Teilen

บทที่ 3

โค้กบิ๊กเบิ้ม
ทางทิศใต้ของเมือง ณ จวนตระกูลว่าน

ว่านอันเหลียงเป็นนักโทษที่ถูกจับกุมตามพระราชโองการ กรมการทหารห้าเมืองและกรมอาญาจึงมิกล้าชักช้า รีบส่งคนมาปิดล้อมจวนตระกูลว่านไว้อย่างแน่นหนา รอเพียงคนขององครักษ์เสื้อแพรมาลงมือตรวจค้นเท่านั้น

เฮ่อลิ่วนำตาเฒ่าหูและพลทหารห้าสิบนายมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลว่าน

สิ่งที่เรียกว่าจวนตระกูลว่าน เป็นเพียงเรือนสี่ประสานธรรมดาๆ หลังหนึ่ง หากเทียบกับฐานะขุนนางขั้นสามชั้นเอกอันสูงส่งของว่านอันเหลียงแล้ว เรือนสี่ประสานนี้ช่างดูอัตคัดขัดสนยิ่งนัก

ตาเฒ่าหูกล่าวกับเฮ่อลิ่ว “ท่านนายกองร้อย ดูท่าว่านอันเหลียงจะเป็น...ขุนนางตงฉินอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ น่าเสียดายที่คนผู้นี้หัวรั้นเกินไป ดันไปล่วงเกินฝ่าบาท ล่วงเกินมหาอำมาตย์เหยียนเข้า”

ในช่วงต้นปีนี้ จักรพรรดิเจียจิ้งทรงเบิกเงินท้องพระคลังเพื่อสร้างวิหารเฉาเทียน การก่อสร้างวิหารเฉาเทียนนี้กินเวลากว่าครึ่งปี ผลาญเงินในท้องพระคลังไปกว่าหกแสนตำลึง

ในวันที่วิหารเฉาเทียนสร้างเสร็จ จักรพรรดิเจียจิ้งเสด็จไปทำพิธีบวงสรวงสวรรค์ขอพร ว่านอันเหลียงกลับถวายฎีกาทัดทาน ซึ่งเป็นการขัดพระทัยของจักรพรรดิเจียจิ้งอย่างรุนแรง

ในฎีกาฉบับนั้น มีประโยคหนึ่งระบุว่า “วิถีกษัตริย์มิชอบธรรม วิถีขุนนางมิกระจ่างแจ้ง” นี่มิเท่ากับด่าว่าจักรพรรดิเป็นทรราช และเหล่าขุนนางในสำนักราชเลขาธิการล้วนเป็นพวกคนถ่อยหรอกหรือ?

จักรพรรดิเจียจิ้งทรงกริ้วจัด มหาอำมาตย์เหยียนซงฉลาดปราดเปรื่องเพียงใด? เขาย่อมรู้ดีว่า ยามนี้จักรพรรดิกำลังหาเหตุผลที่จะจัดการว่านอันเหลียง

เหยียนซงจึงสั่งให้พรรคพวกของตนยื่นฎีกาปรักปรำว่าว่านอันเหลียงรับสินบน เป็นเหตุให้ภาษีธูปเทียนขาดหายไปเป็นจำนวนมหาศาล

รองเสนาบดีขวากรมพิธีการนั้น มีหน้าที่กำกับดูแลภาษีธูปเทียนของวัดวาอารามและสำนักเต๋าทั่วหล้า

ตามกฎหมายภาษีของต้าหมิง เงินบริจาคค่าน้ำมันธูปเทียนที่วัดวาอารามและสำนักเต๋าได้รับ จะต้องถูกหักหนึ่งในสิบเพื่อส่งเข้ากรมพิธีการเป็นภาษีธูปเทียน

สำนักเต๋าใหญ่ๆ แถบตีนเขาไท่ซาน หรือวัดวาอารามชื่อดังแถบเขาอู่ไถ จะมีที่ใดบ้างที่หนึ่งปีจะไม่ได้รับเงินบริจาคจากคหบดีผู้มั่งคั่งเป็นร้อยเป็นพันครั้ง?

