Teilen

บทที่ 6

โค้กบิ๊กเบิ้ม
ครึ่งชั่วยามต่อมา ตาเฒ่าหูก็กลับมาพร้อมเชือกป่านเส้นหนาเท่าแขนเด็ก ยาวกว่าสิบจั้ง จำนวนยี่สิบเส้น

ตาเฒ่าหูเอ่ยถาม “ทำอย่างไรต่อ?”

เฮ่อลิ่วกล่าว “หากต้องการเปิดเผยเสาเงินสี่ต้นนี้ให้ปรากฏแก่สายตาทุกคน ก็มีแต่จะต้องรื้อห้องชุดปีกตะวันออกนี้ทิ้งเสีย มาเถอะ เอาเชือกไปผูกกับเสา ใช้คนห้าคนดึงเชือกหนึ่งเส้น ดึงเสาให้ล้มลงมา!”

เชือกถูกมัดไว้กับเสา ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งโยนลอดหน้าต่างออกไปนอกเรือน

ภายนอกเรือน องครักษ์เสื้อแพรห้าสิบนาย ทหารจากกรมการทหารห้าเมืองสามสิบนาย และเจ้าหน้าที่กรมอาญาอีกยี่สิบนาย รวมหนึ่งร้อยคน ต่างออกแรงดึงเชือกยี่สิบเส้นนั้นอย่างสุดกำลัง

ทว่าเสายักษ์ในห้องชุดปีกตะวันออกกลับตั้งตระหง่าน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!

เฮ่อลิ่วเกาหัว “นี่ เฮ้อ ยากกว่าที่คิดจริงๆ ”

เฮ่อลิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวกับตาเฒ่าหู “ท่านเอาป้ายประจำตำแหน่งของข้าไปยังศาลาว่าการซุ่นเทียน ให้ศาลาว่าการซุ่นเทียนเกณฑ์ช่างปูนและชายฉกรรจ์มาที่นี่สักสามร้อยคน!”

ขณะพูด เฮ่อลิ่วก็ยื่นป้ายประจำตำแหน่งของตัวเองให้กับตาเฒ่าหู

ป้ายประจำตำแหน่งนั้นสลักอักษรว่า “เฮ่อผิงอัน นายกองร้อยผู้ตรวจสอบ กรมบัญชาการฝ่ายเหนือ องครักษ์เสื้อแพร”

ป้ายประจำตำแหน่งของนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรนั้น แม้แต่ผู้ว่าการศาลาว่าการซุ่นเทียนซึ่งเป็นขุนนางขั้นสามชั้นเอก หากได้เห็นก็ยังต้องรับคำสั่งอย่างนอบน้อม

นั่นเป็นเพราะองครักษ์เสื้อแพรมีฐานะอันสูงส่งอีกฐานะหนึ่งก็คือ “ผู้แทนพระองค์”

ขุนนางฝ่ายบู๊และขุนนางฝ่ายบุ๋นทั่วไปในเมืองหลวง จะเป็น “ผู้แทนพระองค์” ได้ก็ต่อเมื่อได้รับราชโองการให้ออกไปปฏิบัติราชการนอกเมืองหลวง ผู้น้อยจึงจะเรียกขานว่า “ท่านผู้แทนพระองค์”

แต่คนขององครักษ์เสื้อแพรนั้น ไม่ว่าจะได้รับราชโองการหรือไม่ ก็มีฐานะเป็นผู้แทนพระองค์อยู่ตลอดเวลา ต่อให้ไปนั่งกินบะหมี่น้ำข้นที่หอสุรา นั่นก็คือผู้แทนพระองค์!

