"ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปจิ้นหมิง"
หลิวลี่เซียนหันไปเอ่ยถามจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะโยนองุ่นที่นางแอบหยิบมาจากหอโคมแดงตอนที่เดินออกมาจากประตูโยนขึ้นและอ้าปากงับมาเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยสายตาที่เอ็นดูนางไม่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ของเขาช่างดูสดใสนัก เขาที่ใช้ชีวิตมาจนอายุสิบแปดปีไม่เคยพบเจอหญิงในใต้หล้าใดที่น่ารักน่าชังเท่านาง
"พรุ่งนี้ข้าคงต้องให้เจ้าไปพบเจินเซียงที่จวนเจ้ากรมกลาโหม เจ้าต้องพานางออกมาให้ได้ ข้าต้องการให้เจินเซียงได้พบกับหวาเยียน หลังจากนั้นข้าจะให้นางไปสารภาพผิดกับเสด็จพ่อ แล้วข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของข้าด้วยตนเอง"
หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อหนุ่มคนนี้ช่างรอบคอบจริงๆ
"เจ้าพักผ่อนเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ไปกับข้าในวันนี้"
"เป็นพระกรุณาเพคะองค์รัชทายาท"
หลิวลี่เซียนโค้งกายคารวะ ก่อนจะปิดประตูหน้าต่างใส่หน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคิด นี่นางเคารพเขาจริงๆ งั้นหรือ?
จวนเจ้ากรมกลาโหม
หลังจากที่แต่งกายเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ออกจากจวนแต่เช้าเพื่อไปที่จวนเจ้ากรมกลาโหม
"ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งเจ้าก่อนว่าข้าจะมา"
"ไม่เป็นไร รีบเข้ามาเร็วเข้า ตอนนี้ข้าอยู่คนเดียวเหงายิ่ง ท่านพ่อเข้าวัง ท่านแม่ก็ไปไหว้พระที่วัด"
หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้เจินเซียง
"เจ้าดื่มชาร้อนๆ ก่อนเถิด ว่าแต่ลี่เซียน วันนั้นที่ข้าเป็นลมแล้วถูกส่งกลับจวนก็ไม่ได้เจอกับเจ้าอีก ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า"
"เรื่องใดหรือ"
"เรื่องเจ้ากับเสด็จพี่ เจ้ากับเสด็จพี่จิ้นหมิงเป็นคู่รักกันหรือ"
หลิวลี่เซียนแทบจะพ่นชาร้อนออกมาจากปาก คู่รักอะไรกันเหลวไหลสิ้นดี
หลิวลี่เซียนวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าไปมองเจินเซียงและเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางฟัง เจินเซียงพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าเรียวเล็กขาวของนางพลันมีรอยยิ้มจางๆ
"วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง"
"ที่ไหนหรือ ข้าจะไปได้เช่นไร ข้าโดนกักบริเวณเจ้าก็รู้"
"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เจ้ารีบแต่งตัวเถอะ ก่อนที่ท่านแม่ของเจ้าจะมา ข้าจะพาเจ้าไปพบกับคนผู้หนึ่ง"
"ใครหรือ"
"เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้"
เจินเซียงที่ใบหน้ามีแต่แววตาสงสัยไม่ได้ถามอะไรมากนัก นางรีบแต่งกายไม่นานก็ออกไปจากจวนพร้อมกับหลิวลี่เซียน
รถม้าเคลื่อนไปไม่เร็วไม่ช้า ในรถม้ามีเพียงหลิวลี่เซียนกับเจินเซียง ส่วนไป๋หลางนั้นหลิวลี่เซียนให้นางอยู่รอที่จวน
ไม่นานรถม้าก็จอด หลิวลี่เซียนลงจากรถม้าก่อนจะยื่นมือไปประคองเจินเซียงลงจากรถม้าด้วย เมื่อเจินเซียงมองไปรอบๆ สีหน้าของนางพลันแดงระเรื่อปนความตกใจ
"นี่มัน!!"
"หอโคมแดง"
"ลี่เซียน นี่เจ้าเล่นตลกอะไร ข้าไม่ขำด้วยนะ"
เจินเซียงหันไปมองหน้าหลิวลี่เซียนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หลิวลี่เซียนยังคงยิ้มน้อยๆ เหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสถานที่ตรงหน้า
"อีกประเดี๋ยวเจ้าจะได้ขำจนร้องไห้ไม่ออกแน่"
"เสด็จพี่ ท่าน!!!"
