มุมปากของมาร์คขยับเป็นร้อยยิ้ม แต่แววตาของเขากลับไม่ได้ยิ้มด้วยเลย มันเป็นเพียงการสวมร้อยยิ้มปลอม ๆ“คุณไม่ได้จะบอกให้ผมไปตามหาที่ดินที่คุณสมมุติขึ้นมานั้นเองใช่ไหม?” เขากล่าวขึ้น “ทุกคนที่สมองยังใช้งานได้ต่างสามารถฝันถึง ‘ทางออก’ ที่ง่ายขนาดนี้ได้! เหตุผลที่ผมเรียกพวกคุณมาประชุมก็เพราะว่าผมต้องการผลลัพธ์และความคืบหน้าจริง ๆ แต่คุณกลับ… ถามผมราวกับว่าคุณกำลังขออนุญาต ถามจริง? คุณพิจารณาเองสักนิดไม่เป็นเลยเหรอ?! ก็ได้ เยี่ยมเลย งั้นผมเดาว่าผมควรจะเริ่มนับถอยหลังรอวันที่บริษัทของผมพังทลายได้เลย” ผู้บริหารหนุ่มรีบเก็บแฟ้มเอกสารของตัวเองทันทีราวกับว่าเขากำลังจะออกจากห้อง “ครับ ครับ! ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ ผมสัญญาว่าคราวหน้าผมจะทำให้คุณภูมิใจ!”มาร์คนวดหน้าผากตัวเอง “พระเจ้าช่วย พวกคุณก็ต่างโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ ทำไมถึงไม่ลงมือทำงานทันทีที่คิดว่าตัวเองมีวิธีแก้ปัญหาดี ๆ บ้างเลย? ทำไมต้องรอให้ผมอนุมัติก่อนด้วย หื้มม? เลิกขออนุญาตผมทุกเรื่องได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สมองคุณจะฝ่อเอานะถ้าจะไม่ใช้มันเลยน่ะ คุณรู้ไหมว่าผมอยากได้ยินว่าอะไร? ผมอยากได้ยินว่า ‘คุณเทรมอนต์ครับ ผมเจอที
เจตต์ส่ายหัว “บ้า ไม่ต้องหรอก ที่นี่ก็น่าอยู่ดีออก เห็นไหม? มีตั้งสองห้องนอนแหนะ ห้องหนึ่งของเธอ ห้องหนึ่งของฉัน ฉันจะได้มาค้างที่นี่ตอนที่สะดวกได้ด้วย” เขากล่าว “และเธอไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานเลย งานฉันเลี้ยงเราสองคนได้สบาย อย่างน้อยก็ก่อนที่เด็กนั้นจะคลอด แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เราสองคนอาจจะไม่ได้มีอนาคตร่วมกัน แต่เด็กนั้นเป็นลูกฉันเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่ากังวลเกินไปและทำตามที่ฉันบอกก็พอ นี่ ถ้ามองข้ามเรื่องที่เราไม่ได้คบกันจริง ๆ ฉันว่าเราดูเหมือนสามีภรรยากันจริง ๆ นะ” ธัญญ่ารู้สึกกระเทือนในหน้าอกราวกับว่ากำแพงที่ปิดล้อมหัวใจเธอได้พังทลายลง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพิจารณาเจตต์อย่างรอบคอบ… และพบว่าความปรารถนาของเธอที่มีต่อแจ็คสันลดลงเธอหวังเพียงเสี้ยววินาทีว่าข้อตกลงระหว่างเธอกับเจตต์นั้นเกิดขึ้นด้วยความยินยอมโดยสุจริตและเที่ยงแท้ เธอต้องการมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรจริงเลย พวกมันเป็นเพียงบทบาทที่พวกเขาต้องเล่นตามเพื่อความอยู่รอดความอึดอัดที่อัดแน่นในหน้าอกของเธอทำให้เธอหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย “ฉัน… อ้อ ผ้ากอซจะหมดแล้ว” เธอประกาศ “ฉันจะลงไปร้านขายยาข้างล่างแ
