Share

06 - สมรสพระราชทาน

Author: WangFei
last update Last Updated: 2025-03-29 21:23:39

เฟิ่งหรั่นนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับแม่หมอเฒ่าผู้นั้น กลิ่นอายบางอย่างที่นางไม่คุ้นเคยลอยโชยเข้ามาเตะจมูกนาง กลิ่นอันใดกันที่ทำให้นางรู้สึกไม่ดี คล้ายกับเลือดลมทั้งหมดหยุดไหลเวียนเช่นนี้ เพราะอะไร..?

          “หรั่นหรั่น แม่หมอผู้นี้พ่อกับแม่เชื้อเชิญมาเพื่อตรวจดวงชะตาของเจ้ากับท่านอ๋องเก้า อีกไม่นานนี้เจ้าก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาเอกแล้ว จำเป็นต้องมีการทำเช่นนี้เสียก่อน...” เฟิ่งฮูหยินคลี่ยิ้มเอ่ย

          เฟิ่งหรั่นยิ้มอ่อนๆ ตอบผู้เป็นมารดา ส่วนเฟิ่งเจาหรงที่มาได้ยินการสนทนาและเห็นแม่หมอชื่อดังที่ถูกเชิญมาจึงได้ลอบแอบฟังการสนทนา

          เฟิ่งฮูหยินทำถึงขนาดนี้ เพื่อประเคนบุตรสาวให้เป็นชายาอ๋องเก้าเลยรึ?!

          เฟิ่งหรั่นแบฝ่ามือทั้งสองข้างและแจ้งวันเดือนปีเกิดของตนเองกับลู่

อ๋องต่อหน้าแม่หมอ แม่หมอเฒ่าได้ทำการตรวจดวงชะตาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว แต่ทว่า...

          “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะแม่หมอ” เฟิ่งฮูหยินถามด้วยความร้อนรนระคนตื่นเต้นในใจ นางเห็นแม่หมอผู้นี้สัมผัสมือบุตรสาวและนั่งหลับตาอยู่

นานแล้ว

          แม่หมอนิ่งเงียบ นางพยายามเพ่งเล็งสมาธิให้มากที่สุดแต่กลับไม่

เห็นสิ่งใด สรรพสิ่งรายรอบมืดมนไปหมด แต่นางกลับได้กลิ่นแห่งหายนะ...กลิ่นแห่งความตายที่ลอยโชยเข้ามา ซึ่งเป็นกลิ่นที่ชัดเจนที่สุดมาจากเฟิ่งหรั่น!

          “รอบทางมืดมนไปหมด กลิ่นแห่งความตาย...ข้าได้กลิ่นแห่งความตาย!” แม่หมอผู้นั้นเอ่ยเสียงดังน่าหวาดกลัว เฟิ่งฮูหยินตกใจจนจอกชาเกือบหล่นจากมือ เฟิ่งอี้ที่ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไปนางเอ่ยเสียงดังขัดขึ้นมา

          “ท่านต้องโกหกแน่ๆ แม่หมอ...พี่สาวข้ากำลังจะอภิเษกเป็นพระชายาอ๋อง กลิ่นแห่งความตายอะไรของท่าน!” เฟิ่งอี้เดินเข้ามากระชากมือเฟิ่งหรั่นออกจากแม่หมอเฒ่าด้วยความโกรธ

          แม่หมอมองเฟิ่งหรั่นด้วยแววตาสั่นเครือ

          “ความตาย ใกล้จะมาเยือนท่านแล้ว...” นางกล่าวแค่นั้นแล้วรีบเดินออกไป ไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว รู้แต่ว่ากลิ่นอายจากเฟิ่งหรั่นนั้นน่ากลัวยิ่งนัก หญิงสาวที่กลิ่นตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย นางไม่มีทางมาเป็นชายาอ๋องได้เด็ดขาด

          เฟิ่งเจาหรงเดินตามแม่หมอผู้นั้นไปโดยพยายามลบเลี่ยงจากสายตาของบิดาและฮูหยินใหญ่

          “ท่านแม่หมอ เดี๋ยวก่อนสิเจ้าคะ” เฟิ่งเจาหรงร้องเรียกแม่หมอที่กำลังจะเดินพ้นจากประตูจวน

          “มีเรื่องอันใดกัน” แม่หมอมองสำรวจเฟิ่งเจาหรงอยู่ครู่หนึ่ง นางเป็นหมอที่ดูดวงชะตามาทั้งชีวิต แค่มองก็พอคาดเดาได้แล้วว่าชะตาชีวิตคน

ที่อยู่เบื้องหน้านั้นจะเป็นอย่างไร

          “เมื่อสักครู่ สตรีที่ท่านทำนายนางเป็นพี่หญิงใหญ่ของข้า เกิดอะไร

ขึ้นกับนางหรือ” เฟิ่งเจาหรงไม่มีท่าทียินดียินร้ายใดๆ แค่เพียงนางได้ยินแม่หมอพูดเรื่องความตายต่อหน้าเฟิ่งหรั่น นับเป็นเรื่องดีต่อนางและมารดายิ่งนัก

          แม่หมอไม่ตอบ นางกวาดสายตามองเฟิ่งเจาหรงแทนคำตอบ

          “ข้าได้กลิ่นความตายมาจากตัวเจ้า...”

