ฉันยืนป้ำๆ เป๋อๆ อยู่หน้าผับ ฉันเลื่อนสายตาขึ้นมองป้ายไฟด้านหน้า ก็น่าจะเป็นที่นี่แหละ...ไม่ผิดแน่ แต่ทำไมไม่เจอใครเลย หันมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะนี้มันสามทุ่มกว่าแล้ว ฉันอุตส่าห์มารอก่อนเวลา...แล้วแถมไม่มีเบอร์ใครสักคนเลยด้วย สะเพร่าจริงๆ เล๊ย
“โรส” ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหนาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทฉันและเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย และนั่นทำให้ฉันยิ้มออกในทันที
“มาทำไรตรงนี้ แล้วมากับใคร” ดินเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เรามารอเพลินกับมิณอะ น้องเขาชวนมาวันเกิด” ฉันตอบกลับไปแบบยิ้มๆ เพราะรู้ว่าถ้าเอ่ยชื่อสองคนนี้ ดินต้องรู้จักอยู่แล้ว
“สองคนนั้นอยู่ข้างในแล้ว” นั่นไง...โชคดีนะที่เจอดิน อย่างน้อยก็ไม่ต้องมายืนรอโดยไร้จุดหมายแบบนี้
“อ้าวเหรอ งั้นดินพาเราไปหน่อยดิ”
ดินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหมุนตัวไปดันประตูแต่ยังไม่ทันเปิดเข้าไป เขาก็เหมือนนึกอะไรออกแล้วหันมาหาฉันอีกรอบ
"เออ!" มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบมือถือออกมาสแกนนิ้วปลดล็อกก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
“เอาไลน์มาดิ”
“อ่อๆ” ฉันก็งงนิดๆ ก่อนจะรับมือถือมากดเข้าไปในแอพเพิ่มเพื่อนตามคำบอกของเพื่อนตัวเอง แล้วส่งมือถือคืนเจ้าของ ความจริงมีไว้ก็ดีเผื่อฉุกเฉินจะได้ติดต่อใครได้บ้าง
ดินยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนจะกลับไปดันประตูเข้าไปโดยมีฉันตามไปติดๆ ข้างในเต็มไปด้วยผู้คนล้นหลามที่ดีดดิ้นกันอย่างสนุกสนาน เสียงเพลงดังกระหึ่มจนแก้วหูแทบแตก แสง สี และเสียงเหล่านี้ ฉันไม่เคยได้สัมผัสมันหรอก สี่ปีที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอยู่ในห้องอุดอู้ไม่ได้เห็นแม้แต่แสงตะวันเลยด้วยซ้ำ...
ฉันเดินตามเจ้าของผับมาจนถึงชั้นสองของอาคารก่อนจะมาหยุดหน้าห้องที่มีป้ายสีทองติดว่า VIP ซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ ที่เดินผ่านมา เพราะมันเป็นป้ายสีเงินและมีเลขตามหลังคำว่า VIP ประตูห้องถูกดันเข้าไปโดยเจ้าของที่นี่
“อื้อฮือ สวยพี่สวย” ผู้ชายที่นั่งบนโซฟาข้างคนที่ชื่อยูตะวางแก้วเหล้าที่อีกนิดก็จะถึงปากตัวเองลงบนโต๊ะทันทีที่เห็นฉัน ก่อนที่ดินจะเริ่มแนะนำทุกคนในห้องให้ฉันรู้จัก
“นี่หนูดา เมียฉันเองอะ เป็นรุ่นพี่เธอ” ดินเดินเอาแขนพาดไปบนไหล่เล็กของผู้หญิงคนเดียวในห้องถ้าไม่รวมฉันและแนะนำว่าเป็น...เดี๋ยวนะ เมีย...งั้นเหรอ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที เมียเนี่ยนะ...ดินเนี่ยนะ มีเมียแล้ว...มือเล็กถูกยกขึ้นไหว้เธอแบบงงๆ นี่ฉันพลาดไปหลายอย่างเลยใช่ไหม
“ส่วนนั่น เฮียวาโย แล้วก็ไอ้”
“กูรู้จักแล้ว”
ดินชี้ไปที่คนที่แซวฉันในตอนแรกและกำลังจะแนะนำต่อ..แต่ก็มีเสียงแทรกขึ้นซะก่อน และนั่นก็คือยูตะ ถูกอย่างที่เขาพูดแหละ เพราะเรารู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันเลยยกมือไหว้เฮียวาโยอย่างนอบน้อม ถ้าดินเรียกว่าเฮีย...เขาก็คงเป็นรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเหมือนทุกคนไม่มีตัวตนอยู่บนโลก ไม่มีความหมายอะไรกับเขา หรือไม่ก็อาจเป็นฉันแค่คนเดียว...
