เสียงหอบยังแทรกผ่านริมฝีปาก ก่อนที่เมลินจะถูกจับพลิกร่างกลับอย่างรุนแรง และถูกยึดครองอีกครั้งจากด้านหน้า
“มองหน้าฉัน…แล้วบอกสิว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย”
คีรินทร์กระซิบเสียงพร่า ขณะร่างใหญ่กระแทกเข้าสุดแก่นอีกครั้ง
จังหวะนั้น เมลินสะท้านจนแทบน้ำตาไหล เพราะมันลึก มันแน่น มันเจ็บแต่มันก็หวานหวิวเหมือนตกลงเหวแห่งความรักและความแค้นพร้อมกัน
“ฉัน...ไม่...” เธอพยายามห้ามน้ำตา พยายามปฏิเสธทั้งที่เสียงครางยังสั่นไหวอยู่ในลำคอ
เขาใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้น บีบแน่นแต่ไม่ถึงกับทำร้าย
“เธอโกหก...แม้แต่ตอนนี้ก็ยังโกหก”
พูดจบ เขาก็ ดูดเม้มปากเธออย่างรุนแรง — ราวกับจะลงโทษถ้อยคำลวงโลกที่เธอกลืนมันไว้กับหัวใจ
ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปภายใน…เกี่ยวพันอย่างบ้าคลั่ง หยาบคายแต่โหยหาจนเธอเกร็งสะท้านไปทั้งตัว
ร่างกายเขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้น รุนแรงขึ้น
กระแทก — ลึกขึ้น
บดขยี้ — หนักหน่วงกว่าเดิม
ดึงต้นขาเธอขึ้นคร่อมบนสะโพกเขา แล้ว สอดแทรกในมุมที่ลึกกว่าเดิม จนเธอสะดุ้งเฮือก
“อ๊าาาา... คีรินทร์...”
เสียงนั้นหลุดจากริมฝีปากเธออย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมน้ำตาที่ไหลเพราะทั้งเจ็บ ทั้งเสียว ทั้งเจ็บใจ
เขาหยุดทุกจังหวะ
มือเรียวยาวเช็ดหยาดน้ำตาของเธอช้า ๆ นิ้วโป้งเกลี่ยเบา แล้วกระซิบอย่างไม่มั่นคง…
“…เธอร้องไห้ทำไม... หรือว่าเธอรู้สึกเหมือนกัน?”
เมลินเม้มปากแน่น ไม่ตอบ แต่อ้อมแขนกลับโอบเขาแน่นขึ้น
เธอสะอื้นเบา ๆ ขณะยังนั่งคร่อมอยู่บนตักเขา ร่างเปลือยเปล่าแนบชิด กลิ่นเหงื่อ กลิ่นกายผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ยังติดผิวเขา
“…ฉันไม่เคยทรยศนาย...” เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่คีรินทร์ได้ยิน… และมันทำให้เขาหายใจขัด
แต่ความกลัว ความไม่ไว้ใจ และความแค้นเก่า
ยังกัดกินหัวใจเขาอยู่
เขาจับเธอนอนราบลงอีกครั้ง
“ถ้าเธอไม่ทรยศ…งั้นพิสูจน์ด้วยร่างกายเธอ…ให้ฉันเชื่ออีกครั้ง”
เขาก้มลงดูดขบยอดอกทั้งสองข้างสลับกัน มือเคล้นสะโพกเธอแน่น ก่อนจะ แทงสวนขึ้นเข้าไปในตัวเธอจนสุดในจังหวะแรก
แล้วขยับสะโพกขึ้นลงอย่างรุนแรง จังหวะถี่จัด สัมผัสหนักแน่น
เสียงเตียงดังลั่นตามแรงกระแทก
เสียงคราง เสียงสะอื้น เสียงหอบ ปะปนกันกลายเป็นเพลงแห่งไฟปรารถนาที่ไม่เคยดับในห้าปีที่ผ่านมา
“เธอมีอะไรกับฉันวันนั้นเพื่ออะไร…หืม?”
เขาถามในขณะที่ยัง กระแทกเข้าสุด ลากถอนออกช้า แล้วกระแทกซ้ำแรงกว่าเดิม
เมลินสะอื้น — มือขยุ้มไหล่เขาแน่น
“เพราะฉันรักนาย...”
