Teilen

บทที่ 2

โค้กบิ๊กเบิ้ม
องครักษ์เสื้อแพรมีฐานะสูงส่ง ไม่เหมือนกับที่ว่าการทหารรักษาพระองค์อื่นๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวง ตั้งตระหง่านอยู่นอกประตูเฉิงเทียน ทางทิศตะวันตกของระเบียงพันก้าว ติดกับกองบัญชาการห้าทัพ และอยู่คนละฝั่งถนนกับหกกรมทางทิศตะวันออก

กว่าเฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูจะเดินเอื่อยเฉื่อยมาถึงหน้าประตูที่ว่าการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ ตะวันก็ขึ้นสูงโด่งแล้ว

หน้าประตูที่ว่าการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ ขุนนางองครักษ์เสื้อแพรในชุดเครื่องแบบนายกองพันสี่นายกระโดดขึ้นหลังม้า เบื้องหลังพวกเขามีพลทหารติดดาบอีกหนึ่งร้อยนายติดตาม ขบวนคนองอาจน่าเกรงขาม มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกอย่างยิ่งใหญ่

ประตูเฉิงเทียนคือเขตพระราชฐาน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางจากหกกรม หรือแม่ทัพนายกองจากกองบัญชาการห้าทัพ ใครเล่าจะกล้าควบม้าตะบึงในเขตนี้?

มีเพียงคนขององครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น ที่กล้าทำตัวอวดเบ่งที่นี่

ตาเฒ่าหูกล่าวกับเฮ่อลิ่ว “ท่าทางจะมีคดีใหญ่เกิดขึ้นอีกแล้วกระมัง สิบสามองครักษ์หลวงแห่งองครักษ์เสื้อแพรถึงกับเคลื่อนไหวพร้อมกันสี่คน! เจ้าหก คาดว่าพอพวกนั้นจับคนเสร็จ งานของเจ้าก็ตามมาแน่นอน”

สิบสามองครักษ์หลวงแห่งองครักษ์เสื้อแพรที่ตาเฒ่าหูเอ่ยถึง มิใช่ชื่อตำแหน่งทางการแต่อย่างใด หากแต่เป็นการจัดลำดับอาวุโสและบารมีภายในองครักษ์เสื้อแพร

เฮ่อลิ่วมีชื่อเดิมว่าเฮ่อผิงอัน เนื่องจากเขาเองก็เป็นหนึ่งในสิบสามองครักษ์หลวง อยู่ในลำดับที่หก จึงถูกเรียกว่าเฮ่อลิ่ว นานวันเข้า ผู้คนต่างพากันลืมชื่อจริงของเขา พวกลูกน้องต่างยกย่องเรียกว่า “ท่านหก” ส่วนผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานก็เรียกว่า “เจ้าหก”

สิบสามองครักษ์หลวงแห่งองครักษ์เสื้อแพร แบ่งเป็นเจ็ดคนจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ และอีกหกคนจากกรมบัญชาการฝ่ายใต้

ทั้งสิบสามคนนี้ได้แก่หลิวต้าผู้บัญชาการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ เหอเอ้อร์ผู้บัญชาการกรมบัญชาการฝ่ายใต้ จินซานนายกองพันผู้คุมเรือนจำกรมฝ่ายเหนือ เจียงซื่อนายกองพันผู้คุมวินัยทหารกรมฝ่ายใต้ หานอู่นายกองพันราชองครักษ์กรมฝ่ายใต้ เฮ่อลิ่วนายกองร้อยผู้ตรวจสอบกรมฝ่ายเหนือ สวีชีรองนายพันฝ่ายสืบสวนกรมฝ่ายเหนือ หวังปานายกองพันฝ่ายทะเบียนกรมฝ่ายเหนือ เซวียจิ่วนายกองพันผู้ตรวจตราเมืองกรมฝ่ายใต้ เหยียนสือนายกองพันผู้คุมการลงทัณฑ์กรมฝ่ายเหนือ หลี่สืออีรองนายพันฝ่ายตุลาการ จ้าวสือเอ้อร์นายกองพันผู้ตรวจตรากรมฝ่ายเหนือ ฉีสือซานนายกองร้อยผู้ส่งสารราชโองการกรมฝ่ายใต้

