ปกติถ้าพูดถึงมังงะแนวช้าสบายใจหรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า '
slow-manga' ผมมองว่ามันมีช่องทางจำหน่ายทั้งแบบเล่มจริงและดิจิทัลที่ค่อนข้างครบครัน เพราะสำนักพิมพ์ใหญ่ที่ซื้อสิทธิ์มังงะแนว slice-of-life มักจะวางขายผ่านร้านค้าหลัก ๆ เสมอ ด้านเล่มกระดาษ ร้านหนังสือในไทยที่มักมีสต็อกผลงานลิขสิทธิ์ชัดเจนอย่าง Kinokuniya, SE-ED และ Naiin มักนำเข้าเล่มภาษาญี่ปุ่นหรือฉบับแปลไทยของสำนักพิมพ์ท้องถิ่นเช่น Bongkoch, Luckpim หรือ Siam Inter มาให้เลือก ส่วนร้านออนไลน์อย่าง Kinokuniya Online, SE-ED Online และ Naiin Online ก็สะดวกในการสั่งซื้อมากกว่ายุคก่อน ถึงแม้บางเรื่องอาจต้องพรีออเดอร์ แต่โอกาสได้ของแท้สูงกว่าแหล่งอื่นแน่นอน
ด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลิขสิทธิ์ขายจริงใจ ผมชอบใช้ BookWalker Global และ Comixology/Kindle เพราะมีทั้งเล่มใหม่และคลาสสิกในรูปแบบอีบุ๊กที่ซื้อขาดเก็บไว้ได้ หลายสำนักพิมพ์ต่างประเทศอย่าง Kodansha, Yen Press, Seven Seas และ VIZ ก็ขายลิขสิทธิ์ผ่านสโตร์ของตัวเองหรือผ่านร้านใหญ่อย่าง Amazon ทำให้มังงะแนวช้าส่วนใหญ่สามารถหาซื้อได้ในรูปแบบดิจิทัลเช่นกัน สำหรับคนที่ชอบอ่านบนหน้าจอโดยตรง บริการอย่าง Piccoma (เวอร์ชันสากล) และ Manga Plus ของ Shueisha ก็มีผลงานลิขสิทธิ์ให้เลือก แม้โฟกัสจะไม่ใช่แนว slice-of-life อย่างเดียว แต่ก็มีหลายเรื่องที่ตอบโจทย์ผ่อนคลายได้ดี
ในมุมของผู้สะสมและคนที่อยากสนับสนุนผู้สร้างจริงๆ การซื้อจากร้านที่ระบุชัดว่าเป็นลิขสิทธิ์ถูกต้องสำคัญมาก เพราะนอกจากจะได้คุณภาพของเล่มและการแปลที่ดีแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ครีเอเตอร์ได้รับค่าลิขสิทธิ์ด้วย วิธีง่ายๆ ที่ผมใช้คือมองหาชื่อสำนักพิมพ์หรือ ISBN ตอนสั่งซื้อ ถ้าเป็นเล่มไทยก็ดูสำนักพิมพ์ท้องถิ่น ถ้าเป็นอีบุ๊กก็เช็กว่าอยู่บน BookWalker, Comixology, Kindle Store หรือสโตร์ของสำนักพิมพ์โดยตรง การซื้อจากแหล่งเหล่านี้มักได้ทั้ง 'Yotsuba&!' หรือ 'Laid-Back Camp' แบบถูกลิขสิทธิ์เมื่อมีการจัดจำหน่ายในพื้นที่
ท้ายสุด มุมมองส่วนตัวคือการตามหา 'slow-manga' ที่ถูกลิขสิทธิ์เป็นกิจกรรมที่ให้ความสุขแบบเงียบๆ เหมือนนั่งจิบชาอ่านมังงะ: บางทีก็ได้พบเล่มหายากที่ทำให้ใจสงบ และบางทีก็ประทับใจกับคุณภาพการแปลที่ดี การสนับสนุนแบบถูกลิขสิทธิ์ไม่ใช่แค่ได้อ่านอย่างสบายใจ แต่ยังช่วยให้ผลงานแนวนี้มีที่ยืนต่อไป ซึ่งสำหรับผมแล้วคุ้มค่ายิ่งกว่าสะสมเพียงอย่างเดียว