หญิงสาวกลอกตาเมื่อเขาพูดคำว่า ‘พระเจ้า’ ออกมา ราวกับแสลงหูมากเมื่อได้ยินคำนี้ “คุณเลี้ยงดูพวกเขามาดีต่างหาก ทั้งคุณและเบียนน่า ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าอเล็กซิสได้รับจดหมายตอบรับจากวิทยาลัยการแพทย์มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คาเลบ คุณเก่งมาก ๆ เลยนะคะ พวกเขาช่างน่าทึ่งจริง ๆ คุณก็ด้วย ลูก ๆ ของพวกคุณเป็นเด็กดีและฉลาด เพราะคุณนั่นแหละ อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย บอกฉันทีสิ สรุปแล้วอเล็กซิสเลือกเส้นทางไหนกันแน่ จะเป็นหมอหรือจะเป็นนางแบบ” เธอไม่ใช่แค่ใช้ปากพูด แต่ยังเอาเท้าตัวเองถูเท้าของเขา
คุณหมอค่อย ๆ ดึงเท้าตัวเองออกมาจากจุดอันตรายอย่างนิ่มนวล หัวใจของเขาเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่ใช่เพราะเกิดอารมณ์ตามที่ถูกหญิงสาวยั่วยวน แต่เป็นเพราะกลัวความไวของผู้หญิงคนนี้ต่างหาก คาเลบไม่เคยคิดที่จะกระโดดลงไปในหลุมกับดัก ไม่แม้แต่กระหายใคร่รู้ที่จะลิ้มลองเสน่ห์ของเธอ แต่เขากลัวว่าหากใครมาเห็นเข้าแบบนี้จะเข้าใจผิดเอาได้ สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงคือภรรยาและลูกเท่านั้น พวกเขาเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าที่เขาไม่มีวันยอมให้อะไรก็ตามมาพรากไปเด็ดขาด
“ผมแต่งงานแล้ว และผมรักเธอมาก ต้องบอกคุณกี่ครั้งว่าอย่าทำแบบนี้ ผมไม่ชอบเล่นเกมกับคุณนะ ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็ต้องบอกว่าเกลียด ได้โปรดลบชื่อผมออกจากรายชื่อหนุ่ม ๆ ของคุณทีเถอะ”
“ไม่เอาน่า ใจเย็น ๆ นะคะ” เธอยักไหล่ บ่งบอกว่าไม่เข้าใจเลยสักนิด “สรุปว่า อเล็กซิสเลือกอะไรล่ะคะ”
คาเลบกลั้นหายใจพยายามอดทน “อเล็กซิสอยากทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน แต่เป็นเรื่องยากที่จะเรียนและทำงานไปด้วย เพราะเธอกำลังจะเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว ลูกสาวของผมจะโฟกัสแต่เรื่องเรียนเท่านั้น ส่วนงานถ่ายแบบพวกนี้...” เขาจิ้มนิ้วไปที่รูปในนิตยสาร “...ก็แค่งานพาร์ทไทม์ ลูกผมได้เงินดีอยู่หรอก แต่เธอรู้ว่าต้องทำอะไรก่อน”
หญิงสาวยิ้มเยาะ “ฟังดูเหมือนคำตอบคุณมากกว่าของเธอเลยนะ แล้วเรื่องทุนการศึกษาล่ะ ฉันได้ยินว่าเธอมีโอกาสจะชนะสูงมาก แล้วมันก็หมายถึงเงินก้อนใหญ่เชียว ครอบครัวของคุณอาจต้องย้ายบ้านด้วยนี่สิ”