ทว่ายอดเงินบริจาคที่แท้จริงนั้น ใครเล่าจะรู้แน่ชัด?

เจ้าอาวาสวัดใหญ่ๆ หรือเจ้าสำนักของสำนักเต๋าใหญ่ๆ เหล่านั้น บางรูปก็เป็นผู้ทรงศีลละวางทางโลก แต่บางรูปกลับโลภโมโทสันยิ่งกว่าพ่อค้าหน้าเลือด

เพียงแค่แบ่งผลประโยชน์ให้ขุนนางกรมพิธีการผู้ดูแลภาษีธูปเทียนสักหน่อย อย่างเช่นแก้ตัวเลขเงินบริจาคจากหนึ่งแสนตำลึง เหลือเพียงหนึ่งหมื่นตำลึง บรรดาเจ้าอาวาสและเจ้าสำนักเหล่านั้นก็สามารถยัดเงินเก้าพันตำลึงเข้ากระเป๋าตัวเองได้สบายๆ

ภาษีธูปเทียนเป็นบัญชีที่คลุมเครือมาโดยตลอด ในเมื่อรองเสนาบดีขวากรมพิธีการคนก่อนๆ สามารถกอบโกยจนร่ำรวยจากช่องทางนี้ พรรคเหยียนย่อมสามารถใส่ร้ายป้ายสีว่านอันเหลียงว่ารับสินบนจนทำให้ภาษีขาดหายไปอย่างมหาศาลได้เช่นกัน

ในเมื่อเป็นบัญชีที่คลุมเครือ ภาษีธูปเทียนจะเสียหายจริงหรือเสียหายเท็จ ก็เป็นแค่เรื่องง่ายดายที่ผู้ถวายฎีกาเอ่ยปากเท่านั้น

จักรพรรดิเจียจิ้งทรงไม่พอพระทัยว่านอันเหลียงอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงอาศัยจังหวะนี้อนุมัติตามฎีกาของพรรคเหยียน สั่งขังว่านอันเหลียงในคุกหลวงทันที

ว่านอันเหลียงผู้เป็นที่ยอมรับทั่วหล้าว่าเป็นขุนนางตงฉิน กลับต้องติดคุกด้วยข้อหารับสินบน ช่างเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นจริง ๆ

ในช่วงหลายปีมานี้ราชสำนักก็เป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ขุนนางอาวุโสเหยียนกุมอำนาจ ก็มักจะมีเรื่องราวพิลึกพิลั่นเกิดขึ้นเสมอ

เฮ่อลิ่วเดินเข้าไปในจวนตระกูลว่าน เดินสำรวจห้องหับทั้งสิบสองห้องในเรือนสี่ประสานคร่าวๆ

ส่วนตาเฒ่าหูนั่งลงบนม้านั่งหินกลางลานเรือนสี่ประสาน ล้วงเอากาเหล้าดีบุกออกมาจากอก แล้วยกขึ้นดื่ม

ผู้บัญชาการกรมการทหารห้าเมืองผู้หนึ่งที่ยืนกุมมือสำรวมอยู่ข้างๆ รีบเข้ามาประจบสอพลอตาเฒ่าหู “ท่านผู้ตรวจการช่างมีอารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก วันนี้มาค้นจวนนักโทษว่านอันเหลียง ดูท่าคงไม่เสร็จง่ายๆ เป็นแน่ มื้อเที่ยงนี้ข้าจะให้คนไปสั่งโต๊ะอาหารรสเลิศที่หอฝูเซียน พร้อมเหล้าเก่าแก่จุ้ยปาเซียนชั้นดีสักสองกามา ท่านว่าเป็นอย่างไร?”