          เฟิ่งเจาหรงหน้าชา นางถามเรื่องเฟิ่งหรั่น แต่กลับได้รับคำตอบอัปมงคลมาแทน! นางมองร่างของแม่หมอเฒ่าที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ นางอยากกรีดร้องกับคำพูดเมื่อสักครู่แต่ก็ไม่อาจทำได้ ด้วยเกรงว่าตนเองจะกลายเป็นที่ตลกขบขันของเฟิ่งหรั่นและเฟิ่งอี้

          แม่หมอเฒ่าเดินพ้นมาจากจวนสกุลเฟิ่งไกลพอสมควร เมื่อสักครู่ที่นางได้กลิ่นความตายนั้นไม่ผิด! หญิงสาวผู้นั้นเฟิ่งหรั่น มีชะตาเป็นนางหงส์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ทว่ากลับมีรัศมีแห่งความตายมาบดบังดวงชะตาของนางเอาไว้ หญิงสาวผู้นี้มีชะตาชีวิตที่สลับซับซ้อนและน่ากังวลยิ่งนัก

          อีกไม่นานอีกฝ่ายก็จะกลายเป็นพระชายาเอกของอ๋องเก้าแล้ว ฤกษ์มงคลกำลังจะถูกส่งมาจากวังหลวง ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกบางอย่างว่าอ๋องเก้าไม่คู่ควรกับนางเลยสักนิด ทั้งๆ ที่สกุลนี้กับอ๋องเก้าสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน เพราะอะไร?

          “ดวงชะตาย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้ตลอดเวลาเจ้าค่ะท่านแม่ อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ” เฟิ่งหรั่นเอ่ย แม้คำพูดจากปากของแม่หมอเฒ่าเมื่อนำมาคิดรวมกับความฝันของนางที่แสนน่ากลัว กลับยิ่งมีน้ำหนักยิ่งนัก นางไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงไม่คัดค้านเรื่องการแต่งงานกับลู่อ๋อง หรือจะเป็นวาสนาของนางจริงๆ

          เฟิ่งอี้ได้ทีจึงรีบเอ่ยส่งเสริมพี่สาว

          “นั่นสิเจ้าคะท่านแม่ แม่หมอเฒ่าผู้นั้นก็ย่อมต้องมีทำนายผิดพลาดกันบ้าง ปากของนางเอ่ยวาจาไม่เป็นมงคล ท่านอย่าไปเชื่อเลยเจ้าคะ พี่หญิงใหญ่มีวาสนาสูงได้อภิเษกเป็นพระชายาเอกท่านอ๋องเก้า จะมีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไรเจ้าคะ”

          ใต้เท้าเฟิ่งคิดตามบุตรสาวคนเล็ก ดวงชะตานั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและไม่อาจยึดถือเป็นแนวทางการดำรงชีวิตได้ การที่อ๋องเก้าขอสมรสพระราชทานเช่นนี้ ก็คงเป็นวาสนาของสกุลเฟิ่งมากกว่าจะเป็นคราวเคราะห์ สตรีทั่วทั้งเมืองหลวงปรารถนาอยากเป็นชายาของลู่อ๋องกันทั้งนั้น คงมิใช่คราวเคราะห์ของบุตรสาวเขาอย่างแน่นอน

          แม้ในใจของอัครมหาเสนาบดีเฟิ่งจะปรารถนาให้บุตรสาวคนใดคนหนึ่งเป็นพระชายาองค์รัชทายาทลู่เฟยหลง แต่ก็คงเป็นไปได้ยากนัก มีข่าวลือหนาหูเหลือเกินว่าลู่เฟยหลงนั้นเป็นพวกตัดแขนเสื้อ มีบุรุษมากมายคอยรับใช้ไม่ห่างกาย แม้ว่าไทเฮาจะทรงหาสตรีมากมายหรือแนะนำอวี๋ฟางหรง แต่ก็มิเคยมีสตรีใดได้เข้าถวายตัวรับใช้หรือเป็นพระชายาเอกเลย ดังนั้นการ

