ต่อให้ผู้ถูกไต่สวนเป็นพญายมราชเอง ก็ยังต้องรีบรับสารภาพขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้านี่มีความรู้กว้างขวางดีนี่”เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ทรมานบนชั้นวางสองข้างของห้อง “อุปกรณ์ทรมานพวกนี้ ข้าไม่เคยนึกอย

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 29

    เฮ่อลิ่วกล่าว “ข้าขอเสนอให้องครักษ์เสื้อแพรของเราลงมือสอบสวนคดีของติงว่างด้วยตัวเองขอรับ”ลู่ปิ่งถูมือไปมา “เอาอย่างนี้ ให้เจ้าสามจินว่านก้วนไปคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาก่อน ถ้าคุยแล้วไม่ได้ความ ค่อยให้เจ้าสิบสองจ้าวฉือลงทัณฑ์ทรมานเขา!”เจ้าสามจินว่านก้วนในกลุ่มสิบสามองครักษ์หลวง เป็นที่ยอมรับกันในหมู่องครักษ์เสื้อแพรว่าเป็นยอดฝีมือด้านการสอบสวน มีฉายาว่าสามารถพูดหว่านล้อมจนปลาในน้ำกระโดดขึ้นฝั่งได้ ว่านอันเหลียงเองก็ยอมปริปากบอกเรื่องขโมยเงินต่อหน้าจินว่านก้วนผู้นี้นี่เองส่วนเจ้าสิบสองจ้าวฉือ ถูกเพื่อนร่วมงานในองครักษ์เสื้อแพรเรียกว่า ‘คนบ้าศพ’ คนผู้นี้ชื่นชอบการศึกษาสรีระศพเป็นที่สุด ได้รับคำชมจากผู้บัญชาการลู่ปิ่งว่าเป็น “นักชันสูตรศพอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ในขณะเดียวกัน จ้าวฉือก็เป็นยอดฝีมือด้านการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สถานเบากว่าสองร้อยชนิดขององครักษ์เสื้อแพร ครึ่งหนึ่งตกทอดมาจากรุ่นก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จ้าวฉือเป็นผู้คิดค้นขึ้นเองเฮ่อลิ่วส่งมอบตัวติงว่างให้จินว่านก้วน แล้วพาเข้าไปใน ‘ห้องสอบสวน’ จินว่านก้วนตบหน้าอกรับรองกับน้องหกของตน “เจ้าหก วางใจเถอะ เวลาแค่คืนเดียว ข้าจะทำให้ทหารเฝ้าคลั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 28

    ห้าวันต่อมา ณ โถงว่าการสำนักตรวจการเหนือบัลลังก์ศาล มีเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายจากสำนักตรวจการหยางหมิงนั่งอยู่ หยางหมิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินและนักปราชญ์ผู้เคร่งครัด กิตติศัพท์เรื่องความกล้าพูดกล้าทัดทานอย่างตรงไปตรงมานั้นเลื่องลือไปทั่วราชสำนักต่างจากรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอาญาสวี่หย่วนจวี๋ และตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนาน ใต้เท้าหยางแห่งสำนักตรวจการผู้นี้มีท่าทีเย็นชาต่อเฮ่อลิ่วผิดปกติ หยางหมิงถือตนว่าเป็นขุนนางตงฉิน จึงดูถูกเหยียดหยามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นดั่งสุนัขรับใช้มาโดยตลอดผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งเคยวิจารณ์หยางหมิงไว้ว่า ตาแก่หยางหมิงนั่น ทั้งสะอาด ทั้งเหม็นโฉ่ แล้วก็ทั้งแข็งกระด้างเบื้องล่างโถง เฮ่อลิ่วยืนรออย่างแห้งเหี่ยวตามธรรมเนียมพิธีการ เฮ่อลิ่วที่เป็นเพียงนายกองร้อยขั้นหกชั้นเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ขั้นสองชั้นเอกอย่างหยางหมิง ก็มีสิทธิ์เพียงแค่ยืนเท่านั้นหยางหมิงลูบเคราของตนเอง ส่งสำนวนคดีฉบับหนึ่งให้ผู้ตรวจการคนหนึ่ง ผู้ตรวจการก็นำสำนวนนั้นมามอบให้เฮ่อลิ่วที่อยู่ด้านล่างเฮ่อลิ่วรับสำนวนมาเปิดดู “ติงว่างไม่มีความผิด?”หยางหมิงไม่แม้แต่