เจินเซียงหันไปมองจ้าวจิ้งเทียนกับหลิวลี่เซียนสลับกันไปมาด้วยความมึนงง จ้าวจิ้งเทียนไม่รอช้ายื่นผ้าปิดหน้าให้นางทั้งสองคนใช้ปิดบังใบหน้าไว้
"อย่าเพิ่งถาม รีบปิดบังใบหน้าไว้ซะ แล้วตามพี่มา"
เจินเซียงรับผ้ามาปิดใบหน้าไว้อย่างทุลักทุเล ก่อนจะถูกหลิวลี่เซียนจับมือนางให้เดินตามเข้าไป
"คารวะคุณชาย เอ๊ะ นั่น!! สตรี ที่นี่ไม่ต้อนรับสตรี"
หนุ่มน้อยคณิกาหน้าขาวหันมามองหลิวลี่เซียนกับเจินเซียงด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
"ไม่ต้องกังวล พวกนางเป็นหญิงรับใช้ของข้า ข้าต้องพานางไปด้วยทุกที่"
จ้าวจิ้งเทียนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะพยักหน้าให้ชุนหลางเอาตำลึงไปเพิ่มให้หนุ่มคณิกาน้อยผู้นั้น
ติดสินบนเก่ง!!!
เมื่อจัดการเรียบร้อยทั้งสี่คนก็เดินไปที่ชั้นบนของหอโคมแดง มีหนุ่มคณิกาคอยต้อนรับบริการอย่างดี หอโคมแดงที่นี่เปิดต้อนรับทั้งวันทั้งคืน จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะมีหนุ่มคณิกามากมายเช่นนี้
"เสด็จพี่จะทำอะไรเพคะ?"
จ้าวจิ้งเทียนไม่ตอบอะไรเจินเซียง พลางมองไปรอบๆ เพื่อมองหาหวาเยียน
ไม่นานเป้าหมายที่เขาต้องการก็มาถึง หวาเยียนกำลังปรนนิบัติคุณชายท่านหนึ่งอยู่อีกโต๊ะไม่ใกล้ไม่ไกล จ้าวจิ้งเทียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
แต่ทว่าเจินเซียงที่มองไปรอบๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน พลันสายตาของนางก็ไปเจอกับใครบางคนเข้า
ชายคนรักของนาง
"ลั่วซือเฉิง!!!"
คำพูดสามพยางค์หลุดออกมาจากปากของเจินเซียง นางเหมือนคนไร้สติไปชั่วขณะ ก่อนจะพรวดพราดลุกขึ้น แต่ทว่ากลับถูกหลิวลี่เซียนที่นั่งอยู่ด้านข้างดึงแขนเอาไว้
"ลี่เซียน นั่น!!!"
"ข้าเห็นแล้ว เจ้านั่งลงก่อนอย่าวู่วาม"
เจินเซียงนั่งลงอย่างว่าง่าย แต่สายตาของนางกลับจ้องมองไปที่หวาเยียนอย่างเจ็บปวด
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่หอโคมแดงแห่งนี้ ทำไมเขาถึงพัวพันคลอเคลียกับผู้ชายด้วยกันเช่นนั้น แล้วคืนนั้นของนางกับเขาเล่า
หวาเยียนลุกขึ้นพยุงคุณชายผู้นั้นเข้าไปที่ห้องด้านใน จ้าวจิ้งเทียนนั่งรอไม่นานก็พยักหน้าให้หลิวลี่เซียนกับชุนหลาง ให้พาเจินเซียงตามไปด้วย
พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง ก่อนจะพบกับหนิงซานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง หนิงซานมองพวกเขาด้วยสายตาสงสัยไม่น้อย
"มีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ ห้องนี้มีคนใช้งานแล้ว เดี๋ยวข้าน้อยจะเตรียมห้องให้ใหม่ดีหรือไม่"
"ถอยไป!!!"
