Teilen

บทที่ 4

โค้กบิ๊กเบิ้ม
ในเมื่อเป็นการค้นบ้านยึดทรัพย์ ย่อมมิได้มีเพียงทองคำหรือเงินเท่านั้นที่ถูกยึด แต่ยังรวมถึงวัตถุโบราณและของมีค่าสารพัดชนิดด้วย

ทองคำ เงิน และตั๋วเงินที่ยึดได้ จะถูกส่งเข้าคลังไท่ชาง หรือก็คือท้องพระคลัง ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมพระคลัง ส่วนวัตถุโบราณและของมีค่าอื่นๆ นั้น จะถูกนำส่งเข้าคลังสำนักพระราชวัง หรือคลังส่วนพระองค์ของจักรพรรดิ

นี่ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง

ภาพอักษรศิลป์ของปรมาจารย์มีมูลค่ามหาศาล ย่อมไม่ขาดแคลนยอดฝีมือในการทำของปลอม บรรดาขุนนางกังฉินที่ชอบทำตัวเป็นผู้มีรสนิยมสูงส่ง ย่อมมีโอกาสได้รับของปลอมมาบ้าง

สมมติว่าวันดีคืนดี จักรพรรดิทรงนึกอยากจะทอดพระเนตรภาพอักษรศิลป์ของปรมาจารย์ในคลังสำนักพระราชวัง แล้วทรงพบว่าเป็นของปลอม มิทรงกริ้วหนักเลยหรือ?

ของปลอมจะคู่ควรอยู่ในคลังสำนักพระราชวังได้อย่างไร?

พวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพรทำงานกันประสาอะไร? ตาบอดหรือไร? แยกแยะของจริงของปลอมไม่ออกหรือ?

ด้วยเหตุนี้ นายกองร้อยผู้ตรวจสอบแห่งองครักษ์เสื้อแพร จึงมิใช่เพียงแค่ต้องรู้วิธีค้นบ้านยึดทรัพย์ แต่ยังต้องมีความรู้เรื่องการดูของโบราณและภาพอักษรศิลป์ด้วย

ยี่สิบปีก่อน ตอนที่เฮ่อลิ่วรับสืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดา เขาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของสวี่เหยียนผิงเถ้าแก่ร้านตวนกู่ไจ จวบจนทุกวันนี้ ทุกวันหยุด เฮ่อลิ่วก็ยังคงแวะเวียนไปหาอาจารย์สวี่เหยียน เพื่อช่วยพิจารณาของดีชิ้นใหม่ๆ ที่ร้านรับซื้อมา ถือเป็นการฝึกสายตาไปในตัว

ตาเฒ่าหูถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าภาพนี้เป็นของปลอม?”

เฮ่อลิ่วตอบ “อาจารย์ข้าเคยบอกว่า ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ นั้น ช่างวาดจากเขตหมิ่นในช่วงปลายราชวงศ์หย่งเล่อลอกเลียนแบบได้เหมือนที่สุด แทบแยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม แต่ช่างวาดจากเขตหมิ่นกลัวว่าผลงานของตนจะถูกคนชั่วเอาไปหลอกลวงผู้อื่น จึงแอบทำสัญลักษณ์ไว้ในภาพเลียนแบบทุกภาพ”

ตาเฒ่าหูพลิกดู ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ ไปมาด้วยความงุนงง “สัญลักษณ์? ข้าไม่เห็นเลย”

เฮ่อลิ่วชี้ไปที่ตรงกลาง ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ ตรงจุดที่เขาชี้ คือภาพของนักพนันสี่คนกำลังทอยลูกเต๋า ลูกเต๋าสองลูกหงายหน้าหกแต้ม ส่วนอีกลูกหนึ่งกำลังหมุน