ศาลาว่าการซุ่นเทียนเมื่อได้รับป้ายประจำตำแหน่งของเฮ่อลิ่วก็มิกล้าชักช้า สองชั่วยามต่อมา ช่างปูนและชายฉกรรจ์สามร้อยคน ก็มาถึงเรือนสี่ประสานของว่านอันเหลียง

ขุนนางจากศาลาว่าการซุ่นเทียนผู้นำขบวนสวมชุดขุนนางขั้นสี่ชั้นเอก เขาประสานมือคารวะเฮ่อลิ่ว “ข้าน้อยหลิวไป่รุ่นรองผู้ว่าราชการศาลาว่าการซุ่นเทียน น้อมรับคำสั่งจากท่านผู้แทนพระองค์”

ศาลาว่าการซุ่นเทียนนั้น มีผู้ว่าการขั้นสามชั้นเอกหนึ่งคน และรองผู้ว่าราชการขั้นสี่ชั้นเอกหนึ่งคน บังเอิญว่าผู้ว่าการปฏิบัติงานอยู่ที่กรมคลัง รองผู้ว่าราชการเห็นป้ายประจำตำแหน่งขององครักษ์เสื้อแพร จึงต้องรีบนำช่างปูนและชายฉกรรจ์มาด้วยตนเอง

เฮ่อลิ่วชี้ไปที่ห้องชุดปีกตะวันออก “รื้อห้องนี้ ทิ้งให้หมด”

ยามพลบค่ำ

ห้องชุดปีกตะวันออกถูกช่างปูนและชายฉกรรจ์กว่าสามร้อยคนรื้อถอนจนกลายเป็นเพียงกองอิฐกองเศษกระเบื้อง

เสาเงินยักษ์สี่ต้น นอนสงบนิ่งอยู่บนพื้นดิน

ผู้คนนับร้อยชีวิตทั้งในและนอกเรือนสี่ประสาน ต่างจ้องมองเสาเงินอันวิจิตรตระการตาเหล่านั้นด้วยความตกตะลึง

ตาเฒ่าหูเอ่ยถามเฮ่อลิ่ว “แท่งพวกนี้... น่าจะมีค่าเป็นแสนตำลึงกระมัง? จะขนกลับกรมฝ่ายเหนืออย่างไรเล่า?”

เฮ่อลิ่วนวดขมับตัวเอง “ข้าก็จนปัญญาเหมือนกัน ต้องขอคิดดูดีๆ ก่อน”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้บัญชาการหลิวแห่งกรมบัญชาการฝ่ายเหนือก็ควบม้าชั้นยอดสีเหลืองนวล พร้อมด้วยพลทหารติดตามสิบนาย มาถึงเรือนสี่ประสาน

ผู้บัญชาการหลิวลงจากหลังม้าที่หน้าเรือน โยนบังเหียนให้พลทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชา แล้วเดินอาดๆ เข้าประตูเรือน “เจ้าหก ให้เจ้ามาค้นบ้านยึดทรัพย์ ไฉนเจ้าถึงรื้อบ้านจนพังราบ? แถมยังเกณฑ์คนจากศาลาว่าการซุ่นเทียน...”

ผู้บัญชาการหลิวพูดไปเดินไป แต่พูดยังไม่ทันจบประโยค เขาก็เห็นเสาเงินยักษ์สี่ต้นที่นอนกองอยู่บนพื้น

ผู้บัญชาการหลิวถึงกับมีสภาพไม่ต่างจากพวกช่างปูนและชาวบ้าน ยืนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

“เจ้าหก นี่คือ... เสาพิลึกนี่คืออะไร?” ผู้บัญชาการหลิวเอ่ยถามเฮ่อลิ่ว

คนจากศาลาว่าการซุ่นเทียน กรมการทหารห้าเมือง และกรมอาญา พอเห็นผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือมาถึง ก็พากันคุกเข่าลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง

ส่วนคนขององครักษ์เสื้อแพรเพียงแค่ประสานมือคารวะ

ผู้บัญชาการหลิวกล่าว “ลุกขึ้นเถอะ” จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาเฮ่อลิ่ว แล้วถามย้ำอีกครั้ง “เจ้าหก ตกลงเสาพิลึกนี่มันคืออะไรกันแน่?”

