เราเฝ้าดูสัมภาษณ์ของ
ohm pawat มานานพอที่จะบอกได้ว่าเขาพูดถึงเส้นทางอาชีพด้วยความเรียบง่ายแต่มีชั้นเชิง ไม่ใช่แค่เล่าถึงความสำเร็จตรงหน้า แต่ชอบย้อนถึงช่วงเวลาที่เหนื่อยและผิดพลาด ราวกับกำลังเล่าถึงเพื่อนสนิทที่ยอมเปิดเปลือกให้เห็นทั้งด้านสดใสและด้านที่ต้องเจ็บตัว การสัมภาษณ์ของเขามักเริ่มจากประสบการณ์จริง เช่น เหตุการณ์ในกองถ่ายหรือความรู้สึกหลังอ่านบทครั้งแรก แล้วค่อยกระจายไปสู่บทเรียนที่ได้เรียนรู้ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกจับต้องได้และได้เข้าใจพัฒนาการของเขาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
มุมที่เขามักเน้นคือการเติบโตจากงานเล็กสู่บทบาทที่ท้าทายมากขึ้น เขามักพูดถึงการเลือกงานอย่างมีเหตุผล ไม่ได้แค่รับทุกบทเพราะชื่อเสียง แต่เลือกบทที่ช่วยให้เขาเรียนรู้หรือทลายกรอบเดิม ๆ ของตัวเอง ในหลายครั้งเขายอมรับว่ามีความกลัวและความไม่แน่ใจ แต่ใช้ความขยันและการซ้อมเป็นตัวปรับ เขาชอบเล่าย่อหน้าสั้น ๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัว เช่น อ่านบทซ้ำ ฝึกเข้าฉากกับเพื่อนนักแสดง หรือปรึกษากับผู้กำกับ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ภาพเส้นทางอาชีพของเขาดูมีเมตริกซ์ของการตัดสินใจ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพียงอย่างเดียว
สำเนียงการให้สัมภาษณ์ของ Ohm Pawat มีความเป็นกันเองและไม่ปรุงแต่งหนัก บ่อยครั้งจะมีมุกเล็ก ๆ หรือความอ่อนน้อมที่ทำให้คนดูหัวเราะแล้วรู้สึกอุ่น เขาเล่าถึงความสัมพันธ์กับทีมงานและความกตัญญูต่อคนรอบข้างบ่อย ๆ ซึ่งสะท้อนว่าสำหรับเขาอาชีพนี้เป็นงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือ ไม่ใช่ความโดดเด่นคนเดียว นอกจากนี้ยังมีช่วงที่เขาพูดตรง ๆ ถึงความกดดันจากสังคมและโซเชียลมีเดีย ว่าทำให้เขาต้องเรียนรู้การตั้งขอบเขตของตัวเอง เพื่อรักษาสุขภาพจิตและความยั่งยืนในการทำงาน บทสัมภาษณ์แนวนี้ทำให้เขาดูเป็นนักแสดงที่มีความรับผิดชอบต่อทั้งงานและตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้สัมภาษณ์ของเขาน่าฟังคือความจริงใจและความเป็นมนุษย์ เขาไม่พยายามยกตัวเองขึ้นสูงหรือปั้นภาพให้สมบูรณ์แบบ แต่เลือกพูดถึงการพัฒนาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การล้ม การลุก การเรียนรู้จากบทที่ไม่สำเร็จ จนถึงวันที่ได้บทที่รู้สึกว่าตรงใจ นั่นทำให้ฉันมองเส้นทางอาชีพของเขาเป็นเรื่องราวต่อเนื่องที่ยังไม่จบ และคอยลุ้นว่าทุกย่างก้าวของเขาจะนำไปสู่บทบาทใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ความจริงจังแบบนั้นชวนให้รู้สึกอบอุ่นและเป็นแรงบันดาลใจไปพร้อมกัน