เฮ่อลิ่วชี้ไปที่ปากของคนทอยลูกเต๋าในภาพ แล้วอธิบาย “สัญลักษณ์อยู่ที่ปากของคนทอยเต๋านี่ พนันลูกเต๋า หากออกหกแต้มสามลูกเรียกว่าตอง หากเจ้ามือของพนันลูกเต๋าทอยได้ตอง ก็จะกินเรียบรวบวง ในภาพออกหกแต้มมาสองลูกแล้ว ขออีกแค่ลูกเดียว คนทอยเต๋าก็จะกินรวบ! ดังนั้นปากของเขาต้องกำลังตะโกนว่า ‘หก’ ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ นี้ วาดทิวทัศน์ของเปี้ยนเหลียง ชาวเปี้ยนในราชวงศ์ซ่งเหนือเวลาพูดคำว่า ‘หก’ จะใช้เสียงสระที่ทำปากจู๋ แต่คนในภาพตรงหน้านี้ กลับอ้าปากกว้าง ซึ่งเป็นลักษณะการออกเสียงคำว่า ‘หก’ ของชาวเขตหมิ่น ดังนั้นภาพนี้จึงเป็นของปลอมของช่างวาดเขตหมิ่น”

ตาเฒ่าหูมองไปบนภาพ ก็เห็นว่าคนทอยลูกเต๋าในภาพอ้าปากกว้างจริงๆ

ตาเฒ่าหูตบมือ “เยี่ยม เจ้าหกเอ๋ย เจ้านี่มันแน่จริงๆ วันหน้าหากเจ้าเกษียณจากองครักษ์เสื้อแพร ไปเป็นหลงจู๊รับซื้อของเก่าที่ร้านตวนกู่ไจได้เลย”

บ่าวชราถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้น เขารับใช้ว่านอันเหลียงและว่านยง มาถึงสองรุ่นแล้ว

ใครจะคาดคิดว่า นายท่านผู้เฒ่าที่ยอมสละทรัพย์สินจนหมดตัว จะได้มาเพียงภาพวาดปลอมๆ ม้วนเดียว?

เฮ่อลิ่วกล่าวกับบ่าวชรา “ลุกขึ้นเถอะ ตามพวกข้าไปดูห้องอื่นต่อ”

ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องครัวของจวนตระกูลว่าน

เฮ่อลิ่วเปิดถังข้าวสารที่อยู่ในห้องครัว ในนั้นมีเพียงข้าวกล้องที่เก่าจนเป็นสีเหลือง

เฮ่อลิ่วเอ่ยถามบ่าวชรา “นายของพวกเจ้าก่อนต้องโทษเป็นถึงขุนนางใหญ่ขั้นสามชั้นเอก ปกติพวกเจ้ากินของแบบนี้กันหรือ?”

บ่าวชราน้ำตาไหลพราก “พวกเรามีเงินซื้อกินได้แค่นี้ขอรับ!”

ตาเฒ่าหูกล่าวด้วยความประหลาดใจ “รองเสนาบดีขวาเป็นขุนนางระดับสูงแห่งหกกรม ข้างบนมีเงินเบี้ยหวัด ตรงกลางก็มีเงินส่วนต่างจากการหลอมเงินภาษี ข้างล่างก็มีเงินสินน้ำใจจากผู้ว่าการมณฑลต่างๆ ส่งมาให้ตามเทศกาล จะตกอับถึงขนาดต้องกินข้าวกล้องได้อย่างไร?”

บ่าวชราตอบเสียงสะอื้น “นายท่านของข้าเป็นขุนนางตงฉินที่หาได้ยากยิ่งในแผ่นดิน! ท่านไม่เคยรับเงินส่วนต่าง ของกำนัล หรือสินน้ำใจใดๆ ทั้งสิ้น! แม้แต่เบี้ยหวัดอันน้อยนิด ก็ยังแบ่งไปแจกจ่ายขอทานคนยากจนทีละสามอีแปะห้าอีแปะเสมอ ปกติที่บ้านก็กินแต่ข้าวกล้องกับผัก จะได้ซื้อไก่สักตัวก็เฉพาะเทศกาลตรุษจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลโคมไฟ หรือวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น บางปีแม้แต่ไก่สักตัวก็ยังไม่มีเงินซื้อด้วยซ้ำ!”