เหนือสิบสามองครักษ์หลวงขึ้นไป ก็คือผู้ช่วยผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร

การที่เฮ่อลิ่วได้อยู่ในทำเนียบสิบสามองครักษ์หลวง มิใช่เพราะเขามีความสามารถเก่งกาจเหนือใคร

องครักษ์หลวงสิบสองท่าน แต่ละท่านล้วนเป็นยอดคนในหมู่คน เฉลียวฉลาดเข้มแข็ง และมีความทะเยอทะยานมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ

แต่เฮ่อลิ่วกลับขึ้นชื่อว่าเป็น “คนซื่อ” ตลอดเวลากว่ายี่สิบปี เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาค้นบ้านยึดทรัพย์ ไม่เคยสนใจเรื่องการสร้างผลงานหรือเลื่อนตำแหน่งที่คนอื่นแก่งแย่งกันจนหัวร้างข้างแตก

ลู่ปิ่ง ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรเล็งเห็นคุณสมบัติข้อนี้ของเขา จึงระบุชื่อให้เขาเป็นเจ้าหกแห่งสิบสามองครักษ์หลวง

เมื่อเฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูมาถึงหน้าประตูที่ว่าการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ นายกองร้อยผู้เฝ้าประตูก็ประสานมือคารวะเฮ่อลิ่ว “ท่านหกมาแล้ว”

เฮ่อลิ่วทักทายตามมารยาท “นายกองร้อยซุน วันนี้เข้าเวรหน้าประตูหรือ?”

นายกองร้อยซุนตอบ “ขอรับ สองวันนี้ข้าเข้าเวร ท่านหก วันนี้ไม่ออกไปค้นบ้านยึดทรัพย์หรือ?”

เฮ่อลิ่วตอบ “จะว่างขนาดนั้นได้อย่างไร วันนี้จะไปค้นบ้านว่านอันเหลียงรองเสนาบดีขวากรมพิธีการ”

นายกองร้อยซุนยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางเอ่ยขึ้น “ว่านอันเหลียงผู้นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินที่ยากจนข้นแค้น ดูท่าวันนี้ท่านหกคงต้องเหนื่อยเปล่าแล้ว”

การค้นบ้านยึดทรัพย์ขององครักษ์เสื้อแพรนั้น มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ข้อหนึ่ง เรียกว่าร้อยหักหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น หากค้นเงินได้หนึ่งหมื่นตำลึง องครักษ์เสื้อแพรจะหักไว้หนึ่งร้อยตำลึง เก็บเข้าคลังกรมบัญชาการฝ่ายเหนือ พอถึงสิ้นปี ตั้งแต่ผู้บัญชาการลงมา จนถึงผู้บังคับบัญชา พลทหาร ล้วนได้รับส่วนแบ่งกันถ้วนหน้า

นี่ไม่ใช่ธรรมเนียมฉ้อฉลที่มีเพียงในองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น ราชวงศ์ต้าหมิงในยามนี้ ตั้งแต่ที่ว่าการในเมืองหลวงไปจนถึงตามหัวเมืองต่างๆ ขุนนางกรมไหนบ้างที่ไม่หาผลประโยชน์ในทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา? เงินทองที่ไหลผ่านมือ มีหน่วยงานใดบ้างที่ไม่ยื่นมือเข้าไปกอบโกย?

