ท้องฟ้าสามารถเป็นเครื่องมือบอกอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนกว่าเสียงพูดใดๆ ในงานเขียนของเรา
เวลาเขียนฉากรักหรือการพร่ำเพ้อ ฉันมักเลือกไวพจน์ที่ให้โทนอบอุ่นและลื่นไหล เช่น 'ฟ้าใสเหมือนกระดาษไข' หรือ 'แสงสว่างแผ่ซ่านผ่านครามบาง' เพราะคำแบบนี้จะทำให้ภาพไม่หนักเกินไปและยังคงพื้นที่ให้ผู้อ่านเติมความทรงจำของตนเองได้ ในทางตรงกันข้าม เมื่อฉากต้องการความหม่นหรือความเงียบเหงา คำว่า 'ครามลึก' '
ฟ้าครึ้ม' หรือ 'ท้องฟ้าหม่นจนเกือบพังทลาย' จะดึงจังหวะของฉากให้ช้าลงและเพิ่มแรงตึงในบรรยากาศ
เมฆและสีเป็นองค์ประกอบที่ไม่ควรถูกละเลย ฉันมักแยกคำไวพจน์ออกเป็นสามชั้นง่ายๆ: คำบรรยายสี (เช่น 'คราม', 'สีนภา', 'ส้มอมเลือด'), คำบรรยายเท็กซ์เจอร์ (เช่น 'ฟ้ากระด้าง', 'เมฆพรุนเหมือนผืนผ้า'), และคำเปรียบเทียบเชิงอารมณ์ (เช่น 'ฟ้าเป็นหน้าต่างที่ปิดลง' หรือ 'แสงร้าวเป็นรอยยิ้มที่เหนื่อยล้า') ตัวอย่างการใช้ที่ชอบคือฉากพระอาทิตย์ขึ้นใน 'Your Name' — การเลือกคำที่เน้นแสงและการเคลื่อนไหวของเมฆช่วยยกระดับความหวังและการเริ่มต้นของเรื่อง
ท้ายสุด เทคนิคง่ายๆ ที่ยึดไว้เสมอคือ: อ่านประโยคออกเสียงแล้วฟังจังหวะ เลือกคำที่สอดคล้องกับอารมณ์ของตัวละครและโทนงาน อย่าใช้คำพรรณนามากเกินไปจนบดบังการกระทำของตัวละคร เพราะท้องฟ้าแม้สวยก็ควรทำหน้าที่เสริมเรื่อง ไม่ใช่แย่งซีนจากมันซะเอง