หลังจากจบมื้ออาหารเอสก็เป็นคนพาพัดพารัชชาเอาของไปเก็บในห้องนอนของเธอที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน ห้องนอนของหญิงสาวเป็นห้องนอนใหญ่ด้านข้างและหลังห้องเป็นกำแพงกระจกที่เปิดม่านออกก็จะเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ของสวนหย่อมและต้นไม้ใหญ่ ในห้องก็มีของอำนวยความสะดวกครบครัน ที่เธอแทบไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเลย
เก็บสัมภาระให้พัดพารัชชาเรียบร้อย เอสก็พาหญิงสาวเดินรอบบ้านเพื่อให้เธอรู้ว่าที่นี่มีกี่ห้อง แล้วแต่ละห้องมีไว้ทำอะไรบ้าง ชั้นบนของบ้านหลังนี้มีสองห้องนอนใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกัน และมีห้องออกกำลังกายที่อยู่ติดกับบันได ส่วนชั้นล่างด้านขวาก็จะมีห้องเก็บของและอีกหนึ่งห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น ตัวบ้านด้านซ้ายท้ายสุดเป็นห้องครัว และด้านหน้าก็เป็นห้องรับแขก ในทุกๆ วันจะมีคนมาส่งอาหารสด ส่วนคนที่มาทำความสะอาดที่นี่จะมาอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
พัดพารัชชาได้เดินจนทั่วบ้านก็เริ่มมีสีหน้าห่อเหี่ยวลง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอยู่บ้านหลังใหญ่ ทว่าก็ไม่เคยจะต้องอยู่โดดเดี่ยวในบ้านเช่นนี้ หากเธอจะต้องอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรือห้องเช่าเล็กๆ ที่มีคนอื่นอยู่ด้วยในตึกเดียวกัน เธอจะไม่รู้สึกวังเวงว้าเหว่เช่นนี้เลย เห็นทีโทรทัศน์จอแบนขนาดห้าสิบนิ้วในห้องนั่งเล่น ท่าจะเป็นเพื่อนที่ดีให้เธอได้อย่างเดียว
เดินดูรอบบ้านเรียบร้อยก็มีช่างตัดชุดสาวสวยผมบลอนด์สองคนเข้ามาจัดแจงช่วยกันวัดตัวให้กับเธอ เลยทำให้พัดพารัชชารู้ว่าเรื่องการแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องเป็นไปตามที่บริษัทต้องการทุกอย่าง
ใช้เวลาไม่นานนักการวัดตัวของพัดพารัชชาก็เรียบร้อย หลังจากช่างตัดเสื้อผ้าทั้งสองออกไปได้ หญิงสาวก็ไม่คิดเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
“ที่นี่เขาตัดชุดให้พนักงานทุกคนเลยเหรอคะ” อยากจะรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องเสียให้พนักงานต่อเดือนเป็นเงินเท่าไร แล้วจะคุ้มค่ากันไหมที่ให้สวัสดิการกับพนักงานมากมายขนาดนี้
“เฉพาะเลขาครับ เพราะเลขาต้องดูดีที่สุดเวลาไปทำงานกับเจ้านาย”
“ที่นี่เขาให้ความสำคัญกับเลขาทุกบริษัทไหมคะ”
“ครับ ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนนั่นแหละครับ เพราะถ้าพนักงานทุกคนถูกองค์กรดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี พนักงานก็จะรักองค์กรและทุ่มเทการทำงานให้เป็นอย่างดีครับ”
“ค่ะ ฉันเองก็จะทุ่มเททำงานให้เต็มที่เหมือนกันค่ะ” สวัสดิการดีขนาดนี้เธอไม่ทุ่มเทก็คงจะไม่ได้ นับว่าเธอเองก็โชคดีกว่าใครๆ หลายคนที่เรียนจบแล้วได้งานที่ดีๆ ทำเลย ไม่ต้องไปดั้นด้นหาให้เหนื่อย คงเป็นฟ้าที่เห็นว่าเธอลำบากมามากพอแล้วเลยอยากให้ชีวิตของเธอมีแสงสว่างและได้อิสระอย่างที่อยากได้
ร่วมสามเดือนแล้วที่พัดพารัชชาได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เยอรมัน ตั้งแต่วันที่เธอมาถึงบ้านพักหลังโตหลังนี้ เธอยังไม่เคยได้พบปะหน้าของประธานบริษัทแม้แต่ครั้งเดียว
