Chapter 5
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
เฉินต้าเหว่ยควบม้าคู่ใจด้วยใจอันร้อนรน การขี่ม้าครั้งนี้ถือว่าเร็วที่สุดในชีวิต เร็วกว่าตอนออกศึกรบเสียอีก ทว่าความเร็วของม้ายังไม่เพียงพอ เขาอยากให้มันเร็วกว่านี้เพื่อที่จะได้ตามทันขบวนเกี้ยวที่มารับจางม่านอวี้เข้าวัง แต่ความเร็วของม้าทำได้เพียงแค่นี้ ช้ากว่าใจเฉินต้าเหว่ยเป็นร้อยเท่า
ทันทีที่แม่ทัพหนุ่มกลับมาจากส่งสารสำคัญจากต่างเมือง เขาได้รับข่าวร้ายจากบิดาเรื่องจางม่านอวี้ ตอนนั้นเฉินต้าเหว่ยรู้สึกงงงวย ความไม่เข้าใจแฝงในความรู้สึกที่อยู่ๆ จางม่านอวี้ได้เป็นพระสนม นางกำลังจะเป็นของชายอื่น ซึ่งผู้ชายคนนั้นถือว่าเป็นเจ้าชีวิตของคนทั้งแคว้น รองแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกรไม่รู้ที่มาที่ไปของการเข้าวังของนาง ในใจของเขาตอนนี้รู้เพียงว่า ต้องตามนางให้ทัน เขาจึงรีบควบม้าตามขบวนเกี้ยวอย่างไม่ลดละ
ระยะทางจากเมืองหลานหยูไปเมืองหลวงมีระยะทางหลายร้อยลี้ ขบวนเกี้ยวที่มารับจึงใช้ม้าในการลากเกี้ยวแทนคนแบกหาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การเดินทางเร็วขึ้น เนื่องจากม้าเดินไม่ได้วิ่ง ส่งผลให้แรงอาชาไนยของรองแม่ทัพหนุ่มนำพาเขามาทันขบวนเกี้ยวที่มองเห็นในระยะสายตาเฉินต้าเหว่ยรีบเร่งม้าคู่ใจให้วิ่งเร็วขึ้น เพื่อจะถึงขบวนเกี้ยวเร็วๆ
“ม่านอวี้ จางม่านอวี้”
เฉินต้าเหว่ยตะโกนเรียกแม่นางในดวงใจ หลีกงกงที่มารับตัวว่าที่พระสนมหยุดม้าที่ตนนั่งอยู่ พร้อมกับยกมือให้คนบังคับเกี้ยวหยุดตาม หันมามองต้นเสียงที่ควบม้าเข้ามาใกล้ จางม่านอวี้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวได้ยินเสียงเรียกชื่อจากน้ำเสียงที่คุ้นหู นางรีบเปิดผ้าม่าน เยี่ยมหน้าออกไปด้านนอก เมื่อเห็นว่าใครควบม้ามาหยุดข้างเกี้ยว นางถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา
“ต้าเหว่ย” จางม่านอวี้เรียกชื่อเพื่อนสนิท ยื่นมือออกนอกตัวเกี้ยว เฉินต้าเหว่ยที่รักแม่นางขี้เหล่สุดหัวใจ กำลังจะยื่นมือไปจับเรียวมือสวยของนาง ทว่าเสียงของหลีกงกงได้ห้ามไว้เสียก่อน
“ท่านรองแม่ทัพ ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้ จางม่านอวี้คือคนของฮ่องเต้ นางคือนางต้องห้าม ชายใดมิอาจต้องตัวได้” หลีกงกงบอกเสียงเรียบ
“ต้าเหว่ยเป็นเพื่อนข้าทำไมจะจับมือข้าไม่ได้ อีกอย่างข้ายังไม่ได้เป็นพระสนม ข้าจับมือเพื่อนข้าได้” จางม่านอวี้รีบพูด
“ข้าขอเวลาชั่วครู่ท่านกงกง ข้าขอกล่าวลานาง”
หลีกงกงมองหน้าเฉินต้าเหว่ยเพียงแวบเดียว ก็บังคับม้าให้ไปอยู่หน้าขบวนเกี้ยว เปิดทางให้แม่ทัพหนุ่มล่ำลาจางม่านอวี้เฉินต้าเหว่ยเดินไปหยุดข้างเกี้ยว มองใบหน้าจางม่านอวี้ที่วันนี้นางสวยกว่าทุกครั้งที่เขาเห็น
“ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน อยู่ๆ เจ้าเป็นพระสนมได้ยังไง”
“เจ้ากลับไปถามท่านพ่อของข้า ท่านพ่อจะตอบคำถามเจ้าเอง” นางตอบกลับ น้ำตาคลอเบ้า คำภาวนาของจางม่านอวี้เป็นผล นางพร่ำขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้เจอเขาก่อนเข้าวัง “ทำไมเจ้ามาช้าจัง ข้ารอบอกลาเจ้าหลายวัน วันนี้ข้านึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าเจ้าก่อนเข้าวังเสียอีก ข้าดีใจที่ได้เจอเจ้า”
“ข้าก็ดีใจที่ได้เจอเจ้า เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีก”
หากวันนี้เขาไม่ได้พบหน้าจางม่านอวี้ การพบเจอคงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเขาต้องออกศึกปราบกบฏที่ยังคงก่อความวุ่นวายอยู่เนืองๆ และตอนนี้แคว้นฉานอยู่กำลังขยายอำนาจ คิดการใหญ่ชิงแคว้นจ้านมาเป็นของตัวเอง เฉินต้าเหว่ยในฐานะหนึ่งในรองแม่ทัพใหญ่จึงต้องออกสู้ศึกรักษาบ้านเมือง แล้วคราวนี้คงออกรบนานกว่าทุกครั้ง อาจกินเวลานานครึ่งปี
“เมื่อเจ้าไม่อยู่ ต่อจากนี้ไปข้าคงไม่ได้ทำหมั่นโถวอีกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะทำให้ใครกิน”
ความเศร้าแฝงอยู่ในดวงตาเฉินต้าเหว่ย ที่ดูดีๆ จะรู้ว่า ความแข็งแกร่งของเขากำลังมลาย แต่ถึงกระนั้นก็มีความรู้สึกที่เรียกว่ารัก เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน ความเสียใจรุกเร้าในหัวใจของชายยอดนักรบ
“เจ้าเอาไปให้ข้ากินที่วังสิ ข้าเป็นพระสนมนะไม่ได้ตายจากเจ้าไป เจ้าถึงได้ไปหาไม่ได้”
“ข้าต้องออกศึกเป็นศึกใหญ่ด้วย ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาทำหมั่นโถวให้เจ้ากินเมื่อไหร่” เฉินต้าเหว่ยไม่ละสายตาจากดวงหน้าจางม่านอวี้ “ข้าไม่รู้ว่า อีกนานแค่ไหนจะได้พบเจ้า ข้าคงคิดถึงเจ้ามาก”
ทุกถ้อยคำของเฉินต้าเหว่ย ทำร้ายหัวใจจางม่านอวี้อย่างบอกไม่ถูก เมื่อก่อนนางไม่คิดว่า การจากลาของตนกับเฉินต้าเหว่ยจะนำพาความทุกข์ทรมานใจ ความรู้สึกที่นางมีต่อเขายามออกรบคือความเป็นห่วง แต่ก็มีความเชื่อมั่นว่า เขาต้องกลับมาหาตน นำชัยชนะสู่บ้านเมือง ทว่าการจากลาครั้งนี้ เสมือนมีหนามแหลมคมทิ่มแทงดวงใจ เส้นทางของทั้งสองห่างขึ้นเรื่อยๆ มีกำแพงหลายชั้นกั้นเราสอง ใจหายกับการจากลาครั้งนี้
“ข้าก็คงคิดถึงเจ้าเช่นกัน เสร็จศึกเจ้าต้องรีบไปหาข้านะ ข้าจะรอเจ้า”
“ข้าไปหาเจ้าแน่ ข้าต้องไปหาหัวใจของข้า”
เฉินต้าเหว่ยเปิดเผยความในใจของตนให้จางม่านอวี้รับรู้ แต่ก่อนเขาไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึก เพราะกลัวว่า จางม่านอวี้จะโกรธที่คิดกับนางเกินเพื่อน ทว่าตอนนี้เขาต้องบอกให้นางรับรู้ เขาไม่ล่วงรู้อนาคตว่า การออกศึกครั้งนี้ตนเองจะมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่ บอกให้นางรู้ตอนนี้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก
“ท่านรองแม่ทัพ ข้าต้องไปกันแล้ว” เสียงหลีกงกงกล่าวเตือน รองแม่ทัพหนุ่มจึงรีบพูดประโยคต่อมา
“ข้ารักเจ้าจางม่านอวี้ ข้าอยากบอกเจ้านานแล้วแต่ไม่กล้า ถ้าข้าบอกเจ้าเร็วกว่านี้ เจ้าคงไม่ได้เป็นพระสนมฮ่องเต้ แต่เป็นเมียข้าแทน ในเมื่อชะตาฟ้าลิขิตให้เป็นเช่นนี้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ และขอรักเจ้าไปจนตาย”
จางม่านอวี้น้ำตาร่วง ยิ้มทั้งน้ำตา นางดีใจที่ได้ยินคำบอกรักจากปากเฉินต้าเหว่ย ยังรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา หากเขาเปิดปากบอกรักนางเร็วกว่านี้ นางอาจได้เป็นเมียท่านรองแม่ทัพ หาใช่พระสนมฮ่องเต้ และคงจะมีความสุขมากกว่านี้
“แม่นางจาง เราต้องเร่งเดินทางกันแล้ว” หลีกงกงเตือนอีกรอบ
“ข้าดีใจที่ได้ยินคำนี้ ข้าจะเก็บความรักของเจ้าไว้ในใจข้า ลาก่อนต้าเหว่ย” จางม่านอวี้หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักเป็นอักษรชื่อยื่นให้เฉินต้าเหว่ย “เก็บมันไว้แทนตัวข้า ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ ข้าจะรอเจ้านะต้าเหว่ย รอเจ้าไปหาข้า”
เฉินต้าเหว่ยยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ชั่วขณะที่ยื่นมือไปรับของแทนตัวสาวยอดดวงใจ เกี้ยวม้าได้เคลื่อนตัวเพื่อเดินทางต่อ ปลายนิ้วของทั้งคู่สัมผัสกัน นัยน์ตาสองหนุ่มสาวนิ่งมอง สื่อความหมายของความรู้สึกให้แก่กัน
จางม่านอวี้เป็นฝ่ายละสายตาจากรองแม่ทัพหนุ่ม นางจับผ้าม่านขบวนเกี้ยวให้กลับอยู่ในสภาพเดิม นางนั่งร้องไห้อยู่ภายในเกี้ยวด้วยความรู้สึกเสียใจที่มากกว่าความเสียใจในครั้งใดๆ ของชีวิต นางไม่คิดว่าการล่ำลามันจะเจ็บปวด เจ็บราวกับมีหอกแหลมคมนับหมื่นพุ่งใส่หัวใจ เจ็บกับความโง่ของตัวเองที่ไม่เฉลียวใจสักนิดว่า เฉินต้าเหว่ยคิดกับตัวเองเกินเพื่อน จางม่านอวี้น่าจะคิดได้เพราะหลายครั้งที่รองแม่ทัพหนุ่มเปิดเผยความรู้สึกให้ทราบ แต่เป็นนางเองที่ไม่ทันคิดหรือสังเกตพฤติกรรม แต่พอรู้ทุกอย่างก็สายเกินไป
แม้ว่าขบวนเกี้ยวจะห่างออกไป ทว่ารองแม่ทัพแห่งแคว้นจ้านยังคงอยู่ที่เดิม เขาก้มมองดูผ้าเช็ดหน้าสีหวานที่ปักชื่อจางม่านอวี้ด้วยแววตาเศร้าโศก น้ำตาหยดไหลลงสู่ผ้าเนื้อดีผืนเล็กในมือ ก่อนที่เขาจะพับมันเป็นสี่ทบแล้วนำมันมาแนบตรงหัวใจ
“เจ้าเป็นหญิงเดียวในดวงใจข้า และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป”