ได้เสกสมรสกับลู่อ๋องก็ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน

          แม้ว่าความยิ่งใหญ่ของลู่อ๋องจะไม่เทียบเท่าลู่เฟยหลง แต่ก็มีซู่ไท่เฟยที่เป็นฐานอำนาจหนุนหลัง สนับสนุนอยู่ไม่ห่าง วังหลังก็มีเพียงซู่ไท่เฟยที่พอจะคานอำนาจกับไทเฮาได้

          “อีกไม่นานข้าก็จะเสกสมรสกับท่านอ๋องเก้าแล้ว ข้าไม่อยากให้เรื่อง

คำทำนายพวกนี้มาทำลายงานแต่งเจ้าค่ะท่านแม่” เฟิ่งหรั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ วันนี้นางเพลียมากจริงๆ นับตั้งแต่ได้ยินแม่หมอเฒ่าเอ่ยเรื่องความตาย จิตใจของนางก็พลันห่อเหี่ยวลง แต่อ๋องเก้าเป็นบุรุษที่ดีผู้หนึ่ง จะพานางไปพบกับความตายได้อย่างไรกัน คำทำนายพวกนั้นคงไม่มีทางเป็นเรื่องจริง

          นางกับลู่อ๋องมีใจตรงกัน เขาจะไม่มีวันพานางไปพบกับความตายอย่างเด็ดขาด

          “ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดพวกนั้นเลยพี่หญิง ไปเถิด ข้าจะพาท่านไปพักผ่อนดีกว่า” ว่าจบแล้วเฟิ่งอี้ก็คล้องแขนของเฟิ่งหรั่น พาผู้เป็นพี่สาวออกจากห้องโถงใหญ่กลับเรือนไป แต่ทว่าภายในใจนางกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ดี ลางร้ายหรืออย่างไร?

          ลู่เฟยหลงกักตนเองอยู่ในตำหนักบูรพา นับจากงานเลี้ยงวันนั้นเขาก็แทบไม่ย่างกรายออกจากเขตตำหนักเลยแม้แต่น้อย ลู่ไทเฮาคงคาดเดาได้ว่าบุตรชายคนเล็กคงไม่พอใจที่พระนางจับคู่เขากับอวี๋ฟางหรงเป็นแน่ นอกจากจุดประสงค์เรื่องการเมืองแล้วนั้น พระนางก็ทรงทราบอยู่เนืองๆ ว่าบุตรชายมีความสนิทสนมกับองครักษ์คนสนิทและรองแม่ทัพมาก สามารถติดต่อเข้านอกออกในกันได้อย่างสะดวกสบาย จนมีข่าวลือหนาหูยิ่งนักว่าบุตรชายของพระนางอาจเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ ซึ่งพระนางไม่อาจให้เป็นเรื่องจริงได้ แม้จะไม่สอบถามลู่เฟยหลงตรงๆ แต่พระนางก็คาดเดาได้ไม่ยากเท่าใด

          แม้การแต่งงานกับอวี๋ฟางหรงจะมีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่อีก

จุดประสงค์คือพระนางต้องการกลบข่าวลือเรื่องที่บุตรชายมีพฤติกรรมตัดแขนเสื้อตนเองเช่นนี้ เพื่อลบคำเล่าลือและข้อสงสัยของเหล่าขุนนาง หากเหล่าขุนนางยกเรื่องนี้ขึ้นมาถกในท้องพระโรงเมื่อใด อาจเป็นช่องทางให้ซู่ไท่เฟยถือโอกาสเข้ามาแทรกแซงเรื่องภายในราชสำนักได้ แม้ว่าเหล่าเสนาบดีบางส่วนจะสนับสนุนอ๋องเก้าและซู่ไท่เฟยก็ตาม

          เดิมทีพระนางคิดให้เฟิ่งหรั่นมาเป็นพระชายารองของลู่เฟยหลง แต่เห็นโอกาสไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะซู่ไท่เฟยและลู่อ๋องเดินนำพระนางไปหนึ่งก้าวแล้ว หากไม่เอาอำนาจของเจ้ากรมอาญาอวี๋มาขัดขวาง เกรงว่าซู่ไท่เฟยอาจจะเรืองอำนาจมากกว่านี้

          พระบาทของไทเฮามาหยุดตรงทางเข้าตำหนักบูรพา กงกงคนสนิทนามว่ากู่กงกงเดินเข้ามา ใบหน้าของขันทีอาวุโสวิตกกังวลอย่างยิ่ง พระกระยาหารนั้นถูกเสวยไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น และไม่มีแม้แต่พระสุรเสียงตรัสออกมาให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย

          “ลูกชายข้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?” ลู่ไทเฮาทรงถามกู่กงกง

          กู่กงกงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ แต่สุดท้ายจึงยอมตอบ “ตั้งแต่งานเลี้ยงเมื่อวันก่อนเลิกราพะยะค่ะ ก็ทรงเอาแต่เก็บพระองค์ในตำหนัก พระกระยาหารก็เสวยเพียงนิดเดียวเท่านั้น บ่าวไพร่ไม่ทรงเอ่ยเรียกสักคนเลยพะยะค่ะ”