ทุกๆ เย็นเธอจะได้รับอีเมลจากแฮร์ริคว่าวันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปทำอะไรที่ไหนเท่านั้น ซึ่งงานหลักๆ ของเธอก็มีเพียงแค่เดินทางไปพร้อมกับเอสเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของซุปเปอร์มาเก็ตวันละหนึ่งสาขา พร้อมกับส่งรายงานความเรียบร้อยให้แฮร์ริคผ่านอีเมลเท่านั้น
เท่ากับว่าเธอทำงานอยู่กับเอสสองคน อีกทั้งวันหยุดชายหนุ่มก็เข้ามาดูแลความเรียบร้อยของบ้านและความเป็นอยู่ของเธอ จนเธอและเอสเสมือนเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว แม้จะอายุห่างกันแต่เธอก็รู้สึกพูดคุยถูกคอและถูกชะตากับเขามากพอสมควร ด้วยเพราะเขาไม่เคยทำให้เธออึดอัดที่ต้องอยู่ใกล้ผู้ชายอย่างเขาแม้แต่นิดเดียว
และเป็นเขาอีกนั่นแหละที่สอนให้เธอได้รู้จักการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ให้เป็นยิ่งขึ้น เอสสอนทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ รวมไปถึงการระวังภัยในรูปแบบต่างๆ ทำให้การเป็นอยู่ที่นี่ของพัดพารัชชาไม่ได้ลำบากและน่ากังวลอย่างที่เธอกลัวในตอนก่อนจะมาที่นี่
ในยามที่แสงสว่างของพระอาทิตย์หมดลง เป็นประจำทุกวันที่พัดพารัชชาต้องรีบส่งอีเมลรายงานความเรียบร้อยของซุปเปอร์มาเก็ตที่เธอแฝงตัวเป็นลูกค้าไปใช้บริการ หลังจากนั้นสาวเจ้าก็เดินไปปิดม่านของห้องนอนและเตรียมตัวไปอาบน้ำ
สาวเจ้าใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วหญิงสาวในชุดนอนแขนยาวขายาวสีเทาก็เข้ามานั่งที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คของเธอต่อ เพราะรู้ว่าแฮร์ริคจะตอบกลับอีเมลของเธอและสั่งงานที่ต้องจัดการในวันพรุ่งนี้
“ไปญี่ปุ่นเหรอ” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ริมฝีปากบางอ้าค้างหลังจากอ่านคำสั่งเจ้านาย แล้วเธอจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างล่ะเนี่ย
ตื๊ด ตื๊ด... พัดพารัชชารีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสายเอส “พลอยกำลังจะโทรหาคุณเอสพอดีเลยค่ะ เมื่อกี้พลอยเพิ่งได้รับอีเมลจากคุณแฮร์ริคว่าให้ไปดูสาขาที่ญี่ปุ่นพรุ่งนี้ แล้วพลอยต้องเตรียมตัวยังไงบ้างคะ ที่อยู่เราต้องจองเองไหม”
(คุณพลอยใจเย็นๆ ครับ คุณแฮร์ริคสั่งให้ผมจัดการให้แล้ว ตั๋วเครื่องบินก็มีแล้ว คุณพลอยไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ เพราะคุณแฮร์ริคให้ผมไปกับคุณ คุณพลอยแค่เตรียมของใช้ส่วนตัวจำเป็นกับอุปกรณ์ทำงานไปก็พอครับ)
“มีคุณเอสไปด้วยพลอยค่อยโล่งอกค่ะ”
(ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับที่ต้องเดินทางกะทันหันแบบนี้)
“พลอยแค่เห็นว่าต้องเดินทางก็ทันหันก็เลยกังวลเรื่องที่พักค่ะ ส่วนเรื่องงานพลอยไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ คิดว่าที่นั่นน่าจะมีปัญหา คุณแฮร์ริคถึงให้ไปดูกะทันหัน”
(คุณพลอยสู้มากเลยนะครับ)
“เรื่องงานพลอยสู้ตายค่ะ ยิ่งมีคุณเอสไปด้วยพลอยก็ยิ่งอุ่นใจมากขึ้น”
(งั้นพักผ่อนเถอะนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปรับแต่เช้า)