เฮ่อลิ่วตอบ “เรียนใต้เท้า นี่คือ... เงินขอรับ”

ผู้บัญชาการหลิวเดินวนรอบเสาเงินยักษ์สี่ต้นหนึ่งรอบ เขาเอ่ยถามเฮ่อลิ่วด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง “เจ้าหก เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นเงิน?”

เฮ่อลิ่วพยักหน้า “เงินเนื้อดีแท้ๆ ไม่ผิดแน่ขอรับ”

ผู้บัญชาการหลิวเดินไปที่โต๊ะหินกลางลานเรือน ผู้บัญชาการของกรมการทหารห้าเมืองช่างสังเกตอย่างยิ่ง รีบใช้แขนเสื้อชุดขุนนางของตนปัดฝุ่นที่เก้าอี้และโต๊ะหินให้สะอาดอย่างรวดเร็ว

ผู้บัญชาการหลิวนั่งลงบนเก้าอี้หิน “เจ้าหก แม้ข้าจะเป็นนายของเจ้า แต่ข้าอายุน้อยกว่าเจ้าสิบปี ประสบการณ์ในองครักษ์เสื้อแพรก็น้อยกว่าเจ้าสิบปี ความรู้กว้างขวางสู้เจ้าไม่ได้ เจ้าเป็นนายกองร้อยผู้ตรวจสอบมาตั้งยี่สิบปี แต่ก่อนเคยเจอเรื่องแบบนี้บ้างหรือไม่?”

เฮ่อลิ่วตอบอย่างมั่นใจ “อย่าว่าแต่ยี่สิบปีของข้าเลยขอรับ ตระกูลข้าสี่รุ่น เป็นนายกองร้อยผู้ตรวจสอบมาร่วมร้อยปี ก็ไม่เคยพบเคยเห็นเรื่องพรรค์นี้มาก่อน”

ผู้บัญชาการหลิวชี้ไปที่เสาเงินสี่ต้น “เจ้าหก เจ้าว่า นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่?”

เฮ่อลิ่วส่ายหน้า “หากจะใส่ร้ายป้ายสี ใช้เงินแค่ไม่กี่พันตำลึงก็เพียงพอแล้ว ข้าเชื่อว่านี่ไม่ใช่การใส่ร้ายขอรับ”

ผู้บัญชาการหลิวพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่การใส่ร้าย เช่นนั้นก็เป็นเงินทุจริตสินะ”

หากเมื่อครู่ในใจของผู้บัญชาการหลิวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตอนนี้มันกลับเป็นความปิติยินดี!

ว่านอันเหลียงเป็นคนของพรรคเซี่ย เป็นหนามยอกอกของเหยียนซง ส่วนเหยียนซื่อฟาน บุตรชายคนโตของเหยียนซงนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บัญชาการหลิว

ครึ่งปีก่อน ก็ได้เหยียนซงช่วยพูดยกย่องเขาต่อหน้าลู่ปิ่ง เขาถึงได้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการฝ่ายเหนือได้อย่างราบรื่น

ว่านอันเหลียงเป็นศัตรูของตระกูลเหยียน ก็เท่ากับเป็นศัตรูของผู้บัญชาการหลิวด้วย

เขากำลังกังวลอยู่เชียวว่าจะหาหลักฐานการทุจริตของขุนนางตงฉินอย่างว่านอันเหลียงผู้นี้ไม่ได้ ตอนนี้ดีเลย ทรัพย์สินที่ทุจริตมาอยู่ครบถ้วน เบี้ยหวัดราชสำนักมีจำนวนจำกัด ต่อให้ว่านอันเหลียงเป็นรองเสนาบดีขวาไปอีกสามร้อยปี ก็ไม่มีทางเก็บเงินได้มากขนาดนี้

เมื่อได้หลักฐานการฉ้อราษฎร์บังหลวงของว่านอันเหลียงแล้ว เขาจะได้นำไปมอบให้สองพ่อลูกตระกูลเหยียน เพื่อเป็นบุญคุณครั้งใหญ่