ชุนหลางผลักหนิงซานจนกระเด็น ก่อนจะถีบประตูให้เปิดออก
เจินเซียงที่ตอนนี้จิตใจร้อนเหมือนไฟ รีบวิ่งเข้าไปในห้อง ภาพตรงหน้าทำให้นางซวนเซจนแทบจะล้มลง
ชายคนรักกำลังมีสัมพันธ์สวาทกับชายอีกคนหนึ่ง
ไม่จริง!!! นี่มันเรื่องอะไร
หวาเยียนที่กำลังตกใจ เขาผละออกจากคุณชายผู้นั้นก่อนจะหันมามอง
"เจินเซียง!!! เจ้ามาที่นี่ได้เช่นไร!!!"
หวาเยียนหน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบหยิบชุดมาสวมใส่ลวกๆ เขามองไปรอบๆ ก่อนจะกลับมามองที่เจินเซียงอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามอันใด ชุนหลางก็เอาดาบมาจ่อที่คอของเขาเสียแล้ว
"เจ้าจงสารภาพมา อย่าให้ข้าต้องฆ่าเจ้าทิ้งเสียตรงนี้!!!"
จ้าวจิ้งเทียนมองหวาเยียนด้วยความโกรธไม่น้อย หวาเยียนละล่ำละลักตัวสั่นจนพูดผิดๆ ถูกๆ
"ข้า ข้า ไม่ได้ทำอะไร!!!"
"ชุนหลางจัดการตัดคอมันเสีย!!!"
"อย่า!!!"
หนิงซานรีบวิ่งเข้ามาโอบกอดหวาเยียนเอาไว้ ก่อนจะหันมามองจ้าวจิ้งเทียน
"พวกท่านเป็นใคร!!!"
"ข้าคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดินนี้ หากเจ้าไม่อยากตายรีบสารภาพกับข้ามาเสีย!!! คืนนั้นเจ้าทำอะไรน้องสาวของข้า"
เมื่อได้ยินคำว่าองค์รัชทายาท หวาเยียนพลันหน้าซีดปากสั่น เขาไม่คิดว่าเจินเซียงผู้นี้จะมีเบื้องหลังที่สูงส่งถึงเพียงนี้ เขาคิดว่านางเป็นเพียงลูกขุนนางธรรมดาเท่านั้น เขาเพียงต้องการได้ผลประโยชน์จากนาง
"บอกแล้ว!!! ข้าไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกับนางเลย ข้าไม่เคยเลย!!!"
เพียะ!!!
เจินเซียงวิ่งเข้าไปตบหน้าของหวาเยียนด้วยความเสียใจ
"เจ้าพูดอันใด คืนนั้นเจ้า!!! เจ้า ฮืออ"
"หุบปากเจ้าซะ!! หวาเยียนของข้าไม่เคยแตะต้องตัวเจ้า เพราะคืนนั้นข้าได้ให้เจ้ากินยานอนหลับที่ผสมในน้ำชา เจ้าจึงเผลอหลับไป แล้วข้าก็จัดฉากเอง!!! โง่งมนัก เขาเป็นสามีข้า ไม่มีทางแตะต้องเจ้า"
"อะไรนะ?"
เจินเซียงพลันนึกถึงเรื่องราวคืนนั้น ลั่วซือเฉิงนัดนางมาพบตอนเย็นวันนั้น ก่อนที่นางจะดื่มชากับเขาที่บ้านหลังหนึ่งและเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่านางเป็นของเขาไปแล้ว หรือว่า นี่หรือที่เสด็จพี่บอกว่าข้าจะหัวเราะทั้งน้ำตา
"พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกข้ารึ!!"
"ใช่ ทั้งหมดเป็นความคิดของข้าเอง ข้าเพียงต้องการได้เงินมาซ่อมแซมหอโคมแดงแห่งนี้ แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะมีใจให้สามีของข้า ข้าจ้องเฝ้ามองเจ้าพลอดรักนัดพบกับสามีข้า ช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งแล้ว เจ้ารู้เรื่องแล้วเช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องทนหึงหวงหวาเยียนจากเจ้า!!"