คำตอบนั้นทำให้เขาชะงักไปเสี้ยววินาที...แล้วอัดสะโพกเข้าแรงจนเสียงกระทบเนื้อดังสนั่น
เขาไม่พูดอะไรอีก — นอกจากใช้ร่างกาย “ถามซ้ำ” อีกครั้ง
ท่วงท่าหนักหน่วง รุนแรงแต่เต็มไปด้วยอารมณ์
น้ำเสียงเขาขาดเป็นห้วง เสียงครางต่ำสะท้านอกดังกระเส่า
“อึก... เมลิน...”
เขา จับเอวเธอแน่น แล้วซอยถี่ขึ้น จังหวะสุดท้าย กดลึกเข้าไปในตัวเธอจนสุดทาง
เสียงครางของทั้งสองกระทบกันในความมืด เธอจิกแผ่นหลังเขาแน่น ร่างกายเกร็งกระตุกพร้อมกัน...
พวกเขาแตะถึงจุดสุดยอดในวินาทีเดียวกัน
เขาทิ้งตัวลงข้างเธอ หอบหนัก แขนยังโอบเธอไว้แน่น
ดวงตาคมกริบจ้องหน้าเธอในความเงียบ
...แต่ไม่มีคำว่า “เชื่อ” หลุดออกจากปากเขา
ยังคงมีแผล...และความแค้น
แต่คืนนี้ เขาก็แค่ ‘ต้องการเธอ’
ในแบบของเขา...ในแบบที่เธอไม่อาจหนี
เมลินกัดริมฝีปาก พยายามบอกตัวเองให้ลืม แต่กลับพบว่าแม้แต่หยาดน้ำตายังกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเจ็บปวด...หัวใจเธอถูกเขาทำลายซ้ำ ๆ แต่ก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากคนที่ผลักไสเธอที่สุด
ห้องทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
มีเพียงเสียงหอบแผ่วเบา เสียงลมหายใจที่กระทบกันในระยะประชิด และกลิ่นอายจากบทรักร้อนแรงที่ยังคลุ้งไม่จาง
เมลินนอนนิ่ง หันหลังให้ชายที่เพิ่ง “ครอบครอง” เธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีความปรานี
หยาดน้ำตาบาง ๆ ซึมอยู่บนปลายตา...ไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บ ความรัก หรือเพราะหัวใจของเธอกำลังแตกละเอียดอีกครั้ง
คีรินทร์ยังคงนั่งอยู่บนขอบเตียง แผ่นหลังเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยข่วนจากเล็บเธอ
แต่เขาไม่พูด ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
ผ่านไปหลายนาที…
เขาคว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวแล้วลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่หันหลังกลับ
น้ำฝักบัวกระทบผิวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่เย็นชา ไม่ต่างจากแววตาเขาตอนเอ่ยประโยคถัดมา
“เธอรู้มั้ยว่าการให้ใจใครแล้วมันพัง…มันทำให้ฉันไม่อยากเชื่ออะไรอีกเลย”
เสียงเขาแหบพร่า ไม่ดังนัก แต่พอให้ได้ยินชัดเจน
เมลินเม้มปากแน่น
แต่ไม่กล้าพูดอะไร
เขาอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาช้า ๆ เช็ดผมไปด้วย สายตามองไปที่พื้น…ไม่สบตาเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ก่อนจะหยุดยืนอยู่ปลายเตียง
…แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“คืนนี้ฉันแค่อยากได้เธอ…แค่นั้น”
เจ็บ…เหมือนหัวใจถูกมีดกรีดช้า ๆ
แม้เธอจะรู้ว่าเขาโกหก — ว่าในแววตานั้นไม่ได้ไร้ความรู้สึก
แต่ถ้อยคำเหล่านั้นกลับบาดลึกยิ่งกว่าการที่เขาไม่พูดอะไรเลย
