พอได้ดูฉบับปี 2019 แล้วความคิดแรกที่กระจ่างชัดคือทีมงานตั้งใจทำให้เรื่องราวเป็นนิยายแฟนตาซีโรแมนติกเต็มรูปแบบ มากกว่าการยึดติดกับโทนศีลธรรมแบบดั้งเดิมของ '白蛇傳' ที่เราคุ้นเคย
ฉันมองว่าจุดต่างชัดที่สุดอยู่ที่การปั้นตัวละครให้มีมิติและเหตุผลทางอารมณ์มากขึ้น:
นางพญางูขาวถูกเล่าเป็นคนมีปณิธาน มีเป้าหมายส่วนตัว และไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์แห่งความรักหรือบาปตามตำราโบราณ บทของตัวเอกชายก็ได้รับการขยายให้มีพื้นหลังที่เจาะลึกขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดูเป็นการพบกันของสองโลกที่มีเหตุผลรองรับแทนที่จะเป็นเพียงชะตา
ลิขิตเดียว นอกจากนี้ตัว
ร้ายอย่างพระฟาหรือผู้สืบทอดแนวคิดเคร่งครัดในนิทานดั้งเดิม ถูกเบลนด์ให้มีมุมมองที่เข้าใจได้มากขึ้น แทนที่จะถูกวาดให้ร้ายสุดโต่งเพียงอย่างเดียว ฉากแฟลชแบ็กและแรงจูงใจของแต่ละคนทำให้ความตึงเครียดระหว่างศาสนา-มนุษย์-
ภูตผีมีน้ำหนักขึ้น
ด้านองค์ประกอบเชิงภาพและโทนเรื่อง นำเสนอความเป็นแฟนตาซีสมัยใหม่ด้วยงานวิชวล เอฟเฟกต์ และฉากต่อสู้ที่ค่อนข้างเด่นกว่าเนื้อหาทางศาสนาหรือศีลธรรมในนิยายต้นฉบับ ฉันชอบที่มีการใส่องค์ประกอบโลกกว้าง เช่น เคลือบแคมป์ของฝ่ายต่าง ๆ ความขัดแย้งเชิงการเมืองภายในหมู่ภูต รวมถึงความสัมพันธ์ของ
น้องสาวงูกับนางพญาที่ถูกขยายให้เป็นซับพลอตสำคัญ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแทรกซีนบู้และฉาก
เวทมนตร์มากขึ้น ทำให้บางช่วงหัวใจของนิทานโบราณ — การเตือนเรื่องผลกรรมและการชดใช้ — ถูกแตะเบา ๆ กว่าที่ควรเป็น
ในท้ายที่สุด ฉันคิดว่างานชิ้นนี้เป็นการตีความที่ตั้งใจขยายขอบเขตผู้ชมให้ร่วมสมัยขึ้น: สำหรับคนที่อยากได้ความงามของเรื่องรักอมตุกับฉากแอ็กชั่น จัดว่าเติมเต็ม แต่ถาหวังหารสชาติดั้งเดิมแบบนิทานที่เน้นการลงโทษและการไถ่บาปแบบโบราณ อาจรู้สึกว่าฉบับ 2019 ได้เปลี่ยนโฟกัสไปค่อนข้างมาก