หนิงซานเท้าสะเอวยืนด่าเจินเซียงฉอดๆ หลิวลี่เซียนยืนมองละครน้ำเน่าฉากนี้อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินไปด้านหน้าหนิงเซียน
"นี่เจ๊ขา ถ้าหวงสามีมาก ทำไมไม่เอาสังขารแก่ๆ นี่ไปขายเลี้ยงดูสามีเองล่ะคะ ให้สามีมาหลอกผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เป็นข้านี่ข้าเอามาละไม่คืนเจ๊เลยนะ หล่อด้วยนะเนี่ย!!!"
หลิวลี่เซียนพูดพลางยื่นมือไปเชยคางหวาเยียนขึ้นและส่ายหน้าไปมา จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นนางทำเช่นนี้
"พูดบ้าอะไรของเจ้า!!! วร้ายยย"
หนิงซานที่กำลังจะก้าวเข้ามาหาหลิวลี่เซียนถูกนางยกเท้าขึ้นถีบยอดอกจนล้มคะมำ
"เจินเซียง เจ้ารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ก็กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม อย่าไว้ใจใครง่ายๆ อีก โลกใบนี้ไม่ได้สวยงามดังเช่นที่เจ้าคิดหรอก จำคำของข้าเอาไว้"
เจินเซียงโผเข้ามากอดหลิวลี่เซียนพร้อมกับร้องไห้ออกมา เป็นนางเองที่ดื้อรั้นไม่เชื่อฟังใคร หลิวลี่เซียนตบที่ไหล่ของเจินเซียงเพื่อปลอบโยน
"จับตัวพวกมันไป!!!"
ไม่นานชุนหลางก็จัดการจับตัวของหนิงซานและหวาเยียนออกไป หลิวลี่เซียนที่เดินออกมาพร้อมกับเจินเซียงและจ้าวจิ้งเทียนหันมองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มออกมาจนตาหยี
องุ่นที่นี่หวานอร่อยยิ่ง นางจำไม่ลืม ไหนๆ วันนี้ก็มาแล้ว ข้าขอละกันนะ
หลิวลี่เซียนวิ่งไปหยิบองุ่นออกมาหนึ่งตะกร้าใหญ่พลางยิ้มตาหยี เจินเซียงที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วหันมามองหลิวลี่เซียนเล็กน้อย
"เวลาเช่นนี้เจ้ายังมีอารมณ์ขโมยองุ่นอีกหรือ?"
"หวานนะ อะ เจ้าลองชิม"
หลิวลี่เซียนเด็ดองุ่นยื่นเข้าไปในปากเจินเซียง เจินเซียงพยักหน้าเล็กน้อย องุ่นที่หอโคมแดงหวานจริงๆ ด้วย นางหยุดเดินพลางสะกิดแขนหลิวลี่เซียนให้หันไปมอง ก่อนจะมองหน้ากันและยิ้มออกมา
จ้าวจิ้งเทียนมองหญิงสาวทั้งสองอย่างจนปัญญา คนหนึ่งหยิบองุ่นใส่ตะกร้าอย่างเบิกบานใจ ส่วนอีกคนกำลังถือจานขาหมูตุ๋นยาจีนและหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
นี่ข้าต้องช่วยพวกนางหรือไม่ โอ๊ะ!!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หลิวลี่เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน"ดื่มน้ำก่อนนะคะ คุณหนู"หลิวลี่เซียนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับเลขาหวัง เลขาประจำตัวของนางที่เพิ่งจ้างเข้ามาทำงานให้เมื่อห้าปีก่อนเดี๋ยวนะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?หลิวลี่เซียนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะมองสังเกตไปโดยรอบ ก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดของโรงพยาบาลอยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางย้อนกลับมาร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วที่ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนางอย่างไม่จบไม่สิ้น"คุณหนูชิงชิงคะ อีกเดี๋ยวคุณหมอคงจะมาแล้วค่ะ""เลขาหวัง""คะคุณหนู?""ข้า เอ่อ ฉันหลับไปนานเท่าไร แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"เลขาหวังขมวดคิ้วมอง 'จ้าวชิงชิง' ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลขาหวังเล่าว่า คุณพ่อของจ้าวชิงชิงโทรมาหาเลขาหวังกลางดึกให้รีบพาตำรวจมาที่บ้านโดยด่วนที่สุด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรท่านประธานจึงให้เรียกตำรวจเข้าไปในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่เมื่อเธอไปถึงก็พบว่าหลี่เย่สามีของจ้าว