เฮ่อลิ่วเล่ารายละเอียดเรื่องการค้นพบเสาเงินที่ซ่อนในเสาอิฐให้ผู้บัญชาการหลิวฟังอย่างละเอียด

ผู้บัญชาการหลิวฟังจบก็หัวเราะร่า “สมกับเป็นเจ้าจริงๆ เจ้าหก! สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสิบสามองครักษ์หลวง เป็นนายกองร้อยผู้ตรวจสอบที่ค้นบ้านยึดทรัพย์มานานถึงยี่สิบปี วิธีซ่อนเงินที่พิสดารล้ำลึกเพียงนี้ ก็ยังไม่อาจเล็ดลอดสายตาเจ้าไปได้! ข้าจะเสนอความดีความชอบของเจ้าต่อผู้บัญชาการลู่!”

เฮ่อลิ่วเห็นนายของตนอารมณ์ดี จึงพูดทีเล่นทีจริง “ความดีความชอบนั้นข้าไม่ใส่ใจหรอก ขอแค่ได้เงินรางวัลเพิ่มสักไม่กี่ตำลึง เอาไปซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลให้ลูกสาวข้ากินก็พอแล้ว”

ผู้บัญชาการหลิวหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยขึ้น “เจ้าหก เจ้านะเจ้า! คนอื่นเขาแย่งชิงผลงานกันแทบเป็นแทบตาย แต่เจ้านี่ เอาความดีความชอบมาให้ก็ยังไม่เอา! เอาเถอะ วางใจได้ รอบนี้เงินรางวัลของเจ้าไม่น้อยแน่!”

เฮ่อลิ่วกล่าวกับผู้บัญชาการหลิวต่อ “เสาเงินสี่ต้นนี้แม้จะล้มลงแล้ว แต่คงขนออกจากประตูเรือนไม่ได้ จะให้รื้อเรือนสี่ประสานนี้ทั้งหมด แล้วเปิดทางให้ม้าหลายสิบตัวมาลากเสาเงินออกไปก็คงไม่ได้ ข้าขอเสนอว่า ให้ศาลาว่าการซุ่นเทียนไปตามช่างเงินมากลุ่มหนึ่ง มาทำการหลอมเสาเงินพวกนี้ทีละน้อยๆ ในเรือนสี่ประสานนี้เลยจะดีกว่าขอรับ”

ผู้บัญชาการหลิวโบกมือ “เรื่องนั้นไม่รีบร้อน วางเสาพิลึกสี่แท่งนี้ไว้ที่นี่ก่อน ส่งคนมาเฝ้ายามให้แน่นหนาทั้งวันทั้งคืน ให้พวกใต้เท้าจากศาลต้าหลี่ กรมอาญา และสำนักตรวจการมาดูเจ้าเสาพิลึกพวกนี้ให้เห็นกับตา ให้ได้เปิดหูเปิดตาเสียบ้าง และถือเป็นพยานหลักฐานแวดล้อมในคดีของว่านอันเหลียงไปในตัว”

เฮ่อลิ่วพยักหน้า “น้อมรับคำสั่ง จริงสิ ใต้เท้า ข้ามีคำขอเล็กๆ เรื่องหนึ่ง”

ผู้บัญชาการหลิวเอ่ยขึ้น “ว่ามาได้เลย”

เฮ่อลิ่วกล่าว “การสอบสวนนักโทษในคุกหลวง ปกติแล้วเป็นหน้าที่ของท่านจินนายกองพันผู้คุมเรือนจำกรมฝ่ายเหนือ แต่ข้าอยากจะขอเข้าไปพบว่านอันเหลียงสักครั้ง ข้าไม่ได้สนใจหรอกว่าเขาโกงเงินมาได้อย่างไร แต่ข้าสงสัยเหลือเกินว่า เขาใช้วิธีใดในการหลอมเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ให้กลายเป็นเสาเงินได้อย่างเงียบเชียบ หากไม่ได้ถามให้รู้ความ ข้าคงอึดอัดใจแย่”