เฉินต้าเหว่ยเป็นคนรักมั่น ความรักของเขามีเพียงครั้งเดียว เมื่อรักใครแล้วก็จะรักตลอดไป แม้ว่าจางม่านอวี้จะเป็นของชายอื่นที่สูงศักดิ์ ซึ่งเขามิอาจแย่งนางมาครอบครองได้ ความรักเขาก็มิมีวันเปลี่ยนแปลง รักมั่นดังขุนเขา กว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร ตราบจนชีวาวาย ความรักจึงมลายจากหัวใจ
93สิบเอ็ดเดือนต่อมา ภายในห้องครัวของบ้านเฉินต้าเหว่ย เจ้าของบ้านกำลังตั้งใจทำหมั่นโถวสูตรพิเศษที่เขาคิดมาเพื่อเมียรักโดยเฉพาะ เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะพลิกแพลงสูตรหมั่นโถวสูตรใหม่ที่ยังคงความอร่อยไม่แพ้สูตรเดิมของครอบครัว “หอมจังเลยท่านพี่” คนพูดเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในห้องครัว เฉินต้าเหว่ยตกใจที่เห็นเมียรักเดินเข้ามาหาตนตามลำพังไร้สาวใช้คอยประคอง เขารีบละทิ้งหมั่นโถว หันมาสนใจจางม่านอวี้ ที่เขาห่วงใยนางเป็นพิเศษเป็นเพราะ ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ได้เก้าเดือน อีกไม่นานเขาก็จะได้เห็นทายาทคนแรกแล้ว “ทำไมเดินมาคนเดียว เอ่อเหมี่ยวไปไหน” “นางไม่ค่อยสบาย ไอตั้งแต่เช้า ข้าเลยให้นางไปพัก” จางม่านอวี้ตอบขณะนั่งบนเก้าอี้ “ท่านพี่ทำหมั่นโถวเสร็จหรือยัง ข้าอยากกิน” “ห่วงแต่กิน เจ้าไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไง” “ห่วงสิ” นางตอบทันควัน “ห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้กินมากกว่า” เฉินต้าเหว่ยส่ายศีรษะและยิ้มกับคำตอบ “รอนึ่งเสร็จก็ได้กินแล้ว รอหน่อยนะ” “ได้สิ ข้าคอยได้ เรื่องกินหมั่นโถวไว้ใจข้า” นางไม่เคยกินหมั่นโถวของใครนอกจากของสามี
Chapter 92นี่คือความรู้สึกของจางม่านอวี้ นางอยากวิ่งหนีออกจากห้องเพราะเกรงกลัวความอวบใหญ่ตรงหน้า แล้วเหมือนชายหนุ่มจะรู้ความรู้สึกของภรรยา เฉินต้าเหว่ยยิ้ม มือใหญ่จับความเป็นชายรูดขึ้นรูดลง ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้างเมียรัก“ไม่ต้องกลัว จับมันสิ ทักทายมัน มันไม่น่ากลัวสักนิดเดียว มันน่ารักจะตายไป”เขาจับมือเล็กติดสั่นมาวางลงบนแก่นกายใหญ่ที่พองโตเต็มที่ ให้นางได้สัมผัสสร้างความคุ้นเคยกับมัน เพราะอีกไม่กี่อึดใจสิ่งนี้ก็จะสร้างความสุขให้เขาและนาง ใจจางม่านอวี้เต้นถี่แรงเมื่อสัมผัสกับความมหึมาที่แทบจะกำไม่รอบ“เห็นไหมว่ามันน่ารัก ไม่ต้องกลัวนะ เราจะมีความสุขร่วมกัน”เฉินต้าเหว่ยพูดเหมือนให้นางคลายความหวาดกลัว เขาขยับตัวมานั่งกลางร่างสาว จับเรียวขาคู่งามให้แยกออกไปทางด้านข้าง เปิดทางให้เขานำความเป็นชายมุดตัวเข้าไปในคูหาสวรรค์ที่เปิดประตูรอรับด้วยความเต็มใจ“ต้าเหว่ย...” นางเสียงสั่น สั่นกล้าสั่นกลัว“ไม่ต้องกลัว มันอาจเจ็บสักหน่อย แต่หลังจากความเจ็บ มันคือความสุข เชื่อใจข้านะม่านอวี้”นางเชื่อใจสามี เชื่อว่าเขาจะนำความสุขมาให้ตนมากกว่าความเจ็บปวด เวลาอันน่าตื่นเต้นมาถึง เฉินต้าเหว่ยค่อยๆ ดันกา
