ครอบครัวของคาเลบอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ห่างจากสวนสาธารณะประจำเมืองอยู่เพียงสองช่วงตึก ทั้งหลังทาสีขาวละมุนคล้ายสีเปลือกไข่ ที่แห่งนี้เป็นสวรรค์บนดินของคาเลบ ตรงสวนหน้าบ้านจะมีโรงไม้เล็กตั้งแอบอยู่ เป็นที่ประดิษฐ์ของเล่นชิ้นเล็กหรือของใช้ที่ทำจากไม้โดยฝีมือคาเลบเอง ซึ่งผลงานของเขาสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ มันเป็นไอเดียของลูกคนที่สาม อเล็กซิสได้ถ่ายรูปชิ้นงานของพ่อ แล้วอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ต เธอยังพิมพ์ใบโฆษณาขายงานไม้ของเขาแล้วเอาไปแปะบนกระดานประกาศอีกด้วย อเล็กซิสไม่ได้หิวเงินขนาดนั้นหรอก แต่เธอทำไปเพื่อให้เขาภูมิใจในตัวเอง แน่นอนว่าคาเลบภูมิใจทั้งตัวเขาและไอเดียของลูกสาวมาก
คาเลบจอดรถไว้ในโรงจอด รถตู้สีเทาคันนี้รับใช้ครอบครัวเดวิสมาประมาณสิบสองปีแล้ว คาเลบยังครองตัวเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอ ด้วยการประคองเบียนน่าลงจากรถ เขาปฏิบัติกับภรรยาเช่นนี้เรื่อยมาตั้งแต่ออกเดตครั้งแรก เบียนน่ามีดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มแสนอบอุ่นไปถึงหัวใจ ผิวสีทองแดงเข้มคล้ายกับผิวของเขาแต่เนียนและมีสุขภาพดีกว่า เบียนน่าเป็นผู้หญิงร่างอวบ ผู้มีรอยยิ้มสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น พวกเขาคบหากันราวสองปี จากนั้นคาเลบขอเธอแต่งงาน ทั้งสองพยายามจะมีลูกเป็นของตัวเองแต่ล้มเหลวทุกครั้ง ต่อมา สามีภรรยาเดวิสจึงรับอุปการะเจสซี่มาเป็นบุตรชาย เมื่อเห็นว่าลูกชายอยู่คนเดียวและกลัวว่าจะเหงา สองปีต่อมา พวกเขาจึงรับไบรซ์มาเป็นลูกสาวอีกคน ปีถัดมาพวกเขารับอเล็กซิสมาเป็นสมาชิกคนที่ห้าของครอบครัว สมาชิกห้าคนคงพอแล้วที่จะเรียกว่าครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อลูก ๆ โตขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขากลัวว่าจะอยู่กันเพียงสองคน สิบเอ็ดปีผ่านไป ชาร์ลีจึงเข้ามาเป็นลูกคนที่สี่และเป็นคนสุดท้ายที่พวกเขารับเลี้ยงดู
ครอบครัวเดวิสไม่ได้ร่ำรวย เป็นเพียงครอบครัวระดับชนชั้นกลางเท่านั้น ความจริงบ้านหลังนี้พอเหมาะที่จะมอบความสะดวกสบายให้กับพวกเขาหากมีสมาชิกเพียงแค่สามหรือสี่คน แต่เพราะมีกันถึงหกคน บ้านจึงไม่ต่างจากโพรงกระต่าย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย เพียงแค่ไม่ควรใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็พอ
คาเลบและเบียนน่าเปิดประตูเข้ามาเจอกับห้องรับแขก ชาร์ลีกำลังนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ดูการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่ เด็กชายอายุเพียงหกขวบเท่านั้น เมื่อเห็นว่าพ่อและแม่กลับถึงบ้านแล้ว หนุ่มน้อยหันหน้ามาพร้อมกับอวดแก้มสีแดงคล้ายกับผลมะเขือเทศที่เบียนน่าปลูกในสวนหลังบ้าน เขาเป็นเด็กผมทองคนเดียวในบ้าน ทั้งยังมีผิวขาวแบบงาช้าง ทุกคนเรียกเด็กชายว่า เจ้าชาร์ลี หรือ เจ้าลิง (หรือไอ้จิ๋วชาร์ลี เวลาเจสซี่อารมณ์ไม่ดี)
