ทั้งนิรมลและเอกภพหายไปหนึ่งเดือน เพราะไปติดต่อกับมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นจบการศึกษา และทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในวันที่เข้ามาทำงานวันแรก
ติ๊ง...
เสียงลิฟต์ดังขึ้นที่ชั้นหนึ่ง พนักงานบริษัทที่ยืนรออยู่ต่างก็เดินเข้าไปในลิฟต์ ในตอนนั้นทุกคนยืนเบียดเสียดกันเข้าไปในสถานที่แคบๆ ไม่มีใครมองหน้าใคร
“รอด้วยค่ะ...”
เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาในลิฟต์นั้น แต่เมื่อเธอก้าวเข้าไป ก็มีเสียงดังเกิดขึ้น
ตืด...“น้ำหนักเกินแล้ว น้องรอไปรอบหน้าก็แล้วกันนะ”
พี่คนหนึ่งพูดขึ้น นิรมลก้มหัวให้แล้วออกมายืนรอด้วยความเซ็ง
“โธ่เอ๊ย อุตส่าห์รีบวิ่งมาแล้วเชียว แล้วนี่จะขึ้นไปสแกนนิ้วทันไหมเนี่ย”
นิรมลก้มมองนาฬิกาและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา โดยไม่ได้สนใจมองรอบข้างว่าจะมีใครมายืนอยู่ด้วยหรือไม่ เธอคงจะยืนเล่นอยู่อีกนานกว่านี้ หากไม่มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
“ไม่คิดจะรีบเข้างานหรือไง หรือว่าอยากจะมีประวัติมาทำงานสายตั้งแต่วันแรก”
นิรมลหันหน้าไปมอง เธอก็ได้พบกับเอกภพ เขามีรูปร่างสูงกว่าเธอ ผิวเข้ม วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินแขนยาว ผูกเนกไท ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากกว่าเมื่อครั้งที่เขาสวมใส่ชุดนักศึกษา
“ลิฟต์ยังไม่มานี่นา ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง”
เอกภพไม่พูดอะไรต่อ เขากดลิฟต์แทนเธอที่ไม่ได้กดไว้ ทำให้นิรมลร้องอุทานอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“ถึงว่าสิ...ทำไมลิฟต์ไม่ลงมาสักที ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย”
“เกือบเก้าโมงแล้ว รีบขึ้นไปเถอะ”
ทั้งนิรมลและเอกภพขึ้นไปทำงานได้ทันเวลา พวกพี่ๆ คนอื่นในแผนกต่างต้อนรับน้องใหม่เป็นอย่างดีด้วยการนำแฟ้มงานมาให้ทำและสอนงาน ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยุ่งกับงานจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวัน
“อ้าว อาหารของนายล่ะ”
นิรมลทักทายเอกภพ เมื่อเห็นเขายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์อาหาร เอกภพหยิบอาหารมาแล้วกวาดสายตามองไปทั่ว นิรมลพอเดาได้ว่าเขาน่าจะกำลังหาที่นั่ง เธอจึงพูดชวนให้เขามานั่งด้วยกัน
“ถ้านายไม่มีเพื่อนนั่งกินข้าว ไปนั่งกับฉันก็ได้นะ มาทางนี้สิ”
นิรมลเดินนำหน้า เอกภพพยักหน้าแล้วเดินตามไปนั่งด้านตรงกันข้าม ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ
“งานเป็นยังไงบ้าง แผนกของนายงานเยอะไหม”
เอกภพพยักหน้า “เยอะสิ งานของเธอล่ะ”
นิรมลพยักหน้ารับ
“เดือนนี้มีแค่เราสองคนที่เข้ามาทำงานใหม่ อีกหน่อยเราสองคนคงได้เจอกันบ่อยๆ”
“ทำไมล่ะ?”