“น็อต…หน้ามันเหมือนฉันมาก”
เขาว่าต่อ ขณะหยุดเดินอยู่หน้าประตู
เสียงทุ้มนั้นสั่นนิด ๆ แต่ไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“แต่เหมือน…ก็ไม่ได้แปลว่ามันเป็นลูกฉัน”
แล้วเขาก็เปิดประตู เดินออกไปช้า ๆ โดยไม่หันหลังกลับ
ทิ้งไว้เพียงร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้ตกอยู่ในวังวนของรักเก่า...ที่ยังไม่ยอมจางหาย
และหัวใจของเขาเอง…ที่กำลังถูกเธอ "กัดกิน" กลับไปช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว
ห้าปีก่อน —
กลิ่นแอลกอฮอล์และเสียงดนตรีคลับยามค่ำคืนหลอมรวมกันเป็นฉากหลังของค่ำคืนที่ไม่อาจลืม คีรินทร์ในชื่อปลอม “คริสเตียน” เดินเข้ามาในคลับส่วนตัวใจกลางเมืองลาสเวกัสอย่างเงียบขรึม เป้าหมายคือเจรจากับหุ้นส่วนลับ แต่หารู้ไม่ว่าในเงามืด ศัตรูเก่าของเขากำลังเคลื่อนไหววางแผนหักหลัง
เมื่อแก้วเหล้าถูกส่งถึงมือ คริสเตียนยกดื่มด้วยสายตานิ่ง
ทว่าไม่นานนัก สายตาคมก็เริ่มพร่า มือไม้หนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาถูกวางยา และก่อนที่สติจะพร่าเลือน ร่างสูงก็ถูกนำเข้าห้องวีไอพีชั้นบน โดยมีแผนร้ายเตรียมพร้อมถ่ายภาพเขากับหญิงสาวที่ถูกจัดเตรียมไว้
ทว่า...ชะตากลับพลิกผัน
เมลิน มาเที่ยวครั้งแรกที่คลับนี้ เธอหลงทางขึ้นมาบนชั้นวีไอพีเพราะห้องน้ำปิดซ่อม เธอเปิดประตูผิดเข้าไปในห้องนั้น — ที่ที่คีรินทร์อยู่บนเตียงด้วยสภาพหมดสติ ดวงตาคมยังลืมเลือนราง ใบหน้าที่ซีดเซียวแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ยา
"...คุณเป็นอะไรคะ?" เธอก้าวเข้าไปอย่างระแวดระวัง แต่ก่อนที่เธอจะถอย ร่างสูงกลับคว้าข้อมือเธอแน่น
คืนนี้เป็นคืนที่เธอไม่อาจลืม คีรินทร์กลายเป็นชายที่ใช้เธอเพื่อดับไฟพิษในร่างกายทั้งคืน ความทรงจำพร่าเลือนปนเจ็บปวดและซาบซ่านฝังลึกลงในหัวใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมลินแต่งตัวเงียบ ๆ พลางหันมองใบหน้าชายที่ยังหลับใหล เธอพยายามจดจำทุกรายละเอียด—ทั้งที่รู้ว่าโอกาสเจอเขาอีกนั้นน้อยนิด แล้วรีบจากไปอย่างไร้เสียง
ทันทีที่ประตูปิด มายด์ ซึ่งแอบดูอยู่ตั้งแต่แรกก็ก้าวเข้ามา เห็นห้องว่างเปล่าและคีรินทร์ยังไม่รู้สึกตัว เธอถอดเสื้อผ้าทิ้งและแทรกตัวลงข้างกายเขา… เมื่อเขาตื่นมาและเห็นเธออยู่ตรงนั้น เขากลับคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่ช่วยเขา
ต่อมา —
ค่ำคืนหนึ่งในซอยเปลี่ยว เมลินกำลังวิ่งหนีจากกลุ่มชายติดอาวุธที่ไล่ล่าเธอและครอบครัว ด้วยหัวใจที่สั่นเทา เธอเหลียวหลังมองเห็นแม่ถูกแทงต่อหน้าในขณะที่ตนเองหนีไปตามคำสั่ง เสียงกรีดร้องดังก้องหัวใจ
แต่เธอรอด เพราะใครบางคนดึงเธอขึ้นรถยนต์หรูพร้อมอาวุธครบมือ คีรินทร์ในชื่อจริงแต่ยังคงไม่บอกตัวตนที่แท้จริง... เธอจำเขาได้ทันที — ผู้ชายคนนั้น คืนนั้น...