โชคดีที่ไบรซ์กลับมาอยู่บ้านเป็นเวลาสามสัปดาห์เต็มในระหว่างวันหยุดฤดูร้อน ลูกสาวคนนี้จึงช่วยพวกเขาดูแลน้องชายคนเล็กเวลาที่คาเลบและเบียนน่าต้องออกไปทำงาน ปกติแล้วหากไม่มีไบรซ์ พวกเขาจะฝากชาร์ลีไว้กับคุณนายเพื่อนบ้านสูงอายุที่คบหากันมานานหลายปี โชคร้ายที่เด็กชายไม่ชอบไปบ้านของเธอ เพราะว่าหญิงชราไม่อนุญาตให้เขาดูรายการทีวีที่ชอบ เพราะตัวเธอติดละครน้ำเน่าอยู่เหมือนกัน แถมยังพลาดไม่ได้สักตอนเลยด้วย หากไบรซ์ไม่อยู่ ก็ยังมีอเล็กซิสที่จะทำหน้าที่นี้แทน แต่ตอนนี้เด็กสาวต้องจากบ้านไปเกือบอาทิตย์ เพราะต้องออกไปรับงานถ่ายแบบที่ขัดใจคาเลบอยู่เนือง ๆ
“ไง วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่า” เมื่อเจ้าชาร์ลีวิ่งเอาหน้าผากมาชนกับขาของเขา คาเลบจึงอุ้มลูกชายขึ้น
“แน่นอนคับ ผมเป็นเด็กดีอยู่แล้ว” คาเลบหัวเราะผสานกับเสียงสดใสของเจ้าชาร์ลี
“มีเคสหนักเหรอคะ” เด็กสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีส้มเก่าๆ พร้อมกับกางเกงแถบข้างสีขาวถามขึ้น เธอมีผิวสีแทนออกทอง แต่จุดที่ดึงดูดสายตาย่อมเป็นผมสีดำเหมือนขนกายาวสลวยเป็นเส้นตรง เธอมีโหนกแก้มสูงและคางสี่เหลี่ยม ไบรซ์กำลังเรียนหมออยู่ในมหาวิทยาลัยเดลฟีที่เดียวกับที่อเล็กซิสสอบติด ถ้าหากอเล็กซิสพลาดทุน เธอจะเรียนที่นี่เหมือนกับพี่สาว
“ใช่แล้วลูก” เขาตอบ มือทั้งสองข้างวางลูกชายลงกับพื้น เบียนน่ารีบตรงไปยังห้องครัวไม่พูดทักทายกับใคร เขาขำเมื่อเห็นท่าทางหิวโหยของเธอ “พ่อทำสตูไก่แช่เก็บไว้ในตู้เย็น ลูกเห็นหรือเปล่า”
“โอ๊ย พวกเรากินกันจนหมดหม้อแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบแล้วหัวเราะ เสียงเธอไพเราะเหมือนระฆัง ทุกคนรู้ดีว่าคาเลบทำอาหารเก่งมาก และเมนูสตูนี้เป็นเมนูที่อร่อยที่สุดในเมืองเลยเชียว แต่เพราะหน้าที่การงานในฐานะคุณหมอ เขาจึงไม่ค่อยมีเวลาแสดงฝีมือนัก
“อเล็กซิสกลับมาบ้านแล้วนะคะ หนูบอกเพื่อแจ้งให้ทราบ”
คาเลบคิ้วขมวด “อ้าว ทำไมกลับเร็วล่ะ พ่อจำได้ว่าต้องใช้เวลาประมาณอาทิตย์นึงเลยนะ”
“ใช่ค่ะ เธอบอกแบบนั้น แต่ตัวดาราที่จะถ่ายกลับหายตัวไป หนูจำชื่อเขาไม่ได้ เอาเป็นว่าพ่อถามน้องเอาก็แล้วกัน หนูต้องทำงานส่ง ขอตัวก่อนนะคะ” ไบรซ์กอดพ่อแป๊บนึงแล้วเดินกลับเข้าห้องที่เธอใช้ร่วมกับน้องสาว