เธอกำลังพูดถึงทุนรัฐบาลที่จะมอบให้กับนักเรียนเพียงห้าคนเท่านั้นในแต่ละปี ซึ่งนักเรียนที่ได้ต้องมีผลการเรียนดีเลิศ และอาศัยอยู่ในรัฐใดรัฐหนึ่งในสิบสี่รัฐ ทุนที่ว่าหมายถึงส้มหล่นชิ้นใหญ่สำหรับผู้ได้รับการคัดเลือก นักเรียนทุนทุกคนจะเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาเอกชน ฟิวเจอร์ริสติก เมโทรโพลิส ชื่อเดียวกับเมืองหลวง มหาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาที่เหล่าคนร่ำรวยเรียนกัน รวมทั้งยังมีโปรแกรมการศึกษาที่ดีที่สุดอีกด้วย หลังจากเรียนจบ นักเรียนทุนจะเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลตามสาขาที่เรียนจบมา การได้รับทุนไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงอนาคตที่สดใสรออยู่
“กว่าจะประกาศผลก็ตั้งอาทิตย์หน้า มีคู่แข่งตั้งร้อยกว่าคนจากทั่วประเทศ บอกตรง ๆ แม้พวกเราแอบหวังว่าอเล็กซิสจะชนะก็จริง แต่เด็กคนอื่นก็เป็นพวกหัวกะทิทั้งนั้น อีกอย่าง เจสซี่กับไบรซ์ยังไม่ชนะเลย พวกเราเลยไม่ตั้งความหวังไว้สูงมาก ไม่อยากกดดันลูกด้วย แค่เห็นชื่อพวกเขาในรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าชิงทุน แค่นี้พวกเราก็ภูมิใจแล้ว”
“นั่นสินะคะ”
คาเลบลุกขึ้นจัดกระเป๋า ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ภรรยาของเขาคงหมดกะพอดี และคงกำลังนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อรอเขาอยู่ เขาจะไม่เสี่ยงให้เธอเดินขึ้นมาเห็นสามีตัวเองนั่งอยู่กับผู้หญิงคนนี้สองต่อสองแน่ ผู้หญิงมักมีเซนส์ที่ดีกว่าผู้ชายเสมอ และเบียนน่าก็เป็นผู้หญิง แถมยังรู้ข่าวคาวของพยาบาลคนนี้ดี เธอคงไม่คิดแบบโลกสวยว่าเขากับนางพยาบาลนั่งคุยกันเฉย ๆ แน่นอน
“คุณอยู่ในเวลางานหรือเปล่า กะดึกใช่ไหม” เขาถาม
“ใช่ค่ะ กะดึก ไม่ต้องรวบรัดบทสนทนาหรอกนะคุณหมอ ฉันรู้ค่ะ ว่าคุณรักเธอ แต่ขอแค่พูดคุยกันไม่กี่นาทีจะเป็นอะไรไป ให้เวลาฉันบ้างไม่ได้เหรอคะ”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง “คิดว่าไม่มีใครรู้ว่าคุณชอบเล่นเกมหักอกคนอื่นเหรอ อย่างเดือนก่อน ฟิลเอาแต่เก็บตัว ไม่พูดไม่จากับใคร ปีก่อนโน้นคุณหักอกนาธานเป็นเสี่ยง ๆ จนเขาขอย้ายโรงพยาบาลหนีไปอีกเมือง อ้อ ยังมีพวกผู้ชายคนอื่นอีก พวกเราอายุมากขึ้นกันเรื่อย ๆ แล้วนะ ทำไมไม่เลิกเล่นแล้วหาคนที่จริงจังสักคนเล่า อย่างพี่สาวคุณไง หาคนที่ใช่น่ะ” น้ำเสียงของคาเล็บทำให้คนฟังรู้สึกราวกับกำลังนั่งฟังบาทหลวงเทศนา
เธอเกือบจะอ้าปากเถียง แต่ถูกเขาพูดแทรกขึ้นก่อน
“อย่า” เขาจ้องตาเธอเขม็ง “อย่าเถียง และอย่าเข้ามาในห้องทำงานของผมแบบนี้อีก หากยังมีครั้งหน้า ผมรายงานอีรินแน่ ผมทำจริง ๆ นะ”