          ไทเฮาทรงมองผ่านกู่กงกงไปที่ตำหนักบูรพา คิ้วทั้งสองของพระนาง

ขมวดกันเป็นปมด้วยความกังวล หากลู่เฟยหลงทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ออกมาช่วยผู้เป็นพี่ชายออกว่าราชการคงไม่ดีแน่

          “ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” อวี๋ฟางหรงที่เดินเข้ามาพร้อมกับของ

บางอย่าง นางย่อกายคำนับไทเฮาอย่างนอบน้อมพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ

          ลู่ไทเฮาทรงถอนพระทัยอย่างโล่งอก สตรีที่พระนางหมายปั้นให้เป็นพระชายารัชทายาทปรากฏตัวออกมาได้ทันเวลานัก อวี๋ฟางหรงเข้ามาประคองลู่ไทเฮาอย่างอ่อนโยน นางรู้ดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายคิดสิ่งใดในใจ

          “องค์ชายทรงกักตนเองอยู่ในตำหนักเช่นนี้ ย่อมทำให้ไทเฮาทรงไม่สบายพระทัย หรงเอ๋อร์ไม่ดีเองเพคะ...” อวี๋ฟางหรงกล่าวโทษตนเองอย่างน่าสงสาร ลู่ไทเฮาทรงลูบใบหน้าอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

          “ใครว่าเป็นความผิดของเจ้ากัน อาหลงคงมีเรื่องให้คิดมากเลยทำเช่นนี้...”  ลู่ไทเฮาทรงพยายามเอ่ยปลอบใจอีกฝ่าย

          อวี๋ฟางหรงก้มหน้าพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆ “เพคะ วันนี้หม่อมฉันมาเพื่อจะเข้าเฝ้าองค์ชาย...”

          “เรียนคุณหนู ตอนนี้องค์รัชทายาททรงไม่ประสงค์ให้ผู้ใดเข้าพบขอรับ” กู่กงกงเอ่ยออกไปตามตรง

          “ไม่ต้องห่วงหรอกท่านกงกง แค่ท่านปล่อยให้ข้าเข้าไป พระองค์จะยอมพบข้าเอง” อวี๋ฟางหรงคลี่ยิ้มบางๆ ลำพังนางจะลอบแฝงกายเข้าไปก็ย่อมได้ แต่เกรงว่าจะทำให้เทพเซียนสวรรค์รู้ว่านางก้าวข้ามกฎการใช้พลังเซียน ดังนั้นนางเก็บพลังเซียนเอาไว้ก่อนจะเป็นการดีกว่า

          กู่กงกงไม่กล้าเอ่ยคำใดคัดค้านเมื่อเห็นสีพระพักตร์ของไทเฮาเป็นเชิงแกมตำหนิ กงกงประจำตำหนักบูรพาจึงยอมให้อวี๋ฟางหรงเข้าไป

          อวี๋ฟางหรงเดินมาหยุดหน้าประตูเข้าเรือนนอนตำหนักบูรพา ชาติก่อนลู่เฟยหลงเป็นเช่นไร ชาตินี้ก็ยังเป็นดังเดิมไม่มีเปลี่ยน เวลาหากไม่

สมปรารถนาสิ่งใดก็เอาแต่กักตนอยู่ในตำหนัก ไม่สมดั่งฉายาเทพสงครามแดนสวรรค์เลยจริงๆ

          หญิงสาวตัดสินใจเคาะประตูและถือโอกาสเดินเข้าไปด้านใน นางเห็นบุรุษที่นางหมายมาเยี่ยมด้วยเรื่องบางอย่าง กำลังนั่งอยู่โดยมีโต๊ะคัดอักษรอยู่ด้านหน้า แต่ทว่าฝ่ามือหนาของเขากลับหมุนพู่กันเล่นเท่านั้น สายตาเลื่อนลอย มีแต่ความโศกเศร้า อวี๋ฟางหรงจับสังเกตความรู้สึกจากสายตาคู่นี้ได้

          สำหรับลู่เฟยหลง เมื่อรู้สึกตัวถึงการมาเยือนของผู้มาใหม่ เขาวางพู่กันลงบนโต๊ะคัดอักษร มองอวี๋ฟางหรงอย่างไม่พอใจ

          “เสด็จแม่ส่งเจ้ามาหาข้าหรือ?” ลู่เฟยหลงถามนางเสียงแข็ง

          “ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีของสำคัญบางอย่างจะมอบให้ท่าน...” อวี๋ฟางหรงมองอนาคตต่อจากนี้ของเขาออก นางมาที่นี่เพื่อยื่นของสำคัญบางอย่างให้