เมื่อเข้าชั้นปีที่สาม การเรียนหมอหนักหนาสาหัสกว่าที่ผ่านมา ไบรซ์ไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเวลาไปกับการพูดคุยแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย แม้แต่ในช่วงวันหยุดยาวเธอก็ยังเก็บตัว นี่คือสาเหตุที่ชาร์ลีเอาแต่ติดโทรทัศน์เวลาที่อเล็กซิสไม่อยู่บ้าน เพราะพี่สาวคนนี้จะออกจากห้องเพื่อทำอาหารให้เขารับประทานเท่านั้น ไบรซ์สนิทกับอเล็กซิสก็จริง แต่เด็กสาวทั้งสองไม่มีนิสัยคล้ายกันเลย ลูกสาวคนนี้ไม่ใช่คนพูดเก่ง ไบรซ์เข้มงวดกับตัวเองและยึดติดกับตารางชีวิตที่วางไว้มาก ถ้าเธอบอกว่าไม่มีเวลา เธอก็หมายความว่าแบบนั้น
“อย่ากดดันตัวเองมากนะสาวน้อย” เขาตะโกนไล่ตาม พลางสั่นหัวเมื่อเด็กสาวไม่แม้แต่จะขานรับ เอาแต่จดจ่อกับโต๊ะทำงานในห้องตัวเอง
“ที่รักคะ ลูก ๆ ยังเหลือสตูไว้ให้พวกเรานะ” เบียนน่าวางหม้อลงบนโต๊ะ ทั้งสองยิ้มให้กัน ไบรซ์เพิ่งบอกว่าพวกเธอกินจนหมดไปแล้ว แต่เธอแกล้งโกหกซะนี่
เปล่า ไมเคิลแน่ใจว่าอเล็กซ์ไม่ได้รู้สึกแบบเขา อีกฝ่ายเข้าใจไปอีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะพูดกับอเล็กซิสเดี๋ยวนี้ บางที...มันอาจเป็นพลังของเธอ แต่ทำไมอเล็กซ์ไม่รู้สึก หรือเพราะเขายังไม่ได้สู้ เขายังไม่ได้ใช้พลัง แล้วพลังของอเล็กซิสเป็นแบบไหนกันแน่ เพิ่มพลังให้คนอื่นงั้นหรือ หรือปลดล็อกให้อีกฝ่ายรู้จักใช้พลังของตัวเอง“บรรยากาศไม่ดี” อาคุสะพูดขึ้น“กลับไปดูพวกเทสซ่าก่อนกันเถอะ” อเล็กซิสตบไหล่แฟนหนุ่มสองสามทีเพื่อให้เขาออกไปจากตัว “ถ้าพวกมันแห่ไปที่นั่น ทุกคนแย่แน่” ทั้งหมดพยักหน้า เด็กสาวกำลังจะขยับเท้าก็หันมาไมเคิล “ไว้อธิบายว่าเมื่อกี้นายทำอะไร” เธอยกมือตีหน้าผากตัวเองแต่ก่อนจะไปไหนได้ ทั้งหมดได้ยินเสียงกรีดร้อง...*****เทสซ่าไม่เคยยินดีเท่านี้มาก่อนที่ได้เจอพวกบลูในเวลานี้ เธอผล็อยหลับไปเมื่อไรไม่รู้ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็มีมนุษย์รูปร่างคล้ายหุ่นยนต์สองตนตรงเข้ามา ทีแรกเธอคิดว่าพวกเขาต้องการจะสังหารฝ่ายต่อต้าน แต่ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขามาเพื่อลักพาตัวโคดี้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยังนอน
“หาเองสิวะ” เขาตะโกน ทว่าไม่ทันระวังเพราะมันดาปาอาวุธกลับมา เมื่อหันหน้ากลับไปก็เห็นรอยเท้าเต็มหน้ากระแทกเข้าที่หน้า ร่างของเขากระเด็นกระแทกกำแพงตึก ไมเคิลส่ายหัว มึนไปมันหมด อเล็กซิสวิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวขึ้น“พวกมันไม่บอก อย่าเสียเวลา” เขาได้ยินดังนั้นคิ้วขมวดกันทันที เดี๋ยว... กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดจำต้องรั้งพวกมันให้สู้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเทสซ่าแย่แน่ เขาไม่รู้ว่ามีกลุ่มอื่นตามหาโคดี้อีกหรือไม่ และถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกมันไป พอเห็นเขายืนได้ อเล็กซิสตัดสินใจค่อย ๆ เดินตรงไป มือยังยิงปืนไม่หยุด “เก็บไฟแช็ก” เธอสั่งเขา “ห้ามทำมันหายเด็ดขาด”“อย่าไป” เขาร้อง แต่เธอไม่ฟัง อเล็กซิสหยิบดาบของไมเคิลขึ้นมาอีกข้างแล้วโถมตัวใส่มันแล้วไมเคิลเห็นดังนั้นรีบตะครุบไฟแช็กแล้วจุดมันขึ้น“อเล็กซิส” เขาร้องเมื่อเห็นเธอบ้าบิ่นจะสู้กับมันตัวต่อตัว พลันร่างเธอก็กระเด็นล้มไปทางเรมีที่กำลังรับมือกับอีกตัวคู่กับอาคุสะ อเล็กซ์สบถอะไรบางอย่าง แล้วจัด
