เราเคยหัวเราะลั่นกับมุกเล็กๆ แล้วน้ำตาซึมกับความไม่สมบูรณ์ของความรักในเรื่องนี้จนรู้สึกว่าโตขึ้นอีกนิด สายตาแรกของคนหนึ่งที่เรียงกันในห้องเรียนกลายเป็นแรงผลักดันให้เด็กสาวคนนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นไม่ใช่แค่การแต่งตัวหรือแต่งหน้า มันคือการค้นพบความมั่นใจและศักยภาพที่ซ่อนอยู่ข้างใน ซึ่งทำให้ฉากการแปลงโฉมกลางโรงเรียนกลายเป็นมากกว่ามอนทาจ
คอมเมดี้ — มันเป็นเครื่องหมายของการโตเป็นผู้ใหญ่แบบค่อยเป็นค่อยไป
ระหว่างทางมีมิตรภาพที่อบอุ่นและความเข้าใจจากคนรอบตัวแทรกอยู่เสมอ บทสนทนาเล็กๆ ที่ล้อมรอบชีวิตประจำวันของตัวละครช่วยขัดเกลาให้ความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เรื่องรักตามสูตร แต่เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ฉากที่ตัวเอกพยายามตั้งใจเรียน ปรับตัว เพื่อให้สมฐานะกับคนที่ชื่นชม กลายเป็นบทฝึกให้เห็นคุณค่าของการพยายามมากกว่าผลลัพธ์
ตอนจบไม่ใช่การจบแบบฟินจนน้ำตาไหลพราก แต่เป็น
ความหวานละมุนผสมความเป็นจริงที่ย้ำว่า การ
รักใครสักคนอาจไม่จบลงด้วยการครอบครอง แต่ด้วยการเติบโตไปพร้อมๆ กัน — นี่แหละเสน่ห์ของ 'สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก' ที่ทำให้ฉันยิ้มแบบอิ่มเอมทุกครั้งเมื่อคิดถึงฉากหนึ่งฉากที่ตัวเอกก้าวขึ้นบันไดสู่ความเป็นผู้ใหญ่