          ของสำคัญที่ว่านั้นคือดอกไห่ถังแบบเดียวกับที่นางเคยมอบให้เฟิ่งหรั่น ลู่เฟยหลงรับดอกไม้นั้นมามองอย่างพิจารณา นางเป็นหญิงมามอบดอกไม้ให้เขาด้วยเรื่องอันใดกัน เขามองดอกไห่ถังอยู่สักครู่แล้วถามนาง

          “เจ้าเป็นหญิง มอบดอกไม้นี้ให้ข้าเห็นทีคงไม่เหมาะสม”

          อวี๋ฟางหรงยิ้มอ่อนๆ “สัญญาหมั้นหมายระหว่างพระองค์กับหม่อมฉัน การที่หม่อมฉันทำเช่นนี้มีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือเพคะ”

          นางย้อนเกล็ดถามเขากลับ มุมปากข้างหนึ่งกดรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย

          “หม่อมฉันมอบดอกไม้นี้ให้พระองค์ เมื่อถึงเวลาก็จะทราบเองว่าทำไมหม่อมฉันถึงมอบให้” อวี๋ฟางหรงกล่าวแค่นั้นแล้วนางจึงลุกเดินออกจากตำหนักบูรพาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางไม่สามารถบอกลู่เฟยหลงกับเฟิ่ง หรั่นได้ แต่อีกไม่นานนับจากนี้กงล้อแห่งโชคชะตาจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว...

          ตำหนักของซู่ไท่เฟยครึกครื้นยิ่งนัก ยิ่งได้ทราบว่ากำหนดฤกษ์อภิเษกของลู่อ๋องกับเฟิ่งหรั่นออกมาจากสำนักโหรหลวงแล้ว พระนางทรงสั่งให้มีการแจกเบี้ยหวัดกับขันทีและนางกำนัลของตนเองเสียใหญ่โต อีกทั้งยังมีการตระเตรียมของสำหรับดำเนินการตามขั้นตอนสามหนังสือหกพิธีการ6 ตามขนบธรรมเนียมมาแต่โบราณ

          แต่ทว่าคนที่ตื่นเต้นมากที่สุดคือลู่อ๋อง ในที่สุดเขากำลังจะได้ผูกด้ายแดงกับเฟิ่งหรั่นที่หมายปองมานานนัก นางไม่ปฏิเสธการแต่งงานกับเขา นั่นเพราะนางย่อมมีใจต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย สตรีที่งามพร้อมทั้งรูปโฉมและฐานะเช่นนี้ จะไม่ให้เขาต้องการคว้าตัวนางมาได้อย่างไร

          ทว่ามีคนสุขก็ย่อมมีคนทุกข์เช่นกัน เมื่อลู่เฟยหลงแทบไม่ออกช่วยฮ่องเต้ว่าราชกิจใดๆ เพราะเรื่องการแต่งงานกับเฟิ่งหรั่น ลู่อ๋องกับซู่ไท่เฟยก็ยิ่งปรีดามากขึ้นไปอีก หากเหล่าเสนาบดีทราบว่าลู่เฟยหลงไม่เอาการเอางานเช่นนี้ ตำแหน่งรัชทายาทย่อมสั่นคลอน และคงมีการบีบฮ่องเต้ให้ทำการคัดเลือกรัชทายาทพระองค์ใหม่ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นต้องหาทางกำจัดลู่เสวียนที่เป็นโอรสสายตรงของฮองเฮาเซียวด้วยเช่นกัน เพื่อมิให้เป็นขวากหนามในอนาคตของพระนางกับโอรส

          “ไท่เฟย สาสน์กำหนดฤกษ์มาถึงแล้วเพคะ” นางกำนัลคนสนิทของ

ซู่ไท่เฟยเข้ามาถวายรายงาน พร้อมกับม้วนสาสน์ที่ระบุฤกษ์มงคล

          “แล้วทางสกุลเฟิ่งทราบหรือยัง?”

          ไท่เฟยทรงตรัสถาม

          “เซียวฮองเฮาทรงให้คนของนาง ส่งเรื่องนี้ไปที่จวนใต้เท้าเฟิ่งแล้วเพคะ” นางกำนัลคนเดิมตอบเสียงใส

          “ฮองเฮานางเป็นพี่สะใภ้ของเฟยหลง นางจะไม่ทำให้แผนการของเราล่มหรือพะยะค่ะเสด็จแม่” ลู่อ๋องเอ่ยถามมารดาด้วยความไม่สบายใจ