“นี่โรส เพื่อนเก่าผม” ดินหันไปแก้ปริศนาที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮียวาโยอย่างชัดเจน ก่อนจะฉุดแขนผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเมียตัวเองให้ลุกขึ้นและหันไปพยักหน้าให้ยูตะ เหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง ฉันเองก็ไม่แน่ใจ
ดินพาพี่หนูดาเดินออกไปจากห้อง ตามด้วยยูตะที่ฉุดเฮียวาโยลุกขึ้นตามออกไปด้วย ชัดเลย...ปริศนาถูกแก้เรียบร้อย นี่คงเป็นแผนการของดินแน่ๆ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ฉันกับ....
ธาม ผู้ชายที่เขาเพิ่งบอกว่าไม่รู้จักฉันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง
พรึบบ!
หนังสือถูกพับปิดเข้าหากันและลอยไปตกอยู่บนโซฟาที่ว่างข้างๆ อย่างแรง จนฉันสะดุ้งก่อนที่ร่างหนาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้าวขาเดินออกมาผ่านฉันไปเหมือนผ่านอากาศ ผ่านฝุ่นละออง หรืออะไรสักอย่างที่ไม่มีตัวตน ใจฉันมันแปล๊บๆ ขึ้นมาทันที มันไม่มีทางไหนที่เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้เลยอย่างงั้นเหรอ....ฉันทำได้แค่มองตามไปแบบนี้งั้นเหรอ...ไม่! ฉันเคยทำได้มากกว่านี้
สวบบบบ
ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเดินไปสวมกอดเขาจากด้านหลังอย่างถือวิสาสะ มือหนาที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูชะงักไปในทันที คงเพราะไม่คิดว่าฉันจะทำแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ผลักฉันลงไปกองอยู่กับพื้น ฉันกระชับกอดแน่นด้วยความโหยหา คิดถึง...คิดถึงมากมายเหลือเกิน
“โรสขอโทษ” ฉันเอ่ยบอกคนในอ้อมกอดเสียงแผ่ว
“แค่นี้ใช่ไหม” แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชาและว่างเปล่าเหมือนเดิม มือหนาค่อยแกะแขนออกจากเอวของเขาอย่างไม่ไยดี
“อย่าเพิ่งไปได้ไหม” ฉันรีบเอาตัวไปขวางหน้าประตูเพื่อกันไม่ให้คนตรงหน้าหนีไปจากฉันอีก อย่างน้อยก็ให้ฉันได้พูดอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากฟังก็ตาม
“โรสรู้ว่าสิ่งที่โรสทำมันเกินให้อภัย และธามเองก็ไม่อยากให้อภัยโรส แต่อย่าเย็นชาใส่กันแบบนี้เลยนะ อยากให้โรสทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษ โรสยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้โรสอยู่ในสายตาธามบ้างได้ไหม” พอฉันเริ่มพูด ร่างหนาตรงหน้าก็เบือนหน้าหนีพลางเอามือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้าง อาการของเขาตอนนี้บ่งบอกมากว่าหงุดหงิดแค่ไหน
“...”
“ธาม โรสคิดถึงธาม โรสเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าธามหรอกนะ แต่หลังจากนี้ โรสจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ให้โอกาสโรสอีกสักครั้งได้ไหม” พอเห็นเขาเงียบฉันก็พูดต่อทันทีรู้ทั้งรู้ว่าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ฉันก็แค่อยากระบายเท่านั้นและคำตอบที่ได้กลับมาคือเงียบ ให้เขาด่าเหอะ..มันน่าจะเจ็บน้อยกว่าการเงียบแบบนี้
“...”
