เมลินนั่งนิ่งบนเตียงสีเข้มของห้องกว้าง เปลือกตาขยับน้อยนิด ขณะที่ร่างกายอ่อนล้าเกินจะไหวติง
ขณะที่จิตใจของเธอเหมือนกำลังล่องลอยไปในอดีตที่ไม่อยากย้อนคิดถึงมันอีกเลย
...เสียงกรีดร้องของแม่ในวันนั้นยังดังก้องอยู่ในหู
วันนั้น...
วันที่เธอตัดสินใจเสี่ยงชีวิต บุกเข้าไปยังโกดังเก่าริมท่าเรือเพื่อช่วยแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งถูกมายด์หลอกล่อและจับตัวไว้
ภาพที่ฝังแน่นในหัว...ไม่ใช่แค่ใบหน้าบิดเบี้ยวของมายด์ที่เต็มไปด้วยความสะใจ แต่เป็นใบหน้าของชายอีกคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น...ภาคิน
ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคิรินทร์
เขายืนอยู่ข้างมายด์ — ไม่เพียงแค่นิ่งเฉยต่อเสียงร้องของแม่เธอ แต่ยังมีท่าทีข่มขู่ด้วยคำพูดเย็นเยียบ
“พาแม่เธอกลับไปให้ไกลที่สุด ถ้าฉันเห็นหน้าเธอหรือแม่เธอเฉียดใกล้คิรินทร์อีก...ฉันสาบานว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเธอจะได้หายใจ”
เมลินจำได้ทุกคำ ทุกสีหน้า และทุกอณูความรู้สึกที่กัดกินใจ
แต่...เธอไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรที่จะเอาไปบอกคิรินทร์ได้เลย
เขาจะเชื่อเธอหรือ?
ความคิดเหล่านี้วนเวียนไม่หยุด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง
ทั้งจากความเครียดสะสม ทั้งจากร่างกายที่ถูกเขาเคี่ยวกรำทั้งคืนก่อนหน้านั้น — รุนแรงเกินจะกล่าว
ความคลั่งไคล้ที่เต็มไปด้วยความแค้น ความไม่เชื่อใจ และการครอบครองของเขา…เหมือนจะดูดกลืนลมหายใจเธอไปทั้งหมด
ในเช้าวันถัดมา...
เมลินลืมตาไม่ได้ด้วยซ้ำ ได้แต่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม หายใจช้า ๆ ร่างกายร้อนผ่าวอย่างน่ากลัว
ไข้ขึ้นสูง
ไม่ต่างอะไรกับร่างที่กำลังจะพัง
คิรินทร์เห็นเธอไม่ลุกขึ้นมา เขาไม่ได้แสดงท่าทีตกใจ — แต่สายตานั้นเข้มขึ้นทันที ราวกับจะสั่งให้คนทั้งคฤหาสน์หยุดหายใจ
เขาเรียกหมออคิน — เพื่อนสนิทผู้เงียบขรึม แต่ไร้ที่ติในวิชาชีพ
“ดูให้แน่ ว่าเธอไม่ได้แกล้ง” เสียงเขาเย็นเฉียบตอนสั่ง แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่นที่ไม่อาจซ่อน
อคินแค่ปรายตามอง ก่อนจะตรวจอาการเธออย่างรวดเร็ว แล้วตัดสินใจฉีดยาลดไข้ให้ทันที
“ร่างกายเธออ่อนแรงมาก ถ้าไม่พัก จะทรุด”
“ให้พักก็พัก…” คิรินทร์พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองร่างบอบบางที่นอนนิ่งเหมือนคนไร้แรงใจบนเตียง
สองวันเต็มๆ...ที่เมลินไม่ได้ลุกจากเตียงเลย
กินได้นิดหน่อย แล้วก็หลับยาว
ไข้ยังไม่ลดลงมากนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่มีอาการแทรกซ้อน
เขาเฝ้าอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ ไม่ได้แตะต้องเธออีก แต่ไม่เคยออกจากห้องไปไหนนานนัก ราวกับไม่ไว้ใจให้เธอคลาดสายตาอีก
เขาไม่พูด ไม่แตะ ไม่แม้แต่จะขอโทษ...แต่มันชัดเจน — เขากำลังกลัวว่าจะเสียเธอไปอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าความกลัวนั้นมาจากความรู้สึกแบบไหน
ระหว่างนั้น...