          ซู่ไท่เฟยเองก็กังวลพระทัยไม่ต่างกัน “แม่เองก็กังวลอยู่ แต่เรื่องการแต่งสตรีมาเป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นหน้าที่ของฮองเฮาที่เป็นประมุขของฝ่ายใน แม้แม่จะเป็นผู้ใหญ่ของวังหลัง แต่เรื่องเช่นนี้ย่อมเป็นฮองเฮาที่ต้องจัดการร่วมด้วย”

          ลู่อ๋องจนด้วยคำพูด แม้เซียวฮองเฮาจะไม่มีกำลังสนับสนุนที่ชัดเจนแต่ยังมีแรงสนับสนุนจากเสนาบดีที่สนับสนุนลู่เฟยหลงและฮ่องเต้ การทำสิ่งใดในฝ่ายใน จะตั้งหรือปลดนางกำนัลขันทีคนใด นางย่อมทำได้ทั้งสิ้น

          “ตอนนี้หน้าที่เจ้า คือนำของหมั้นนี้ไปมอบให้นาง ทำให้นางแต่งงานกับเจ้าโดยไร้เงื่อนไขใดๆ ให้ลู่เฟยหลงรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะกับนาง” ซู่ไท่เฟยพร้อมยกยิ้มข้างหนึ่งที่มุมปาก หากได้อำนาจสกุลเฟิ่งมา ก็จะทรงมีอำนาจมากพอหากจะล้มฮ่องเต้และรัชทายาทพี่น้องคู่นี้!

          สาสน์กำหนดฤกษ์มงคลวันอภิเษกถูกส่งมาที่จวนสกุลเฟิ่งในเพลาไม่นาน นางกำนัลคนสนิทของซู่ไท่เฟยและขันทีของลู่อ๋อง ให้คนนำของหมั้นมากมายเข้ามาในจวนอย่างยิ่งใหญ่ เฟิ่งฮูหยินยิ้มปรีดากับเครื่องประดับงดงามมากมายที่ซู่ไทเฟยทรงพระราชทานให้เป็นของขวัญสำหรับการหมั้นหมายครั้งนี้

          “นี่ดูสิ ปิ่นไข่มุกราตรีนี้งดงามจริงๆ” เฟิ่งฮูหยินหยิบปิ่นไข่มุกราตรีมองดูด้วยความชื่นชม

          “ได้ข่าวว่าฤกษ์การอภิเษกมาส่งถึงจวนแล้ว...ยินดีกับพี่หญิงใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” เฟิ่งเจาหรงเดินเข้ามาในเรือนของเฟิ่งหรั่นอย่างถือวิสาสะ นางกรีดยิ้มบางๆ อย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินเข้ามาแสร้งกวาดสายตามองไปรอบๆ เรือน แต่ทว่าภายในใจนั้นเต็มไปด้วยไฟริษยาสุมอก

          เฟิ่งฮูหยินมองเฟิ่งเจาหรงด้วยสายตาไม่พอใจ บุตรีอนุภรรยาผู้นี้นางไม่รู้จักอยู่อย่างเจียมตนหรืออย่างไร เห็นทีหากงานอภิเษกผ่านไปนางคงต้องจัดการสองแม่ลูกคู่นี้ให้หลาบจำ!

          “พี่หญิงรองมีสิทธิ์เข้าออกในเรือนของพี่ข้าตั้งแต่เมื่อใดกันเจ้าคะ เป็นแค่ลูกอนุ ก็ควรทำตัวแบบลูกอนุถึงจะถูก” เฟิ่งอี้มองเฟิ่งเจาหรงด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลน

          เฟิ่งเจาหรงกอดอก แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา “ข้าเองก็ไม่อยากมาเท่าไหร่ ด้วยเพราะรู้ฐานะของตนเองดี ก็แค่อยากมาแสดงความยินดีก็เท่านั้น”

_________________________

6สามหนังสือหกพิธีการ ขั้นตอนการสู่ขอเจ้าสาวแบบจีนโบราณนั่นเอง โดยจะเป็นการแลกเปลี่ยนหนังสือสามฉบับระหว่างตระกูล และการดำเนินตามพิธีการ 6 ข้อด้วยกัน สามหนังสือได้แก่ หนังสือหมั้นหมาย,หนังสือสินสอดและหนังสือรับตัว ส่วนหกพิธีการได้แก่ การสู่ขอ,การขอวันเดือนปีเกิด,การเสี่ยงทาย,การมอบสินสอด,การดูฤกษ์ยาม และสุดท้ายคือการไปรับเจ้าสาว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    21 - หวนคืนสู่นครา