เมื่อเข้ามาในที่ว่าการกรมฝ่ายเหนือ เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหูตรงไปยังห้องลงนามทันที

การจะไปค้นบ้านยึดทรัพย์ขุนนางในราชสำนัก เฮ่อลิ่วจำเป็นต้องได้รับราชสารมอบอำนาจที่ประทับตราผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรเสียก่อน

ภายในห้องลงนามว่างเปล่า ดูท่าวันนี้กรมฝ่ายเหนือคงมีคดีใหญ่จริงๆ คนถึงได้ไปกันหมดแล้ว

เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง หลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือก็เดินเข้ามา

หลิวต้านั้นอายุเพียงสามสิบปี เข้าองครักษ์เสื้อแพรมาไม่ถึงสิบปี แต่ไต่เต้าจากพลทหารจนมาเป็นถึงผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือ รั้งตำแหน่งหัวหน้าแห่งสิบสามองครักษ์หลวง ความสามารถและเล่ห์เหลี่ยมของคนผู้นี้ ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

“คารวะท่านผู้บัญชาการหลิว”

เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือคำนับผู้บัญชาการหลิว

ผู้บัญชาการหลิวโบกมือ “ไม่ต้องมากพิธีหรอกเจ้าหก”

พูดจบเขาก็ล้วงราชสารมอบอำนาจออกจากแขนเสื้อ ยื่นให้กับเฮ่อลิ่ว “นี่คือราชสารมอบอำนาจค้นบ้านยึดทรัพย์ขุนนางต้องโทษว่านอันเหลียง บ้านของขุนนางตงฉินที่ยากจนข้นแค้น คงไม่มีอะไรน่าค้นเท่าไร”

กล่าวจบ ผู้บัญชาการหลิวพลันลดเสียงต่ำลง กล่าวกับเฮ่อลิ่ว “แต่ว่าท่านมหาอำมาตย์เหยียนซงกำชับมาเป็นพิเศษว่า ที่จวนของว่านอันเหลียงอาจซุกซ่อน ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ ของจางเจ๋อตวนชาวซ่งเอาไว้ เจ้าจงระวังให้ดี หากพบภาพนี้ ไม่ต้องส่งเข้าคลัง ให้นำมามอบให้ข้าโดยตรง”

เฮ่อลิ่วรับคำ “อ้อ”

ทันใดนั้น ผู้บัญชาการหลิวก็หันไปกล่าวกับตาเฒ่าหู “กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว เช้าตรู่เพิ่งจะเข้างาน ท่านอาจารย์ก็ดื่มเหล้าอีกแล้วหรือ?”

ตอนแรกที่ผู้บัญชาการหลิวเข้าร่วมองครักษ์เสื้อแพร ตาเฒ่าหูคืออาจารย์ผู้ชี้แนะ ตามกฎขององครักษ์เสื้อแพร แม้วันนี้ผู้บัญชาการหลิวจะได้เป็นผู้บัญชาการ แต่ก็ต้องให้เกียรติเรียกนายหมู่อย่างตาเฒ่าหูว่า “ท่านอาจารย์”

ตาเฒ่าหูยิ้มเจื่อนๆ “ดื่มไปไม่เท่าไรหรอก”

ผู้บัญชาการหลิวขมวดคิ้ว “ท่านอาจารย์ เพลาๆ เรื่องเหล้าลงบ้างเถอะ หากให้เจียงซื่อผู้คุมวินัยทหารกรมฝ่ายใต้รู้ว่าท่านดื่มเหล้าระหว่างทำงาน... เจ้านั่นยิ่งจ้องจับผิดกรมฝ่ายเหนือของเราอยู่ด้วย!”

ตาเฒ่าหูยิ้ม “ข้าดื่มไปนิดเดียวจริงๆ ”

ผู้บัญชาการหลิวส่ายหน้าอย่างจนใจ “ช่วงก่อนข้าส่งสหายสองสามคนไปทำคดีที่เจียงหนาน ขากลับมาพวกเขาหิ้วเหล้านารีแดงบ่มยี่สิบปีของแท้มาฝากข้าสองไห ตกค่ำข้าจะให้คนเอาไปส่งให้ที่จวนท่านอาจารย์ เอาละ รับราชสารมอบอำนาจไปแล้ว พวกท่านก็ไปทำงานเถิด”

เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูเดินออกจากห้องลงนาม ตรงไปยังที่อยู่ของสวีชีรองนายพันฝ่ายสืบสวน