เฮ่อลิ่วกล่าวกับบ่าวชรา “อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเถอะ”

ตาเฒ่าหูเอ่ยขึ้น “ดูท่าพวกเราคงต้องหอบเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ กับภาพวาดปลอมๆ กลับไปรายงานเสียแล้ว”

เฮ่อลิ่วหยิบข้าวกล้องในถังข้าวสารขึ้นมาสี่ห้าเม็ด ใส่เข้าปากเคี้ยวพลางกล่าวว่า “เรามาฟังเสียงธรณีกันเถอะ ไปหยิบตี้ทิงมา”

ตาเฒ่าหูพยักหน้า เดินไปที่หีบชิงไป๋ หยิบอุปกรณ์รูปร่างประหลาดคล้ายกระบอกไม้ไผ่ออกมา

ของสิ่งนี้เรียกว่า ตี้ทิง

ขุนนางที่ซ่อนเงินมักชอบทำช่องลับไว้ใต้พื้นอิฐหรือในผนัง

เจ้าตี้ทิงนี้มีไว้สำหรับค้นหาช่องลับใต้พื้นดินโดยเฉพาะ

“ฟังเสียงธรณี” เป็นศัพท์เฉพาะของนายกองร้อยผู้ตรวจสอบ หมายถึงการหาช่องลับซ่อนเงินใต้พื้นดิน

เฮ่อลิ่ววางตี้ทิงแนบกับพื้น แล้วเอาหูข้างหนึ่งแนบลงไปบนตี้ทิง

ส่วนตาเฒ่าหูยืนอยู่ข้างๆ กระทืบเท้าอย่างแรง

“ดี ถอยไปห้าฉื่อ!” เฮ่อลิ่วกล่าวกับตาเฒ่าหู

ตาเฒ่าหูกระทืบเท้า หากภายในรัศมีห้าฉื่อจากจุดที่กระทืบมีช่องลับใต้ดิน เสียงที่สะท้อนมายังตี้ทิงจะผิดแผกไปจากปกติ

“ดี ถอยไปอีกห้าฉื่อ” เฮ่อลิ่วกล่าว

เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม ฟังเสียงธรณีจนครบทั้งสิบสองห้อง

แต่ไม่พบช่องลับแม้แต่แห่งเดียว

หลังจากง่วนอยู่หนึ่งชั่วยาม เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูก็กลับมานั่งพักที่โต๊ะหินกลางลานเรือน

ผู้บัญชาการของกรมการทหารห้าเมืองผู้นั้น ได้เตรียมน้ำชาไว้รอท่านผู้ตรวจการจากองครักษ์เสื้อแพรเรียบร้อยแล้ว

เฮ่อลิ่วดื่มชา ส่วนตาเฒ่าหูยังคงดื่มเหล้า

ตาเฒ่าหูจิบเหล้าเฝินจากกาดีบุก “ข้าว่าเรือนสี่ประสานซอมซ่อนี้ไม่มีอะไรให้ค้นแล้วจริงๆ จะให้ยึดโต๊ะหินเก้าอี้หินนี่กลับไปที่ว่าการกรมฝ่ายเหนือก็คงไม่ได้ วันนี้อุตส่าห์ไปขอพลทหารจากเจ้าเจ็ดสวีมาตั้งห้าสิบคน เฮอะ พวกพี่น้องห้าสิบคนนั้นคงต้องกลับไปมือเปล่ากันแล้ว”

เฮ่อลิ่วส่ายหน้า “อย่างไรก็ต้องทำให้ครบขั้นตอน ตาเฒ่าหู พักสักเดี๋ยว แล้วค่อยมาขูดกำแพงกันต่อ”

“ฟังเสียงธรณี” คือหาช่องลับใต้ดิน ส่วน “ขูดกำแพง” ก็คือการหาช่องลับหลังกำแพง

ทั้งสองนั่งพักบนเก้าอี้หินประมาณหนึ่งก้านธูป

เฮ่อลิ่วกล่าวกับตาเฒ่าหู “เอาปี้ซ่างหู่มา”

ตาเฒ่าหูเปิดหีบชิงไป๋ หยิบเอาค้อนรูปร่างประหลาดออกมา ค้อนนี้มีชื่อว่าปี้ซ่างหู่ หัวค้อนทำจากเหล็กกล้าตีเป็นรูปหัวเสือ ส่วนด้ามค้อนเป็นท่อเหล็กซ้อนกัน สามารถยืดหดได้

เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูเดินเข้าไปในห้องโถง

เฮ่อลิ่วแนบหูเข้ากับกำแพง ตาเฒ่าหูใช้ปี้ซ่างหู่เคาะลงบนกำแพงเสียงดัง “ปัง”

เฮ่อลิ่วกล่าวกับตาเฒ่าหู “ขยับขึ้นสามฉื่อ เคาะ!”