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 27

    เงินสองแสนตำลึง หากต้องใช้ซื้อตัวขุนนางกรมอาญาตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงระดับรองเสนาบดีหลายสิบคน อีกทั้งยังต้องซื้อตัวขุนนางศาลต้าหลี่ตั้งแต่ระดับผู้ดูแลงานทั่วไปไปจนถึงตุลาการศาลต้าหลี่อีกหลายสิบคน... เงินจำนวนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัดหรือว่า... ติงว่างจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?เฮ่อลิ่วถามซุนเฮ่อหนาน “ศาลต้าหลี่ปล่อยตัวติงว่างไปแล้วหรือขอรับ?”ซุนเฮ่อหนานพยักหน้า “คนไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยตัวให้พ้นข้อกล่าวหา ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว”เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหู ไปรายงานผลกับผู้บัญชาการลู่ปิ่ง“อ้อ? ศาลต้าหลี่ก็บอกว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?” ลู่ปิ่งจิบชาไปพลาง เอ่ยถามเฮ่อลิ่วไปพลางเฮ่อลิ่วพยักหน้า “ตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนานยืนกรานหนักแน่นว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”ลู่ปิ่งเป็นองครักษ์เสื้อแพรมากว่ายี่สิบปี มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่อทุกคดี และสัญชาตญาณนั้นก็ร้องเตือนว่า เขามั่นใจว่าติงว่างไม่มีทางขาวสะอาดไร้มลทินดุจดอกบัว เหมือนอย่างที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่กล่าวอ้างลู่ปิ่งหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ทหารเฝ้าคลังตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับได้รับการปกป้องจ

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 26

    ในใจของหลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกหนึ่งประการ ในสายตาเขา เฮ่อลิ่วเป็นคนประเภทปล่อยเลยตามเลยกับทุกเรื่อง แต่กับคดีของติงว่าง เฮ่อลิ่วกลับแสดงท่าทีผิดปกติ... ดูใส่ใจมากจนเกินไปในเมื่อติงว่างถูกคนของกรมอาญาสอบสวนจนได้สถานะ “ผู้บริสุทธิ์” แล้ว ด้วยนิสัยปกติของเฮ่อลิ่ว ควรจะแกล้งทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเสียมากกว่า เหตุใดเขาถึงได้ใส่ใจคดีนี้นักหนา?หลิวต้าอายุเพียงสามสิบปี จะไปเคยได้ยินเรื่อง “คดีบ้านผีสิง” อันลึกลับพิสดารเมื่อยี่สิบปีก่อนได้อย่างไร รวมถึงเบาะแสเดียวของคดี... ตำรา ‘รวมขุมทรัพย์’ เล่มนั้น?ตอนนี้เฮ่อลิ่วสงสัยว่า วิธีซ่อนเงินในเสา เป็นสิ่งที่ติงว่างเรียนรู้มาจาก ‘ตำรารวมขุมทรัพย์’ ติงว่างคือเบาะแสในการตามหาสาเหตุการตายของบิดาและภรรยาของเขา!แม้เฮ่อลิ่วจะยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตาเฒ่าหูว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นคดีบ้านผีสิง แต่ชีวิตบิดาหนึ่งชีวิต ชีวิตภรรยาหนึ่งชีวิต เขาจะละทิ้งการตามหาความจริงไปได้อย่างไร?เที่ยงวันถัดมา เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุมตัวติงว่างมายังศาลต้าหลี่ท่านหกแห่งองครักษ์เสื้อแพรมาส่งคดีด้วยตนเอง ศาลต้าหลี่ไม่กล้าชั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 25

    เฮ่อลิ่วรู้สึกตกใจ...คดีของติงว่าง กลายเป็นคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แล้ว! พยานแวดล้อมเพียงหนึ่งเดียวอย่างว่านอันเหลียงตายแล้ว กรมอาญาก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ติงว่างสามารถเดินออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนืออย่าง ‘สะอาด’ แล้วเฮ่อลิ่วไปรายงานภารกิจกับผู้บัญชาการฝ่ายเหนือหลิวต้าผู้บัญชาการองค์ครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งกำลังนั่งดื่มชากับหลิวต้าในห้องเวรพอดีลู่ปิ่งกล่าว “เจ้าหกมาแล้วหรือ วันนี้เที่ยง หลี่ว์กงกงชมเจ้าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำงานดีมาก! มีแต่เจ้าที่มีวิธีขนเสาเงินสี่ต้นนั้นไปตำหนักหลิงจี้”เฮ่อลิ่วกล่าว “หลี่ว์กงกงชมข้าน้อยเกินไปแล้ว แต่ว่าท่านผู้บัญชาการ เหมือนว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดนะขอรับ”“อ้อ? ผู้กระทำความผิดว่านอันเหลียงถูกตัดหัวแล้ว ยังมีอะไรไม่สิ้นสุดอีก?” ลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่วเล่าเรื่องของติงว่างให้ผู้บัญชาการลู่ปิ่งฟังอย่างละเอียดลู่ปิ่งถามหลิวต้า “หยวนเจิ้ง เจ้ามองอย่างไร?”หลิวต้ากล่าว “ในเมื่อกรมอาญายืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ข้าน้อยคิดว่า บางทีติงว่างผู้นี้ อาจถูกปรักปรำจริงๆ”จากนั้นลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้าล่ะรู้สึกอย่างไร?”เฮ่อลิ่

Weitere Kapitel
Entdecke und lies gute Romane kostenlos
Kostenloser Zugriff auf zahlreiche Romane in der GoodNovel-App. Lade deine Lieblingsbücher herunter und lies jederzeit und überall.
Bücher in der App kostenlos lesen
CODE SCANNEN, UM IN DER APP ZU LESEN
DMCA.com Protection Status