“อ่า...ถ้าผมอดทนได้ ผมคงไม่ฉุดกระชากคุณเข้ามาในห้องหรอกคนสวย อ่า...ไม่ไหวแล้ว ผมอยากได้คุณตอนนี้ อ่า...ทรมานเหลือเกิน” น้ำเสียงทุ้มพร่าดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาสีเข้มจากการดูดบุหรี่เป่ารดเนินอกอวบแล้ว เขาก็ใช้มือกอดรั้งเอวเล็กคอดนั้นจัดการปลดถอดกางเกงตัวเองเพื่อปลดปล่อยความใหญ่โตดุดันตัวเองออกมาด้านนอก
เมื่อความอหังการของเขาออกมาหายใจด้านนอกได้ก็ไม่รอช้าจะจรดปลายท่อนเนื้ออวบใหญ่เต็มลำแข็งแกร่งของตัวเองจดจ่อกับปากทางรักสวาทของสาวเจ้าในความมืด แม้เธอจะดิ้นรนต่อต้านขัดขืนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็กอดรั้งเธอไว้ด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว ส่วนมือทั้งสองของหล่อนก็พยายามทุบตีผลักไสตนเต็มแรง แต่มีหรือเขาจะสะทกสะท้านไปกับแรงมดของหญิงสาว
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ อะ...เจ็บ!” แล้วความเจ็บปวดกลางกายก็เกิดขึ้นเมื่อถูกคนถ่อยต่ำช้ายัดเยียดความอหังการเข้ามาในร่างจนต้องบิดเอวเล็กคอดส่ายหนี แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงของเขากอดรัดไว้แน่น
“โอว์...พระเจ้า! คุณยังซิง อ่า...แน่นเป็นบ้า” กองบินไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้รับสิ่งที่วิเศษเช่นนี้ในค่ำคืนนี้ ใจที่ด้านชาของเขามันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเมื่อได้รับความสวยงามของเจ้าหล่อนจนไม่อาจขยับตัวโยกคลึงเอาแต่ใจได้
“ฉันเจ็บ! ได้โปรดออกไปเถอะ อื้อ...” เธอขอร้องเขาเสียงสั่นเครือทั้งน้ำตาในความมืด สองมือน้อยเกาะไหล่หนาทั้งสองแน่นจนเล็บยาวสวยจิกเนื้อของบุรุษ
“ชูว์...ผ่อนคลายเบบี้ อ่า...ผ่อนคลายแล้วทุกอย่างมันจะดีเชื่อผม อ่า...ผมขอโทษ” กองบินขอโทษหญิงสาวจากใจ แต่ก็ไม่อาจถอดถอนตัวเองออกจากความคับแน่นของเจ้าหล่อนได้
“ถ้ารู้สึกผิดอย่างที่พูดก็ได้โปรดหยุด อือ...”
“ชูว์...ผมหยุดไม่ได้คนสวย อ่า...ตอนนี้ขอเดินหน้าต่อนะ ผมไม่ไหวแล้ว ข้างในของคุณตอดรัดผมแรงจริงๆ อ่า...ว่าแต่คุณชื่ออะไร ผมชื่อกองบินหรือจะเรียกว่าเหมก็ได้ อ่า...ไม่ไหวแล้ว ซี้ด...” ยิ่งเขานิ่งไม่ขยับ ภายในของสาวเจ้าก็ยิ่งเร่งเร้าทรมานตอดรัดตัวเองหนักหน่วงขึ้นจนต้องขยับโยกคลึงเอวสอบไหวโยกเข้าออกในร่างน้อยของเจ้าหล่อน
“อือ...ทำไมฉันต้องบอกชื่อกับผู้ชายที่ข่มขืนฉันด้วย อะ...อื้อ เจ็บ!”