เจตต์ซุกบัตรนั้นไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างลังเล “คุณก็รู้ว่าถ้าหากคุณทำอะไรมากเกินไป นายท่านจะสงสัยคุณเอาได้นะครับ”อเลฮานโดรยิ้ม “เรื่องนั้นมันน่าสงสัยตรงไหนเหรอ? หรือเขาสงสัยว่าฉันอาจจะไม่ใช่หลานชายสุดที่รัก อเลฮานโดร สมิธของเขาจริง ๆ? นั่นมันเป็นความสงสัยของนายท่านหรือของนายกันแน่? แล้วถ้าฉันบอกนายว่า ฉันไม่ใช่อเลฮานโดรล่ะ?”เจตต์ก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิม เสียงของเขาเอื่อยเฉื่อยจนแทบจะเหมือนหุนยนต์ตอนที่เขาตอบ “สำหรับผม คุณสมิธก็คือคุณสมิธวันยังค่ำ ความเป็นไปได้อื่นใดไม่สำคัญ แม้ว่าคุณจะทำสิ่งที่ตลกหรือน่าสงสัยอยู่ก็ตาม” อเลฮานโดรดูเหมือนจะอารมณ์ดี “ฮ่า เพราะแบบนี้ไงฉันถึงชอบนายและอยากให้นายอยู่ข้างฉัน นายรู้ไหม… ธัญญ่าอาจจะไม่ได้ฉลาดมากนักแต่เธอค่อนข้างหน้าตาดีเลยนะ นายควรจะลองพิจารณาเธอดูดี ๆ” “คนอย่างผมจะไม่มีวันมีชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคง” เจตต์ตอบอย่างสงบ “สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือการต้องลากคนอื่นเข้ามาเสี่ยงกับผม ถ้าผมทำได้ ผมอยากจะคืนอิสรภาพให้เธอมากกว่า”อเลฮานโดรดูเหมือนจะตะลึงกับความตรงไปตรงมาของเขา “หึ แค่นั้นก็ทำให้นายมีมนุษยธรรมมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ทำงานให้กับครอบครัวนี
หัวใจของแอเรียนสั่นสะท้าน“ไม่ว่านายจะทำอะไร ห้ามกลับเข้าไปในโรงแรมเด็ดขาด หาที่ซ่อนแถว ๆ นั้นและอย่าให้พวกมันหานายเจอ ส่งที่อยู่มาให้ฉันด้วย ฉันจะพากำลังเสริมไปช่วย!” แอเรียนตอบขณะที่สั่นสะท้าน หลังจากที่วางสายเธอก็รีบไปที่ห้องนอนทันที มาร์คเพิ่งจะลงไปแช่น้ำแบบโป๊เปลื่อย เขายิ้มเมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ “จะทำอะไรเหรอ? ฉันว่าฉันพอจะมีแรงอยู่นะ ถ้าเธอต้องการมันขนาดนั้น…” ถึงจุดนี้เธอไม่อาจสนใจที่จะรู้สึกเขินอีกต่อไป “ไม่ใช่อย่างนั้น มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฮาร์วีย์ ฉันคิดว่าพวกลักพาตัวน่าจะบุกไปที่โรงแรม มันต้องมีอะไรแน่ ๆ คุณจะต้องไปกับฉันและเรียกกำลังเสริมมาด้วย ฉันกลัวจริง ๆ นะคุณ! เรากำลังพยายามจะสืบว่าอีธานอยู่เบื่องหลังทั้งหมดนี้หรือเปล่าไม่ใช่เหรอ? เร็วเข้า ออกมาจากอ่างได้แล้ว!” รอยยิ้มของมาร์คจางหายไป เขาทำหน้าเคร่งขรึมและลุกออกจากอ่างอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะดึงเสื้อคลุมมาคลุมตัว “ไปเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรหาเฮนรี่”แอเรียนหันหลังกลับและเดินไปที่ห้องเสื้อผ้าก่อนที่จะสุ่มหยิบเสื้อผ้ามาหนึ่งชุด “คุณใส่เสื้อผ้าเลยเดี๋ยวฉันโทรหาเฮนรี่เอง บอดี้การ์ดต่างเตรียมพ