กรมการทหารห้าเมืองมีผู้บัญชาการสิบคน ตำแหน่งผู้บัญชาการคือขุนนางขั้นเจ็ดชั้นเอก เป็นขุนนางราชสำนักที่มีเกียรติยศ ส่วนตาเฒ่าหูเป็นเพียงนายหมู่ขององครักษ์เสื้อแพรยศเพียงขั้นแปดชั้นรอง

ว่ากันตามบรรดาศักดิ์แล้ว ผู้บัญชาการกรมการทหารห้าเมืองตำแหน่งสูงกว่าตาเฒ่าหูไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่เพราะตาเฒ่าหูสวมหนังเสือขององครักษ์เสื้อแพร ผู้บัญชาการของกรมการทหารห้าเมืองนี้ จึงทำได้เพียงนอบน้อมต่อเขา

ตาเฒ่าหูไม่หลงกลคำประจบสอพลอของผู้บัญชาการ เขาชี้มือไปที่ห้องโถงของเรือนสี่ประสาน “เจ้าดูเรือนสี่ประสานอันซอมซ่อนี้ ค้นยึดทรัพย์ที่เล็กๆ แค่นี้ ต้องใช้เวลาเป็นวันเชียวหรือ? ข้าว่าสองชั่วยามก็พอแล้ว ไม่ต้องลำบากท่านผู้บัญชาการเตรียมมื้อเที่ยงให้พวกเราหรอก”

เฮ่อลิ่วตะโกนเรียกตาเฒ่าหูออกมาจากห้องโถง “ตาเฒ่าหู พาคนในครอบครัวนักโทษเข้ามา”

ตาเฒ่าหูคุมตัวสมาชิกในครอบครัวนักโทษมาอยู่เบื้องหน้าเฮ่อลิ่ว

ครอบครัวของขุนนางใหญ่ขั้นสามชั้นเอกอย่างว่านอันเหลียง มีทั้งหมดห้าคน

หากเป็นรองเสนาบดีหรือเสนาบดีหกกรมคนอื่นๆ ในเมืองหลวง จวนไหนบ้างจะไม่มีบ่าวไพร่สาวใช้นับสิบคน?

มารดาชราวัยเจ็ดสิบ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากวัยสี่สิบ บุตรชายวัยสิบหก สาวใช้ร่างท้วมวัยสิบสี่ และบ่าวชราข้างกายวัยหกสิบ นี่คือครอบครัวและบริวารทั้งหมดของว่านอันเหลียง

เฮ่อลิ่วกล่าวกับทั้งห้าคน “ทรัพย์สมบัติของนักโทษซุกซ่อนอยู่ที่ใด บอกข้ามา จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”

บ่าวชราถอนหายใจพลางตอบว่า “โธ่ สมบัติของนายท่าน ทั้งหมดอยู่ในหีบใหญ่หลังเตียงนอนของเขานั่นแหละ”

เฮ่อลิ่วกับตาเฒ่าหูเดินเข้าไปในห้องนอนของว่านอันเหลียง

หลังเตียงในห้องนอนมีหีบใบใหญ่ตั้งอยู่จริงๆ ที่หีบใบใหญ่นี้คล้องด้วยแม่กุญแจทองแดงเก่าๆ

เฮ่อลิ่วหันไปสั่งตาเฒ่าหู “เบิกหีบชิงไป๋”

ตาเฒ่าหูแบกหีบชิงไป๋จากลานเรือนมาจนถึงในห้องนอน

เฮ่อลิ่วเปิดหีบชิงไป๋ ภายในเต็มไปด้วยเครื่องมืออันวิจิตรตระการตาหลากหลายชนิด

เขาหยิบลูกกุญแจทองเหลืองรูปร่างแปลกประหลาดดอกหนึ่งออกมา เสียบเข้าไปในรูกุญแจทองแดงเก่าๆ นั้น

“กริ๊ก!” แม่กุญแจดีดออก

ตาเฒ่าหูลงมือรื้อค้นข้าวของในหีบไม้ใบใหญ่ออกมาวางบนเตียงทีละชิ้น

เสื้อคลุมยาวที่มีรอยปะชุนสองตัว รองเท้าขุนนางเก่าๆ หนึ่งคู่ เงินอีแปะเจ็ดแปดพวง และม้วนกระดาษห่อผ้าอีกหนึ่งม้วน นี่คือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของขุนนางขั้นสามชั้นเอกว่านอันเหลียง