แม้เฮ่อลิ่วจะมีตำแหน่งเป็นนายกองร้อย แต่ใต้บังคับบัญชากลับมีแค่ตาเฒ่าหูคนเดียว จะไปค้นบ้านยึดทรัพย์ ต้องเกณฑ์คนไปมากหน่อยเพื่อสร้างบารมี และเอาไว้ใช้แรงงานแบกหามทรัพย์สินเงินทอง เฮ่อลิ่วจึงต้องมาขอยืมกำลังคนจากสวีชี

สวีชีมีฉายาว่าเจ้าอ้วนสวี เป็นคนที่อ้วนท้วนที่สุดในองครักษ์เสื้อแพร ชุดเครื่องแบบปลาบินของเขาต้องสั่งตัดแก้ทรงเป็นพิเศษ มิเช่นนั้น ชุดเครื่องแบบปลาบินตัวเล็กๆ จะไปปิดพุงพลุ้ยๆ ที่เหมือนพระสังกัจจายน์ของเขามิดได้อย่างไร?

“ท่านเจ็ด วันนี้จะไปค้นบ้านว่านอันเหลียงกรมพิธีการ แบ่งคนให้ข้าใช้สักหน่อยเถิด” เฮ่อลิ่วประสานมือกล่าวกับสวีชี

สวีชีพยักหน้า “เจ้าหก ข้าจัดพลทหารให้ห้าสิบนาย เจ้าว่าพอหรือไม่?”

เฮ่อลิ่วตอบ “ตกลง พอแล้ว รบกวนท่านเจ็ดด้วย”

เมื่อออกมาจากที่สวีชี เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูก็เดินเข้าสู่คลังอาวุธกรมฝ่ายเหนือ

ผ่านแถวปืนไฟอันใหม่เอี่ยม และดาบซิ่วชุนที่ส่องประกายเย็นยะเยือก ทั้งสองเดินลึกเข้าไปด้านในสุดของคลังอาวุธ

ณ ส่วนลึกของคลังอาวุธ มีโต๊ะไม้หนานมู่เล็กๆ ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีหีบใบหนึ่งขนาดราวสามฉื่อวางอยู่

หีบใบนี้มีชื่อว่า “หีบชิงไป๋” ภายในบรรจุเครื่องไม้เครื่องมือสารพัดชนิดที่นายกองร้อยผู้ตรวจสอบใช้ในการค้นหาทรัพย์สมบัติ

เฮ่อลิ่วประสานมือ โค้งคำนับ “หีบชิงไป๋” อย่างนอบน้อม “ปรมาจารย์สถิตอยู่เบื้องบน ศิษย์รุ่นที่หกเฮ่อลิ่ว ขอมาเบิกชิงไป๋”

เมื่อนำหีบชิงไป๋ออกมาจากคลังอาวุธ เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหู ก็นำพลทหารห้าสิบนายออกจากที่ว่าการกรมฝ่ายเหนือ มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของว่านอันเหลียงทางทิศใต้ของเมือง

สองปีก่อน มหาอำมาตย์สำนักราชเลขาธิการคือเซี่ยเหยียน รองมหาอำมาตย์คือเหยียนซง ทั้งสองเปรียบเสมือนน้ำกับไฟ การต่อสู้ระหว่างพรรคเซี่ยกับพรรคเหยียนจบลงด้วยชัยชนะของเหยียนซง เซี่ยเหยียนจำใจต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิด ส่วนเหยียนซงก็ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมหาอำมาตย์

ตลอดสองปีมานี้ เหยียนซงพยายามกวาดล้างพรรคพวกที่หลงเหลือของเซี่ยเหยียนในราชสำนักอย่างไม่ลดละ และว่านอันเหลียงรองเสนาบดีขวากรมพิธีการผู้นี้ ก็คือสมาชิกคนหนึ่งในพรรคเซี่ย

คนผู้นี้เกิดในตระกูลบัณฑิตเก่าแก่แห่งเจียงหนาน สอบได้เป็นทั่นฮวา[1]ในรัชศกเจียจิ้งปีที่สิบสี่ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำกลุ่มขุนนางตงฉินในราชสำนัก

กล่าวกันว่าเมื่อครั้งมารดาของรองเสนาบดีว่านจัดงานวันเกิด เขาในฐานะลูกชายกลับควักเงินออกมาเพียงห้าพวงเพื่อซื้อไก่ตัวเดียว

ขุนนางตงฉินเช่นนี้ ในบ้านจะมีอะไรให้ยึดทรัพย์ได้กันเล่า?