ผู้บัญชาการหลิวตอบตกลงทันที “ได้ เจ้าเข้าไปเบิกตัวว่านอันเหลียงมาไต่สวนได้ตลอดเวลา อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ตกลงเขาทำได้อย่างไร?”
Lies dieses Buch weiterhin kostenlos
Code scannen, um die App herunterzuladen

Aktuellstes Kapitel

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 30

    เครื่องมือทำมาหากินของเฮ่อลิ่วคือ “หีบชิงไป๋” ที่บรรจุอุปกรณ์ยึดทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ส่วนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าสิบสองจ้าวฉือ คือ “กล่องยมราช” ขนาดหนึ่งฉื่อ ที่บรรจุอุปกรณ์ลงทัณฑ์กว่าสิบชนิดจ้าวสือเอ้อร์เดินเข้ามาในห้องสอบสวนเขาพูดกับติงว่างว่า “นักโทษ ข้าคือรองนายกองพันผู้ตรวจตราแห่งองครักษ์เสื้อแพร จ้าวฉือ”ติงว่างเอ่ยปากขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “ที่แท้ก็ใต้เท้าจ้าว ใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ‘คนบ้าศพ’ แห่งองครักษ์เสื้อแพร? ได้ยินชื่อเสียงมานานขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์วาง “กล่องยมราช” ลงบนโต๊ะ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าทหารเฝ้าคลังคนหนึ่ง จะเคยได้ยินฉายา ‘คนบ้าศพ’ ของข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”ติงว่างเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกล่องยมราชกระมังขอรับ ว่ากันว่าอุปกรณ์ทรมานในกล่องนี้ หากใช้กับนักโทษ... ต่อให้ผู้ถูกไต่สวนเป็นพญายมราชเอง ก็ยังต้องรีบรับสารภาพขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้านี่มีความรู้กว้างขวางดีนี่”เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ทรมานบนชั้นวางสองข้างของห้อง “อุปกรณ์ทรมานพวกนี้ ข้าไม่เคยนึกอย

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 29

    เฮ่อลิ่วกล่าว “ข้าขอเสนอให้องครักษ์เสื้อแพรของเราลงมือสอบสวนคดีของติงว่างด้วยตัวเองขอรับ”ลู่ปิ่งถูมือไปมา “เอาอย่างนี้ ให้เจ้าสามจินว่านก้วนไปคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาก่อน ถ้าคุยแล้วไม่ได้ความ ค่อยให้เจ้าสิบสองจ้าวฉือลงทัณฑ์ทรมานเขา!”เจ้าสามจินว่านก้วนในกลุ่มสิบสามองครักษ์หลวง เป็นที่ยอมรับกันในหมู่องครักษ์เสื้อแพรว่าเป็นยอดฝีมือด้านการสอบสวน มีฉายาว่าสามารถพูดหว่านล้อมจนปลาในน้ำกระโดดขึ้นฝั่งได้ ว่านอันเหลียงเองก็ยอมปริปากบอกเรื่องขโมยเงินต่อหน้าจินว่านก้วนผู้นี้นี่เองส่วนเจ้าสิบสองจ้าวฉือ ถูกเพื่อนร่วมงานในองครักษ์เสื้อแพรเรียกว่า ‘คนบ้าศพ’ คนผู้นี้ชื่นชอบการศึกษาสรีระศพเป็นที่สุด ได้รับคำชมจากผู้บัญชาการลู่ปิ่งว่าเป็น “นักชันสูตรศพอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ในขณะเดียวกัน จ้าวฉือก็เป็นยอดฝีมือด้านการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สถานเบากว่าสองร้อยชนิดขององครักษ์เสื้อแพร ครึ่งหนึ่งตกทอดมาจากรุ่นก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จ้าวฉือเป็นผู้คิดค้นขึ้นเองเฮ่อลิ่วส่งมอบตัวติงว่างให้จินว่านก้วน แล้วพาเข้าไปใน ‘ห้องสอบสวน’ จินว่านก้วนตบหน้าอกรับรองกับน้องหกของตน “เจ้าหก วางใจเถอะ เวลาแค่คืนเดียว ข้าจะทำให้ทหารเฝ้าคลั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 28