ภายในคุกหลวงที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่าง ปรากฏร่างของเหมยฮวาชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นที่มีหนูตัวน้อยใหญ่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาอย่างน่าขนลุก"ได้เวลาดื่มยาพิษแล้ว"เสียงผู้คุมคุกหลวงที่นางได้ยิน ราวกับเสียงแห่งขุมนรกกำลังเรียกร้องหานาง นางไม่อาจจะยอมรับได้เลยว่า สุดท้ายแล้วนางต้องมาตกตายด้วยยาพิษที่ตนเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของนางเองหลังจากเหมยฮองเฮาตายจากไปแล้ว ก็มีคำสั่งให้ประหารคนตระกูลเหมยจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว บ่าวไพร่ถูกโบยจนตกตายไปตามกัน ป้ายคำสั่งทหารนับแสนนายที่เคยอยู่ในมือของท่านพ่อก็ถูกยึดคืนสู่ราชสำนักไปหมด จ้าวจิ้งเทียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาถอนรากถอนโคนตระกูลเหมยจนสิ้นซากไร้การได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งจวนตระกูลเหมยถูกยึดเป็นสมบัติคลังหลวง ตระกูลเหมยที่เคยโอ่อ่าใหญ่โต อำนาจบารมีล้นฟ้า ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย สุดท้ายแล้วกลับหายสาบสูญตายจากไปอย่างไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเหมยฮวาชิงถูกกรอกยาพิษทุกวัน วันละสามมื้อ หลิวลี่เซียนช่างจิตใจอำมหิตจนน่าหวาดกลัวเหมยฮวาชิงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกโพลงกระอักเลือดออกมาคำโต ช่วงชีวิตสุดท้ายของนางนั้น นางนึกหวนย้อนไปถึง
รัชศกจิ้งเทียนปีที่หนึ่งหลิวลี่เซียนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองดูตนเองถูกเหล่านางกำนัลจัดแต่งอาภรณ์ให้ด้วยความใส่ใจ นางยกยิ้มมุมปากมองดูสตรีที่สูงส่งตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ นี่ใช่นางจริงหรือ? ราวกับฝันไปเสียจริงๆ"ได้เวลาแล้วเพคะฮองเฮา"หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะมองไป๋หลางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ไป๋หลางนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของหลิวลี่เซียนคอยรับใช้อยู่ข้างกายนางหลิวลี่เซียนนั่งอยู่บนเกี้ยว มองดูเหล่าขันทีนางกำนัลหมอบกราบทำความเคารพนางด้วยสายตาอ่อนโยนมีเมตตา เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน ช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกตื้นตันในใจเหลือคณานางกับจ้าวจิ้งเทียนอภิเษกสมรสกันเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไท่ซังหวงทรงสละราชสมบัติ จ้าวจิ้งเทียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลิวฮองเฮาสวมชุดสีแดงปักลายหงส์คู่มังกร แถบเซี๊ยะเพ่ยปักลายหงส์พิลาสคู่ มงกุฎหงส์เป็นรูปแบบดั้งเดิมของราชวงศ์ต้าโจว มีหงส์รำแพนคู่หนึ่งตัว ด้านข้างคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ประดับด้วยทับทิมและอัญมณี ส่งเสริมให้พระนางดูงามสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ใบหน้าที่งดงามดูทรงอำนาจชวนมอง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้ฮ่องเต้จ้
หลิวลี่ซือจ้องมองร่างอันไร้ซึ่งลมหายใจของเหมยฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากคุกหลวงโดยไร้ซึ่งพิรุธใดๆ นางเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชื่นชมบรรยากาศภายในวังหลวงยามค่ำคืนอย่างสงบเยือกเย็นคืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเหลือเกิน ท่านแม่เจ้าคะ ป่านนี้ท่านคงกำลังชื่นชมข้ากับท่านพี่ลี่เซียนอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?