__________________________

[1] ทั่นฮวา คือตำแหน่งของผู้ที่สอบได้อันดับที่สามในการสอบจอหงวน
Lies dieses Buch weiterhin kostenlos
Code scannen, um die App herunterzuladen

Aktuellstes Kapitel

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 30

    เครื่องมือทำมาหากินของเฮ่อลิ่วคือ “หีบชิงไป๋” ที่บรรจุอุปกรณ์ยึดทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ส่วนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าสิบสองจ้าวฉือ คือ “กล่องยมราช” ขนาดหนึ่งฉื่อ ที่บรรจุอุปกรณ์ลงทัณฑ์กว่าสิบชนิดจ้าวสือเอ้อร์เดินเข้ามาในห้องสอบสวนเขาพูดกับติงว่างว่า “นักโทษ ข้าคือรองนายกองพันผู้ตรวจตราแห่งองครักษ์เสื้อแพร จ้าวฉือ”ติงว่างเอ่ยปากขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “ที่แท้ก็ใต้เท้าจ้าว ใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ‘คนบ้าศพ’ แห่งองครักษ์เสื้อแพร? ได้ยินชื่อเสียงมานานขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์วาง “กล่องยมราช” ลงบนโต๊ะ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าทหารเฝ้าคลังคนหนึ่ง จะเคยได้ยินฉายา ‘คนบ้าศพ’ ของข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”ติงว่างเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกล่องยมราชกระมังขอรับ ว่ากันว่าอุปกรณ์ทรมานในกล่องนี้ หากใช้กับนักโทษ... ต่อให้ผู้ถูกไต่สวนเป็นพญายมราชเอง ก็ยังต้องรีบรับสารภาพขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้านี่มีความรู้กว้างขวางดีนี่”เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ทรมานบนชั้นวางสองข้างของห้อง “อุปกรณ์ทรมานพวกนี้ ข้าไม่เคยนึกอย

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 29

    เฮ่อลิ่วกล่าว “ข้าขอเสนอให้องครักษ์เสื้อแพรของเราลงมือสอบสวนคดีของติงว่างด้วยตัวเองขอรับ”ลู่ปิ่งถูมือไปมา “เอาอย่างนี้ ให้เจ้าสามจินว่านก้วนไปคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาก่อน ถ้าคุยแล้วไม่ได้ความ ค่อยให้เจ้าสิบสองจ้าวฉือลงทัณฑ์ทรมานเขา!”เจ้าสามจินว่านก้วนในกลุ่มสิบสามองครักษ์หลวง เป็นที่ยอมรับกันในหมู่องครักษ์เสื้อแพรว่าเป็นยอดฝีมือด้านการสอบสวน มีฉายาว่าสามารถพูดหว่านล้อมจนปลาในน้ำกระโดดขึ้นฝั่งได้ ว่านอันเหลียงเองก็ยอมปริปากบอกเรื่องขโมยเงินต่อหน้าจินว่านก้วนผู้นี้นี่เองส่วนเจ้าสิบสองจ้าวฉือ ถูกเพื่อนร่วมงานในองครักษ์เสื้อแพรเรียกว่า ‘คนบ้าศพ’ คนผู้นี้ชื่นชอบการศึกษาสรีระศพเป็นที่สุด ได้รับคำชมจากผู้บัญชาการลู่ปิ่งว่าเป็น “นักชันสูตรศพอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ในขณะเดียวกัน จ้าวฉือก็เป็นยอดฝีมือด้านการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สถานเบากว่าสองร้อยชนิดขององครักษ์เสื้อแพร ครึ่งหนึ่งตกทอดมาจากรุ่นก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จ้าวฉือเป็นผู้คิดค้นขึ้นเองเฮ่อลิ่วส่งมอบตัวติงว่างให้จินว่านก้วน แล้วพาเข้าไปใน ‘ห้องสอบสวน’ จินว่านก้วนตบหน้าอกรับรองกับน้องหกของตน “เจ้าหก วางใจเถอะ เวลาแค่คืนเดียว ข้าจะทำให้ทหารเฝ้าคลั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 28