ตาเฒ่าหูและเฮ่อลิ่วสบตากัน จากนั้นตาเฒ่าหูก็เอ่ยขึ้น “มารดามันเถอะ ว่านอันเหลียงนี่เป็นขุนนางประสาอะไรกัน! เป็นถึงขุนนางใหญ่ขั้นสามชั้นเอก มีสมบัติก้นหีบอยู่แค่นี้เองหรือ?”

เฮ่อลิ่วคลี่ม้วนภาพนั้นออกดู

คำพูดของผู้บัญชาการหลิวที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เป็นความจริง มันคือ ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ ของจางเจ๋อตวนชาวซ่งจริงๆ

เฮ่อลิ่วพินิจดูภาพนี้อย่างละเอียด

ตาเฒ่าหูไม่เข้าใจงานภาพอักษรศิลป์ “แค่ภาพเก่าๆ ม้วนเดียว มีอะไรน่าดูนักหนา?”

เฮ่อลิ่วหัวเราะร่า “ภาพเก่าๆ ? ตาเฒ่าหู ท่านช่างโอ้อวด พูดจาใหญ่โตเสียจริง หากภาพนี้เป็นของจริง นำไปขายที่ร้านตวนกู่ไจทางตะวันออกของเมือง แลกเงินได้ถึงหนึ่งแสนตำลึงเชียวนะ!”

ตาเฒ่าหูงุนงง “ใครๆ ก็บอกว่าว่านอันเหลียงเป็นขุนนางตงฉินมิใช่หรือ? แล้วจะมีภาพราคาหนึ่งแสนตำลึงได้อย่างไร?”

เฮ่อลิ่วเอ่ยขึ้น “เรียกบ่าวคนนั้นมา ลองถามเขาดู”

บ่าวชราเดินเข้ามาในห้องนอน

เฮ่อลิ่วชี้ไปที่ ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ แล้วถามบ่าวชราคนนั้น “เจ้ารู้ที่มาของภาพนี้หรือไม่?”

บ่าวชราตอบ “รู้ขอรับ”

บ่าวชราเล่าที่มาของ ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ นี้อย่างต่อเนื่อง ว่านยง บิดาของว่านอันเหลียง เดิมทีเป็นตระกูลบัณฑิตผู้มั่งคั่งแห่งเจียงหนาน ที่บ้านพอมีทรัพย์สินอยู่บ้าง

ว่านยงคลั่งไคล้ในภาพอักษรศิลป์ จนผู้คนเรียกว่าคนบ้าภาพ ทรัพย์สมบัติเกินครึ่งหมดไปกับการเสาะแสวงหาภาพอักษรศิลป์ของปรมาจารย์

ในรัชศกหงจื้อ มีคนมาหาว่านยง บอกว่าจะขาย ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ ของจางเจ๋อตวนชาวซ่ง โดยเปิดราคาที่สี่หมื่นตำลึง

ว่านยงเห็นภาพแล้วถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขายอมขายที่นาดีหนึ่งพันหมู่ ขายจวนบรรพบุรุษ และขายภาพอักษรศิลป์จากปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายสิบชิ้นที่สะสมมานานนับสิบปี จึงรวบรวมเงินได้ครบสี่หมื่นตำลึง แล้วซื้อ ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ มา

เมื่อว่านยงสิ้นใจ ‘ภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง’ จึงตกทอดมาสู่บุตรชายว่านอันเหลียง

เฮ่อลิ่วฟังจบก็พยักหน้า “อ้อ หากเป็นภาพริมแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิงของจริง ก็นับเป็นสมบัติล้ำค่าประจำตระกูลได้ น่าเสียดาย ภาพนี้เป็นของปลอม”