รุ่งเช้าข่าวการตายอย่างปริศนาของเหมยฮองเฮาก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งวังหลวง สภาพศพช่างน่าเวทนาและน่าขยะแขยงไปในคราเดียวกัน อดีตฮองเฮาพระองค์นี้ช่างอายุสั้นยิ่งนัก เพิ่งจะได้เสวยความสุขอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดได้ไม่นาน ก็ร่วงตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าอนาถในที่เกิดเหตุพบผ้าคลุมผืนหนึ่งปักตัวอักษรฮวาชิงเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกรที่ใช้ฆ่าอดีตฮองเฮา ผู้คุมคุกหลวงถูกสอบสวนอย่างหนัก เขาให้การว่ามีนางกำนัลของตำหนักพระชายารององค์รัชทายาทมาขอพบกับอดีตฮองเฮา บอกว่าพระชายารองให้นำสิ่งของมามอบให้อดีตฮองเฮา หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นเดินออกมา อดีตฮองเฮาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว กว่าจะทราบว่านางตายก็เกือบจะรุ่งสางของอีกวันเหมยฮวาชิงถูกควบคุมตัวมา
จ้าวเฟยหรงมองเหมยฮองเฮาด้วยแววตาเย็นเยียบ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักยิ่ง นางถึงกับกล้ามาวางยาพิษเชียวหรือ ช่างบังอาจเทียมฟ้ายิ่งนัก!!!"นังคนสารเลว!!!""หึ!! ไม่ใช่แค่บุตรชายของเจ้านะ แม้แต่แม่ของเจ้าก็ถูกข้าวางยาพิษมานานเสียจนร่างกายอ่อนแอ อีกไม่นานนางคงจะไปสู่ปรโลกอย่างเป็นสุขพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ฮ่าาๆๆๆ""นังคนสารเลว สุดท้ายเจ้าก็หลุดปากออกมาทั้งหมดว่าเจ้าเป็นคนทำ!!!""แล้วอย่างไรเล่า!! ข้าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง คนในตระกูลข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"จ้าวจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ใครเชื่อนางก็บ้าเต็มทนแล้ว เขามองนางด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะเอ่ยปากกับนาง"คนในตระกูลของเจ้าจะมีส่วนรู้เห็นในความเลวของเจ้าหรือไม่นั้น ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง!!!"จางอิงอิงมองเหมยฮองเฮาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก นางค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังของเหมยฮองเฮาด้วยฝีเท้าที่เบาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะใช้เข็มเงินอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ต้นคอของเหมยฮองเฮาฉึก!!!"อ๊าาาา"หลิวลี่เซียนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ กระทุ้งศอกไปที่ปลายคางของเหมยฮองเฮาอย่างแรงจนนางมึนงง เซถลาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน"จับนางไว้!!!"เหล่าทหารจับ
หลิวลี่เซียนยื่นมือไปทุบประตู หวังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่ามันร้อนเสียจนนางต้องรีบชักมือกลับ ควันสีขาวภายในห้องยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นจนนางรู้สึกจุกแน่นที่จมูกและเริ่มหายใจไม่ออก นางถอยหลังออกมาทรุดตัวลงนั่ง สติเริ่มรางเลือนลงไปทุกขณะ"ชิงชิง"หลิวลี่เซียนพยายามประคองสติและเงยหน้าไปมอง ร่างของนางถูกจ้าวจิ้งเทียนช้อนตัวอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนที่เขาพานางพุ่งทะยานออกมาจากเรือนที่ไฟกำลังไหม้ลุกโหม"แค่ก แค่ก""เป็นอย่างไรบ้าง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ นางเองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากควันสีขาวที่ลอยคลุ้งเช่นนั้น"ท่านมาได้อย่างไร""ข้ารู้สังหรณ์ในใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเจ้าก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ข้าคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย พวกมันลงมือรวดเร็วยิ่งนัก""ลี่เซียน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ""ท่านพี่ ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ซินฮวาเล่า""นางสำลักควันจนหมดสติ หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่""เหตุใดไฟจึงไหม้ได้เจ้าคะ""คาดว่าเหมยฮองเฮาคงจะลงมือแล้ว สายสืบภายในของข้าที่แฝงอยู่ในตำหนักนางถูกนางสังหารจนสิ้นไปเสียแล้ว"หลิวลี่เซียนใจหล่นวูบ นางมองจ้าวฝูหมิงด้วยสายตาเป็นกังวล จ้าวฝูหมิงรับรู้ในความกังวลของน