เอกภพถามด้วยความสงสัย ทำให้นิรมลถอนหายใจกับความไม่รู้เรื่องของเขา นอกจากเรื่องคอมพิวเตอร์
“โธ่! นายไม่รู้เลยหรือไงว่าพี่ๆ ในแผนกเขาใช้ให้น้องใหม่คอยติดต่อประสานงานระหว่างแผนก จะได้รู้จักว่าใครเป็นใครไงล่ะ รับรองได้ว่าเดี๋ยวรุ่นพี่ก็จะใช้ให้นายไปติดต่อใครต่อใครแน่ๆ”
สิ่งที่นิรมลพูดเป็นความจริงทั้งหมด เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นเอกภพมาทำงาน รุ่นพี่ในแผนกให้เขาไปตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับแผนกอื่นๆ ที่ยื่นคำร้องให้ไปช่วยดูเครื่องหรือติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นให้ เอกภพขมวดคิ้วเมื่อเห็นรายชื่อคนที่เขาต้องไปติดต่อจำนวนห้ารายด้วยกัน
“ผมต้องไปทั้งหมดนี่เลยเหรอครับ”
“ใช่สิ งานง่ายๆ แค่ไปดูคอมพิวเตอร์แค่นั้นเอง ทำเสร็จแล้วก็อย่าลืมให้เขากรอกแบบประเมินออนไลน์มาให้ด้วยละ”
เอกภพไปจัดการดูเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ตามรายชื่อ คนแรกให้เขาช่วยลงโปรแกรมงานให้ ส่วนคนที่สองเครื่องเปิดไม่ติด เขาก็ไปจัดการให้จนสามารถเปิดเครื่องติด และไปดูคนที่สาม...คนที่สี่...จนกระทั่งถึงคนสุดท้าย เขาได้ไปลงโปรแกรมงานให้กับนิรมล ยิ่งได้เจอหน้าเจ้าของเครื่องแล้ว นั่นยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างกว่าเดิม
“ตอนแรกเราก็ว่าชื่อคุ้นๆ คิดอยู่ว่าใคร ที่แท้เป็นเธอนี่เอง”
นิรมลยิ้มให้ นึกแปลกใจที่เห็นเอกภพอยู่ที่แผนกของเธอ จึงถามเขาด้วยความสงสัย
“แล้วนายมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ เอ๊ะ...หรือนายจะมาลงโปรแกรมงานให้ฉัน”
เอกภพพยักหน้า “ใช่ เธอเรียกเราว่าหนึ่งก็ได้”
“ได้...นายเรียกฉันว่านิวเถอะ”
นับจากวันนั้น ทั้งสองคนก็ดูสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่เพิ่งเรียนจบใหม่ วัยใกล้เคียงกันเอกภพไม่ค่อยพูดจากับใครมากนัก ยกเว้นการคุยเรื่องงานเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้นิรมลพยายามชวนเขาพูดคุยหรือชวนไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จนเรียกว่าเป็น ‘เพื่อนสนิท’ เพียงคนเดียวของเอกภพมาหลายปี จนกระทั่งพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาเป็น ‘แฟน’
แต่...การเป็นแฟนกันระหว่างนิรมลและเอกภพ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดูจะเป็นไปด้วยความราบเรียบไม่หวานชื่นอย่างคู่อื่น ถึงจะมีชื่อเล่นที่เรียกกันสองคนว่า ‘จิ๋ว’ กับ ‘บีซี่’ ก็ตาม
ชีวิตในแต่ละวันของเอกภพ แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับนิรมลมากนัก เพราะต่างคนต่างทำงาน หากเขาอยู่บริษัทจนเย็นค่ำ นั่นคือเป็นการทำงานล่วงเวลามากกว่าใช้เวลากับเธอ
หากวันไหนไม่ได้ทำงานตอนเย็นหรือวันเสาร์อาทิตย์ เอกภพจะต้องรีบกลับบ้านตามคำสั่งของแม่ที่ดูจะหวงแหนลูกชายคนเดียวเสียมากกว่า