Chapter 91“อา...” จางม่านอวี้เปล่งเสียงออกมาได้ เพราะเฉินต้าเหว่ยจำใจปล่อยปากนางให้เป็นอิสระ แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะละห่างไปไหนไกล ปากเขาลากไปตามผิวแก้มที่แวะสูดดมความหอมหลายฟอด ก่อนลากต่ำไปยังลำคอระหง ซอกซอนสูดกลิ่นหอมไปโดยรอบ มือเขาก็ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนจุดหมายในการจับต้อง เลื่อนมือสัมผัสความนุ่นละเมียดของผิวกาย ต่ำลงไปยังอวัยวะกลางร่างสาวที่ปกคลุมด้วยไหมสีดำที่ปกปิดสิ่งที่น่าค้นหาร่างสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือใหญ่วางแนบลงบนของสงวนสาวที่ไม่เคยมีชายใดแตะต้อง เฉินต้าเหว่ยไม่ได้วางมือลงโดยไม่คิดทำอะไร เขาลูบไปตามรูปทรงขึ้นลงไปมา ก่อนใช้ปลายนิ้วแทรกตรงรอยแยก สัมผัสเม็ดเกสรน้อยอย่างตั้งใจ“อืม...อา...ท่านพี่” จางม่านอวี้ไม่อาจสกัดกลั้นความเสียวกระสันที่แผ่ไปทั่วร่างได้ เขากำลังปลุกปั่นอารมณ์นางเต็มที่ มือเขาสะกิดทักทายจุดอ่อนไหวสาว ใบหน้าเลื่อนมาหยุดตรงทรวงอกสล้าง เขาอ้าปากครอบงับปลายถันสีหวานที่หดตัวขึ้นเป็นรูป ราวกับว่ากำลังรอให้เขามาสัมผัสแทะเล็ม แน่นอนว่าเฉินต้าเหว่ยทำเช่นนั้น เขาดูดดึงยอดถันเข้าออก ใช้ปลายลิ้นตวัดเลีย ส่วนความนุ่มหยุ่นอีกข้างไม่ได้ว่างเว้น ถูกมือใหญ่บีบเคล้นตามห้วงอารมณ์
Chapter 90 สองเดือนต่อมา พิธีแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในเมืองหลานหยู วันแห่งความสุขวันนี้ถูกจัดเตรียมล่วงหน้ามาร่วมเดือน แขกเหรื่อที่เดินทางมาแสดงความยินดีมีกันหลายชนชั้น แม่ทัพและรองแม่ทัพที่เคยกรำศึกด้วยกัน ชาวบ้านที่คุ้นเคยกับทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พ่อค้าร้านต่างๆ เจ้าเมืองจากเมืองอื่นก็เดินทางมาในงานนี้ด้วย ยังมีขุนนางอีกหลายคน และที่สำคัญที่สุดคือ องค์รัชทายาทที่ทนเสียงออดอ้อนของเมียรักไม่ได้ เขาจึงต้องพาพระชายารองหลินหลินมาร่วมงานแต่งงานด้วยเช่นกัน งานมงคลสมรสครั้งนี้จัดว่าใหญ่ที่สุดของเมืองก็ว่าได้ บุคคลหลายคนที่ไม่รู้ว่า สาวใช้บ้านเจ้าเมืองหลานหยูจะได้เป็นพระชายารอง และตอนนี้กำลังอุ้มท้องทายาทเชื้อกษัตริย์ในอนาคต คนที่เคยดูถูกดูแคลนต้องมาโค้งคำนับให้ความเคารพ คนเราช่างไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆเฉินต้าเหว่ยทำตามประเพณีทุกอย่าง จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เขาเฝ้ารอคือ วันมงคลสมรส ในวันนี้ เจ้าบ่าวในชุดพิธีการพร้อมด้วยแม่สื่อ ญาติสนิทมิตรสหาย เดินทางไปรับเจ้าสาวที่บ้านด้วยขบวนเกี้ยวขบวนใหญ่ โดยมีเจ้าบ่าวสวมชุดสีแดงปักเป็นลวดลายสวยงามด้วยดิ้