เสียงร้องไห้งอแงของเด็กชายวัยสามขวบก็ดังขึ้นเกือบทุกชั่วโมง
“แม่...หม่าม๊า...น็อตอยากเจอหม่าม๊า...”
เด็กตัวน้อยน้ำตาคลอเบ้า หันซบอกพี่เลี้ยงแทบไม่ยอมกินอะไรเลย
กระทั่งประตูห้องเปิดออก และชายร่างสูงในชุดสูทดำที่เดินเข้ามาในห้องนอนเด็ก
น็อตชะงัก ดวงตากลมโตหยุดร้องทันที
เขาไม่รู้ว่าควรกลัวผู้ชายคนนี้ไหม...ตอนนี้ไม่มีแม่อยู่ด้วย.....แต่ใจดวงน้อยกลับไม่รู้สึกน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม เขาเดินเข้าไปใกล้คิรินทร์ช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยแววตาเชื่อฟังอย่างไม่คาดคิด
“ปะป๊า...แม่เป็นอะไรฮะ” เสียงเล็กถามเบา ๆ
คิรินทร์มองเด็กน้อย เห็นตัวเองในดวงตานั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้
เขาไม่ตอบคำถามในทันที แต่ย่อตัวลงจนได้ระดับสายตา แล้วใช้มือใหญ่ลูบผมนิ่มของเด็กเบา ๆ
“แม่เธอแค่ไม่สบาย เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เสียงเขานุ่มกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เด็กน้อยพยักหน้าแล้วก้าวเข้าไปกอดแขนเขาแน่น — ไม่ร้องไห้ ไม่กลัว
คิรินทร์ได้แต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น...กับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังปะทุขึ้นในอก
เขาไม่รู้ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงเชื่อใจเขา
หรือ...เพราะสายเลือดมันไม่อาจโกหก
เขาไม่รู้
หรือเขาแค่...ไม่อยากรู้?
แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านผ้าม่านหนาทึบในห้องพักแขกชั้นบนสุดของคฤหาสน์หลังใหญ่ เด็กชายตัวเล็กในชุดลายซุปเปอร์ฮีโร่กำลังนั่งกอดหมอนข้างใบยาวอยู่มุมโซฟา เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังลอดออกมาจากปากน้อย ๆ เมื่อของเล่นไม้ที่อยู่ในมือกลิ้งตกพื้น แล้วอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตามมา—เสียงทุ้มต่ำที่ไม่ค่อยมีใครได้ยินบ่อยนักในโหมดนุ่มนวลเช่นนี้
“นั่นหมัดซ้ายเหรอ?”
“ใช่ครับพ่อ ดูนะครับ ผมชกแบบนี้... ฮึ่บ!”
คีรินทร์เอนตัวพิงพนักโซฟา มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มตัวเองเบา ๆ ขณะมองดูเด็กชายฝึก “ชกมวย” ใส่หมอนด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง
เขาไม่เคยอยู่กับเด็กคนไหนตามลำพังมาก่อน... ไม่เคยแม้แต่จะนั่งดูเด็กเล่นของเล่นด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ เขาทำลงไปโดยไม่รู้สึกฝืนใจ
เด็กคนนี้... มีบางอย่างเหมือนเขาเกินไป
ท่าทางการวางเท้า องศามือที่ชก ท่ากัดริมฝีปากตอนตั้งใจ และที่ทำให้เขาหยุดคิดไม่ได้... คือผื่นแดงจาง ๆ ที่ข้อพับแขนข้างซ้ายเมื่อเช้านี้
‘เด็กคนนี้แพ้กุ้งเหรอ?’ เขาถามลิซ่าเมื่อวันก่อน
‘ค่ะ เหมือนกับคุณคีรินทร์ตอนเด็กไม่มีผิด’ หญิงสาวตอบพร้อมสีหน้าที่เขาไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะบอกอะไรหรือเปล่า
ความรู้สึกคล้ายเข็มแหลมจิ้มกลางอก… บางสิ่งที่เขาไม่เคยอนุญาตให้ตัวเองรู้สึก กำลังค่อย ๆ กัดกร่อนกำแพงที่เขาสร้างไว้ตลอดชีวิต
และนั่นคือตอนที่ประตูห้องเปิดออกอย่างเงียบเชียบ
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของใครคนหนึ่งทำให้เขาหันไปมอง
ร่างบางของหญิงสาวในชุดนอนผ้าฝ้ายยืนอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าซีดเซียวจากไข้ที่เพิ่งหายยังดูอ่อนล้า แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึง... กลับแข็งแกร่งเกินบรรยาย
“เมลิน...”