แต่เขาจำเธอไม่ได้
เขาให้ที่พักพิง ความปลอดภัย และในที่สุด—หัวใจของเธอ เมลินตกหลุมรักเขาอีกครั้งในชื่อจริงของเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาจำไม่ได้ว่าเธอคือใครในคืนนั้น
หนึ่งเดือนผ่านไป
เมลินยืนกุมหน้าท้องด้วยมือสั่นระริก... ขีดสีแดงสองขีดชัดเจนบนแผ่นตรวจตั้งครรภ์ เธอกำลังจะมีลูก—กับเขา
เธอตัดสินใจจะบอกความจริงกับเขา แต่ในวันที่เธอกำลังจะพูด มายด์ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมสายตาเหี้ยมเกรียม
"เธอคือผู้หญิงคืนนั้นใช่ไหม... ฉันรู้หมดแล้ว ถ้าเธอยังรักแม่ของเธอ อย่าก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอีก"
คำขู่นั้นกรีดหัวใจเมลินจนเจียนตาย มายด์เปิดภาพสดจากโทรศัพท์ที่แสดงให้เห็นว่าแม่ของเธอยังมีชีวิต... เธอได้ถูกช่วยไว้ในคืนนั้น....แต่ตอนนี้เธอกลับถูกจับตัวไว้
เพื่อความปลอดภัยของแม่ เมลินเลือกที่จะจากไป พร้อมกับสร้างความเข้าใจผิดให้กับทุกคน โดยที่มายด์ไปกระซิบกับคริสและภาคินว่า เธอเห็นเมลินคุยกับชายแปลกหน้าบ่อย ๆ ดูเหมือนจะเตรียมหนี
และนั่น... คือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิด ความเกลียดชัง และความเจ็บปวดที่ฝังลึกในหัวใจของคีรินทร์
...ในขณะที่เขาไม่รู้เลยว่า ผู้หญิงที่เขาเคยใช้ดับพิษในคืนนั้น คือผู้หญิงที่เขาเคยอยากปกป้องที่สุดในชีวิต
ถ้าวันนั้น...เมลินไม่เปิดประตูผิด ไม่เดินเข้าไปในห้องนั้น — เธออาจไม่ต้องรู้จักคำว่า ‘รักที่แลกมาด้วยความเกลียด’ เช่นวันนี้
เสียงฝีเท้าของลิซ่าดังสะท้อนในโถงคฤหาสน์หรูเมื่อเธอก้าวออกจากห้องของน้องน๊อต ท่าทางเธอรีบร้อน ผิดแปลกจากปกติจนคีรินทร์หันมองด้วยแววตาเฉียบคม ลิซ่าโน้มตัวมากระซิบข้างหูเขา เพียงไม่กี่คำ ทำให้เส้นเลือดข้างขมับเขาเต้นตุบ“เหยื่อติดเบ็ดแล้วค่ะ”คีรินทร์ไม่พูดอะไร เขาหันหลังเดินตรงไปยังห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบสนิท แต่แววตาเย็นเยียบแทบทำลายทุกอย่างในทางที่ก้าวผ่านประตูห้องทำงานปิดสนิท เสียงล็อกประตูดัง แกร๊ก ก่อนเขาจะกดรีโมตเปิดหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผนัง รายการไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นเป็นแถวนิ้วเรียวยาวของเขากดเลือกไฟล์ช่วงเวลาหนึ่ง — เวลาที่ลิซ่ารายงานภาพในกล้องปรากฏใบหน้าที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ในกับดักของเขา… “มายด์”เธอสวมแว่นกันแดดใหญ่ เดินจงใจตรงไปยังบริเวณโรงจอดรถด้านหลัง ซึ่งกล้องตัวที่เขาสั่งติดตั้งเพิ่มเป็นพิเศษจับภาพไว้ได้ชัดเจน เธอเดินเข้าไปหาใครบางคน — ลูกน้องของเขาในชุดลำลองที่ทำงานอยู่หน่วยความปลอดภัยภายในเสียงจากกล้องไม่มี แต่ภาพภาษากายบอกชัด...เธอยื่นซองเอกสารซองหนึ่ง