    ห้าวันต่อมา ณ โถงว่าการสำนักตรวจการเหนือบัลลังก์ศาล มีเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายจากสำนักตรวจการหยางหมิงนั่งอยู่ หยางหมิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินและนักปราชญ์ผู้เคร่งครัด กิตติศัพท์เรื่องความกล้าพูดกล้าทัดทานอย่างตรงไปตรงมานั้นเลื่องลือไปทั่วราชสำนักต่างจากรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอาญาสวี่หย่วนจวี๋ และตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนาน ใต้เท้าหยางแห่งสำนักตรวจการผู้นี้มีท่าทีเย็นชาต่อเฮ่อลิ่วผิดปกติ หยางหมิงถือตนว่าเป็นขุนนางตงฉิน จึงดูถูกเหยียดหยามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นดั่งสุนัขรับใช้มาโดยตลอดผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งเคยวิจารณ์หยางหมิงไว้ว่า ตาแก่หยางหมิงนั่น ทั้งสะอาด ทั้งเหม็นโฉ่ แล้วก็ทั้งแข็งกระด้างเบื้องล่างโถง เฮ่อลิ่วยืนรออย่างแห้งเหี่ยวตามธรรมเนียมพิธีการ เฮ่อลิ่วที่เป็นเพียงนายกองร้อยขั้นหกชั้นเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ขั้นสองชั้นเอกอย่างหยางหมิง ก็มีสิทธิ์เพียงแค่ยืนเท่านั้นหยางหมิงลูบเคราของตนเอง ส่งสำนวนคดีฉบับหนึ่งให้ผู้ตรวจการคนหนึ่ง ผู้ตรวจการก็นำสำนวนนั้นมามอบให้เฮ่อลิ่วที่อยู่ด้านล่างเฮ่อลิ่วรับสำนวนมาเปิดดู “ติงว่างไม่มีความผิด?”หยางหมิงไม่แม้แต่

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 27

    เงินสองแสนตำลึง หากต้องใช้ซื้อตัวขุนนางกรมอาญาตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงระดับรองเสนาบดีหลายสิบคน อีกทั้งยังต้องซื้อตัวขุนนางศาลต้าหลี่ตั้งแต่ระดับผู้ดูแลงานทั่วไปไปจนถึงตุลาการศาลต้าหลี่อีกหลายสิบคน... เงินจำนวนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัดหรือว่า... ติงว่างจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?เฮ่อลิ่วถามซุนเฮ่อหนาน “ศาลต้าหลี่ปล่อยตัวติงว่างไปแล้วหรือขอรับ?”ซุนเฮ่อหนานพยักหน้า “คนไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยตัวให้พ้นข้อกล่าวหา ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว”เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหู ไปรายงานผลกับผู้บัญชาการลู่ปิ่ง“อ้อ? ศาลต้าหลี่ก็บอกว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?” ลู่ปิ่งจิบชาไปพลาง เอ่ยถามเฮ่อลิ่วไปพลางเฮ่อลิ่วพยักหน้า “ตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนานยืนกรานหนักแน่นว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”ลู่ปิ่งเป็นองครักษ์เสื้อแพรมากว่ายี่สิบปี มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่อทุกคดี และสัญชาตญาณนั้นก็ร้องเตือนว่า เขามั่นใจว่าติงว่างไม่มีทางขาวสะอาดไร้มลทินดุจดอกบัว เหมือนอย่างที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่กล่าวอ้างลู่ปิ่งหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ทหารเฝ้าคลังตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับได้รับการปกป้องจ