“ผมรู้ว่าผมทำไม่ถูก แต่หลังจากนี้ผ่อนคลายไปกับผมเบบี้ อ่า...แล้วคุณจะมีความสุข ไม่เจ็บปวด ไปด้วยกันนะ โอว์...ไม่ไหวแล้ว บอกชื่อมาคนสวย” แม้จะทรมานเจ็บปวด แต่เขาก็หยุดเอวสอบไม่เคลื่อนไหวจนกว่าหญิงสาวจะยอมบอกชื่อกับตนเอง เขาไม่ชอบมี ‘เซ็กซ์’ กับคนที่ไม่รู้จักกัน ถึงจะไม่รู้จักกัน แต่ก็ขอรู้ชื่อก็ยังดี
แม้จะอยู่ในความมืด แต่คำเอื้องก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ และรับรู้ได้ถึงความดุดันเผด็จการในน้ำเสียงของเขาจนเธอต้องกลั้นเสียงสะอื้นไห้ไว้ในอกแล้วยอมเปิดปากบอกชื่อตัวเองไปอย่างง่ายดาย
“คะ...คำเอื้อง”
“ชื่อเล่นล่ะ”
“เอื้อง”
“ว่าง่ายๆ แบบนี้ผมชอบ มีความสุขกันเถอะ เก็บความเสียใจไว้ก่อน อยากร้องไห้ก็ค่อยร้องหลังจากที่ผม ‘เอา’ คุณจนอิ่มก็แล้วกัน อื้อ...ไม่ไหวแล้ว แน่นเหลือเกิน อูว์...”
ปกติได้ยินแต่ชื่อทันสมัย ไม่เคยได้ยินชื่อไทยๆ แบบนี้ และมันก็ช่างเป็นชื่อที่เพราะเหลือเกินสำหรับกองบินในตอนนี้ เอวหนาโยกไหวเคลื่อนย้ายตัวเองซอยถี่เข้าออกเป็นจังหวะหนักหน่วงเมื่อภายในของคำเอื้องตอดรัดคลึงเร่งเร่าจังหวะ และยิ่งตอนนี้เธอผ่อนคลายไปกับตนก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเข้าถึงตัวของหญิงสาวได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
“อ่า...ได้โปรดชะ...ช่วยด้วย อื้อ...” เธอร้อนรุ่มไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งๆ ที่ฝรั่งเศสอุณหภูมิติดลบ แต่เธอกลับร้อนมีเหงื่อไคลไหลอาบท่วมตัว
“อ่า...ผมรู้ว่าคุณกำลังทรมาน ผมเองก็ทรมานเอื้อง อ่า...เสียวเอ็น อื้อ...ซี้ด” ปากหนาร้องครางเสียวสูดปากเสียวแล้วเร่งสาวเอวหนาหนักหน่วงพร้อมกอดรัดร่างน้อยขึ้นหาตัวเองแน่นแล้วก็ปิดกลืนกินเสียงลมหายใจเสียงครางของคำเอื้องเพื่อให้เธอไม่ได้จดจ่อกับความเจ็บปวดกับพรหมจรรย์ที่เพิ่งถูกพรากไป
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
จังหวะกายทั้งสองกระทบกระทั่งกันหนักหน่วง คำเอื้องโอบกอดคนถ่อยแน่นตามสัญชาตญาณทั้งๆ ที่รังเกียจเหลือแสน แต่ตอนนี้เธอกำลังจะได้พบความสุข ปากน้อยเผลอจูบตอบกลับไม่ประสีประสาปากคนเถื่อนจนเขาต้องสอนเธอจูบและเอวสอบก็ยังกดคลึงไหวโยก
“โอว์...ดีเหลือเกินเอื้อง อ่า...แน่นดีเหลือเกิน อื้ม...” เขาผละปากออกมาคำรามชื่นชมความคับแน่นของเจ้าหล่อนแล้วก็กระแทกปากบดจูบปากน้อยอีกครั้งพร้อมเร่งสาวเอวเร็วถี่กว่าเดิมเพื่อส่งตัวเองและเจ้าหล่อนไปให้ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าตรงหน้า
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
เด็กชายคลื่น สุปรีย์ วัย 3 ขวบกำลังเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา และข้างๆ ก็มีคุณปู่ คุณย่าเล็ก ย่าใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองมาทางหนูน้อย เกษม นารีที่บินกลับมาไทยมาหาหลานๆ ของตัวเองและบู่ คุณย่าใหญ่ ทุกคนมาที่ภูเก็ตมาเยี่ยมหลาน “ดูสิ ยิ่งนับวันน้องคลื่นก็ยิ่งเหมือนน้องเหมเมื่อตอนเด็กค่ะพี่บู่” นารีหันมาพูดกับพี่สาวของอดีตสามี “นั่นสิ ถอดแบบมาอย่างกับแกะ” บู่เองก็เห็นด้วย “มาหาตาเร็วครับน้องคลื่น”คำสิงห์อ้าแขนรับหลานชายที่เดินมาถึงตัวเอง แต่หนูน้อยก็ส่งยิ้มให้ตาแล้วเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนกางรอเช่นกัน ก็อยู่กับตาทุกวัน วันนี้คุณปู่มาก็ขอไปอ้อนเอามรดกปู่ก่อนก็แล้วกัน และการกระทำของหนูน้อยนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู คิกๆ “คงเบื่อตาแล้วใช่ไหมน้องคลื่นถึงไปหาคุณปู่”คำสิงห์แสร้งเอ่ยน้อยใจหลานชาย แล