ตาเฒ่าหูยืดด้ามค้อน เลื่อนขึ้นไปสามฉื่อ แล้วเคาะอีกครั้ง

หากหลังกำแพงมีช่องลับ เสียงเคาะจากปี้ซ่างหู่นี้ จะทำให้หูของเฮ่อลิ่วที่ไวอย่างกับค้างคาว ได้ยินเสียงที่ผิดปกติ

“ขยับไปด้านข้างห้าฉื่อ! เคาะ! เลื่อนขึ้นสามฉื่อ เคาะ!”

ตาเฒ่าหูและเฮ่อลิ่วใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วยาม เคาะกำแพงทุกด้านในเรือนสี่ประสานจนครบ

ผลลัพธ์เหมือนกับการฟังเสียงธรณี ขูดกำแพงก็ไม่ได้อะไรเลย

ตาเฒ่าหูถอนหายใจ “ว่านอันเหลียงนี่เป็นขุนนางตงฉินจริงๆ ข้าว่านะเจ้าหก เรากลับไปรายงานที่กรมฝ่ายเหนือได้แล้ว เฮอะ อย่างน้อยก็ช่วยกรมการทหารห้าเมืองประหยัดค่าเหล้าค่าเนื้อไปได้มื้อหนึ่ง”

เฮ่อลิ่วพยักหน้า “เหล้าเนื้อของพวกกรมการทหารห้าเมืองที่ประจบสอพลอพวกนั้นกินไม่อร่อย กลับไปที่กรมฝ่ายเหนือรายงานเสร็จ เที่ยงนี้ข้าเลี้ยงเนื้อลาที่ร้านว่านฝูเอง”

ตำแหน่งนายกองร้อยผู้ตรวจสอบของเฮ่อลิ่ว คือขุนนางผู้มีหน้าที่ยึดเงิน ในวงการขุนนางต้าหมิง การหาผลประโยชน์ทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รู้กัน

เงินบางอย่างถ้าไม่รับ ก็ถือว่าทำลายกฎเกณฑ์ และจะกลายเป็นเป้าโจมตีของคนอื่น

ทุกครั้งที่ค้นบ้านขุนนางต้องโทษ ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้ช่วยผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการกรมบัญชาการฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ได้กินเนื้อชิ้นโต ส่วนนายกองร้อยเล็กๆ อย่างเขา ก็พลอยได้ซดน้ำแกงไปด้วย

ดังนั้นฐานะของเฮ่อลิ่วจึงถือว่าพอมีพอกิน อยู่ในองครักษ์เสื้อแพรมายี่สิบปี ก็มีเงินฝากในโรงเงินหลงไท่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองอยู่ราวเจ็ดแปดพันตำลึง

แค่เลี้ยงเนื้อลาที่ร้านว่านฝูสักมื้อ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก อีกอย่างตาเฒ่าหูก็เป็นพี่น้องร่วมสาบานของพ่อเขา เฮ่อลิ่วจึงมักจะหาโอกาส “กตัญญู” ลูกน้องอย่างตาเฒ่าหูเสมอ

เฮ่อลิ่วบอกผู้บังคับหมู่ฝ่ายตรวจสอบที่คุมกำลังพลอยู่ด้านนอก “พี่น้องทั้งหลายเหนื่อยกันมาทั้งเช้าแล้ว ตั้งแถวกลับกรมฝ่ายเหนือเถอะ”

ผู้บังคับหมู่ประสานมือ “ท่านหกพูดอะไรเช่นนั้น นี่เป็นหน้าที่ของพวกข้าน้อยอยู่แล้ว”

ผู้บัญชาการกรมการทหารห้าเมืองเห็นว่าขุนนางจากองครักษ์เสื้อแพรจะกลับแล้ว จึงรีบเข้ามาถามเฮ่อลิ่วอย่างนอบน้อม “ท่านผู้ตรวจการ แล้วเรือนนี้กับคนในครอบครัวนักโทษล่ะขอรับ?”