    โรงเตี๊ยมแห่งนี้แม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็เป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารชั้นดีเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วลู่เฟยหลงนั้นอยู่เบื้องหลังการชำระล้างมลทินให้เฟิ่งหรั่น มีแต่คนกล่าวเพียงว่าอัครมหาเสนาบดีเฟิ่งผู้เป็นบิดาที่คอยหาหลักฐานมากมายร่วมสามปี จนได้หลักฐานว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการใส่ร้ายอดีตพระชายาเก้าจนถึงแก่ความตาย ก็คือขันทีคนสนิทของลู่อ๋อง แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีหลายคำถามมากมายที่ผู้คนต่างกล่าวขานกัน ว่าเป็นเพราะลู่อ๋องต้องหลงเสน่ห์ชายารององค์ใหม่เป็นแน่ เฟิ่งหรั่นยกยิ้มอย่างพึงใจ อย่างน้อยสามปีที่นางหายไปท่านพ่อท่านแม่ก็ยังคงทวงความยุติธรรมให้นางมาตลอด การกลับมาคราวนี้นางจะต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีที่เคยถูกย่ำยีกลับคืนมา เปิดโปงความชั่วของพวกมันทั้งสองคนในชั่วพริบตานางย่อมทำได้ แต่หากทำเช่นนั้นศัตรูที่นางเคียดแค้นชิงชังจะตายง่ายไป นางต้องการแย่งชิงสิ่งที่พวกมันหมายปองให้มาอยู่แทบเท้านาง ในเมื่อเคยเป็นคนดีแต่กลับถูกคนชั่วหลอกใช้ นางก็ขอกลายเ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    20 - เมืองเจี้ยงจู

    ไป๋ลู่หัวเสียอย่างยิ่ง หากนางทำสิ่งใดทำไมต้องมีคนมาขัดจังหวะนางตลอดเวลานะ! เซียนสาวหันมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนทางด้านหลัง นางยิ้มแหยๆ ให้กับจูเชว่อย่างอารมณ์ดี เขาอายุมากกว่านางหลายพันปีอีกทั้งยังเป็นคนที่คอยขัดขวางนางทุกเรื่องหากนางคิดอ่านสิ่งใด เขาทำตนราวกับตนเองมีเนตรทิพย์แดนสวรรค์ที่สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งได้ นางเกลียดยิ่งนัก! “เซียนที่ต้องทัณฑ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาแดนสวรรค์ และยิ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอชะตาเซียน เจ้าบังอาจฝ่าฝืนกฎเช่นนี้ ไม่กลัวสวรรค์ลงทัณฑ์หรือไร?”จูเชว่ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หากเขาไม่สะกดรอยมาเห็นนางเสียก่อน เกรงว่านางคงทำเรื่องไม่น่าให้อภัยไปแล้ว “แล้วท่านแม่ทัพเล่า มีเวลาว่างมากนักรึถึงมาตามจับผิดข้า คราวก่อนก็ครั้งนึงแล้ว ท่านตามติดข้าเป็นเงาเช่นนี้ คงมิใช่ทำร้ายอันใดกับข้าอยู่ใช่มั้ย?” พยัคฆ์สาวแสร้งเอ่ยปกปิดเรื่องราวของตน และได้ผล...แม้ว่าจูเชว่จะชอบขัดขวางนาง แต่ทว่าไม่เคยตาม

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    19 - ร่างที่ไร้ลมหายใจ

    บริเวณลานประหาร ร่างบอบบางที่ถูกตรึงด้วยไม้กางเขน สภาพร่างกายของนางอันบอบบางราวกิ่งหลิวเปียกชุ่มไปด้วยคราบโลหิตจากทัณฑ์ทรมาน เส้นผมที่เคยถูกรวบเกล้าประดับด้วยเครื่องประดับอันงดงาม บัดนี้กลับหลุดลุ่ยปรกใบหน้า ดวงตาที่เคยอ่อนหวานในยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น ที่ไม่มีโอกาสได้มอบความตายคืนให้กับคนที่กระทำนาง ‘เฟิ่งหรั่น’ คือบุตรีของอัครมหาเสนาบดี นางผู้เปี่ยมด้วยรูปโฉมอันงดงามและอำนาจบารมีของบิดา วาสนาชีวิตที่เคยเป็นถึงพระชายาอ๋อง บัดนี้กลับตกต่ำกลายเป็นนักโทษประหารความผิดไม่น่าให้อภัย ดวงตางดงามค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดมองสภาพแวดล้อมรายรอบที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รุมสาปแช่งนาง นางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเอง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวาสนาที่ตนเองเคยเป็นชายาของอ๋องเก้าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้จะตกต่ำเป็นถึงนักโทษประหาร คิดแล้วช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    18 - ทัณฑ์หลิงฉือ