นั่นเป็นคำเดียวที่เขาเอ่ยได้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหันไปมองเด็กชายที่ตอนนี้กำลังยิ้มกว้าง
“แม่!”
เสียงใสของเด็กเรียกอย่างตื่นเต้น วิ่งเข้าหาเธอด้วยแรงเท่าที่ร่างกายเล็ก ๆ จะมี เมลินย่อตัวลงรับลูกไว้ในอ้อมแขน น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่ต้องบอกว่าเธอรู้สึกผิดเพียงใดที่ต้องนอนซมจนปล่อยให้ลูกอยู่ลำพัง
คีรินทร์ยืนอยู่ห่าง ๆ มองภาพนั้นอย่างนิ่งงัน มันทั้งอุ่น ทั้งเจ็บ และทั้ง... น่าสงสัย
เขาควรจะลากเธอออกไปคุยตามที่ตั้งใจ
เขาควรจะบังคับให้เธอบอกทุกอย่าง...
แต่แล้วเสียงเล็ก ๆ ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“แม่ฮะ ป๊าใจดี ป๊าอยู่เล่นกับน็อตทุกวันเลย”
น็อตหันมามองเขา ก่อนจะยิ้มให้แล้วโบกมือน้อย ๆ ราวกับเป็นคำขอบคุณ คีรินทร์เผลอยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
แล้วเขาก็หันกลับไปสบตาเมลินอีกครั้ง
“ฉันจะคุยกับเธอคืนนี้” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่หนักแน่น ก่อนจะเว้นวรรคเล็กน้อย และสบตาเธอราวกับจะทะลวงทุกความลับในใจ
“และอย่าโกหกฉันอีก…ไม่งั้นคราวหน้า ฉันจะไม่อ่อนโยน”
เมลินเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเธอร่วงวูบเมื่อได้ยินคำว่า โกหก จากปากเขา... เธออยากจะพูด อยากจะบอกความจริงทั้งหมด อยากจะตะโกนออกไปว่า ‘น็อตคือลูกของคุณ!’ แต่เสียงในหัวก็ย้อนกลับมา
—ถ้าเขาแย่งน็อตไปจากเธอล่ะ?
—ถ้าเขาไม่ให้อภัย?
—ถ้าเขาไม่ยอมรับลูกของเธอ?
ความกลัวที่ฝังรากลึกทำให้เธอทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้วหลุบตาลง
คีรินทร์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่หมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง เมลินยังคงยืนกอดลูกไว้แน่น พยายามไม่ให้น้ำตาไหล
แต่หัวใจของเธอ... กำลังแตกร้าวช้า ๆ ในความเงียบงัน
เสียงนาฬิกาปลุกเบา ๆ ดังขึ้นในห้องนอนอบอุ่นยามเช้า แสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านสีครีมสาดกระทบเตียงใหญ่กลางห้องเมลินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองร่างของลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับคีรินทร์“แม่...วันนี้ผมได้ไปโรงเรียนกับพ่อใช่ไหมครับ?”เสียงน้องน็อตดังแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ยังไม่ลืมตาดีคีรินทร์ที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวช้า ๆ เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มของลูกชายอย่างทะนุถนอม“ใช่ วันนี้พ่อจะไปส่งน็อตเอง”เสียงทุ้มของเขานุ่มนวลขึ้นกว่าทุกครั้ง ราวกับต้องการให้ทุกเช้าวันใหม่ของลูกชายเริ่มต้นด้วยความปลอดภัยเมลินยิ้มบาง ๆ พลางโน้มตัวไปหอมแก้มน้องน็อต“แม่วางเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะลูก อยู่ที่ปลายเตียง ไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะไปพร้อมกัน”เช้านั้นคือเช้าวันแรกที่น้องน็อตได้ไปโรงเรียน…ในฐานะลูกของ “พ่อกับแม่” อย่างเป็นทางการชื่อในใบสมัครเรียน ชื่อของบิดา คือ “คีรินทร์ กัลย์พิทักษ์”ไม่มีคำว่า &ld
