กลิ่นกาแฟเข้ม ๆ ในครัวตอนเช้าทำให้เริ่มวันได้ด้วยความสุขง่าย ๆ — นั่นคือแรงบันดาลใจเวลาที่อยากชงเลียนแบบรสของร้าน '
coffee in love' ที่ชอบไปนั่งหย่อนตัวลงบ่อย ๆ
เมื่ออยากให้รสใกล้เคียงร้านจริง ๆ ให้เริ่มจากเมล็ดก่อน: เลือกเมล็ดคั่วระดับกลางถึงเข้ม ถ้าชอบรสช็อกโกแลตและคาราเมล ให้หาคั่วที่ยังเหลือความหวานธรรมชาติของเบอร์รี่และช็อกโกแลต ส่วนกรุ่นผลไม้จะเข้ากับคั่วอ่อนมากกว่า ฉันมักใช้สัดส่วนกาแฟต่อน้ำประมาณ 1:15–1:17 สำหรับการทำด้วยดริปหรือเพอร์คูชั่น เพื่อให้ได้ความเข้มและบาลานซ์ดี น้ำที่ใช้ไม่ควรร้อนเกิน 93°C พักการต้มให้เหลือราว 90–92°C แล้วเริ่มเทแบบวนช้า ๆ ให้เกิด bloom ประมาณ 30–45 วินาที ก่อนค่อย ๆ เติมน้ำตามอัตราส่วนที่ต้องการ
สำหรับสไตล์เอสเพรสโซหรือลาเต้ของร้านนั้น โดสประมาณ 18–20 กรัม ออกมาเป็นช็อต 36–40 มิลลิลิตรในเวลา 25–30 วินาทีจะให้ความเข้มและครีมาที่พอเหมาะ การบดเป็นสิ่งสำคัญ — ถ้าบดหยาบไปช็อตจะจืด บดละเอียดเกินไปจะขมและอุดตัน ฉันชอบใช้การพรีอินฟิวชั่นสั้น ๆ ก่อนเต็มแรงปั๊มเพื่อให้การสกัดสม่ำเสมอ ส่วนฟองนม ควรนึ่งให้ได้ไมโครโฟมเนียน ๆ ที่อุณหภูมิ 60–65°C จะได้รสหวานจากแลคโตสโดยไม่สุกเกินไป
อยากได้สูตรหวานแบบร้านที่ทำตามได้ง่าย ๆ ลองไอเดียนี้: ช็อตเอสเพรสโซ 30 มล. ผสมกับนมสด 150 มล. และน้ำเชื่อมปาล์ม (ทำน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำตาลปาล์ม 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน ต้มละลาย) หากอยากเป็นแบบเย็น ให้เติมน้ำแข็งและลดปริมาณน้ำเล็กน้อย หรือถ้าชอบสไตล์ไทย ๆ ใช้คอนเดนซ์มิลค์ 1–2 ช้อนโต๊ะผสมกับช็อตแรง ๆ แล้วเติมนมขาวตามชอบ อีกเทคนิคที่ฉันมักทำคือทำคอนเซนเทรตด้วยการชงแบบดริปเข้ม ๆ แล้วแช่เย็นไว้เป็นฐานสำหรับไอซ์ลาเต้ ช่วยให้รสคงที่และทำได้เร็วเมื่อรีบ ๆ
หากไม่มีเครื่องเอสเพรสโซที่บ้าน วิธีที่เข้าถึงง่ายคือใช้เพอร์ฟอร์ม่า/ดริปอย่าง V60 ด้วยอัตรา 18–20 กรัมต่อ 300 มล. น้ำ หรือทำคอนเดนเสทสไตล์เวียดนาม (ช็อตเข้มกับนมหยอด) ทั้งหมดขึ้นกับการจูนความหวานและความเข้มจนได้จานโปรดของตัวเอง — ชอบเข้มก็เพิ่มกาแฟ ชอบนุ่มก็เพิ่มนม นี่แหละเสน่ห์ของการชงเองที่บ้าน: ปรับจนเป็นเวอร์ชันที่ทำให้ยิ้มได้ทุกเช้า