เมลินนั่งนิ่งบนเตียงสีเข้มของห้องกว้าง เปลือกตาขยับน้อยนิด ขณะที่ร่างกายอ่อนล้าเกินจะไหวติงขณะที่จิตใจของเธอเหมือนกำลังล่องลอยไปในอดีตที่ไม่อยากย้อนคิดถึงมันอีกเลย...เสียงกรีดร้องของแม่ในวันนั้นยังดังก้องอยู่ในหูวันนั้น...วันที่เธอตัดสินใจเสี่ยงชีวิต บุกเข้าไปยังโกดังเก่าริมท่าเรือเพื่อช่วยแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งถูกมายด์หลอกล่อและจับตัวไว้ภาพที่ฝังแน่นในหัว...ไม่ใช่แค่ใบหน้าบิดเบี้ยวของมายด์ที่เต็มไปด้วยความสะใจ แต่เป็นใบหน้าของชายอีกคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น...ภาคินชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคิรินทร์เขายืนอยู่ข้างมายด์ — ไม่เพียงแค่นิ่งเฉยต่อเสียงร้องของแม่เธอ แต่ยังมีท่าทีข่มขู่ด้วยคำพูดเย็นเยียบ“พาแม่เธอกลับไปให้ไกลที่สุด ถ้าฉันเห็นหน้าเธอหรือแม่เธอเฉียดใกล้คิรินทร์อีก...ฉันสาบานว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเธอจะได้หายใจ”เมลินจำได้ทุกคำ ทุกสีหน้า และทุกอณูความรู้สึกที่กัดกินใจแต่...เธอไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรที่จะเอาไปบอกคิรินทร์ได้เลยเขาจะเชื่อเธอหรือ?
เสียงหอบยังแทรกผ่านริมฝีปาก ก่อนที่เมลินจะถูกจับพลิกร่างกลับอย่างรุนแรง และถูกยึดครองอีกครั้งจากด้านหน้า“มองหน้าฉัน…แล้วบอกสิว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย”คีรินทร์กระซิบเสียงพร่า ขณะร่างใหญ่กระแทกเข้าสุดแก่นอีกครั้งจังหวะนั้น เมลินสะท้านจนแทบน้ำตาไหล เพราะมันลึก มันแน่น มันเจ็บแต่มันก็หวานหวิวเหมือนตกลงเหวแห่งความรักและความแค้นพร้อมกัน“ฉัน...ไม่...” เธอพยายามห้ามน้ำตา พยายามปฏิเสธทั้งที่เสียงครางยังสั่นไหวอยู่ในลำคอเขาใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้น บีบแน่นแต่ไม่ถึงกับทำร้าย“เธอโกหก...แม้แต่ตอนนี้ก็ยังโกหก”พูดจบ เขาก็ ดูดเม้มปากเธออย่างรุนแรง — ราวกับจะลงโทษถ้อยคำลวงโลกที่เธอกลืนมันไว้กับหัวใจลิ้นร้อนแทรกเข้าไปภายใน…เกี่ยวพันอย่างบ้าคลั่ง หยาบคายแต่โหยหาจนเธอเกร็งสะท้านไปทั้งตัวร่างกายเขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้น รุนแรงขึ้นกระแทก — ลึกขึ้นบดขยี้ — หนักหน่วงกว่าเดิมดึงต้นขาเธอขึ้นคร่อมบนสะโพกเขา แล้ว สอดแทรกในมุมที่ลึกกว่าเดิม จนเธอสะดุ้
เสียงลมหายใจของเด็กชายตัวน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมแขนผู้เป็นแม่ ดังสม่ำเสมออย่างสงบ ภายใต้แสงไฟอ่อนของห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล เมลินก้มมองลูกน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักข้างกายคือชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทดำที่นั่งเงียบไม่ไหวติง สายตาของเขาไม่ได้จ้องที่โทรศัพท์ ไม่ได้อ่านเอกสาร แต่กลับจ้องนิ่งไปยังใบหน้าลูกที่หลับตาพริ้ม...ลูกที่หน้าเหมือนเขาราวกับแกะใบหน้านั่น...โครงหน้านั่น...แม้แต่ขมวดคิ้วตอนหลับ ก็ยังเหมือนเขาอย่างกับถอดกันมามันทำให้เขาไม่สบายใจความรู้สึกในอกเหมือนถูกตีวนด้วยหมัดใหญ่ๆ ความห่วงใยที่ไม่น่าเกิดขึ้นนี้...