    ห้าวันต่อมา ณ โถงว่าการสำนักตรวจการเหนือบัลลังก์ศาล มีเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายจากสำนักตรวจการหยางหมิงนั่งอยู่ หยางหมิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินและนักปราชญ์ผู้เคร่งครัด กิตติศัพท์เรื่องความกล้าพูดกล้าทัดทานอย่างตรงไปตรงมานั้นเลื่องลือไปทั่วราชสำนักต่างจากรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอาญาสวี่หย่วนจวี๋ และตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนาน ใต้เท้าหยางแห่งสำนักตรวจการผู้นี้มีท่าทีเย็นชาต่อเฮ่อลิ่วผิดปกติ หยางหมิงถือตนว่าเป็นขุนนางตงฉิน จึงดูถูกเหยียดหยามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นดั่งสุนัขรับใช้มาโดยตลอดผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งเคยวิจารณ์หยางหมิงไว้ว่า ตาแก่หยางหมิงนั่น ทั้งสะอาด ทั้งเหม็นโฉ่ แล้วก็ทั้งแข็งกระด้างเบื้องล่างโถง เฮ่อลิ่วยืนรออย่างแห้งเหี่ยวตามธรรมเนียมพิธีการ เฮ่อลิ่วที่เป็นเพียงนายกองร้อยขั้นหกชั้นเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ขั้นสองชั้นเอกอย่างหยางหมิง ก็มีสิทธิ์เพียงแค่ยืนเท่านั้นหยางหมิงลูบเคราของตนเอง ส่งสำนวนคดีฉบับหนึ่งให้ผู้ตรวจการคนหนึ่ง ผู้ตรวจการก็นำสำนวนนั้นมามอบให้เฮ่อลิ่วที่อยู่ด้านล่างเฮ่อลิ่วรับสำนวนมาเปิดดู “ติงว่างไม่มีความผิด?”หยางหมิงไม่แม้แต่

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 27

    เงินสองแสนตำลึง หากต้องใช้ซื้อตัวขุนนางกรมอาญาตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงระดับรองเสนาบดีหลายสิบคน อีกทั้งยังต้องซื้อตัวขุนนางศาลต้าหลี่ตั้งแต่ระดับผู้ดูแลงานทั่วไปไปจนถึงตุลาการศาลต้าหลี่อีกหลายสิบคน... เงินจำนวนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัดหรือว่า... ติงว่างจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?เฮ่อลิ่วถามซุนเฮ่อหนาน “ศาลต้าหลี่ปล่อยตัวติงว่างไปแล้วหรือขอรับ?”ซุนเฮ่อหนานพยักหน้า “คนไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยตัวให้พ้นข้อกล่าวหา ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว”เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหู ไปรายงานผลกับผู้บัญชาการลู่ปิ่ง“อ้อ? ศาลต้าหลี่ก็บอกว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?” ลู่ปิ่งจิบชาไปพลาง เอ่ยถามเฮ่อลิ่วไปพลางเฮ่อลิ่วพยักหน้า “ตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนานยืนกรานหนักแน่นว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”ลู่ปิ่งเป็นองครักษ์เสื้อแพรมากว่ายี่สิบปี มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่อทุกคดี และสัญชาตญาณนั้นก็ร้องเตือนว่า เขามั่นใจว่าติงว่างไม่มีทางขาวสะอาดไร้มลทินดุจดอกบัว เหมือนอย่างที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่กล่าวอ้างลู่ปิ่งหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ทหารเฝ้าคลังตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับได้รับการปกป้องจ