กองบินมองจ้องใบหน้าอวบอิ่มและเรือนร่างอวบอิ่มแล้วมาหยุดที่ท้องกลมโตของคำเอื้องแล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าตรงหน้าเธอและลูกน้อยในท้อง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดภาพตัวเองคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานและไม่เคยมีภาพตัวเองมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้ภาพทุกอย่างมันเริ่มมีตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอที่ฝรั่งเศสแล้ว “ถ้าทำเพื่อจะรับผิดชอบลูกในท้องของฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอแต่งงานก็ได้ค่ะ” แม้ใจจะเจ็บปวด แต่คำเอื้องก็ยังคงแสร้งตีหน้านิ่งไม่สนใจการกระทำของคนถ่อยตรงหน้า “ไม่! ไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบที่เอื้องท้อง แต่มันคือสิ่งที่พี่เหมต้องการ พี่ต้องการเอื้อง พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอื้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ไม่เคยคิดจะ‘รัก’ใคร และคิดจะ‘แต่งงาน’แต่ตั้งแต่กระชากฉุดเอื้องที่ฝรั่งเศสครั้งนั้น เอื้องก็ติดตรึงอยู่ตรงนี้พี่เหมตลอด” เขาพูดแล้วก็ทุบอกซ้ายตัวเองเพื่อบอกเธอว่าเธออยู่ในนี้มาตลอดตั้งแต่
กองบินมาถึงหน้าบ้านของคำเอื้องในตอนบ่ายสามโมงกว่า พอมาถึงก็กดออดหน้าบ้านจนสาวใช้ออกมาเปิดประตูให้ ในตอนแรกสาวใช้ไม่ยอมให้เข้ามานั่งรอในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับมาตอนไหน แต่กองบินยืนยันว่าจะรอเธอจนกว่าจะกลับจึงได้เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ กองบินเดินดูรูปถ่ายที่ตั้งโชว์ เป็นรูปของคำเอื้องตอนเด็ก และข้างๆ ก็มีพ่อของหญิงสาว ไม่ว่าจะไปไหน อยู่ที่ไหน ข้างๆ คำเอื้องมักมีพ่อตลอด เขาพอรู้มาบ้างว่าเธออยู่กับพ่อ “น้องเอื้องติดป๊าคำสิงห์ค่ะ” สาวใช้ยกน้ำและขนมของว่างเข้ามาให้แขกเอ่ยบอกเมื่อเห็นแขกจับกรอบรูปที่ตั้งไว้ขึ้นมาดู “ขอบคุณครับ” กองบินยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วก็วางกรอบรูปในมือลงแล้วเดินไปนั่งยังโซฟาตัวนุ่มแล้วมองน้ำและขนมของว่างตรงหน้าตัวเองแล้วดันจานขนมออกห่างเมื่อรู้สึกพะอืดพะอมคลื่นไส้จะอาเจียน “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหน” กองบินถามสาวใช้ที่กำลังจะเดินจากไปไกล