“อะไรนะ? ของปลอม? นายท่านผู้เฒ่าของข้าเป็นปรมาจารย์ด้านภาพอักษรศิลป์แห่งเจียงหนาน! เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านจะยอมควักเงินสี่หมื่นตำลึงซื้อภาพปลอม!” บ่าวชราตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
Lies dieses Buch weiterhin kostenlos
Code scannen, um die App herunterzuladen

Aktuellstes Kapitel

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 30

    เครื่องมือทำมาหากินของเฮ่อลิ่วคือ “หีบชิงไป๋” ที่บรรจุอุปกรณ์ยึดทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ส่วนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าสิบสองจ้าวฉือ คือ “กล่องยมราช” ขนาดหนึ่งฉื่อ ที่บรรจุอุปกรณ์ลงทัณฑ์กว่าสิบชนิดจ้าวสือเอ้อร์เดินเข้ามาในห้องสอบสวนเขาพูดกับติงว่างว่า “นักโทษ ข้าคือรองนายกองพันผู้ตรวจตราแห่งองครักษ์เสื้อแพร จ้าวฉือ”ติงว่างเอ่ยปากขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “ที่แท้ก็ใต้เท้าจ้าว ใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ‘คนบ้าศพ’ แห่งองครักษ์เสื้อแพร? ได้ยินชื่อเสียงมานานขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์วาง “กล่องยมราช” ลงบนโต๊ะ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าทหารเฝ้าคลังคนหนึ่ง จะเคยได้ยินฉายา ‘คนบ้าศพ’ ของข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”ติงว่างเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกล่องยมราชกระมังขอรับ ว่ากันว่าอุปกรณ์ทรมานในกล่องนี้ หากใช้กับนักโทษ... ต่อให้ผู้ถูกไต่สวนเป็นพญายมราชเอง ก็ยังต้องรีบรับสารภาพขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้านี่มีความรู้กว้างขวางดีนี่”เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ทรมานบนชั้นวางสองข้างของห้อง “อุปกรณ์ทรมานพวกนี้ ข้าไม่เคยนึกอย

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 29

    เฮ่อลิ่วกล่าว “ข้าขอเสนอให้องครักษ์เสื้อแพรของเราลงมือสอบสวนคดีของติงว่างด้วยตัวเองขอรับ”ลู่ปิ่งถูมือไปมา “เอาอย่างนี้ ให้เจ้าสามจินว่านก้วนไปคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาก่อน ถ้าคุยแล้วไม่ได้ความ ค่อยให้เจ้าสิบสองจ้าวฉือลงทัณฑ์ทรมานเขา!”เจ้าสามจินว่านก้วนในกลุ่มสิบสามองครักษ์หลวง เป็นที่ยอมรับกันในหมู่องครักษ์เสื้อแพรว่าเป็นยอดฝีมือด้านการสอบสวน มีฉายาว่าสามารถพูดหว่านล้อมจนปลาในน้ำกระโดดขึ้นฝั่งได้ ว่านอันเหลียงเองก็ยอมปริปากบอกเรื่องขโมยเงินต่อหน้าจินว่านก้วนผู้นี้นี่เองส่วนเจ้าสิบสองจ้าวฉือ ถูกเพื่อนร่วมงานในองครักษ์เสื้อแพรเรียกว่า ‘คนบ้าศพ’ คนผู้นี้ชื่นชอบการศึกษาสรีระศพเป็นที่สุด ได้รับคำชมจากผู้บัญชาการลู่ปิ่งว่าเป็น “นักชันสูตรศพอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ในขณะเดียวกัน จ้าวฉือก็เป็นยอดฝีมือด้านการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สถานเบากว่าสองร้อยชนิดขององครักษ์เสื้อแพร ครึ่งหนึ่งตกทอดมาจากรุ่นก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จ้าวฉือเป็นผู้คิดค้นขึ้นเองเฮ่อลิ่วส่งมอบตัวติงว่างให้จินว่านก้วน แล้วพาเข้าไปใน ‘ห้องสอบสวน’ จินว่านก้วนตบหน้าอกรับรองกับน้องหกของตน “เจ้าหก วางใจเถอะ เวลาแค่คืนเดียว ข้าจะทำให้ทหารเฝ้าคลั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 28