กรุงเทพฯ ยามเช้าดูวุ่นวายกว่าทุกวันเสียงแตรรถยนต์ที่ไม่เคยเงียบลงสักวินาที สะท้อนผ่านกระจกห้องนอนชั้นบนสุดของคฤหาสน์หรูใจกลางสุขุมวิท เมลินยืนพิงระเบียง เฝ้ามองวิวเมืองในความเงียบงัน ปลายนิ้วยังกำถ้วยกาแฟอุ่นไว้แน่นแค่กาแฟหนึ่งแก้ว…ก็ยังไม่มีแรงจะยกดื่มเธอฝืนยิ้มให้กับความจริงที่ตนเองไม่ยอมรับมาเนิ่นนานคฤหาสน์หรู ห้องนอนใหญ่ เตียงนุ่ม และคนรักที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอแต่มันไม่สามารถลบภาพในหัวของเธอออกไปได้เลย—เสียงระเบิด เสียงน็อตร้องไห้ หรือแม้แต่สัมผัสจากรถที่พุ่งเข้าหาเธอในวันนั้นเธอ…ยังคงฝันถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า"เมื่อคืนฝันร้ายอีกใช่ไหม?"เสียงทุ้มต่ำของคีรินทร์ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาก้าวเข้ามาช้าๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำแบบลำลอง ร่างสูงใหญ่มากพอจะบดบังแสงเช้าไว้จนหมดมือเย็นแต่นุ่มของเขาแตะที่ไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมากอดจากด้านหลัง"ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบอัตโนมัติ…แต่ไม่มองตาเขาคีรินทร์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยเขารู้…เธอไม่โอเครู้&h
มือแกร่งไล้ลงไปที่ต้นขาด้านใน เขาแยกขาเธอออกช้า ๆ แล้วก้มลงใช้ปลายลิ้นสัมผัสตรงกลางกลีบกุหลาบที่เปียกชื้นอยู่แล้วจากความปรารถนา“อื้อ…คี…”เสียงสะอื้นสั่นเครือหลุดออกมาไม่ทันจบประโยคเมื่อปลายลิ้นแกร่งนั้นกวาดลากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดุนปลายลิ้นเข้าข้างใน สลับกับการดูดเม็ดละมุนจนร่างเธอสั่นเกร็งทุกครั้งที่ถูกจู่โจม“ไม่…อย่า…” เธอครางห้าม แต่มือกลับจิกเส้นผมเขาแน่นเพราะเขาไม่เพียงแค่สัมผัส…แต่กำลัง โอบกอดบาดแผลทั้งหมดของเธอด้วยลิ้นของเขาเมื่อเธอใกล้ถึงขีดสุด เขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่หยุด… ปลายนิ้วร้อนแทรกเข้าไปทีละน้อยอย่างช้า ๆเขาดูดปลายอกเธอแรงขึ้นในขณะที่นิ้วข้างหนึ่งดันเข้าไปจนสุดโคนเสียงครางเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมกับสะโพกที่แอ่นขึ้นอย่างลืมตัว“แฉะไปทั้งตัวแบบนี้…” เขาพึมพำต่ำ“แน่ใจเหรอว่าไม่ต้องการฉัน?”คีรินทร์จับเรียวขาเธอพาดบ่า แล้วขยับตัวเข้ามาจนส่ว
แสงแดดยามเย็นอาบไล้ผืนทรายทองบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบในอ่าวไทย เสียงคลื่นซัดเบา ๆ กับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งไล่ปูกับแม่ของเขา สายลมอุ่นพัดกลิ่นเค็มของทะเลแทรกผ่านกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากโต๊ะไม้ใต้ศาลาริมชายหาด—อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของคีรินทร์เองเขาไม่ใช่มาเฟียอีกแล้วไม่มีแววโหด ไม่มีกลิ่นเลือด ไม่มีร่างกายที่เปื้อนบาปจากการฆ่ามีเพียงชายคนหนึ่ง…ที่เคยผ่านนรกมาเพื่อปกป้องคนที่เขารักคีรินทร์ยืนพิงเสาไม้ ยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นจิบ ดวงตาคมทอดมองภาพสองแม่ลูกอย่างเงียบงัน เมลินหัวเราะ เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง…แต่มันคือเสียงของ "บ้าน"เขาไม่เคยมีบ้าน จนได้ยินเสียงนั้น"คุณพ่อ ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเองล่ะครับ!" น็อตวิ่งเข้ามาเกาะขาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างไร้เดียงสาคีรินทร์ย่อตัวลง ลูบผมลูกชายเบา ๆ"ก็พ่ออยากทำให้คนสำคัญกินไงครับ"น็อตหันไปมองเมลินแล้วหัวเราะ"คุณแม่เป็นคนสำคัญใช่ไหมครับ!"เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอกหลังอาหารมื้