อีรินก็คือนางพยาบาลสาวที่กำลังจะออกเดตในรอบสี่สิบปี เธอเป็นหัวหน้าพยาบาลของที่นี่ เขาหวังว่าจะเห็นความกลัวอยู่ในดวงตาสีเขียวใสคู่นั้น แต่เปล่าเลย ความตั้งใจล้มเหลว
หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้มหยัน “คำพูดของคุณเจ็บดีจัง คาเลบคะ คุณนี่ช่างใจแข็งอะไรอย่างนี้” เธอทำเสียงสูงล้อเลียนเขา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้อง คาเลบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทิ้งคำพูดสุดท้ายเพื่อทำลายความดื้อด้านของเธอ และครั้งนี้คำพูดของคุณหมอเย็นชากว่าครั้งไหน “ผมพูดจริงนะ แมรี่ ได้โปรดเข้าใจอะไรง่าย ๆ เถอะ คุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ”
“พ่อยังไม่กลับ และฉันกำลังจะไปรับชาร์ลี” เธอว่า จูนเพิ่งสังเกตเห็นว่าหญิงสาวสวมกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน ไบรซ์ไม่รอคำตอบ เธอปิดล๊อกบ้านแล้วลากจักรยานคันที่อเล็กซิสชอบใช้ออกมา พี่สาวของอดีตเพื่อนสนิทเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะมองกลับ เหมือนเจสซี่ ครอบครัวเดวิสเกลียดเธอไบรซ์ขี่จักรยานออกไปอย่างรวดเร็ว จูนมองตามจนหญิงสาวหายไปจากสายตาจึงเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน มองผ่านหน้าต่างกระจกเห็นห้องรับแขกคุ้นตา ภาพของอเล็กซิสและตัวเองนั่งคุยกันบนโซฟาตัวนั้นคล้ายปรากฏให้เห็นตรงหน้าเหมือนกำลังดูโฮมวิดีโอ เธอคิดถึงวันเวลาที่จูนตัวน้อยสามารถวิ่งเล่นในบ้านหลังนี้ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เธอมีเพื่อน มีคุณลุงคุณป้าที่เอ็นดูเธอ เจสซี่และไบรซ์ที่ยังดีต่อเธอ ตั้งแต่กลับมายังซานโบซ่า เธอเห็นเงาของตัวเองและอเล็กซิสอยู่แทบทุกมุมเธอได้อ่านโน้ตแผ่นนั้นไหม เธอขยำมันทิ้งหรือเปล่า หลายครั้งพยายามคิดหาเหตุผลกับการกระทำของตัวเอง แต่นอกจากความสะใจที่ได้แล้ว เธอไม่ได้ภูมิใจกับมันเลย เธอไม่ได้ชอบเดวี่ด้วยซ้ำ เขามองเธอเหมือนที่ผู้ชายมอง เขาไม่ได้ชอบเธอเหมือนที่ชอบอเล็กซิส เธอไม่ไ
เมื่อเธอละสายตาจากชายหนุ่มที่เดินออกไปก็สบตากับน้องชายของเขา นิโคไลมองเธอตาใส จากนั้นเผยอยิ้มนิด ๆ จูนยิ้มตอบแล้วรีบรับประทานให้หมด นิโคไลยังคงนั่งอยู่ แต่ไม่ลุกไปไหน“ขอโทษนะคะ เมื่อคืน...ฉันได้ยินคุณวลาดิเมียร์พูดถึงเรื่องคนที่ทำให้คุณ...เอ่อ ไม่ได้กลับไปเรียน ใช่หรือเปล่าคะ” เธอรู้ว่ามันเป็นคำถามของคนสอดรู้ แต่นั่นแหละ เธออยากรู้จริง ๆ ยิ่งเจสซี่ถูกจับไปแบบนี้ เธอต้องการรู้ทุกเรื่องนิโคไลยังคงยิ้ม “เมื่อคืนก่อนครับ คุณนึกว่าตัวเองหลับไปไม่กี่ชั่วโมงหรือ”จูนเอะใจ “เอ๋?”