คำเอื้องมองตามสายตาพ่อแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ ก็เธอเข้าครัวทีไร ครัวเละเทะพังทุกทีจนเดือดร้อนสาวใช้ในบ้านต้องมาเก็บกวาดกัน เสียเวลาเป็นชั่วโมง“แหะๆ หนูว่าแบบนั้นแหละป๊าคำสิงห์ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ที่นี้ก็ให้พี่ๆ เขาทำกัน”“อาทิตย์หน้าป๊าจะไปหาหมอกับหนูเอื้องนะ”“ป๊าไม่ต้องไปด้วยก็ได้ค่ะ งานที่โรงงานของเราก็เยอะ ป๊าไปทำงานเถอะค่ะ”“ได้ไงหนูเอื้อง ป๊าเป็นคุณตานะ ป๊าก็ต้องไปจดบันทึกเรื่องของเจ้าคลื่นของป๊าสิ” คำสิงห์ตั้งชื่อหลานว่า ‘คลื่น’ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็จะให้ชื่อนี้“ขอบคุณนะคะป๊า” เธอขอบคุณพ่อ“มันคือหน้าที่ของป๊าอยู่แล้วที่ต้องดูแลหนูกับหลาน อีกอย่างไม่ต้องคิดแทนป๊าว่าป๊าจะอายที่หนูท้องไม่มีพ่อ ป๊าไม่สนใจปากของชาวบ้านหรอก อีกอย่างชีวิตนี้ไม่เคยมีใครไม่ผิดพลาดบ้าง...ว่าไหม” คำสิงห์ประคองลูกสาวมานั่งในห้องโฮมเธียเตอร์ดูหนังรอทานมื้อเย็นกัน“หนูโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกสาวป๊าคำสิงห์กับแม่ตวงใจ”“ป๊ากับแม่เราก็โชคดีที่มีหนูเอื้องเป็นลูก เอาล่ะ ดูหนังอะไรดีวันนี้”“ตา
สามพี่น้องรวมตัวกันเมื่อที่เหมืองมีปัญหา และพี่ชายก็ถูกยิงอาการสาหัสจนแม่ที่อยู่ต่างประเทศต้องบินกลับประเทศมาดูแล แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ตอนนี้กองพลหายดีกลับมาอยู่บ้านและตามหาใกล้รุ้ง ลูกสาวของคนงานในเหมือง สาวน้อยหนีไปพร้อมกับหัวใจของพี่ชาย คิดแล้วก็ตลกและน่าสมเพช! สิ้นดี เพราะไม่ใช่แค่กองพลเท่านั้น กองทัพเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนตัวเขาก็ให้คนเฝ้าบ้านของคำเอื้องที่ภูเก็ตและยังคงตามหาเธออยู่ตลอดจนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วก็ยังไร้วี่แววข่าวคราวของหญิงสาว “หนูไปอยู่ไหนเอื้อง เอื้องพาลูกของเราหนีพี่ไปไหน ป่านนี้แล้วท้องเอื้องคงจะโตแล้ว สองเดือนแล้วที่เอื้องหนีพี่ไป” เขาพึมพำกับรูปถ่ายที่แอบถ่ายตอนเธอนอนหลับแล้วก็ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าจอโทรศัพท์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาต้องผละเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์วางลงที่เตียงนอนนุ่มแล้วลุกไปเปิดประตู แอค!
มันช่างทรมานเหลือเกินตอนนี้ ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ไร้วี่แววของคำเอื้อง เขาให้นักสืบเอกชนตามหาก็เงียบ จนเขาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นึกเป็นห่วงทั้งเธอและลูก คิดถึงก็คิดถึง ตอนนี้สภาพของกองบินแทบดูไม่ได้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นจนทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงคนที่หนีไปดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเสยผมที่ยาวปกปิดหน้า ใช่...ตอนนี้ผมและหนวดเคราของเขามันไม่ได้ถูกดูแลมาเป็นอาทิตย์ หากไม่มองดีๆ สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นตน เพราะนับวันยิ่งเหมือนโจรป่าเข้าไปทุกที“เชิญ!” พอเสยผมที่ยาวปิดหน้าไปด้านหลังแล้วก็อนุญาตให้ผู้อยู่หน้าประตูห้องเข้ามาในห้องแอค!เป็นผู้ช่วยของเขานั่นเองที่เคาะประตูห้อง และพอเปิดประตูก็เดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือแล้วส่งยื่นให้เจ้านายหนุ่ม“คนที่บ้านโทรมาครับคุณกองบิน”อือ!เขาครางรับแล้วก็รับโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้ามาคุยพร้อมโบกมือให้ผู้ช่วยอย่างวัฒน์ออกไป“เหมพูดครับ” พอนำโทรศัพท์มาแนบหูก็บอกทันทีว่าเป็นตน