เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลไปทำงานตามปกติ โดยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่บริษัทบ้าง หญิงสาวหยิบแฟ้มสรุปงานเมื่อวานที่ไปพบลูกค้ามาเพื่อจะรายงานหัวหน้า ขณะเดียวกันเพื่อนที่นั่งทำงานโต๊ะข้างๆ ก็เดินเข้ามาพอดี เธอรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหานิรมลเพื่อจะสนทนาถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้
“นิว...เมื่อวานเธอไม่อยู่...”
“นิวมาหรือยัง?”
เสียงดังมาจากข้างหลัง ทุกคนหันหน้าไปมองตามเสียง เพื่อนคนที่กำลังจะเล่าเรื่องหยุดชะงักและถอยห่างจากนิรมลเมื่อเห็นสีหน้าคนถามที่ดูเคร่งเครียด
“เมื่อวานผลเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวคุณเข้าไปสรุปให้ผมฟังที แล้วก็เตรียมข้อมูลและเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารกับผมด้วย”
“ได้ค่ะ”
นิรมลรับคำแล้วรีบถือแฟ้มงานตามเข้าไปในห้องหัวหน้า เพื่อรายงานผลงานเมื่อวานนี้ และออกมาเตรียมเอกสารการประชุมด้วยความเคร่งเครียด จนเพื่อนคนที่จะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังได้แต่นั่งมองห่างๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีคนมอง
“เมื่อเช้านี้พี่จะเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าคะ หัวหน้ามาพอดีเลยไม่ได้คุยกันต่อ”
“ไม่มีอะไรหรอก นิวรีบทำงานเหอะ อีกห้านาทีต้องเข้าประชุมแล้ว เดี๋ยวเตรียมเอกสารไม่ทัน”
นิรมลพยักหน้าให้
“งั้นค่อยคุยกันนะคะ”
นิรมลเข้าประชุม กว่าจะออกมาจากห้องประชุมได้ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้ว หลังจากนั้นเธอนั่งทำงานต่อ จนเริ่มรู้สึกเมื่อยล้า มองนาฬิกาที่ผนังห้องอีกทีก็พบว่าใกล้จะห้าโมงเย็น หญิงสาวนึกถึงเอกภพที่วันนี้ยังไม่ได้คุยกัน จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความ
‘บีอยู่ไหน ยังทำงานอยู่หรือเปล่า’
‘อยู่สิ นี่หัวหน้ากำลังเร่งงานบีอยู่เลย แล้วนี่จิ๋วกลับหรือยัง’
‘ยังเหมือนกัน จิ๋วกำลังสรุปงานประชุมอยู่’
‘ดีๆ ถ้างั้นบีขอทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน’
นิรมลวางโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ เขาก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้พบเจอกับเขาครั้งแรก
............................................
นิรมลและเอกภพรู้จักกันเมื่อมาฝึกงานที่บริษัทนี้ แต่ทั้งสองคนฝึกงานกันคนละแผนก เอกภพได้ฝึกงานที่แผนกคอมพิวเตอร์ ส่วนนิรมลฝึกงานที่แผนกขาย พี่ๆ พนักงานต่างก็เรียกน้องนักศึกษาฝึกงานทุกคนให้มารู้จักกัน ซึ่งในตอนนั้นมาฝึกงานด้วยกันรวมทั้งหมดห้าคน
“ถึงจะอยู่กันคนละมหาวิทยาลัยก็ควรรู้จักกัน หรือฝึกกันคนละแผนกก็เถอะ สักวันพวกน้องๆ อาจจะพึ่งพากันได้”
ในตอนนั้นพี่ๆ ในแผนกต่างก็ให้นักศึกษาฝึกงานคอยช่วยประสานงานระหว่างแผนก เพื่อให้น้องๆ ได้รู้จักกันมากขึ้น โดยเฉพาะครั้งแรกที่นิรมลถูกใช้ให้ไปขอเอกสารจากเอกภพ
“นาย พี่ที่แผนกจะขอให้นายปรินต์สเปกคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ให้หน่อย ขอเดี๋ยวนี้เลย”
เอกภพมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก ไม่พูดหรือหยิบเอกสารที่เธอต้องการเสียที ทำให้นิรมลเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง
“นายได้ยินที่ฉันพูดไหมเนี่ย”
เอกภพยังคงไม่ตอบคำถามอะไร เขานั่งมองเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาเฉย จนนิรมลเริ่มรู้สึกโมโห แต่แล้วเสียงเครื่องปรินต์ก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบ เอกภพหยิบเอกสารที่ปรินต์เสร็จเรียบร้อยมาให้อีกฝ่าย
“เอ้า นี่เอกสารที่ต้องการ”
“นาย!”
