เสียงเปิดของ '
noble reflex' ทิ้งร่องรอยเอาไว้ตั้งแต่โน้ตแรก — มันเป็นธีมที่ผสมความยิ่งใหญ่กับความเปราะบางจนทำให้ผมนั่งนิ่งไปสักพักก่อนจะรู้สึกอยากกดเล่นซ้ำอีกครั้ง
เราเป็นคนที่ชอบจับรายละเอียดของเครื่องดนตรีและการจัดเลเยอร์ของซาวด์ เมื่อฟังธีมหลักของเรื่องนี้จะเจอชั้นของสตริงที่ฉาบด้วยซินธ์ลุกเป็นไฟ แล้วค่อย ๆ ถอยไปให้พื้นที่กับเปียโนแผ่ว ๆ ที่คล้ายจะเล่าเรื่องเบื้องหลังของตัวละคร การเรียงโทนแบบนี้ทำให้ธีมหลักกลายเป็นทั้งเพลงที่ใช้เปิดและเป็น leitmotif ของความทรงจำได้ในคราวเดียว ความรู้สึกพาให้นึกถึงงานที่มีพละกำลังดราม่าแบบ 'Attack on Titan' แต่ก็ร่วมสมัยและเป็นมิตรกับหูมากกว่า ไม่ได้เน้นความอลังการจนท่วมทุกอย่าง
อีกเพลงที่ผมให้ความสำคัญคือธีมการต่อสู้ — จังหวะที่กระชับด้วยกลองไฟฟ้าผสมกับเบสหนัก ๆ และสายเมโลดี้สั้น ๆ ที่แทงใจผู้ฟังตรงจังหวะหัวใจ เพลงนี้ทำหน้าที่ได้ดีทั้งตอนที่ต้องการความตึงเครียดและตอนที่ฉากแสดงความสามารถพิเศษของตัวละคร มันมีคุณสมบัติของเพลงบอสในเกม JRPG ยุคใหม่ แต่ใส่องค์ประกอบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยเข้าไป ทำให้ไม่รู้สึกย้อนยุค การผสมระหว่างคลาสสิกกับสังเคราะห์แบบนี้ทำให้แทร็กนั้นติดหูและกลายเป็นเพลงที่แฟน ๆ มักหยิบมาเปิดเวลาต้องการแรงผลักดัน
ปิดท้ายด้วยเพลงซอฟต์ ๆ ที่เล่นในฉากเงียบ — โน้ตไม่เยอะ แต่เต็มไปด้วยช่องว่างที่ให้จินตนาการทำงาน เสียงหายใจของไวโอลินเบา ๆ กับกีตาร์อะคูสติกแผ่ว ๆ ทำหน้าที่เป็นโซนพักสายตาของอารมณ์หลังจากฉากหนัก ๆ สำหรับเรา เพลงพวกนี้พาให้ฉากธรรมดากลายเป็นความประทับใจเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ในความทรงจำมากกว่าจะเป็นท่วงทำนองอลังการ นั่นคือเสน่ห์ของซาวด์แทร็กชุดนี้ — มันเข้าถึงทั้งฉากใหญ่และฉากเล็กโดยไม่สูญเสียความสัมผัสทางอารมณ์