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 26

    ในใจของหลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกหนึ่งประการ ในสายตาเขา เฮ่อลิ่วเป็นคนประเภทปล่อยเลยตามเลยกับทุกเรื่อง แต่กับคดีของติงว่าง เฮ่อลิ่วกลับแสดงท่าทีผิดปกติ... ดูใส่ใจมากจนเกินไปในเมื่อติงว่างถูกคนของกรมอาญาสอบสวนจนได้สถานะ “ผู้บริสุทธิ์” แล้ว ด้วยนิสัยปกติของเฮ่อลิ่ว ควรจะแกล้งทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเสียมากกว่า เหตุใดเขาถึงได้ใส่ใจคดีนี้นักหนา?หลิวต้าอายุเพียงสามสิบปี จะไปเคยได้ยินเรื่อง “คดีบ้านผีสิง” อันลึกลับพิสดารเมื่อยี่สิบปีก่อนได้อย่างไร รวมถึงเบาะแสเดียวของคดี... ตำรา ‘รวมขุมทรัพย์’ เล่มนั้น?ตอนนี้เฮ่อลิ่วสงสัยว่า วิธีซ่อนเงินในเสา เป็นสิ่งที่ติงว่างเรียนรู้มาจาก ‘ตำรารวมขุมทรัพย์’ ติงว่างคือเบาะแสในการตามหาสาเหตุการตายของบิดาและภรรยาของเขา!แม้เฮ่อลิ่วจะยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตาเฒ่าหูว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นคดีบ้านผีสิง แต่ชีวิตบิดาหนึ่งชีวิต ชีวิตภรรยาหนึ่งชีวิต เขาจะละทิ้งการตามหาความจริงไปได้อย่างไร?เที่ยงวันถัดมา เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุมตัวติงว่างมายังศาลต้าหลี่ท่านหกแห่งองครักษ์เสื้อแพรมาส่งคดีด้วยตนเอง ศาลต้าหลี่ไม่กล้าชั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 25

    เฮ่อลิ่วรู้สึกตกใจ...คดีของติงว่าง กลายเป็นคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แล้ว! พยานแวดล้อมเพียงหนึ่งเดียวอย่างว่านอันเหลียงตายแล้ว กรมอาญาก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ติงว่างสามารถเดินออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนืออย่าง ‘สะอาด’ แล้วเฮ่อลิ่วไปรายงานภารกิจกับผู้บัญชาการฝ่ายเหนือหลิวต้าผู้บัญชาการองค์ครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งกำลังนั่งดื่มชากับหลิวต้าในห้องเวรพอดีลู่ปิ่งกล่าว “เจ้าหกมาแล้วหรือ วันนี้เที่ยง หลี่ว์กงกงชมเจ้าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำงานดีมาก! มีแต่เจ้าที่มีวิธีขนเสาเงินสี่ต้นนั้นไปตำหนักหลิงจี้”เฮ่อลิ่วกล่าว “หลี่ว์กงกงชมข้าน้อยเกินไปแล้ว แต่ว่าท่านผู้บัญชาการ เหมือนว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดนะขอรับ”“อ้อ? ผู้กระทำความผิดว่านอันเหลียงถูกตัดหัวแล้ว ยังมีอะไรไม่สิ้นสุดอีก?” ลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่วเล่าเรื่องของติงว่างให้ผู้บัญชาการลู่ปิ่งฟังอย่างละเอียดลู่ปิ่งถามหลิวต้า “หยวนเจิ้ง เจ้ามองอย่างไร?”หลิวต้ากล่าว “ในเมื่อกรมอาญายืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ข้าน้อยคิดว่า บางทีติงว่างผู้นี้ อาจถูกปรักปรำจริงๆ”จากนั้นลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้าล่ะรู้สึกอย่างไร?”เฮ่อลิ่

Weitere Kapitel
Entdecke und lies gute Romane kostenlos
Kostenloser Zugriff auf zahlreiche Romane in der GoodNovel-App. Lade deine Lieblingsbücher herunter und lies jederzeit und überall.
Bücher in der App kostenlos lesen
CODE SCANNEN, UM IN DER APP ZU LESEN
DMCA.com Protection Status