“ค่ะ” วางสายจากเอสได้พัดพารัชชาก็ยกยิ้มมุมปาก เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้เอสจะเดินทางไปกับเธอด้วย จะว่าไปเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาสำคัญกับเธอมากกว่าที่คิดก็ตอนนี้ คราแรกเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเหลือเรื่องงานเธอได้หลายอย่าง แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาสามารถทำให้เธออุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ตัวด้วย หากไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขาไปกับเธอ คืนนี้คงข่มตานอนไม่หลับแน่
หญิงสาวตัวเล็กในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีครีมสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีชมพูเดินลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กตามชายหนุ่มผมบลอนด์เทาในชุดสูทคลุมตัวยาวสีดำออกไปยังหน้าสนามบินผู้โดยสารขาเข้า ผู้คนในสนามบินวันนี้ค่อนข้างคึกคักเพราะเป็นฤดูท่องเที่ยวของที่ญี่ปุ่น สาวเจ้ามองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้น เพราะตอนนี้ชาวต่างชาติดูท่าจะเยอะกว่าคนพื้นเมืองที่นี่ อย่างว่าฤดูใบไม้ผลิใครๆ ก็อยากจะมาเที่ยวญี่ปุ่น เธอเองยังฝันว่าอยากจะมา ทว่าก็ไม่ได้คิดได้ฝันว่าจะได้มาเร็วขนาดนี้
“เดินทางไปที่พักก่อนเลยไหมครับ หรือจะหาอะไรกินก่อน” เอสหันมาคุยกับคนที่เดินตามหลังมาติดๆ
“พลอยกินอาหารบนเครื่องจนอิ่มแล้วล่ะคะ คุณเอสล่ะคะหิวไหม ถ้าคุณเอสหิว เราไปร้านอาหารแถวนี้ก่อนก็ได้ค่ะ”
“ผมว่าตรงไปโรงแรมเลยดีกว่าครับ ผมอยากไปที่นั่นก่อนมืด อยากให้คุณพลอยเห็นวิวสวยๆ ที่นั่นเร็วๆ ครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
และแล้วมื้อกลางวันของทุกคนก็เริ่มขึ้น แฮร์ริคนั่งข้างๆ กับเอริญญาที่อยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารของเด็ก ส่วนพัดพารัชชาก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสองพ่อลูก บนโต๊ะอาหารตอนนี้ มีแตงกวาผัดใส่กุ้งจานใหญ่ รวมไปถึงต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาทับทิมนึ่งและขาหมูพะโล้ที่ตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย ส่วนอาหารของเจ้าตัวกลมก็มีกุ้งต้มตัวใหญ่สองตัวที่คนเป็นแม่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้พร้อมกับแตงกวา แครอทและเส้นมักกะโรนีต้มตลอดเวลาของมื้ออาหารไม่มีเวลาไหนที่แฮร์ริคจะไม่มีรอยยิ้ม เขาเก็บภาพทุกอย่างไว้ในความทรงจำอย่างดีในเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับพัดพารัชชาและลูก และเขาก็ยิ่งปลื้มใจมากเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้พัดพารัชชาเลือกที่จะทำอาหารให้เขาได้รับประทาน ไม่เหมือนก่อนหน้าที่เขาต้องสั่งมาเอง“อร่อยไหมครับ” เขาหันไปมองลูกสาวที่กำลังใช้ส้อมสีชมพูสวยจิ้มไปที่กุ้งต้มเข้าปากไม่เว้นระยะจนแก้มทั้งสองเต็มไปด้วยอาหารเจ้าก้อนกลมพยายามเคี้ยวอาหารให้หมดปากโดยเร็วตามที่คนเป็นแม่เคยสอน จากนั้นก็ค่อยเปิดปากตอบพ่อของเธอ “หย่อย”“อร่อยค่ะ” พัดพารัชชาต้องคอยสอนทุกครั้งให้ลูก