    ห้าวันต่อมา ณ โถงว่าการสำนักตรวจการเหนือบัลลังก์ศาล มีเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายจากสำนักตรวจการหยางหมิงนั่งอยู่ หยางหมิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินและนักปราชญ์ผู้เคร่งครัด กิตติศัพท์เรื่องความกล้าพูดกล้าทัดทานอย่างตรงไปตรงมานั้นเลื่องลือไปทั่วราชสำนักต่างจากรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอาญาสวี่หย่วนจวี๋ และตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนาน ใต้เท้าหยางแห่งสำนักตรวจการผู้นี้มีท่าทีเย็นชาต่อเฮ่อลิ่วผิดปกติ หยางหมิงถือตนว่าเป็นขุนนางตงฉิน จึงดูถูกเหยียดหยามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นดั่งสุนัขรับใช้มาโดยตลอดผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งเคยวิจารณ์หยางหมิงไว้ว่า ตาแก่หยางหมิงนั่น ทั้งสะอาด ทั้งเหม็นโฉ่ แล้วก็ทั้งแข็งกระด้างเบื้องล่างโถง เฮ่อลิ่วยืนรออย่างแห้งเหี่ยวตามธรรมเนียมพิธีการ เฮ่อลิ่วที่เป็นเพียงนายกองร้อยขั้นหกชั้นเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ขั้นสองชั้นเอกอย่างหยางหมิง ก็มีสิทธิ์เพียงแค่ยืนเท่านั้นหยางหมิงลูบเคราของตนเอง ส่งสำนวนคดีฉบับหนึ่งให้ผู้ตรวจการคนหนึ่ง ผู้ตรวจการก็นำสำนวนนั้นมามอบให้เฮ่อลิ่วที่อยู่ด้านล่างเฮ่อลิ่วรับสำนวนมาเปิดดู “ติงว่างไม่มีความผิด?”หยางหมิงไม่แม้แต่

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 27

    เงินสองแสนตำลึง หากต้องใช้ซื้อตัวขุนนางกรมอาญาตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงระดับรองเสนาบดีหลายสิบคน อีกทั้งยังต้องซื้อตัวขุนนางศาลต้าหลี่ตั้งแต่ระดับผู้ดูแลงานทั่วไปไปจนถึงตุลาการศาลต้าหลี่อีกหลายสิบคน... เงินจำนวนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัดหรือว่า... ติงว่างจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?เฮ่อลิ่วถามซุนเฮ่อหนาน “ศาลต้าหลี่ปล่อยตัวติงว่างไปแล้วหรือขอรับ?”ซุนเฮ่อหนานพยักหน้า “คนไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยตัวให้พ้นข้อกล่าวหา ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว”เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหู ไปรายงานผลกับผู้บัญชาการลู่ปิ่ง“อ้อ? ศาลต้าหลี่ก็บอกว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?” ลู่ปิ่งจิบชาไปพลาง เอ่ยถามเฮ่อลิ่วไปพลางเฮ่อลิ่วพยักหน้า “ตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนานยืนกรานหนักแน่นว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”ลู่ปิ่งเป็นองครักษ์เสื้อแพรมากว่ายี่สิบปี มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่อทุกคดี และสัญชาตญาณนั้นก็ร้องเตือนว่า เขามั่นใจว่าติงว่างไม่มีทางขาวสะอาดไร้มลทินดุจดอกบัว เหมือนอย่างที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่กล่าวอ้างลู่ปิ่งหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ทหารเฝ้าคลังตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับได้รับการปกป้องจ