แอเรียนผิดหวัง เธอหวังจะได้เห็นพวกที่ลักพาตัวฮาร์วีย์เผื่อว่าเธออาจจะได้เบาะแสอะไรที่จะสามารถนำไปหาอีธานได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็มาช้าเกินไปพวกเขาพาทุกคนขึ้นไปที่ชั้นบนและพบว่าประตูห้องของโซอี้และคุณแฮร์ริสถูกเปิดทิ้งไว้ ข้างในห้องเลอะเทอะมาก เจ้านายหญิงของโรงแรมกำลังคำนวณค่าเสียหายขณะที่ดุพวกเขาด้วยคำพูดที่เจ็บปวด ทั้งคู่ยังคงอยู่ในอาหารช็อก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย พวกเขาเพียงแต่ยืนรับคำวิจารณ์ของเจ้านายหญิงคนนั้น โซอี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่กลับกันกับสามีของเธอที่ดูราวกับว่าโดนทุบตีมาอย่างหนัก แอเรียนก้าวเข้าไปหยุดเจ้านายหญิง “พอได้แล้ว เดี๋ยวฉันชดเชยให้ เฮนรี่ ลงไปข้างล่างกับเธอและให้เธอคำนวณค่าเสียหายมาให้หมด ชำระอะไรที่ยังค้างคาให้หมดเลย” เจ้านายหญิงที่เห็นจำนวนคนที่แอเรียนพามาด้วยกลัวเกินกว่าจะโวยวายต่อ เธอเพียงแต่เดินตามเฮนรี่ไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆโซอี้เหลือบมองฮาร์วีย์และเข้าใจทันทีว่าแอเรียนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร “พวกเราไม่ได้เป็นอะไร ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนขนาดนี้ พวกเราทุกคนปลอดภัยดี” “ฉันรู้” แอเรียนตอบอย่างสงบ “ฉันเห็นแล้ว ตาฉันยังใช
ไบรอันหุบยิ้มทันที “ครับนายท่าน มันมีเหตุผลที่ผมยังไม่มีแฟนจริง ๆ อย่างเช่น ตารางงานที่ยุ่ง ไม่มีเวลาว่าง และอื่น ๆ …”“งั้นนายอยากจะลาพักร้อนยาว ๆ ไหมล่ะ?” มาร์คถามอย่างนุ่มนวล “หรือบางที่นายอาจจะอยากเกษียณเร็วขึ้นประมาณยี่สิบสามสิบปี?”ไบรอันส่ายหัวอย่างรุนแรง “ไม่ครับ ไม่ครับ ผมยินดีที่จะรับใช้คุณ แม้ว่าผมจะเกษียณผมก็ยังยินดีที่จะขับรถให้คุณต่อเป็นสิบ ๆ ปีตราบใดที่ผมยังสามารถขับไหวครับ”…ณ คฤหาสน์เวสต์ซัมเมอร์ป่วยติดเตียงตั้งแต่ที่ถูกธัญญ่าบีบคอและจะมีไข้เป็นครั้งคราว คุณหมอสรุปว่ามันเป็นผลจากอาการช็อกและเธอจะหายดีหลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วยเหตุนี้แจ็คสันถึงได้กลับมาเยี่ยมหาที่คฤหาสน์เวสต์บ่อยขึ้น ส่วนใหญ่เพราะเขารู้สึกผิดและเพราะว่าเขาสงสารแม่ตัวเอง เจตคติของเขาต่อแอตติคัสก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่เขาเห็นว่าแอตติคัสดูแลเอาใจใส่และเป็นห่วงซัมเมอร์มากแค่ไหน แม้ว่าแจ็คสันยังคงปฏิเสธที่จะทักทายหรือคุยกับแอตติคัสก่อน แต่อย่างน้อยแจ็คสันก็ไม่ได้กลับมาบ้านด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป“แจ็คสัน ลูกไม่ต้องห่วงแม่หรอก แม่มีพ่อคอยดูแลอยู่ แม่ไม่ได้เป็น