พัดพารัชชายกนิ้วชี้ป้องปากก่อนจะหันไปยังเปลสีชมพู“ผมขอดูหน้าลูกก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มกระซิบกระซาบด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าลูกสาวด้วยตาเนื้อและอยากจะสัมผัสลูกใจจะขาด พอๆ กับอยากจะสัมผัสแม่ของลูกเขาเดินเข้าไปมองลูกสาวตัวกลมที่อยู่นอนกอดหมอนข้างปะแป้งจนมีกลิ่นหอมชวนให้น่าฟัด ทว่าแฮร์ริคก็ทำได้แต่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อนุ่มนิ่มของพวงแก้มย้วยเบามือและไล่สายตามองสำรวจลูกน้อยเงียบๆ จากนั้นเขาก็เริ่มน้ำตาคลอไหลลงมาอาบแก้ม หากเขารู้ว่ามีเจ้าตัวกลมอยู่บนโลกใบนี้ให้เร็วกว่านี้คงจะดีมากๆแฮร์ริคเชยชมผลงานของตัวเองได้ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าปาดน้ำตาและหันกลับมามองพัดพารัชชา ตอนนี้เขาพร้อมจะคุยกับเธอแล้วพัดพารัชชามองหน้าคนตัวโตที่ดูแปลกไปจากเดิมมากจนจำแทบไม่ได้ เดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นความทุกข์ใจที่มันกัดกินเขาเป็นเวลาร่วมสองปี ถึงได้มีสภาพแบบนี้“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ” พัดพารัชชาเดินนำหน้าแฮร์ริคออกห่างจากเปลนอนของเอริญญามาที่ม้านั่งใต้หลังคาชานหน้าบ้านเมื่อนั่งตรงข้ามกันเรียบร้อยแฮร์ริคก็รีบพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับพัดพารัชชาใ
“ใช่ ผมน่าจะเป็นผู้เป็นคนให้เร็วกว่านี้ ถ้าผมนึกตามหาพลอยให้ไวกว่านี้ก็คงได้ดูแลเธอตั้งแต่เธอท้องแล้ว ที่ผมมาหาคุณก็เพราะอยากให้คุณช่วย ผมรักพลอยจริงๆ อยากดูแลเธอ คุณช่วยให้ผมคืนดีกับเธอได้ไหม ผมขอร้องล่ะ” แฮร์ริคไม่คิดสนศักดิ์ศรี เขายอมก้มลงคุกเข่าต่อหน้าอทิตยา เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการได้รับผิดชอบลูกและภรรยาเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผ่านมา“นี่... คุณแฮร์ริค”“เชื่อที่ผมพูดเถอะ”“ลุกขึ้นเถอะ”“ไม่ครับ จนกว่าคุณจะรับปากว่าจะช่วยให้ผมได้คืนดีกับพลอย”“โอ้ย...” อทิตยานั่งกุมขมับหนึบ คำพูดของเขาที่ว่ารู้สึกผิดมันก็น่าเชื่อถืออยู่หรอก ทว่าเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พัดพารัชชาจะต้องการแฮร์ริคหรือเปล่าน่ะสิ ไม่ได้ เรื่องนี้เธอจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ คิดได้ดังนั้นก็รีบต่อสายหาดาวลดาในทันทีและแล้วทุกคนก็ต้องขึ้นเครื่องบินกันมาที่เชียงใหม่เพื่อตรงมายังบ้านของดาวลดา เพราะอทิตยาไม่สามารถตัดสินใจเองคนเดียวได้จริงๆ เรื่องที่จะพาแฮร์ริคไปหาพัดพารัชชาทั้งสี่คนนั่งสุมหัวคุยกันอยู่ที่ใต้ถุนบ้านเรือนไทยของดาวลดา แฮร์ริคพยายามพูดความรู้ส
“อยากให้แกสืบจากทางคนที่แกตามจีบให้หน่อยว่าตอนนี้คุณพลอยเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นโว้ย แค่ตอนที่คุณอ้อนรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับเอส แล้วก็หลอกคุณพลอยไปงานนั้นก็โกรธฉันมาจนถึงทุกวันนี้ รู้ไหมฉันส่งดอกไม้พร้อมของแพงๆ ไปง้อแทบทุกวัน เธอก็เอาทิ้งทุกวัน จนเหมือนฉันซื้อของแพงไปให้แม่บ้านในโรงเรียนสอนพิเศษ มัดปมเองก็ต้องแก้ปมเองโว้ย จะสืบก็ไปหาสืบทางอื่น อย่ามายุ่งกับคุณอ้อนของฉัน” ที่เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ตอนนี้ก็เพราะยังตามง้ออทิตยาไม่ได้ง่ายๆ นี่แหละ เอลมาพูดเรื่องนี้ขึ้นก็พาลทำให้เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ช่วยแฮร์ริคจนถูกหญิงเมิน“ได้ ถึงแกไม่ช่วย ฉันว่านักสืบของฉันก็มีความสามารถอยู่แล้ว” เอลมาแค่อยากได้คำตอบว่าเฟรดช่วยได้หรือไม่ได้เท่านั้น