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 26

    ในใจของหลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกหนึ่งประการ ในสายตาเขา เฮ่อลิ่วเป็นคนประเภทปล่อยเลยตามเลยกับทุกเรื่อง แต่กับคดีของติงว่าง เฮ่อลิ่วกลับแสดงท่าทีผิดปกติ... ดูใส่ใจมากจนเกินไปในเมื่อติงว่างถูกคนของกรมอาญาสอบสวนจนได้สถานะ “ผู้บริสุทธิ์” แล้ว ด้วยนิสัยปกติของเฮ่อลิ่ว ควรจะแกล้งทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเสียมากกว่า เหตุใดเขาถึงได้ใส่ใจคดีนี้นักหนา?หลิวต้าอายุเพียงสามสิบปี จะไปเคยได้ยินเรื่อง “คดีบ้านผีสิง” อันลึกลับพิสดารเมื่อยี่สิบปีก่อนได้อย่างไร รวมถึงเบาะแสเดียวของคดี... ตำรา ‘รวมขุมทรัพย์’ เล่มนั้น?ตอนนี้เฮ่อลิ่วสงสัยว่า วิธีซ่อนเงินในเสา เป็นสิ่งที่ติงว่างเรียนรู้มาจาก ‘ตำรารวมขุมทรัพย์’ ติงว่างคือเบาะแสในการตามหาสาเหตุการตายของบิดาและภรรยาของเขา!แม้เฮ่อลิ่วจะยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตาเฒ่าหูว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นคดีบ้านผีสิง แต่ชีวิตบิดาหนึ่งชีวิต ชีวิตภรรยาหนึ่งชีวิต เขาจะละทิ้งการตามหาความจริงไปได้อย่างไร?เที่ยงวันถัดมา เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุมตัวติงว่างมายังศาลต้าหลี่ท่านหกแห่งองครักษ์เสื้อแพรมาส่งคดีด้วยตนเอง ศาลต้าหลี่ไม่กล้าชั

  • องครักษ์เสื้อแพรสยบปฐพี   บทที่ 25

    เฮ่อลิ่วรู้สึกตกใจ...คดีของติงว่าง กลายเป็นคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แล้ว! พยานแวดล้อมเพียงหนึ่งเดียวอย่างว่านอันเหลียงตายแล้ว กรมอาญาก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ติงว่างสามารถเดินออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนืออย่าง ‘สะอาด’ แล้วเฮ่อลิ่วไปรายงานภารกิจกับผู้บัญชาการฝ่ายเหนือหลิวต้าผู้บัญชาการองค์ครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งกำลังนั่งดื่มชากับหลิวต้าในห้องเวรพอดีลู่ปิ่งกล่าว “เจ้าหกมาแล้วหรือ วันนี้เที่ยง หลี่ว์กงกงชมเจ้าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำงานดีมาก! มีแต่เจ้าที่มีวิธีขนเสาเงินสี่ต้นนั้นไปตำหนักหลิงจี้”เฮ่อลิ่วกล่าว “หลี่ว์กงกงชมข้าน้อยเกินไปแล้ว แต่ว่าท่านผู้บัญชาการ เหมือนว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดนะขอรับ”“อ้อ? ผู้กระทำความผิดว่านอันเหลียงถูกตัดหัวแล้ว ยังมีอะไรไม่สิ้นสุดอีก?” ลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่วเล่าเรื่องของติงว่างให้ผู้บัญชาการลู่ปิ่งฟังอย่างละเอียดลู่ปิ่งถามหลิวต้า “หยวนเจิ้ง เจ้ามองอย่างไร?”หลิวต้ากล่าว “ในเมื่อกรมอาญายืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ข้าน้อยคิดว่า บางทีติงว่างผู้นี้ อาจถูกปรักปรำจริงๆ”จากนั้นลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้าล่ะรู้สึกอย่างไร?”เฮ่อลิ่

Weitere Kapitel
Entdecke und lies gute Romane kostenlos
Kostenloser Zugriff auf zahlreiche Romane in der GoodNovel-App. Lade deine Lieblingsbücher herunter und lies jederzeit und überall.
Bücher in der App kostenlos lesen
CODE SCANNEN, UM IN DER APP ZU LESEN
DMCA.com Protection Status