มันคืออะไร?ไม่ เขาไม่เชื่อ...เขา ยังไม่เชื่อ ว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของเขาจริงอาจเป็นเรื่องบังเอิญ หรือ...บางทีเธอก็แค่สร้างเรื่องให้เขารู้สึกผูกพัน แล้วกดเขาไว้ด้วยคำว่าพ่อ...คีรินทร์เบือนหน้าหนี หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่ลูกชายเรียกหาเขา หรือเผลอยิ้มให้เขาด้วยความไว้ใจไร้เดียงสามันราวกับมีอะไรบางอย่างค่อยๆ ทะลวงกำแพงในใจ...และเขาเกลียดมันเกลียดความรู้สึกนี้...ห้าวันเต็มๆ ที่น้องน๊อตต้องนอนโ
เสียงล้อรถแล่นเข้าจอดหน้าตึกฉุกเฉินในช่วงดึกสงัด ทันทีที่ประตูรถเปิดออก คีรินทร์ก็ก้าวลงมาก่อนจะอุ้มน้องน็อตที่ซบแนบอกเขาด้วยไข้ตัวร้อนจี๋ เมลินก้าวลงตามด้วยสีหน้าซีดเผือดและอ่อนแรง แต่ยังฝืนเดินไปกับเขาอย่างไม่คิดปล่อยลูกให้พ้นสายตาไฟในโถงฉุกเฉินสว่างจ้า แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันและความเงียบงันที่แปลกประหลาด เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังสม่ำเสมอขณะชายร่างสูงในชุดสูทดำเดินตรงเข้ามา สายตานิ่งเย็นเฉียบพลันเหมือนคมมีดกรีดใจใครต่อใครในเสี้ยววินาทีคีรินทร์ กัลย์พิทักษ์ ไม่แม้แต่จะปรายตามองใครรอบตัว โทรศัพท์ในมือติดแนบหูอย่างรวดเร็ว“อคิน อยู่ไหน?”“เพิ่งลงเครื่อง” เสียงตอบกลับนิ่งเย็น แต่ฟังดูไม่เร่งรีบ“เกิดอะไรขึ้น?”“ลูก...เมลิน ลูกชายเธอ ป่วย”เพียงประโยคนั้นก็เพียงพอให้ปลายสายเงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงเร่งเร้า“ห้องไหน?”ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา หมออคินก็มาถึงเขาในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยไม่พูดพร่ำกับใคร ทิ้งให้เพื่อนมาเ
เสียงร้องไห้โหยหวนดังก้องไปทั่วห้องนอนใต้ดินหรูที่ถูกออกแบบให้ดูสวยงามในรูปแบบคฤหาสน์ชั้นสูง หากแต่กลิ่นอายของการกักขังก็ยังไม่สามารถปกปิดได้หมด — โดยเฉพาะเมื่อคนที่ถูกขังอยู่คือเมลิน ผู้หญิงที่กำลังจะเสียสติเพราะถูกพรากลูกไป“ปล่อยฉันออกไป! ได้ยินไหม! ฉันต้องไปหาน้องน็อต! ลูกฉันกำลังป่วย!” เสียงร้องของเธอปนเปื้อนด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด มือทุบประตูอย่างสิ้นหวังบนชั้นบน ลิซ่า เลขาคนสนิทที่ฟื้นขึ้นมาเรียบร้อย เดินตรงเข้าไปหานายของตนที่ยืนกอดอกอยู่ปลายเตียง มองดูเด็กชายตัวน้อยที่นอนดิ้นไปดิ้นมาไม่ยอมให้หมอตรวจอยู่กลางเตียงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เด็กอาจจะไม่รอดนะคะคุณคีรินทร์” ลิซ่าพูดตรง ๆ แม้จะรู้ว่าอาจโดนสายตานั้นเฉือนให้เลือดซึม“…”คีรินทร์ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ลึกลงไปในอกมีบางอย่างกระตุกวูบ ความรู้สึกที่เขาพยายามฝังกลบมันไว้ใต้บาดแผลของความแค้นพลันถูกรบกวน“พาเธอมาหาลูก” เขาออกคำสั่งเสียงเบาแต่เฉียบขาดไม่นานนัก เมลินก็ถูกพาตัวมายังห้องนอนใหญ่ เด็