    ลู่เฟยหลงลอบเดินออกมาทางด้านหลังตำหนัก ซึ่งเป็นช่องทางลับที่เขาแอบสร้างเอาไว้นานแล้ว ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้ใช้ช่องทางลับนี้ ช่องทางลับที่แม้แต่ฝ่าบาทกับพระมารดาก็ไม่ทรงทราบ ซ่งหลานบอกเขาว่าเฟิ่งหรั่นถูกนำตัวไปขังในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดของคุกหลวง คุกที่ไม่มีแม้กระทั่งแสงเดือนหรือแสงตะวันสาดส่อง ชายหนุ่มลอบย่องเข้ามาเงียบๆ วรยุทธ์ของเขานั้นสูงส่งเกินกว่าที่ทหารยามจะคาดเดาได้ เขานำห่อผ้าห่มผืนใหญ่มาด้วยเพื่อหวังจะโอบนางให้คลายความหนาวแล้วพาหนีออกจากคุกแห่งนี้ แต่ทว่าเขาต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเจอกับสตรีอีกหนึ่งนางกำลังตรงไปที่ห้องขังเฟิ่งหรั่น เฟิ่งอี้! ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสตรีตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด กำลังเดินอย่างแช่มช้ามิรู้ร้อนรู้หนาวอันใด กริยาท่าทางราวกับคนใจเย็นสุขุม ทั้งๆ ที่บิดาและมารดาของนางกำลังร้อนรนเพราะหาทางช่วยเฟิ่งหรั่น แต่นางคนนี้กลับมีท่าทีราวกับเบิกบานใจ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    17 - ดั่งดวงใจ

    เฟิ่งหรั่นถูกคุมขังอยู่ในตำหนักหลายวัน ขณะที่ลู่อ๋องไม่สนใจความเป็นความตายของนาง เขากลับแต่งตั้งเฟิ่งอี้น้องสาวนางเป็นพระชายารอง ให้ดูแลงานทุกอย่างภายในวังอ๋องแทนนางที่ถูกคุมขังในตำหนัก แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตากับนางอยู่บ้าง กงกงของวังหาได้เชื่อว่านางเป็นคนทรยศ จึงคอยลอบส่งข่าวสารผ่านจิงเจียวถึงแผนการของลู่อ๋อง “เจ้าคนชั่ว!” เฟิ่งหรั่นเปล่งวาจาด้วยบันดาลโทสะ ฝ่ามือบางที่เคยขาวผ่อง ตอนนี้กลับชุ่มโชกไปด้วยเลือดเนื่องจากนางฟาดฝ่ามือของตนเองเข้ากับผนังกำแพงโดยไม่นึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด “พระชายาเพคะ” จิงเจียวมองนายของตนด้วยความสงสาร ทั้งหมดนั่นคือการใส่ร้ายกันชัดๆ เจ้านายของนางไม่เคยกระทำตนออกนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างเป็นแผนการใส่ร้ายทั้งสิ้น ลู่อ๋องใส่ร้ายเจ้านายของนางจนต้องโดนลงทัณฑ์เช่นนี้! “ข้าแต่งงานกับเขาก็เพื่อหวังช่วยเสริมฐานอำนาจให้เ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    16 - แผนใส่ร้าย

    ในขณะที่ตำหนักหนึ่งกำลังบรรเลงบทเพลงรักอย่างเร่าร้อน ทางด้านตำหนักของเฟิ่งหรั่นกลับเงียบเหงายิ่งนัก หญิงสาวตื่นขึ้นมาในยามดึก เนื่องด้วยเพลานี้นางพักผ่อนจนพิษไข้สร่างลงไปมาก ด้านข้างกันนั้นมีจิงเจียวคอยช่วยตระเตรียมห่อยาและคอยเช็ดตัวให้กับนาง เฟิ่งหรั่นขยี้ตามองสรรพสิ่งรอบๆ กาย นางกลับมาที่ตำหนักตั้งแต่เมื่อไหร่! ครั้งล่าสุดนางจำได้ว่าเฟิ่งอี้พานางไปเดินเล่นแถวๆ เขตตำหนักบูรพา จากนั้นนางก็เมามายจนสติเลือนรางจดจำสิ่งใดไม่ค่อยได้ นางจำได้แค่เพียงว่ากลิ่นกายของบุรุษที่มิใช่ลู่อ๋อง และเสียงทะเลาะกันในขณะนั้นคล้ายกับว่าเป็นห้วงความฝัน แต่เป็นห้วงฝันที่เหมือนจริงเสียเหลือเกิน “พระชายา ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ ทรงนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด อีกหลายชั่วยามเพคะกว่าฟ้าจะสาง” จิงเจียวเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้พระชายาของนางกำลังตกที่นั่งลำบาก นางไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปลอบใจอย่างไรดี “ข้าจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เฟิ่งหรั่นกำลังจะก้าวขาลงจากเตียงแต่จิงเจียวปรามเอาไว้ก่อน “อย่าเพิ่งเลยเพคะพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งกักบริเวณพระองค์เอา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status