ไม่ถึงครึ่งเดือนต่อมา สภาพอากาศในเมืองหลวงก็ถึงจุดที่แผดเผาสูงสุดของปี อากาศในเมืองร้อนมากจนผู้คนล้วนแต่อยากจะอยู่ในบ้าน ไม่มีใครอยากออกไปไหนทั้งนั้นแอเรียนและแอริสโตเติลใกล้จะล้มป่วยจากความชื้นนี้ ภูมิต้านทานต่อความร้อนของแอริสโตเติลต่ำมากจนแอเรียนกลัวว่าเขาจะเป็นลมแดดถ้าเธอพาเขาออกจากบ้าน ทุกวันนี้เธอจึงไม่ค่อยได้พาเขาออกไปที่สวนและจะพาเขาเดินเล่นในตอนเย็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกเท่านั้น ไม่ว่าคฤหาสน์เทรมอนต์จะใหญ่แค่ไหน มันกลับดูเล็กลงมากในช่วงเวลาเช่นนี้ การที่ต้องอยู่แต่ข้างในบ้านทั้งวันนั้นค่อนข้างจะน่าเบื่อมากเลยทีเดียวพักหลัง ๆ นี้มาร์คยุ่งมากจนแอเรียนและแอริสโตเติลแทบจะไม่ได้เจอเขาเลย เขาจะออกไปทำงานก่อนที่แอเรียนจะตื่นและกลับมาบ้านเมื่อเธอเข้านอนไปแล้ว เธอเริ่มสงสัยว่าแอริสโตเติลจะลืมหน้าดาด๊าของเขาหรือไม่ ถ้าขืนยังเป็นอยู่แบบนี้ต่อไป ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็อยู่บ้านเดียวกันแต่กลับไม่เคยได้เห็นหน้ากันเลย และทารกก็มักจะมีความทรงจำที่ไม่ดี มันจึงจะไม่น่าแปลกใจเลยถ้าสมอร์จะลืมหน้ามาร์คณ ตึกเทรมอนต์ ทาวเวอร์ ในห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุดสีหน้าของมาร์คเยือกเย็นที่สุด เขาเอนกา
แจ็คสันวางโทรศัพธ์ลงที่โต๊ะโดยไม่วางสาย “เราเพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะครับ แล้วทำไมวันนี้ผมถึงได้รับเกียรติในการมาเยี่ยมเยือนของคุณเหรอครับ? ช่วยบอกผมที” เขาตั้งใจเน้นย้ำไปที่การพบปะกันครั้งก่อนของพวกเขาเมื่อชายทั้งสองไปหาทิฟฟานี่ในเวาลาเดียวกัน ความโกรธแค้นระหว่างพวกเขายังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของแจ็คสัน เจตต์เข็นอเลฮานโดร ซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นตามปกติ ไปข้างหน้า “คุณมีที่ดินดี ๆ อยู่ในมือ เสนอราคามาเลย ผมต้องการมัน"แจ็คสันหรี่ตาลง "โอ้? เห็นได้ชัดว่าแหล่งข้อมูลของคุณมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ผมแค่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินผืนนั้นดี แต่ผมไม่ได้ลืมมันนะ ท้ายที่สุดมันก็มีค่ามาก แต่ตอนนี้คุณก็มีที่ดินมากมายแล้ว คุณจะซื้อเพิ่มอีกทำไม? คุณตั้งใจจะผูกขาดตลาดในเมืองหลวงเหรอ? แต่โชคร้ายหน่อยที่เพื่อนผมเพิ่งจะโทรมาและผมก็ตกลงว่าจะขายที่ดินนั้นให้เขาไปแล้วด้วย”“ผมจะให้สองเท่าของราคาที่เขาเสนอ คุณจะว่าไง?” อเลฮานโดรตอบทันที แจ็คสันเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ผู้คนมักจะประเมินราคาที่ดินไว้สูง ๆ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับผู้ซื้อที่ดื้อรั้นขนาดนี้ ต่อให้ราคาที่ดินที่สูงขึ้น