ทว่าอีกฝ่ายก็ตอบเสียยาว ดูท่าแล้วเฟรดคงยังเคืองแฮร์ริคไม่หายจนถึงทุกวันนี้แน่“แกยังโกรธฉันอยู่เหรอวะเฟรด” แฮร์ริคถามเพื่อนรักไปตามตรง“ไม่ได้โกรธแก คิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้ก็ไม่อยากช่วยแกเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณอ้อนจะใจแข็งขนาดนี้”“เพราะเห็นพวกแกแพ้ผู้หญิงใจแข็งแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากคบใครเป็นตัวเป็นตน” เอลมาเห็นเพื่อน
แฮร์ริคยื่นมือหมายจะประคองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทว่าสาวเจ้าก็ถอยหลังหนีไม่ยอมให้เขาได้ถูกเนื้อต้องตัว“แผนแก้แค้นของคุณสำเร็จแล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันอีก”“การแก้แค้นจบไปแล้ว ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องของพลอยกับผม ความรู้สึกที่ผมมีให้พลอย วันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง ผมรักพลอยจริงๆ นะ”พัดพารัชชายกมีดพกในมือของเธอจี้คอของตัวเอง ทำเอาสองหนุ่มที่มองมายังเธอหน้าตาตื่นไม่ต่างกัน“เลิกยุ่งกับฉันซะที คุณจะรักฉันจริงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันเกลียดคุณ เกลียดยิ่งกว่าอะไร ฉันได้ออกมาจากชีวิตสองแม่ลูกนั่น คิดว่าฉันจะได้อิสระที่ฉันอยากได้ แต่คุณก็พาฉันเข้ามาเป็นหมากในเกมการแก้แค้น ชีวิตฉันหลังจากนี้ไม่รู้ว่าสองคนแม่ลูกนั่นจะจ้องล้างจองผลาญฉันอีกรึเปล่า คุณมันเห็นแก่ตัว มายุ่งกับฉันทำไม ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความแค้นคุณสักนิด”“พลอย” แฮร์ริคพยายามจะเข้าไปหาพัดพารัชชา ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ปลายมีที่อยู่ในมือของหญิงสาวก็เริ่มกินเนื้อของเธอจนเห็นมีเลือดแดงฉานไหลออกมา“อย่าทำแบบนี้พลอย”“อย่ายุ่งกับเธอ” อนนท์เข้ามา
“อีพลอย!” พิมพิรายาได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนมือไม้สั่น จากนั้นก็ปรี่เข้าไปจะทำร้ายพัดพารัชชา ทว่าแฮร์ริคก็มาขวางเอาไว้“ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงฮะ! แกต้องการอะไร” ปึก ปึก พิมพิรายาลงมือกับพัดพารัชชาไม่ได้เธอก็ฟาดกำปั้นไปที่อกของแฮร์ริคแขวิไลยืนกำหมัดแน่นดูสถานการณ์อย่างเจ็บปวดหัวใจ ไม่น่าเลย เธอควรจะเตือนลูกสาวของเธอก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับแฮร์ริค เชื่อได้เลยว่ามันสองคนผัวเมียจะต้องรวมหัวกันทำให้ลูกของเธอเสียใจแน่“คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหมคะคุณเฟรด”เฟรดก้มหน้างุดเมื่อหญิงสาวที่ยืนข้างๆ กำลังมองค้อนเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “ผมขอโทษครับ ผมเป็นเพื่อนกับแฮร์ริค”“พลอย” อนนท์แทรกทุกคนเข้ามาหาพัดพารัชชา เพราะรู้ว่าตอนนี้เธอต้องการคนที่อยู่เคียงข้าง“พี่นนท์”“ถ้าพลอยอยากไปจากที่นี่ พี่จะพาไป”“ค่ะ” พัดพารัชชารีบจับมือของอนนท์เอาไว้ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอไม่พร้อมรับรู้อะไรตรงนี้ต่อไปแล้ว“มึงจะไปไหนอีพลอย อีลูกเมียน้อย” พิมพิรายาตวาดลั่นตามหลังพัดพารัชชาที่กำลังเดินหนีไปพร้อมอนนท์ เธออยากจะฉีกเนื้อพัดพารัชชาเป็นชิ้นๆ ที่ทำให้เธอ