ค่ำคืนที่คฤหาสน์แถบชานเมือง — เงาสุดท้ายของความแค้นในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของคริส คีรินทร์นั่งอยู่ลำพัง เขาจุดไฟใส่รูปภาพเก่าๆ ของตัวเองกับน้องชาย ดวงตาเรียบนิ่งมองเปลวไฟที่เผารูปนั้นช้าๆ จนเหลือเพียงเถ้าเมลินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่มีเสียงของลูก ไม่มีความอุ่นจากอ้อมแขนของใคร ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างเหน็บหนาวไปถึงหัวใจเถ้ารูปเก่าปลิวตามลมเบาๆ ขณะเขามองมันด้วยสายตาว่างเปล่า...แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงโหยหาแม้ในความเงียบของห้องจะไม่มีใครอยู่ด้วยเลยสักคน—แต่จู่ๆ เสียงหนึ่งกลับแทรกเข้ามาในหัวเขา...นุ่มนวลแต่หนักแน่นเสียงของเธอ...เมลิน...“ถ้าวันหนึ่งคุณเข้าใจทุกอย่าง...ฉันจะรอฟังด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยความแค้น”ประโยคนั้นที่เคยพูดไว้ด้วยน้ำตา...กลับดังชัดราวเพิ่งพูดจบเมื่อครู่และคีรินทร์...ที่เคยเชื่อว่าหัวใจตัวเองด้านชา...กลับต้องเบือนหน้าหนี เพราะดวงตาร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวเขายกมือขึ้นปิดเปลือกตาแน่น ก่อนเสียงแหบพร่าจะเล็ดลอดออกมาเบาๆ“ฉันไม่คู่ควรกับการให้อภัย...แต่ขอบคุณที่ย
เสียงลมหอบหนักในห้องประชุมชั้นใต้ดินของคฤหาสน์เก่าที่เมืองไทยไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศขัดข้อง หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ในห้องที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก คีรินทร์ยืนเงียบอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์ ดวงตานิ่งสนิทเย็นชา ปราศจากแววของความเมตตา"เปิดเสียง"คำสั่งสั้นๆ ถูกส่งออกไปในน้ำเสียงเรียบเย็น เหมือนไม่ได้ตั้งใจฆ่าใคร...แต่พร้อมจะทำลายทั้งเผ่าพันธุ์ไฟในห้องหรี่ลง เสียงสนทนาในคลิปถูกฉายผ่านลำโพงอย่างชัดเจน"ถ้าเราปรับโครงสร้างตอนนี้ คนของคีรินทร์จะเริ่มลังเล ส่วนของฉันฝังไว้หมดแล้ว ไม่นานก็เปลี่ยนขั้วได้""มายด์ก็อยู่ใกล้เขามากพอจะรู้ทุกอย่าง...แค่เขาไม่ตายตอนนั้นก็โชคดีไป""เมลินเหรอ? โยนให้เธอไปสิ ตำแหน่งแพะมันเหมาะกับผู้หญิงไม่มีตัวตนแบบนั้นอยู่แล้ว"เสียงหัวเราะเหยียดหยามจากคลิปกรีดแทงลึกลงในหัวใจคนฟังทุกคน เสียงของภาคินและมายด์ชัดเจนราวกับพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆคีรินทร์ก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยืนหน้าห้อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองชายชราในชุดสูทสีเข้ม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเก่าแก่ขององค์กรที่เคยจงรักภักดีกับเขามาโดยตลอด"นี่คือหลั