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 26

    ในใจของหลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกหนึ่งประการ ในสายตาเขา เฮ่อลิ่วเป็นคนประเภทปล่อยเลยตามเลยกับทุกเรื่อง แต่กับคดีของติงว่าง เฮ่อลิ่วกลับแสดงท่าทีผิดปกติ... ดูใส่ใจมากจนเกินไปในเมื่อติงว่างถูกคนของกรมอาญาสอบสวนจนได้สถานะ “ผู้บริสุทธิ์” แล้ว ด้วยนิสัยปกติของเฮ่อลิ่ว ควรจะแกล้งทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเสียมากกว่า เหตุใดเขาถึงได้ใส่ใจคดีนี้นักหนา?หลิวต้าอายุเพียงสามสิบปี จะไปเคยได้ยินเรื่อง “คดีบ้านผีสิง” อันลึกลับพิสดารเมื่อยี่สิบปีก่อนได้อย่างไร รวมถึงเบาะแสเดียวของคดี... ตำรา ‘รวมขุมทรัพย์’ เล่มนั้น?ตอนนี้เฮ่อลิ่วสงสัยว่า วิธีซ่อนเงินในเสา เป็นสิ่งที่ติงว่างเรียนรู้มาจาก ‘ตำรารวมขุมทรัพย์’ ติงว่างคือเบาะแสในการตามหาสาเหตุการตายของบิดาและภรรยาของเขา!แม้เฮ่อลิ่วจะยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตาเฒ่าหูว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นคดีบ้านผีสิง แต่ชีวิตบิดาหนึ่งชีวิต ชีวิตภรรยาหนึ่งชีวิต เขาจะละทิ้งการตามหาความจริงไปได้อย่างไร?เที่ยงวันถัดมา เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุมตัวติงว่างมายังศาลต้าหลี่ท่านหกแห่งองครักษ์เสื้อแพรมาส่งคดีด้วยตนเอง ศาลต้าหลี่ไม่กล้าชั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 25

    เฮ่อลิ่วรู้สึกตกใจ...คดีของติงว่าง กลายเป็นคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แล้ว! พยานแวดล้อมเพียงหนึ่งเดียวอย่างว่านอันเหลียงตายแล้ว กรมอาญาก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ติงว่างสามารถเดินออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนืออย่าง ‘สะอาด’ แล้วเฮ่อลิ่วไปรายงานภารกิจกับผู้บัญชาการฝ่ายเหนือหลิวต้าผู้บัญชาการองค์ครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งกำลังนั่งดื่มชากับหลิวต้าในห้องเวรพอดีลู่ปิ่งกล่าว “เจ้าหกมาแล้วหรือ วันนี้เที่ยง หลี่ว์กงกงชมเจ้าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำงานดีมาก! มีแต่เจ้าที่มีวิธีขนเสาเงินสี่ต้นนั้นไปตำหนักหลิงจี้”เฮ่อลิ่วกล่าว “หลี่ว์กงกงชมข้าน้อยเกินไปแล้ว แต่ว่าท่านผู้บัญชาการ เหมือนว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดนะขอรับ”“อ้อ? ผู้กระทำความผิดว่านอันเหลียงถูกตัดหัวแล้ว ยังมีอะไรไม่สิ้นสุดอีก?” ลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่วเล่าเรื่องของติงว่างให้ผู้บัญชาการลู่ปิ่งฟังอย่างละเอียดลู่ปิ่งถามหลิวต้า “หยวนเจิ้ง เจ้ามองอย่างไร?”หลิวต้ากล่าว “ในเมื่อกรมอาญายืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ข้าน้อยคิดว่า บางทีติงว่างผู้นี้ อาจถูกปรักปรำจริงๆ”จากนั้นลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้าล่ะรู้สึกอย่างไร?”เฮ่อลิ่

Weitere Kapitel
Entdecke und lies gute Romane kostenlos
Kostenloser Zugriff auf zahlreiche Romane in der GoodNovel-App. Lade deine Lieblingsbücher herunter und lies jederzeit und überall.
Bücher in der App kostenlos lesen
CODE SCANNEN, UM IN DER APP ZU LESEN
DMCA.com Protection Status