“คุณหลับทั้งวันเลย รู้สึกสดชื่นบ้างไหมครับ”เธอนึกถึงที่วลาดิเมียร์เล่า มิน่าเจสซี่ถึงถูกพากลับมาแล้ว “ฉันหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เหมือนเจ้าหญิงนิทรา...จริง ๆ วลาดให้สาวใช้ขึ้นไปปลุก แต่คุณเขวี้ยงหมอนใส่เธอ”หญิงสาวหน้าร้อนไปหมด แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ได้บ่งบอกว่าตำหนิติเตียน แต่ขบขันมากกว่า “ฉันคงลืมไปไม่ใช่บ้าน...” เจสซี่ชอบแกล้งเวลาเธอนอน ดังนั้นเธอจึงติดนิสัยเขวี้ยงหมอนใส่เ
“มันจับเจสซี่เพราะต้องการเตือนพวกเรา”“ผมรู้!” แม้สีหน้าสงบ แต่น้ำเสียงของเขากร้าวขึ้น “เราดึงเขาเข้ามาทำงาน ผมเป็นห่วง ผมแค่ให้คนคอยดูว่าบราวน์เคลื่อนไหวอย่างไร พาเจสซี่ไปไหน หรือจัดการอย่างไร แต่ผมไม่ได้ให้พวกเขาเข้าไปช่วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร” วลาดิเมียร์ย้ำ “มันอาจจะขัดกับความคิดของพ่อ แต่เจสซี่ทำงานให้พวกเราแล้วเขาก็ตั้งใจ เขาเป็นคนของผม!”“เราตกลงแล้ว เจสซี่ยอมรับแล้ว ฉันเตือนเขาแล้วด้วยซ้ำ!” โวลคอฟวัยกลางคนยกมือห้ามไม่ให้บุตรชายพูด “ฟังนะ ฉันไม่ได้อยากจะใจร้ายอะไร แต่เราจะเสียทั้งหมดไปไม่ได้! สั่งให้พวกเขากลับมา ไม่ต้องไปเฝ้าบราวน์”จูนมองสลับไปมา แต่วลาดิเมียร์ยืนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คนพวกนั้นเป็นคนของผม รับฟังผมคนเดียว”“แก...” ผู้เป็นพ่อกัดฟันกรอด ดูเหมือนท่าที่แข็งขืนของลูกชายทำให้เขาทำตัวไม่ถูก“พ่อ!” นิโคไลโพล่งออกมาดังลั่น เมื่ออีกฝ่ายหันมา เขาก็เหล่มาทางจูน หญิงสาวนั่งไหล่เกร็ง มือกำกระโปรงแน่น“คุณจอยซ์” วลา
จูนตื่นจากภวังค์ เธอคิดว่าจะใช้เวลานานกว่านี้ อาจเป็นเพราะยังดึกมาก ถนนโล่ง มีเพียงคันนี้คันเดียว รถแท็กซี่จอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ออกแบบแนวร่วมสมัย เนื่องจากรู้สึกผิดที่สงสัยว่าคนขับเป็นคนของรัฐบาล เธอจึงให้ทิปไปห้าเรล เขายิ้มหน้าบาน แถมยังอุ้มประคบประหงมกระเป๋าเดินทางของเธอราวกับลูก แต่กระนั้นเมื่อรถจากไป มันก็ถูกทิ้งให้เปียกปอนท่ามกลางสายฝน รวมทั้งผู้โดยสารคนนี้ฝนยังคงตกลงมา แต่เธอไม่สนใจ จูนมองหาสวิตช์สำหรับกดกริ่งแต่หาไม่เจอ จึงเอาแต่ชะเง้อมองผ่านประตูใหญ่ มองลอดไปเห็นตัวบ้าน บางห้องยังเปิดไฟอยู่ มันไม่มืดนักเพราะมีแสงไฟจากสวนและหน้าประตู สักพักมีเสียงออกมาจากอินเตอร์โฟน“มาหาใครครับ”“ฉันมาหาคุณวลาดิเมียร์ โวลคอฟ”“เรื่องด่วนหรือครับ จากไหนครับ เวลาแบบนี้ด้วย”“ฉันจูน จอยซ์ แฟนของเจสซี่ เดวิส เลขาของคุณวลาดิเมียร์ ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องด่วนมาก”ประตูเปิดออกอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพาเธอไปนั่งรอในที่ร่ม มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้โล่ง ๆ เหมือนเป็นห้