Chapter 89“มันก็จริงของเจ้า” หลีไทเฮารู้ตื้นลึกหนาบางของวังหลวงดี คนที่อยู่รอดได้ต้องเก่งพอตัว เก่งทั้งประจบสอพลอ เก่งเอาตัวรอด และเก่งสวมหน้ากากเข้าหากัน“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นข้าก็ตามใจเจ้า” ฮ่องเต้จูหมิงคิดว่าดีเสียอีก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเฉินต้าเหว่ยให้เจ็บใจ“ก่อนที่เจ้าจะพาพระสนมจางออกจากวัง ข้าจำเป็นต้องปลดพระสนมจางออกจากการเป็นพระสนมเสียก่อน เพื่อไม่ให้นางถูกคำครหา และเพื่อไม่ทำให้ฝ่าบาทเสื่อมเสียไปด้วย” หลีไทเฮาเตรียมการไว้พร้อมสรรพ“ขอบพระทัยไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าเฉินต้าเหว่ยมีรอยยิ้มน้อยๆ ที่ฮ่องเต้เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้มาก “กระหม่อมคืนป้ายประกาศิตพ่ะย่ะค่ะ”เฉินต้าเหว่ยนำป้ายไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนเดินกลับมายืนที่เดิม“เอาล่ะ คงหมดเรื่องแล้ว ข้าจะให้หลิวกงกงนำราชโองการไปให้พระสนมจาง” หลีไทเฮาเรียกหลีกงกงเข้ามาในห้องโถง ยื่นราชโองการให้อีกฝ่ายที่รีบนำไปให้อำมาตย์หลิวฮวยเถาเพื่อนำไปดำเนินการต่อไป “ข้าว่า รออีกสักครึ่งชั่วยามเจ้าค่อยไปหาจางม่านอวี้ รอให้ท่านอำมาตย์ประกาศราชโองการเสียก่อน เจ้ากับม่านอวี้จะได้ไม่ถูกครหา”“พ่ะย่ะค่ะ” เฉินต้าเหว่ยรับคำ“เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ ข
Chapter 88ฮ่องเต้จูหมิงนิ่งเงียบ สบพระเนตรหลีไทเฮาแวบหนึ่งก่อนหลบสายตาเขายอมรับว่า ตนเองกำลังเป็นไปตามคำพูดของหลีไทเฮา“ในเมื่อรู้ผลแพ้ชนะ ฝ่าบาทก็สมควรยอมรับผลนั้น เฉินต้าเหว่ยออกทำศึกด้วยความกล้าหาญ ด้วยสติปัญญาจนสามารถปราบกองกบฏได้ แล้วยังจับรองแม่ทัพฮัน คนทรยศมาลงโทษ ถือว่าเฉินต้าเหว่ยมีความดีความชอบไม่น้อย แต่ฝ่าบาทกลับประทานความตายให้คนที่สู้เพื่อบ้านเมือง หากเรื่องนี้รู้ถึงหูคนภายนอก มันจะไม่เกิดผลดีกับฝ่าบาทเลย พระสนมจางม่านอวี้เป็นเพียงอิสตรี จะมีความสำคัญเท่าเกียรติยศและสูงศักดิ์ของฝ่าบาทหรือเพคะ และคงไม่สำคัญเท่าบ้านเมืองด้วย ฝ่าบาทต้องยอมรับผลที่ออกมา ไม่ใช่ฆ่าเฉินต้าเหว่ยเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว”ฮ่องเต้จูหมิงเข้าใจทุกอย่างที่หลีไทเฮาตรัสมา ทว่าเขายอมรับการสูญเสียพระสนมจางม่านอวี้ไม่ได้ อาจเป็นเพราะรักมาก และรู้สึกเสียหน้า เขาจึงไม่คิดยอมแพ้“กระหม่อมรักพระสนมจาง ไม่อยากเสียนางไปพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างเฉินต้าเหว่ยท้าทายกระหม่อม โทษสมควรตายอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องเฉินต้าเหว่ยท้าทายฝ่าบาท โทษตายก็สมควร” หลีไทเฮากลับเห็นด้วยกับข้อนี้ “แต่การท้าทาย คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็