เฒ่าทรอยนอนฟุบลงกับพื้นจนหน้าคลุกไปกับหิมะสกปรกบนพื้น ไม่มีใครคิดช่วยให้เขาลุกขึ้นมา และถ้าใครทำแบบนั้น ไมเคิลจะเป็นคนกระชากคอออกมาเอง เด็กหนุ่มยืนพักหอบหายใจ กว่าจะพาทรอยออกมาได้ยากลำบาก หุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมให้กำจัดใครก็ตามที่อยู่ในสถานะเจ้าพนักงานของทอยซิตี้ ก่อนหน้านี้ เขาขอให้ฟีบี้รีเซตพวกมันใหม่เป็นหน่วยทหารแทน แต่เพราะเธอยืมพลังมาจากโคดี้ ประสิทธิภาพของมันไม่แน่ไม่นอน เมื่อเซตได้ตัวหนึ่งก็ต้องเซตตัวอื่น เธอไม่สามารถทำได้ทีเดียว พอทำงานซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวก็เริ่มหมดความอดทน ฟีบี้บอกว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อสานงานของโคดี้และเพื่อปกป้องพวกเราทุกคนต่างหาก ศูนย์กลางของทอยซิตี้คือ เดอะ วาล และถ้าหากเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการได้ พวกทหารจะแพ้ราบคาบ นั่นคือสิ่งที่เธอบอก แต่ไมเคิลเข้าใจว่ามันคือการคาดเดามากกว่า และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่มันมาจากลูไมเคิลเดินตรงไปแล้วดึงคอเสื้อทรอยขึ้นมาอีก คราวนี้เขาลากเข้าไปในตึกของเมลิสซ่า ที่พักเก่าของตนกับเรมี ตอนนี้แทบไม่มีใครอยู่ในตึกแล้ว ประชากรในเดอะ วาลบางส่วนที่ไม่อยากต่อสู้ก็อพยพไปยังเขตอื่น เนื่อง
ขณะนั้นริงโก้ตัดสินใจอุ้มเอมอนขึ้นมาคนเดียว เพียซจึงอุ้มเดสซิเรตามมา เบลินดาเห็นพวกเขาเดินตรงมาก็ลุกขึ้น เธอส่งขวดน้ำดื่มให้อย่างรู้งาน ระหว่างนั้นเพียซก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากประตูเปิด พวกเขาก็บุกเข้าไปข้างในเพื่อหาตัวเอมอนกับเดสซิเร ทั้งสองถูกจับสวมกุญแจมือ อาวุธโดนยึดหมด แต่เดสซิเรและเอมอนก็ทำให้กำลังพลภายในนั้นปั่นป่วนไปมาก พวกเขาเจอศพทหารหลายราย คงเป็นฝีมือของทั้งสอง ตอนไปถึง หญิงสาวยังพอมีสติจึงเล่าว่า ทั้งคู่พยายามหาห้องควบคุม แต่ภายในมีระบบเชื่อมต่อกับชุดสูทที่เอมอนสวม เพียงย่างก้าวไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน หน้ากากจึงถูกปลดออกอัตโนมัติ ทั้งสองจึงต้องสู้และพยายามจะออกมา ทว่าก็สู้จำนวนคนและอาวุธไม่ได้ จากนั้นจึงถูกจับทรมาน อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายของเดสซิเรที่ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว บวกกับพลังพิเศษที่ทำให้พวกนั้นไม่อาจสัมผัสหรือเข้าใกล้ได้มากนัก ส่วนเอมอนนั้นแย่หน่อยเพราะพอรู้แผนของลูคร่าว ๆ แต่ไม่ได้ปริปากออกไปเลย ดังนั้นเขาจึงโดนซ้อมหนักที่สุด“แล้ว...ทำไมพวกเธอมานั่งอยู่ตรงนี้” โอลิแวนถาม “พวกอเล็กซิสล่ะ ฉันได้ยินกว่าทั้งกลุ่มเข้าไปในเขตเธอไม่ใช่หร