“ธาม พูดอะไรหน่อยได้ไหม ด่าโรสเลยก็ได้ ทำไมถึงเย็นชาแบบนี้ ทำไมใจร้ายแบบนี้ โรสเจ็บนะธาม ฮืออ” ฉันหลุดร้องไห้โฮอย่างกลั้นไม่อยู่ มือเล็กยกขึ้นทุบไปที่อกแกร่งเบาๆ เผื่อบางทีเขาจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ลดมือลงและทิ้งหน้าผากไปพิงที่อกเขาแทน เขาเย็นชาเหลือเกินไม่มีแม้แต่จะกอดตอบฉันสักนิด ไม่มีแม้แต่ความลังเล เพราะมือหนาทั้งสองข้างยังถูกเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนราคาแพงนั่นเป็นอย่างดี
“พอเหอะ ผู้หญิงคนนั้นตายไปนานแหละ” เสียงเรียบไร้อารมณ์และความรู้สึกหลุดออกมาจากปากเขา นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดในรอบสี่ปีและมัน...เจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดเช่นเดียวกัน มันเป็นเหมือนมีดแหลมคมเป็นร้อยเล่มปักเข้ามาที่ใจฉัน มันเจ็บจนพูดไม่ออก ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยภาพที่พร่ามัวแต่กลับเห็นสายตาที่ว่างเปล่าของเขาอย่างชัดเจน
เขาคงหมดรักฉันแล้วจริงๆ สินะ
ฉันผละถอยออกยกมือเล็กขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอ่ยบอกคนตรงหน้าที่แสนจะเย็นชาและไร้หัวใจ
“งั้นเราคงไม่เคยรู้จักกัน ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ที่ทำให้เสียเวลา” พูดจบฉันก็โค้งให้เขาน้อยๆ แล้วหันหลังดึงเปิดประตูเปิด แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะทุกคนที่อยู่ในห้องเมื่อกี้ต่างพากันยืนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่หน้าห้อง ฉันรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ทั้งเจ็บ ทั้งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บ้าชะมัด...เลือกเอง ทำตัวเอง...เองแท้ๆ ยังจะมาหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ใครเขาจะบ้ามาตั้งหน้าตั้งตารอผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปตั้งสี่ปีขนาดนั้น แกมันบ้าไปแล้ว...โรส
“อื้อออ เจ็บบ”“อ่าาา ซี๊ดดด”ร่างบางผวากอดพร้อมทั้งจิกเล็บไปบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความเจ็บ ผมเองก็ไม่ต่างจากเธอหรอก ร่างกายเธอรัดผมจนแทบจะขาดอยู่แล้ว ผมก้มลงจูบปากเล็กเพื่อเรียกความสนใจมาจากด้านล่าง ก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ และเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ของเราทั้งคู่“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ธะ...ธาม อื้อออ”เสียงครางกระเส่าดังก้องไปทั่ว น้ำกระเพื่อมออกมาตามแรงกระแทกจนแทบไม่เหลือในอ่าง โหมกระหน่ำใส่ร่างบางไม่หยุดหย่อน“อ๊ะ ธามม แรงไป โรสเจ็บ อื้อออ”ผมชะงักไปนิดนึงก่อนดึงร่างบางขึ้นมาอยู่บนตัวผมแทนทั้งๆ ที่ร่างกายยังสอดประสานกันอยู่แบบนั้น“งั้นโรสทำ จะได้ไม่เจ็บ”“ตะ...แต่โรสทำไม่เป็น” โรสเอ่ยบอกผมพลางก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ ยิ่งทำให้อารมณ์ผมพลุ่งพล่านเข้าไปใหญ่ อาจเพราะผมคุมตัวเองไม่อยู่ เผลอใสเธอแบบไม่ยั้ง จนลืมไปว่านี่ไม่ใช่บนที่นอนนุ่ม เพราะงั้นถ้าเธออยู่ข้างบนเธอจะไม่เจ็บและผมคงจะมีความสุขมากด้วย ผมเลยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองซะ
“อยากฉลองทะเบียนสมรสวะเมีย”หื้มม..บ้าไปแล้ว ทั้งสายตาและน้ำเสียงเขาบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร ริมฝีปากหนาเลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ และมันต้องสัมผัสกับปากฉันแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่าฉันยกมือขึ้นปิดปากเขาแล้วเบือนหน้าหนีซะก่อน“ไม่เอา นี่มันเพิ่งบ่ายเองนะ” ฉันพูดบอกคนตรงหน้าเสียงแผ่วและยังกล้าไม่หันมามองเขา เพราะถ้าเราสบตากัน ฉันต้องพลาดท่าเสียทีให้เขาอีกแน่ๆ ทำทุกวันทุกเวลาแบบนี้ก็ไม่ไหวป่ะ ฉันตายก่อนพอดี ธามจับมือฉันออกจากปากเขาแล้วพูดประโยคที่โคตรจะตรง โคตรจะห่าม แต่กลับทำให้ฉันร้อนวูบวาบได้เฉย >/////<“ถ้าอยาก เวลาไหนก็ไม่เกี่ยว”“นี่! พูดบ้าอะไรเนี่ย ไม่คุยด้วยแล๊ว!” ฉันต่อว่าคนตรงเสียงแข็งเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตัวเองและตีเนียนทำท่าจะลุกออกจากอ่างอาบน้ำ แต่มือหนาคว้าเอวฉันไว้ให้นั่งลงที่เดิมซะก่อน พร้อมกับยึดร่างไว้แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนเขาจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้“รู้ไหม ทำไมถึงต้องจดทะเบียนวันนี้เท่านั้น” เขาถาม แน่นอนนั่นเป็นคำถามที่ดึงความสนใจฉันได้ดีมาก ฉันลืมเรื่องก
@คอนโดพรึบบบ“เฮ้ออ! เหนื่อยฉิบ”พอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด ร่างหนาเดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนโซฟาอย่าแรง เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลง ดูเหมือนเขาจะเหนื่อยอย่างปากว่าจริงๆ ฉันเดินไปหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันซึ่งมีที่เหลืออยู่นิดหน่อยเหนือศีรษะเขา“ไปอาบก่อนไหมจะได้สบายตัว” ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือลูบผมเขาเบาๆ ธามหรี่ตาขึ้นมอง ก่อนจะเขยิบตัวเอาศีรษะมาหนุนบนตักฉัน คว้ามือเล็กไปหอมแล้วกุมไว้อยู่แบบนั้นไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างของฉันถูกยกขึ้นเกลี่ยผมเขาเล่นอย่างอ่อนโยนฟอดดดด//“อยากสระผม”“แล้ว?” ฉันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย คืออยากสระผมก็สระสิ มาบอกฉันทำไม“มือเจ็บ” เขาว่าพลางชูมือข้างที่มีผ้าพันอยู่ขึ้น กะพริบตาปริบๆ ให้ฉัน เหอะ…! โมเมนต์แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ น่ารักชะมัด ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบจมูกโด่งเขาเบาๆ ก่อนเขาจะดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วร่างก็ลอยลิ่วขึ้นกลางอากาศมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แขนเล็กเลื่อนขึ้นโอบรอบคอเขาทันทีเพื่อหาที่ยึดเ
วันต่อมา….“หนูแน่ใจแล้วใช่ไหม”คุณพ่อถามขึ้นพลางวางมือบนหัวทุยเล็กแล้วโน้มตัวลงมาให้อยู่ระดับเดียวกับฉัน เหลือบตามองธามที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยนิดหนึ่ง ท่านคงหมายถึงเรื่องที่เราจะมาจดทะเบียนสมรสกันวันนี้“ค่ะ...” ฉันตอบคุณพ่อเสียงหนักแน่น เพราะฉันมั่นใจมาก ไม่ว่าต่อไปจะเป็นยังไง เขาจะยังรักฉันแบบนี้เหมือนเดิมรึเปล่า แต่ฉันก็ยังจะรักเขาอยู่ดี ที่ผ่านมามันทำให้ฉันยิ่งแน่ใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไปจากเขาได้เลยจริงๆแล้วพวกเราก็พากันเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามนายทะเบียน ที่เตรียมเอกสารไว้ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้าที่เราจะพากันมาอำเภอ คุณพ่อกับคุณแม่ของธามก็เข้าไปเจรจาต่อรองเรื่องสินสอดทองหมั้นกับคุณพ่อฉันเรียบร้อยแล้ว ธามก็อยู่ดีๆ ทำไมรีบก็ไม่รู้ ใจนางอยากแต่งเลยด้วยซ้ำแต่คุณพ่อฉันบอกรอให้เรียนจบก่อน ไม่งั้นคงได้แต่งวันพรุ่งวันมะรืนแน่ๆ….