“บีต้องรีบกลับบ้านไปดูแลแม่กับน้อง ได้ยินแม่บ่นๆ ว่าปวดขาไปหมด อาจจะต้องขับรถพาไปจ่ายตลาดด้วย”
“เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นบีขับรถกลับดีๆ นะ”
นิรมลพูดอย่างนั้น เพราะไม่ต้องการรั้งเอกภพไว้ให้อยู่กับเธอคนเดียว เพราะรู้ว่าเขายังมีภาระหน้าที่อีกหลายอย่าง หญิงสาวเคยไปเยี่ยมแม่และน้องสาวมาแล้ว เหมือนกับที่เขาเคยไปพบพ่อแม่และน้องสาวของเธอที่บ้านนครปฐม
หญิงสาวดูไม่ออกหรอกว่าแม่ของเอกภพชอบเธอหรือไม่ แต่เธอก็ไม่อยากจะขัดขวาง หากแม่ของเขาต้องการให้ลูกชายกลับบ้านเร็ว หรือจะต้องไปซื้อของเข้าบ้าน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไปเหลวไหลหรือไปทำอะไรไม่ดี
ตู้ด....ตู้ด...“อ้าว สายหลุดเหรอเนี่ย ไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวโทร. ใหม่ก็แล้วกัน”กฤติกาโทรศัพท์อีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าไม่มีสัญญาณอีกเลย นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวร้อนใจมากขึ้น จนต้องโทรศัพท์ไปหาใครอีกคนหนึ่ง“คุณอาไม่รับโทรศัพท์พี่เลย เราจะเอายังไงดีคะ ได้ค่ะ เย็นนี้เราไปบ้านคุณอาด้วยกัน”เย็นวันนั้น นรีนันท์แวะมาหากฤติกาที่โรงเรียน เพื่อจะเดินทางไปหาพ่อแม่ของมาวินด้วยกัน โดยมีนรีนันท์เป็นผู้นำทางไปบ้านมาวิน แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ทั้งสองคนพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน กฤติกาจึงโทรศัพท์หาพ่อของมาวินอีกครั้ง“พี่โทรศัพท์ไม่ติดเลย สงสัยว่าคุณอาจะบล็อกเบอร์พี่ไปแล้วแน่ๆ”นรีนันท์เห็นแบบนั้น เธอจึงโทรศัพท์หาพ่อแม่ของมาวิน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เธอด้วยเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเหตุใดพ่อแม่ของมาวินไม่ยอมรับโทรศัพท์กันแน่!ถัดจากนั้นอีกสามวัน ที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนและกำลังทยอยกลับบ้าน ในระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของกฤติกาก็ดังขึ้น“สวัสดีค่ะ วั
เช้าวันเสาร์ นิรมลขับรถกลับมาบ้านที่จังหวัดนครปฐมอีกเช่นเคย แต่ในวันนี้แทนที่เธอจะได้พบเจอกับนรีนันท์ดังเช่นทุกครั้ง หญิงสาวกลับเจอแม่อยู่ที่บ้าน ถือว่าผิดปกติ“สวัสดีค่ะแม่ วันนี้ไม่ได้ไปทำนาเหรอคะ ทำไมอยู่บ้าน แล้วน้องไปไหนคะ”แม่ในตอนนั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ หันมาตอบในขณะที่กำลังกวาดพื้นบ้านอยู่“วันนี้แม่อยู่บ้าน ตั้งใจว่าจะเก็บของในห้องให้เป็นระเบียบมากกว่านี้จ้ะ ส่วนนัทไปค่ายอาสาน่ะ ตามกำหนดจะกลับมาบ้านวันนี้”นิรมลพยักหน้ารับรู้ เธอเห็นแม่ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อย หญิงสาวเดาว่าแม่น่าจะทำความสะอาดตั้งแต่เช้าแล้วจึงรีบอาสาช่วยงานทันที“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวหนูเอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ แล้วจะลงมาช่วยค่ะแม่”นิรมลเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องชั้นสอง เพียงครู่เดียวก็รีบลงมา พร้อมกับเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น แม่ของเธอหันมาเห็นก็ยิ้มให้“แหม...