เอกภพยังคงนิ่งเฉยไม่ยอมพูดอะไรต่อ นิรมลหยิบเอกสารกำลังจะหันหลังกลับ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงพูดดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง
“คนเขาอุตส่าห์ทำงานให้ แทนที่จะขอบใจกันสักคำก็ไม่มี”
“ขอบใจมากกก”
นิรมลพูดลากเสียงแสดงความขอบคุณ เอกภพมองหน้าหญิงสาว ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาเป็นประกาย เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งเดินมาตามหญิงสาว เพราะเห็นว่าหายไปนาน
“เอกสารยังไม่ได้อีกเหรอนิว พี่ๆ เขาให้ฉันมาตามแกเนี่ย
“ได้แล้ว ไปกันเหอะแก”
หลังจากครบระยะเวลาการฝึกงานสี่เดือนแล้ว ผู้จัดการก็เรียกนักศึกษาฝึกงานทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อสรุปงาน และเล่าให้ทุกคนได้รับรู้อย่างทั่วถึง
“ผมดีใจมากนะที่นักศึกษาฝึกงานรุ่นนี้มีคุณภาพมากทีเดียว ถึงจะมาจากต่างมหาวิทยาลัยกันก็ตาม และผมมีข่าวดีที่จะบอกพวกคุณทั้งห้าคนด้วยนะ”
ทั้งห้าคนนั่งนิ่ง สายตาทุกคนหันหน้ามามองผู้จัดการด้วยความตั้งใจรับฟังว่าข่าวดีคืออะไร
“เนื่องจากพวกคุณช่วยงานบริษัทได้ดีมากๆ และผมเห็นความตั้งใจของพวกคุณทุกคน ทางบริษัทจึงจะจ้างงานพวกคุณ มีสองในห้าคนนี้ที่มีผลงานเข้าตาเราครับ”
ทั้งห้าคนหันมามองหน้ากัน สายตาต่างมีคำถามว่าใคร ทางด้านผู้จัดการไม่ปล่อยให้สงสัยนานนัก เขาพูดต่อ
“คนที่บริษัทเลือกไว้ คือ น้องเอกภพ แผนกคอมพิวเตอร์ กับน้องนิรมล แผนกการขายนะครับ”
คนที่เหลือหันมามองหน้าเอกภพและนิรมล ผู้จัดการพูดอธิบายต่อ
“สำหรับเหตุผลที่เลือกสองคนนี้ น้องเอกภพเขียนโปรแกรมแล้วนำไปเสนอท่านประธานบริษัทและผู้บริหาร ทุกคนชอบมาก เพราะโปรแกรมนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง และมีแผนที่จะพัฒนาให้สามารถขายได้ ส่วนน้องนิรมลสามารถขายของให้ลูกค้าวีไอพีได้ ลูกค้าประทับใจในการบริการ และชมว่าสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีด้วย”
ผู้จัดการยกยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะหันไปยังนักศึกษาอีกสามคนที่เหลือ
“ส่วนน้องๆ อีกสามคน ก็ทำงานดีนะครับ ถ้าใครจะสมัครงานที่นี่ ทางบริษัทจะรับไว้พิจารณาเป็นพิเศษ แต่อาจจะต้องไปทำงานแผนกอื่นๆ หรือน้องอาจจะได้พบเจอกับแผนกที่เหมาะสมกับน้องได้นะครับ”
นักศึกษาฝึกงานทั้งสามคนต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันด้วยความหวัง ส่วนนิรมลและเอกภพมองหน้ากันด้วยความดีใจที่มีงานทำหลังจากเรียนจบทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลไปทำงานตามปกติ โดยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่บริษัทบ้าง หญิงสาวหยิบแฟ้มสรุปงานเมื่อวานที่ไปพบลูกค้ามาเพื่อจะรายงานหัวหน้า ขณะเดียวกันเพื่อนที่นั่งทำงานโต๊ะข้างๆ ก็เดินเข้ามาพอดี เธอรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหานิรมลเพื่อจะสนทนาถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้“นิว...เมื่อวานเธอไม่อยู่...”“นิวมาหรือยัง?”เสียงดังมาจากข้างหลัง ทุกคนหันหน้าไปมองตามเสียง เพื่อนคนที่กำลังจะเล่าเรื่องหยุดชะงักและถอยห่างจากนิรมลเมื่อเห็นสีหน้าคนถามที่ดูเคร่งเครียด“เมื่อวานผลเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวคุณเข้าไปสรุปให้ผมฟังที แล้วก็เตรียมข้อมูลและเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารกับผมด้วย”“ได้ค่ะ”นิรมลรับคำแล้วรีบถือแฟ้มงานตามเข้าไปในห้องหัวหน้า เพื่อรายงานผลงานเมื่อวานนี้ และออกมาเตรียมเอกสารการประชุมด้วยความเคร่งเครียด จนเพื่อนคนที่จะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังได้แต่นั่งมองห่างๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีคนมอง“เมื่อเช้านี้พี่จะเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าคะ หัวหน้ามาพอดีเลยไม่ได้คุยกันต่อ”“ไม่มีอะไรหรอก นิวรีบทำงานเหอะ อีกห้านาทีต้องเข้าประชุมแล้ว เดี๋ยวเตรียมเอกสารไม่ทัน”นิรมลพยักหน้าให้“งั้นค่อยคุยกันนะคะ”นิรม
