ลองนึกภาพว่าการอ่านเรื่องสั้นหรือนิยายเหมือนการชิมอาหารจานหนึ่ง:
รสในวรรณคดีไม่ใช่แค่พล็อตหรือเหตุการณ์ แต่มันคือรสชาติทางอารมณ์และความงามที่เรื่องนั้นทิ้งไว้ในปากเราเมื่ออ่านจบ ฉันมองว่า 'รส' เป็นคำรวบยอดของท่วงทำนองภาษา น้ำเสียง การเลือกภาพพจน์ การจัดจังหวะของเหตุการณ์ และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งหมดรวมกันจนเกิดเป็นความรู้สึกเฉพาะที่ผู้อ่านได้รับ นี่คือสิ่งที่ทำให้เรื่องหนึ่งๆ ยังคงติดตรึงใจได้ แม้จะเล่าเหตุการณ์ธรรมดาๆ ก็ตาม
พูดถึงประเภทของรส มันมีทั้งแบบที่มาจากทฤษฎีโบราณและแบบที่เข้าใจได้ง่ายในภาษาประจำวัน ถ้าไปยืมแนวคิดจากคำว่า 'rasa' ในประเพณีอินเดีย เราจะเจอรสหลักๆ หลายอย่าง เช่น รสรัก (ความงดงามแห่งความรัก), รสโศก (ความเศร้า), รสฮา (ความขบขัน), รสโกรธ (ความโทสะ), รสมหัศจรรย์ (ความอัศจรรย์), รสกล้าหาญ (ความยิ่งใหญ่ของ
วีรบุรุษ), รสหวาดกลัว, รสขยะแขยง และรสสงบ สำนวนไทยบางครั้งเรียกรวมๆ ว่า 'อรรถรส' ซึ่งหมายถึงรสที่ผู้อ่านได้รับจากงานศิลป์ ในทางปฏิบัติที่ใช้กันบ่อยๆ ในวงการหนังสือและภาพยนตร์ เรามักจะแยกรสแบบกว้างๆ เป็น รสโรแมนติก รสตลก รสเศร้า รสระทึกขวัญ/สยอง รสแฟนตาซี/มหัศจรรย์ รสปรัชญา/หนักแน่น และรสชีวิตประจำวันที่อบอุ่นหรือขมขื่น
รสเหล่านี้ไม่ได้อยู่แยกจากกันชัดเจน แต่ผสมกันได้ไม่รู้จบ เช่น นิยายเรื่องหนึ่งอาจให้ทั้งรสรักและรสขมแบบ 'bittersweet' หรือหนังสือเด็กบางเล่มที่อ่านแล้วรู้สึกทั้งอัศจรรย์และซาบซึ้ง เช่น 'The Little Prince' ที่ให้รสอัศจรรย์ผสมรสปรัชญา ส่วนภาพยนตร์ของสตูดิโอจิบลิอย่าง 'My Neighbor Totoro' มักเน้นรสความอัศจรรย์และอบอุ่น ขณะที่ละครเวทีคลาสสิกอย่าง 'Hamlet' ให้รสโศกและรสปรัชญาที่หนักแน่น ในงานการ์ตูนหรือมังงะ เราเห็นการผสมรสแบบแปลกๆ บ่อยครั้ง เช่น 'One Piece' ที่ผสมรสฮา รสวีรชน และรสเศร้าเข้าด้วยกันจนกลายเป็นรสเฉพาะตัว
การสร้างรสให้ชัดเจนขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้เขียน: ภาษาที่
เปล่งความรู้สึกเฉพาะ เสียงบรรยายที่เป็นเอกลักษณ์ การคุมจังหวะของฉากและบทสนทนา การวางซีนที่ทำให้ผู้อ่านสะเทือนใจหรือหัวเราะ และการเลือกมุมมองที่ทำให้เราสัมผัสความคิดตัวละครได้ลึกกว่าแค่การบอกเหตุการณ์ คนอ่านเองก็เป็นส่วนสำคัญ—ประสบการณ์ส่วนตัวกับความทรงจำจะทำให้รสเดียวกันถูกรับรู้ต่างกัน ฉันมักจะจับรสได้เร็วขึ้นเมื่อสังเกตว่าหัวใจเต้นกับบรรทัดไหนหรือสายตาหยุดที่ภาพไหน นั่นเป็นสัญญาณว่าผลงานนั้นให้รสที่ตรงกับความอ่อนไหวของเรา และสุดท้าย รสที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นรสที่ทำให้พอใจเสมอไป บางครั้งรสขมหรือรสเศร้านำมาซึ่งความสะเทือนใจที่สวยงาม ซึ่งสำหรับฉันคือเหตุผลที่ยังอยากกลับไปอ่านหรือดูผลงานนั้นซ้ำๆ เสมอ