เฮ่อลิ่วตอบ “ครอบครัวนักโทษให้คุมตัวไปขังที่คุกของกรมการทหารห้าเมืองของพวกเจ้าก่อน รอพระราชโองการค่อยว่ากัน ส่วนตัวเรือนให้แปะแถบผนึกของสามหน่วยคือ องครักษ์เสื้อแพรของเรา กรมการทหารห้าเมืองของพวกเจ้า และของกรมอาญาสาม”

ทันใดนั้นเฮ่อลิ่วก็นึกอะไรขึ้นได้ “ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านนั้นอายุจวนจะเจ็ดสิบแล้ว เจ้าช่วยดูแลนางหน่อย คนแก่ป่านนี้แล้ว ทนลำบากไม่ไหวหรอก”

ผู้บัญชาการรับคำเสียงอ่อนเสียงหวาน “น้อมรับคำสั่งท่านผู้ตรวจการ! ท่านผู้ตรวจการมีจิตใจเมตตาดั่งพระโพธิสัตว์จริงๆ ”

เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูเดินมาถึงประตูเรือน

เท้าซ้ายของเฮ่อลิ่วก้าวข้ามธรณีประตูไปแล้ว แต่จู่ๆ เขาก็ชักเท้ากลับมา

“มีอะไรหรือ?” ตาเฒ่าหูเอ่ยถาม

เฮ่อลิ่วเอ่ยขึ้น “ข้ารู้สึกทะแม่งๆ ชอบกล เมื่อครู่ข้าเหมือนจะได้กลิ่น... กลิ่นของเงิน”
Lies dieses Buch weiterhin kostenlos
Code scannen, um die App herunterzuladen

Aktuellstes Kapitel

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 30

    เครื่องมือทำมาหากินของเฮ่อลิ่วคือ “หีบชิงไป๋” ที่บรรจุอุปกรณ์ยึดทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ส่วนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าสิบสองจ้าวฉือ คือ “กล่องยมราช” ขนาดหนึ่งฉื่อ ที่บรรจุอุปกรณ์ลงทัณฑ์กว่าสิบชนิดจ้าวสือเอ้อร์เดินเข้ามาในห้องสอบสวนเขาพูดกับติงว่างว่า “นักโทษ ข้าคือรองนายกองพันผู้ตรวจตราแห่งองครักษ์เสื้อแพร จ้าวฉือ”ติงว่างเอ่ยปากขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “ที่แท้ก็ใต้เท้าจ้าว ใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ‘คนบ้าศพ’ แห่งองครักษ์เสื้อแพร? ได้ยินชื่อเสียงมานานขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์วาง “กล่องยมราช” ลงบนโต๊ะ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าทหารเฝ้าคลังคนหนึ่ง จะเคยได้ยินฉายา ‘คนบ้าศพ’ ของข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”ติงว่างเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกล่องยมราชกระมังขอรับ ว่ากันว่าอุปกรณ์ทรมานในกล่องนี้ หากใช้กับนักโทษ... ต่อให้ผู้ถูกไต่สวนเป็นพญายมราชเอง ก็ยังต้องรีบรับสารภาพขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้านี่มีความรู้กว้างขวางดีนี่”เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ทรมานบนชั้นวางสองข้างของห้อง “อุปกรณ์ทรมานพวกนี้ ข้าไม่เคยนึกอย

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 29

    เฮ่อลิ่วกล่าว “ข้าขอเสนอให้องครักษ์เสื้อแพรของเราลงมือสอบสวนคดีของติงว่างด้วยตัวเองขอรับ”ลู่ปิ่งถูมือไปมา “เอาอย่างนี้ ให้เจ้าสามจินว่านก้วนไปคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาก่อน ถ้าคุยแล้วไม่ได้ความ ค่อยให้เจ้าสิบสองจ้าวฉือลงทัณฑ์ทรมานเขา!”เจ้าสามจินว่านก้วนในกลุ่มสิบสามองครักษ์หลวง เป็นที่ยอมรับกันในหมู่องครักษ์เสื้อแพรว่าเป็นยอดฝีมือด้านการสอบสวน มีฉายาว่าสามารถพูดหว่านล้อมจนปลาในน้ำกระโดดขึ้นฝั่งได้ ว่านอันเหลียงเองก็ยอมปริปากบอกเรื่องขโมยเงินต่อหน้าจินว่านก้วนผู้นี้นี่เองส่วนเจ้าสิบสองจ้าวฉือ ถูกเพื่อนร่วมงานในองครักษ์เสื้อแพรเรียกว่า ‘คนบ้าศพ’ คนผู้นี้ชื่นชอบการศึกษาสรีระศพเป็นที่สุด ได้รับคำชมจากผู้บัญชาการลู่ปิ่งว่าเป็น “นักชันสูตรศพอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ในขณะเดียวกัน จ้าวฉือก็เป็นยอดฝีมือด้านการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สถานเบากว่าสองร้อยชนิดขององครักษ์เสื้อแพร ครึ่งหนึ่งตกทอดมาจากรุ่นก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จ้าวฉือเป็นผู้คิดค้นขึ้นเองเฮ่อลิ่วส่งมอบตัวติงว่างให้จินว่านก้วน แล้วพาเข้าไปใน ‘ห้องสอบสวน’ จินว่านก้วนตบหน้าอกรับรองกับน้องหกของตน “เจ้าหก วางใจเถอะ เวลาแค่คืนเดียว ข้าจะทำให้ทหารเฝ้าคลั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 28