จริงๆ แล้วไม่ต้องเปลี่ยนชุดก็ได้ แต่เอาเถอะตั้งใจขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวนิวช่วยแม่เอาของจากลังนี่ มาใส่กล่องพลาสติกให้แม่ที”แม่พูดแล้วชี้ให้นิรมลดูว่าเธอต้องย้ายของจากกล่องไหน หญิงสาวพยักหน
วันรุ่งขึ้น เป็นเช้าวันจันทร์อันแสนสดใส นิรมลขับรถออกจากบ้านที่นครปฐมตั้งแต่ตีห้า หญิงสาวต้องไปแวะที่คอนโดฯ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เธอขับรถผ่านจุดที่เกิดเหตุ ก็ได้พบเจอกับร่างโปร่งแสงของมาวินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาวินไม่ได้มาในสภาพน่ากลัวอีก แต่กลับยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่มีความสุข พูดขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยเหลือเขามาตลอด“ผมขอบคุณพี่นิวมากนะครับ ของที่ฝากพี่ไก่ไว้ เดี๋ยวพ่อแม่ผมไปเอาของคืนเอง แล้วก็...ผมฝากให้พี่ช่วยบอกพ่อแม่กับคุณลุงคุณป้าลองปรับความเข้าใจกันด้วยนะครับ”มาวินพูดเพียงแค่นั้น แล้วร่างโปร่งแสงของเขาก็หายวับไปกับตา นิรมลจึงพูดเสียงดัง“ตกลงจ้ะ วันไหนพ่อแม่ได้ของคืนแล้วมาบอกพี่ด้วยนะ”นิรมลเข้าทำงานที่บริษัท ด้วยความที่เป็นเช้าวันจันทร์ จึงมีแต่โทรศัพท์จากลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีประชุมอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวยุ่งกับงานจนลืมเรื่องราวของมาวินไปเสียสนิทเหตุการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นิรมลยุ่งวุ่นวายกับการทำงานจนลืมวันลืมคืน จนกระทั่งถึงวันพฤหัสบดี เป็นวันครบรอบการคบกันถึงเจ็ดปีของนิรมลและเอกภพ ด้วยความยุ่งทำให้นิรมลลืม แต
นิรมลและนรีนันท์ไปถึงโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ซึ่งเป็นโรงเรียนเดิมของทั้งคู่ ประตูรั้วโรงเรียนปิดเนื่องจากเป็นวันหยุด แต่ทั้งสองคนก็ยังมองเห็นว่าภารโรงของโรงเรียนยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่พวกเธอทั้งสองคนมองไม่เห็นหน้า เนื่องจากหญิงสาวคนนั้นหันหลังให้นิรมลยืนมองด้านนอกประตูรั้ว ทีแรกนรีนันท์จะเปิดประตูเข้าไป แต่พี่สาวของเธอห้ามไว้“จะเข้าไปทำไม ยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่า”โชคดีที่ทั้งคู่ต่างยืนรอกันอยู่ที่หน้าโรงเรียน อีกสิบห้านาทีต่อมา หญิงสาวคนที่ยืนคุยอยู่นั้นก็เดินออกมา นรีนันท์ที่ยืนมองอยู่ตาโตด้วยความดีใจ เธอรีบสะกิดบอกนิรมลทันที“พี่นิว พี่คนนี้แหละค่ะที่เป็นญาติของมาวิน”“จริงเหรอ นัทรู้ได้ยังไง”นรีนันท์ยิ้มให้กับพี่สาว แต่ก่อนที่จะทันอธิบายอะไรออกมา หญิงสาวคนนั้นก็ออกมาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว นรีนันท์จึงเปลี่ยนเป็นเดินไปหาหญิงสาวคนนั้นแทน“สวัสดีค่ะพี่ไก่ จำนัทได้ไหมคะ”หญิงสาวคนนั้นหยุดชะงัก เธอมีใบหน้าคล้ายกับมาวิน แต่ขาวกว่า รูปร่างส่วนสูงพอๆ กันกับนรีนันท์ หญิงสาวคนนั้นหยุดคิดเพียงครู่เดียว แล้วร้องออกมา“