ไมเคิลสบตากับเรมี อีกครั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเธอวางแผนอะไรกัน“ฉันต้องการคำอธิบาย ตั้งแต่เช้า พวกเราวุ่นจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังไม่นับเรื่องที่พวกเธอทำโดยไม่บอกก่อน”ฟีบี้กลอกตา เธอไม่ได้มีท่าทีสำนึกหรืออ่อนข้อลงแบบเทสซ่า แต่กลับยักไหล่ไม่สนใจ แม้บุคลิกหญิงสาวจะเป็นแบบนี้ และปกติก็ไม่มีใครถือสา (ยกเว้นเทสซ่า) แต่เวลานี้ เขาอดฉุนไม่ได้“ทำไมฉันต้องบอกพวกนายด้วย โต ๆ กันแล้ว อีกอย่างก็ใช่ว่าฉันจะรู้ก่อนหน้าอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะโคดี้ ฉันก็อาจจะนั่งทำหน้าโง่เหมือนพวกนายนี่แหละ” อาคุสะทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามเรื่องคำพูด เธอยักคอไปมาอย่างกวนประสาท “เฮ้อ เอาเป็นว่าตอนนี้โคดี้ต้องพัก ส่วนฉันก็ยืมพลังเขามาใช้ จะพยายามเปิดไอ้ประตูยักษ์นั่น” พูดจบก็ถูมือ“ฟีบี้...” อเล็กซิสพูดขึ้น “ฉันเดินผ่านศูนย์อนามัย...เห็นศพพยาบาลเต็มไปหมด ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ไม่ใช่ทหารอีก...”หญิงสาวเงียบไปเมื่อเจอคำถามนี้ เทสซ่าก็เม้มปากแน่น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้า
11:45 PM หน้าประตูเขตเครสเตอร์ - เดอะ วาลกระแสไฟฟ้าแผ่กระจายเป็นวงกว้าง มันส่งแรงต้านผลักก้อนคอนกรีตชิ้นโตหล่นกลับลงมบนพื้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไมเคิลทึ่งที่โคดี้สามารถป้อนชุดคำสั่งพิลึกพิลั่นให้กับหุ่นพิฆาต หรืออันที่จริงคือ ใครจะคิดว่าเขาจะป้อนคำสั่งแบบนั้นในเวลารีบเร่งเช่นนี้ ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีหุ่นสองสามตัวเดินกลับมาปาก้อนหินหนักขึ้นไป กำแพงกั้นเขตแน่นหนาจนแม้แต่พวกมันข้ามไปไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้เช็กดูว่าระบบรักษาความปลอดภัยของทอยซิตี้สั่นคลอนแล้วหรือยัง จะว่าเป็นเพราะระบบถูกออกแบบมาดีก็ว่าได้ ถ้าหากไม่ใช้เพราะโคดี้มีพลังพิเศษ ไมเคิลไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกเขาจะออกไปได้ ต่อให้เครสเตอร์และนอร์ธพังทลายเพียงใด มันก็ยังไม่ลามไปถึงอีกฝั่งที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง และเมื่อนั้น ถ้าหากพวกเขาจะล้างศัตรู ก็อาจปล่อยระเบิดลงมาลูกเดียว แบบที่เคยเกือบล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปเมื่อหลายพันปีก่อนยุคก่อนหายนะ...พี่สาวฝาแฝดเคยเล่าให้เขาฟังเข้าเที่ยงคืนกว่าแล้วหรือ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น อเล็กซิสจะกินอะไรแล้วหรือยัง เขานั่งนับวันแล้วเหงื่อตก พวกเขาทำปฏิทินเช็กความถี่ว่าอะวีซีจะออกฤ