    ห้าวันต่อมา ณ โถงว่าการสำนักตรวจการเหนือบัลลังก์ศาล มีเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายจากสำนักตรวจการหยางหมิงนั่งอยู่ หยางหมิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินและนักปราชญ์ผู้เคร่งครัด กิตติศัพท์เรื่องความกล้าพูดกล้าทัดทานอย่างตรงไปตรงมานั้นเลื่องลือไปทั่วราชสำนักต่างจากรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอาญาสวี่หย่วนจวี๋ และตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนาน ใต้เท้าหยางแห่งสำนักตรวจการผู้นี้มีท่าทีเย็นชาต่อเฮ่อลิ่วผิดปกติ หยางหมิงถือตนว่าเป็นขุนนางตงฉิน จึงดูถูกเหยียดหยามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นดั่งสุนัขรับใช้มาโดยตลอดผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งเคยวิจารณ์หยางหมิงไว้ว่า ตาแก่หยางหมิงนั่น ทั้งสะอาด ทั้งเหม็นโฉ่ แล้วก็ทั้งแข็งกระด้างเบื้องล่างโถง เฮ่อลิ่วยืนรออย่างแห้งเหี่ยวตามธรรมเนียมพิธีการ เฮ่อลิ่วที่เป็นเพียงนายกองร้อยขั้นหกชั้นเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ขั้นสองชั้นเอกอย่างหยางหมิง ก็มีสิทธิ์เพียงแค่ยืนเท่านั้นหยางหมิงลูบเคราของตนเอง ส่งสำนวนคดีฉบับหนึ่งให้ผู้ตรวจการคนหนึ่ง ผู้ตรวจการก็นำสำนวนนั้นมามอบให้เฮ่อลิ่วที่อยู่ด้านล่างเฮ่อลิ่วรับสำนวนมาเปิดดู “ติงว่างไม่มีความผิด?”หยางหมิงไม่แม้แต่

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 27

    เงินสองแสนตำลึง หากต้องใช้ซื้อตัวขุนนางกรมอาญาตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงระดับรองเสนาบดีหลายสิบคน อีกทั้งยังต้องซื้อตัวขุนนางศาลต้าหลี่ตั้งแต่ระดับผู้ดูแลงานทั่วไปไปจนถึงตุลาการศาลต้าหลี่อีกหลายสิบคน... เงินจำนวนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัดหรือว่า... ติงว่างจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?เฮ่อลิ่วถามซุนเฮ่อหนาน “ศาลต้าหลี่ปล่อยตัวติงว่างไปแล้วหรือขอรับ?”ซุนเฮ่อหนานพยักหน้า “คนไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยตัวให้พ้นข้อกล่าวหา ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว”เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหู ไปรายงานผลกับผู้บัญชาการลู่ปิ่ง“อ้อ? ศาลต้าหลี่ก็บอกว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?” ลู่ปิ่งจิบชาไปพลาง เอ่ยถามเฮ่อลิ่วไปพลางเฮ่อลิ่วพยักหน้า “ตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนานยืนกรานหนักแน่นว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”ลู่ปิ่งเป็นองครักษ์เสื้อแพรมากว่ายี่สิบปี มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่อทุกคดี และสัญชาตญาณนั้นก็ร้องเตือนว่า เขามั่นใจว่าติงว่างไม่มีทางขาวสะอาดไร้มลทินดุจดอกบัว เหมือนอย่างที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่กล่าวอ้างลู่ปิ่งหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ทหารเฝ้าคลังตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับได้รับการปกป้องจ