เช้าวันรุ่งขึ้น นรีนันท์รีบมาที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า เธอนัดเพื่อนๆ ที่ห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย หญิงสาวได้รับข้อความจากพี่สาวว่ารู้พาสเวิร์ดแล้วและพิมพ์บอกรหัสนั้นมาให้กับเธอนรีนันท์ตื่นเต้น และลุ้นมากว่ารหัสพาสเวิร์ดที่พี่สาวบอกนั้นจะถูกต้องหรือไม่ แต่เมื่อพวกเธอได้ทดลองเข้าอีเมลของมาวิน ปรากฏว่าถูกต้อง สามารถเข้าอีเมลได้ ทั้งสามคนต่างก็ดีใจกันมาก“เอาล่ะ คราวนี้กลุ่มพวกเราก็มีงานส่งกันสักที”นรีนันท์และเพื่อนๆ อีกสองคนต่างก็วุ่นวายกับการช่วยกันทำรายงานส่งอาจารย์ และสามารถส่งงานอาจารย์ได้ทันภายในวันศุกร์ตามที่กำหนดไว้ จนนรีนันท์ลืมถามนิรมลว่ารู้รหัสพาสเวิร์ดของมาวินได้อย่างไร?จนกระทั่งถึงวันเสาร์ นิรมลกลับมาถึงบ้านที่นครปฐมตั้งแต่เช้า ได้เจอกับนรีนันท์ที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก“พี่นิว ดีใจจังเลยค่ะที่กลับมา นัทกำลังคิดถึงพี่อยู่เลย”นรีนันท์วิ่งมากอดพี่สาวด้วยความคิดถึง นิรมลกอดน้องสาวตอบ เธอมองน้องสาวที่แต่งตัว สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ เหมือนว่าเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกมากกว่าจะอยู่บ้าน“นัทจะออกไปข้างนอกเหรอ แต่งตัวจะไปไห
นรีนันท์ที่ตอนนั้นถึงจะไม่เชื่อพี่สาวก็ตาม แต่เมื่อเธอย้อนกลับไปคิดทบทวนอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตามอย่างที่พี่สาวบอก นั่นก็คือลองสอบถามจากเพื่อนๆ ของเธอที่ไปเจอมาวินในที่เกิดเหตุ“แกต้องไปถามแม่ของมาวินแล้วแหละ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าของมาวินอยู่ไหน บางทีของอาจจะอยู่กับพ่อแม่ของเขาแล้วก็ได้”นรีนันท์ค้นหาเบอร์โทรศัพท์แม่ของมาวินที่เธอเคยขอไว้สำหรับการติดต่อกันเมื่อตอนงานศพของมาวิน แต่คำตอบของแม่มาวินกลับทำให้เธอสงสัยมากขึ้น‘แม่ยังไม่ได้ไปรับของคืนที่สถานีตำรวจเลย พ่อแม่ยังไม่ว่าง หนูมีอะไรหรือเปล่า’“เอ่อ...นัท...ตอนนี้นัทยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่นัทนึกถึงวันที่มาวินมาที่บ้าน วันนั้นดูเหมือนว่ามาวินจะมีโน้ตบุ๊กมาด้วย”‘งั้นเหรอจ๊ะ เอาเป็นว่าถ้าวันไหนแม่ว่างจะลองไปติดต่อที่สถานีตำรวจดูนะ’นรีนันท์วางโทรศัพท์ เธอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้านี้ที่พี่สาวของเธอโทรศัพท์มาเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง‘มาวินบอกว่าไฟล์รายงานที่ทำงานกลุ่มกัน อยู่ในโน้ตบุ๊กของเขา เขาอยากจะให้เอาของไปคืนให้พ่อแม่ของเขาให้หมดน่ะ’“แล้วพี่นิวรู้ได้ยังไงกัน มาวินมาเข้าฝันพี่หรือไง”นรีนันท์พูดเย้าแหย่พี่สาวเล่นๆ แต