“เดี๋ยว! ไอ้เสือ!” คุณพ่อของธามออกปากห้ามพลางจับมือลูกชายที่กำลังจะเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรส ฉันเองก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน“....?” ธามห
มันไม่ตอบแต่ยกยิ้มให้ผมอย่างกวนตีน ไอ้เหี้ยนี้มันคงอยากตายจริงๆ ส่งแม่งไปลงนรกเลยดีม่ะ ผมง้างมือขึ้นเตรียมจะต่อยมันเต็มทีแต่โรสเข้ามารั้งแขนผมไว้ก่อน และตามด้วยมิณ หนูดา พลอยใสที่พากันเดินออกมาจากห้องนั่นด้วยท่าทางตื่นตระหนก“เฮียธาม ใจเย็น มิณ พี่หนูดา พี่พลอยก็อยู่ในห้องด้วย”สิ้นเสียงมิณผมก็ชะงักไปนิดนึง โล่งใจที่มันไม่ได้อยู่กับเมียผมแค่สองคน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันมาทำส้นตีนอะไร ผมปล่อยมือจากคอเสื้อมันแต่ก็ไม่วายที่จะผลักอกมันอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ หน้าแม่งกวนตีนฉิบหาย“เข้าไปทำไรกัน!” ผมเอ่ยถามเสียงเข้มพลางโอบไหล่เล็กเข้าแนบอกแน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ“คุณพ่อ วานให้พี่ซันมาดูว่าโรสเป็นไงบ้าง โรสก็แค่มาบอกพี่ซันว่าทุกอย่างโอเครแล้วแค่นั้นเอง พลอยใส มิณ พี่หนูดาก็อยู่ด้วย ธามอ่ะ ใจร้อน เห็นไหมเนี่ย เลือดออกอีกแล้ว” โรสอธิบายให้ผมฟังพลางจับมือข้างที่เจ็บขึ้นมาพินิจดูด้วยความเป็นห่วง“นี่ขนาดมือมันเจ็บนะเนี่ย แม่ง!” ไอ้ซันบ่นพึมพำขึ้นพลางยกมือขึ้นแตะที่มุมปากตัวเอง ตวัดตามองผมอย่างเคืองๆ ก็ช่
พรึบบบบบผมตกใจเล็กน้อยก่อนจะผละออกจากโรสแต่ยังคงโอบไหล่เล็กไว้แนบกาย เมื่อจู่ๆ ไฟในห้องก็ดับวูบลงจนมืดสนิทแทบมองไม่เห็นอะไร“แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ทูยู~ ~โอ้วๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ ~โอ้วๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์~”บรรดาเพื่อนตัวดีที่อยู่ด้านนอกพากันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์อย่างสนุกสนานและเค้กก้อนโตที่มีแสงไฟสลัวจากเทียนไม่กี่เล่ม ส่วนคนตัวเล็กข้างๆ ก็ดูสนุกไปกับเขาด้วย เอาจริงๆ ว่าเวลาแบบนี้มันไม่ควรไหม คือผมก็ค่อนข้างจะยิ้มไม่ออก ยังปรับอารมณ์ไม่ทัน เสียงร้องของพวกมันก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมทำได้แค่โคลงศีรษะไปมาน้อยๆ เท่านั้น“ยิ้มหน่อย” โรสพูดขึ้นพลางเอื้อมมือมาจับที่มุมปากสองข้างของผมแล้วออกแรงยกขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับที่เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มกว้างมาให้ผมด้วยเช่นกัน ผมเลยยกยิ้มให้เธอเล็กน้อยทำไมเธอถึงดูไม่เจ็บปวด ไม่เศร้า ไม่เหมือนคนที่จมอยู่กับทรมานแสนสาหัสมาตั้งหลายปีเลย ผมเคยมองว่าโรสอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผมต่างหากที่อ่อนแอ ผมต่างหากที่ต้องมีเธอคอยดูแลปกป้อง ปกป้องผมจากควา