“ดีใจไหมลูก หนูได้น้องสาวนะ”พ่อของนิรมลพาไปดูน้องที่ห้องทารกแรกเกิด เด็กหญิงนิรมลชะเง้อมองผ่านกระจก ในตอนนั้นเธออายุเพียงสิบสองปี ในความคิดของเด็กๆ เธอคิดว่าน้องสาวเสมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สามารถเล่นได้ จับแต่งตัวได้หลังจากนั้นไม่กี่วัน แม่ของเธอออกจากโรงพยาบาล ส่วนพ่อไปทำนาคนเดียว แม่หยุดพักเพียงสองสามวันก็ออกไปทำนาช่วยพ่ออีกแรง พาน้องสาวไปเลี้ยงที่ทุ่งนาด้วย จัดการผูกเปลไว้ที่ต้นไม้ แล้วตัวเองไปยืนหลังขดหลังแข็งทำนากลางแดดร้อนๆ ส่วนเด็กหญิงนิรมลต้องไปโรงเรียน เมื่อเลิกเรียนหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอจะช่วยแม่เลี้ยงน้องสาวเมื่อเวลาพ่อแม่ไปทำนา หรือเวลาที่แม่ต้องทำงานบ้าน เธอรักน้องสาวมากเพราะช่วยแม่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเด็กหญิงนิรมลเห็นพ่อแม่ทำงานหนักแทบทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย นั่นทำให้เธอวางเป้าหมายในชีวิตไว้ทันที‘ฉันจะเรียนหนังสือให้เก่ง จะได้ทำงานดีๆ มีเงินเดือนสูงๆ เลี้ยงดูพ่อแม่เอง จะได้ไม่ต้องทำงานหนักอย่างทุกวันนี้’เวลาผ่านไป นิรมลเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ เธอได้รับการติดต่อจากบริษัทขายอาหารเสริมที่เธอไปฝึกงาน และหญิงสาวได้เข้าทำงานที่นี่ เธอตั้ง
ตืด...ตืด...เสียงนาฬิกาปลุกดังก้อง ทำให้นิรมลที่นอนอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงดังที่รบกวนการนอน พร้อมกับเอื้อมมือมาปิดนาฬิกาปลุกที่ตอนนี้บอกเวลาหกนาฬิกานิรมลคงจะนอนต่ออย่างมีความสุขหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวถึงกับร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดที่การนอนของเธอถูกรบกวน“โว้ย...คนจะหลับจะนอน”แต่เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง...ไม่ยอมหยุดสักที หญิงสาวหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้างาน“เฮ้ย!”หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ตั้งสติด้วยการเปิดดูโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้เสียงโทรศัพท์ทางไลน์ดังขึ้นมาแทน เธอรับโทรศัพท์ทันที‘ผมโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสายแล้ว นี่ตื่นหรือยัง’“อะ...เอ่อ...หัวหน้ามีอะไรคะ ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ”น้ำเสียงทางฝั่งโน้นไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเมื่อได้ยินคำถามนี้ เสียงของเขาค่อนข้างเคร่งเครียด ในขณะที่นิรมลยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่พอใจเช่นนี้‘คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้า เดี๋ยวผมกำลังจะออกจากบ้านละ คุณไปเตรียมเอกสารการประชุมให้พร้อมก็แล้วกัน ผมจะได้อ่า
วันที่ 31 เดือนตุลาคม...รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว บนถนนที่กำลังออกนอกจังหวัดกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดนครปฐม มีรถยนต์ผ่านมาบ้างเพียงสามสี่คัน ภายในรถยนต์คันนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นผู้ขับ เธอสวมแว่นตาดำขับรถมาจนถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองมาเป็นสีแดงภายในพริบตาหญิงสาวเงยหน้ามองเห็นไฟจราจรเปลี่ยน เท้าเหยียบเบรกรถยนต์ แต่...เบรกกลับไม่ยอมทำงานอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้หญิงสาวบนรถเริ่มมีสีหน้าตื่นตระหนก เธอกรีดร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่ารถไม่ยอมหยุด“กรี๊ดดด!!!”โครม!!!รถยนต์ของหญิงสาวพุ่งชนกับรถอีกคันหนึ่ง เศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนกลางสี่แยก รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ที่กระจัดกระจาย เสียงคนกรีดร้องจากริมถนนและรถยนต์คันอื่นที่จอดติดสัญญาณไฟแดงอยู่แถวนั้น เพียงครู่เดียวก็มีพลเมืองดีโทรศัพท์เรียกหน่วยกู้ภัยและตำรวจทันทีที่เกิดอุบัติเหตุน่าแปลก...ที่รถยนต์ของฝ่ายหลังถึงจะพังยับเยิน แต่คนขับรถที่เป็นผู้ชายกลับไม่เป็นอะไรเลย แค่ฟกช้ำจากการถูกกระแทกเพียงเล็กน้อยกลับกัน...หญิงสาวในรถยนต์อีกคัน ร่างกายกระแทกกับพวงมาลัยรถ เศษกระจกบาดตามตัวของเธอผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น มีชิ้นหน