พอได้ยินชื่อ '
บ้านวิกลคนประหลาด 2' ก็แทบจะนึกภาพบรรยากาศหลอน ๆ ผสมความอบอุ่นขึ้นมาทันที — นี่คือมุมมองของคนที่หลงใหลในเรื่องราวที่บ้านกลายเป็นตัวละครหนึ่งได้จริง ๆ ผมขอเริ่มด้วยการชี้ชัดว่าตัวละครหลักสองคนที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างชัดเจนคือ 'มินท์' กับ 'บารอน' — ทั้งสองมีบทบาทที่ทับซ้อนทั้งเชื่อมโยงและขัดแย้งกันไปมา ทำให้เรื่องไม่เคยนิ่ง
'มินท์' ถูกเขียนให้เป็นแกนกลางอารมณ์ของเรื่อง เธอเป็นคนหนุ่มสาวที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังเก่าเพราะเหตุผลส่วนตัว—การหลบหนี ความอยากรู้อยากเห็น หรือการตามหาบางอย่างในอดีต บทบาทของเธอไม่ได้เป็นแค่ผู้พบปะเหตุการณ์แปลก ๆ แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนให้ผู้ชมเห็นความเปราะบาง ความกล้า และการเติบโตทางใจของตัวละคร เธอหูไวตาไว สังเกตง่าย และมีมุมมองที่ทำให้ฉากธรรมดา ๆ กลายเป็นเงื่อนงำที่ต้องสืบต่อไป ผมชอบวิธีที่งานเขียนให้เธอต้องเผชิญทั้งความหวังและความสูญเสีย โดยที่การตัดสินใจเล็ก ๆ ของเธอมีผลต่อจังหวะการเล่าเรื่องอย่างชัดเจน
ฝ่าย 'บารอน' น่าสนใจตรงที่เขาไม่ใช่แค่ตัวร้ายแบบชัดเจน แต่เป็นตัวตนของบ้าน—ทั้งเป็นผู้พิทักษ์ เป็นความทรงจำ และเป็นภัยคุกคามในเวลาเดียวกัน บทบาทของบารอนทำหน้าที่เป็นแรงเสียดทานที่บังคับให้มินท์ต้องเลือกว่าจะเรียนรู้หรือทำลาย เขามักจะแสดงออกผ่านสัญญาณเล็ก ๆ เช่นเสียงบันได ซอกมุมที่ไม่เคยถูกเจาะ หรือภาพสะท้อนในกระจก ความคลุมเครือในเจตนารมณ์ของบารอนคือสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมินท์น่าสัมผัส — บางครั้งเป็นครู บางครั้งเป็นกับดัก การออกแบบตัวละครบารอนยังทำให้นึกถึงการใช้บ้านเป็นตัวละครในงานอย่าง 'Spirited Away' ที่บ้าน/สถานที่มีพลังแฝงตัวเองอยู่เสมอ
เมื่อลองมองทั้งคู่พร้อมกัน ความน่าชอบใจของเรื่องอยู่ที่การสลับบทบาทระหว่างผู้ใช้แรงผลักและผู้ถูกผลักจนบางฉากคนดูอาจไม่แน่ใจว่าควรเชียร์ฝ่ายไหน สุดท้ายผมรู้สึกว่าการตีความว่า 'บ้าน' และ 'คน' สะท้อนกันได้ กลายเป็นเสน่ห์หลักของ 'บ้านวิกลคนประหลาด 2' ที่ยังคงทำให้หัวใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงฉากมืดสลับแสงที่มีทั้งเสียงหัวเราะกับเสียงถอนหายใจ