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 26

    ในใจของหลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกหนึ่งประการ ในสายตาเขา เฮ่อลิ่วเป็นคนประเภทปล่อยเลยตามเลยกับทุกเรื่อง แต่กับคดีของติงว่าง เฮ่อลิ่วกลับแสดงท่าทีผิดปกติ... ดูใส่ใจมากจนเกินไปในเมื่อติงว่างถูกคนของกรมอาญาสอบสวนจนได้สถานะ “ผู้บริสุทธิ์” แล้ว ด้วยนิสัยปกติของเฮ่อลิ่ว ควรจะแกล้งทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเสียมากกว่า เหตุใดเขาถึงได้ใส่ใจคดีนี้นักหนา?หลิวต้าอายุเพียงสามสิบปี จะไปเคยได้ยินเรื่อง “คดีบ้านผีสิง” อันลึกลับพิสดารเมื่อยี่สิบปีก่อนได้อย่างไร รวมถึงเบาะแสเดียวของคดี... ตำรา ‘รวมขุมทรัพย์’ เล่มนั้น?ตอนนี้เฮ่อลิ่วสงสัยว่า วิธีซ่อนเงินในเสา เป็นสิ่งที่ติงว่างเรียนรู้มาจาก ‘ตำรารวมขุมทรัพย์’ ติงว่างคือเบาะแสในการตามหาสาเหตุการตายของบิดาและภรรยาของเขา!แม้เฮ่อลิ่วจะยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตาเฒ่าหูว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นคดีบ้านผีสิง แต่ชีวิตบิดาหนึ่งชีวิต ชีวิตภรรยาหนึ่งชีวิต เขาจะละทิ้งการตามหาความจริงไปได้อย่างไร?เที่ยงวันถัดมา เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุมตัวติงว่างมายังศาลต้าหลี่ท่านหกแห่งองครักษ์เสื้อแพรมาส่งคดีด้วยตนเอง ศาลต้าหลี่ไม่กล้าชั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 25

    เฮ่อลิ่วรู้สึกตกใจ...คดีของติงว่าง กลายเป็นคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แล้ว! พยานแวดล้อมเพียงหนึ่งเดียวอย่างว่านอันเหลียงตายแล้ว กรมอาญาก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ติงว่างสามารถเดินออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนืออย่าง ‘สะอาด’ แล้วเฮ่อลิ่วไปรายงานภารกิจกับผู้บัญชาการฝ่ายเหนือหลิวต้าผู้บัญชาการองค์ครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งกำลังนั่งดื่มชากับหลิวต้าในห้องเวรพอดีลู่ปิ่งกล่าว “เจ้าหกมาแล้วหรือ วันนี้เที่ยง หลี่ว์กงกงชมเจ้าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำงานดีมาก! มีแต่เจ้าที่มีวิธีขนเสาเงินสี่ต้นนั้นไปตำหนักหลิงจี้”เฮ่อลิ่วกล่าว “หลี่ว์กงกงชมข้าน้อยเกินไปแล้ว แต่ว่าท่านผู้บัญชาการ เหมือนว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดนะขอรับ”“อ้อ? ผู้กระทำความผิดว่านอันเหลียงถูกตัดหัวแล้ว ยังมีอะไรไม่สิ้นสุดอีก?” ลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่วเล่าเรื่องของติงว่างให้ผู้บัญชาการลู่ปิ่งฟังอย่างละเอียดลู่ปิ่งถามหลิวต้า “หยวนเจิ้ง เจ้ามองอย่างไร?”หลิวต้ากล่าว “ในเมื่อกรมอาญายืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ข้าน้อยคิดว่า บางทีติงว่างผู้นี้ อาจถูกปรักปรำจริงๆ”จากนั้นลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้าล่ะรู้สึกอย่างไร?”เฮ่อลิ่

Weitere Kapitel
Entdecke und lies gute Romane kostenlos
Kostenloser Zugriff auf zahlreiche Romane in der GoodNovel-App. Lade deine Lieblingsbücher herunter und lies jederzeit und überall.
Bücher in der App kostenlos lesen
CODE SCANNEN, UM IN DER APP ZU LESEN
DMCA.com Protection Status