ตีสามครึ่งว่ากันว่าเป็นเวลาของซาตาน ตอนเด็ก จูนหวาดกลัวช่วงนี้มาก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอมักตื่นนอนแล้วพบเข็มนาฬิกาชี้เลขนี้เสมอ มันมาพร้อมกับอาการปวดห้องน้ำถึงขีดสุด แต่ไม่กล้าพอเดินออกจากห้อง ไม่กล้าแม้แต่ยื่นเท้าออกจากผ้าห่ม เด็กน้อยจูนมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจนหลับไปอีก และตื่นมาพร้อมกับที่นอนเปียกชื้นตีสามครึ่งในอีกสิบกว่าปีต่อมา จูนยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟ มันไม่น่ากลัวอีกต่อไปเมื่อมีคนพลุกพล่าน แม้จะดึกแค่ไหน แต่ฟิวเจอร์ริสติกไม่เคยหลับใหล ทว่าทุกย่างก้าวกลับทำให้หวนนึกถึงกลางดึกในวัยเด็ก ครั้งนี้จูนกล้าเดินออกจากผ้าห่มพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ แต่ตลอดเวลากลับรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้อง ปีศาจที่มีดวงตาสีฟ้า ไรลี่ย์ บราวน์มือขวาสั่นตลอด เธอจึงเปลี่ยนมือซ้ายลากกระเป๋า มีเด็กสาวสองคนแบกเป้เดินผ่าน เธอได้ยินทั้งสองคนซุบซิบกัน“นั่นจูน จอยซ์หรือเปล่า”“ใครอะ ไม่เห็นรู้จัก”“ดาราเด็กน่ะ”หญิงสาวรีบเดินไปหน้าสถานีรอแท็กซี่ ต่อคิวได้ไม่นานก็เรียกได้คันหนึ่ง พอปิดประตูรถฝนตกลงมาพอดี ผู้คนแถวนั้นแตกฮือรีบหนีเข้าที่ร่
ไมเคิลยืนกอดอกพักขาไว้ข้างหนึ่ง คอเอียงไปทางขวาเวลาใช้หมกมุ่นอยู่กับความคิดในหัว พอเธอเดินออกมา เขาเงยหน้าขึ้นทันที“เธอเห็นเขาเหมือนฉันใช่ไหม”อเล็กซิสพยักหน้าทันที“เขามีตาสีแดง” น้องชายกอดอกแน่น “ฉันไม่เคยเห็นคนตาสีแดง แล้วเขา...เขายืนดูเฉย ๆ ฉันถามก็พูดไม่ออก แต่ได้ยินเสียงเขาในหัว...เวลานั้นจะขยับตัวไม่ได้จนกว่า...”“...จนกว่าจะมีคนช่วยดึงสติ”ทั้งสองพยักหน้าให้กัน อเล็กซิสจึงเฉลยเรื่องผิวของผู้ชายคนนั้น “ฉันคิดเว่าเขาเป็นคนผิวเผือก แล้วก็มีพลังจิตเอาไว้สื่อสารคน”“โทรจิตเหรอ แล้วผิวเผือกคืออะไร”ผู้เป็นพี่พยักหน้าก่อนจะอธิบายเรื่องผิวของชายคนนั้นก่อน “...แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมมีแค่ฉันกับนายที่เห็น แล้วเขาเป็นใคร เขาไม่ทำร้ายพวกเรา แถมยังช่วยเหลือด้วย ถึงแม้จะแค่เสียงเตือนก็เถอะ”ทั้งสองไม่คิดว่าคนคนนั้นเป็นผีหรือวิญญาณ เธอเห็นเงา และสัมผัสได้ว่าเขามีตัวตน แต่ความสามารถของเขาคืออะไรกันแน่ และต้องการอะไรเย็นวันนั้น หลังจา