Share

บทที่ 14

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ

“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”

จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพ

ปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลก

การคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมาก

แม่นางกู้กลับสังเกตเห็น

ยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขา

จางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่า

ในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยกับจางเอ้อร์ ก็กำหมัดแน่น

เห็นได้ชัดว่านางมีเสน่ห์มากกว่ากู้หว่านเยว่มาก แต่นักการพวกนี้กลับตะคอกใส่นาง ทว่ากลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับกู้หว่านเยว่

ไม่รู้ว่าคิดอะไร นางยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง หลังจากที่กลับไปนางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่จิ่ง ดูสิว่าพี่จิ่งจะมองนางอย่างไร หึ ๆ

ระหว่างทาง กู้หว่านเยว่ดูเหมือนกำลังแกล้งหลับ แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางเข้าไปอยู่ในมิติ มองไปยังกองสิ่งของที่ปล้นมาจากห้องใต้ดิน นางก็ครุ่นคิดอย่างหนัก

สุดท้ายก็ตัดสินใจแกล้งตายต่อหน้าซูจิ่งสิง ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ความลับเรื่องมิติ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แค่ไม่ยอมรับก็พอแล้ว

ถ้าเขามีแผนร้าย นางก็จะกำจัดเขาแล้วหนีไป

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็ตามทุกคนกลับไปยังโรงเตี๊ยม

ซูจิ่งสิงเห็นนาง ก็พูดเพียงประโยคเดียว “ขนมาหมดแล้วหรือ?”

“อืมๆ!”

นางกู้หว่านเยว่ลงมือ จะมีของที่ขนไม่หมดได้อย่างไร? ขณะที่กำลังรอฟังต่อ ก็เห็นซูจิ่งสิงทำหน้าพึงพอใจ หลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก

กู้หว่านเยว่ที่เตรียมคำพูดไว้อย่างเต็มที่ ?

“ท่านจะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ?” ของเยอะขนาดนั้น ไม่ถามถึงที่มาที่ไปหน่อยหรือ?

“ไม่ถาม ข้าเชื่อใจเจ้า”

กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่งสิงจะพูดว่าเชื่อใจนาง หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยก็ยิ้มออกมา แต่ซูจิ่งสิงไม่ถาม ก็ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองเวลาอธิบาย

“หว่านเยว่ กิน กินข้าว...” เวลานี้นางหยางยกข้าวสวยร้อน ๆ มาหนึ่งชาม พร้อมกับลูบมือ “จิ่นเอ๋อเป็นคน ทำ”

กู้หว่านเยว่หันไปมอง

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มให้นางอย่างเขินอาย “ข้าเห็นพวกเขาไปยืมครัวของโรงเตี๊ยมใช้กัน ข้าก็เลยไปยืมมาทำกับข้าวบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ พี่สะใภ้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง...”

กู้หว่านเยว่ลองชิมคำหนึ่ง ข้าวผัดผักที่ไม่มีน้ำมัน แถมยังไหม้เล็กน้อย รสชาติก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ

แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูจิ่นเอ๋อมองมาที่นางด้วยสีหน้าตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำไปหมด นางหลุดหัวเราะออกมา แล้วยกนิ้วโป้งให้

“ไม่อร่อย แต่ความตั้งใจดีเยี่ยม!”

“พี่สะใภ้ ท่านพูดอะไรดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ!”

ซูจิ่นเอ๋อแกล้งกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับคำชมจากกู้หว่านเยว่

ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นฉากนี้ก็รู้สึกแสบตา นางตัดสินใจเข้าไปหาเรื่องกู้หว่านเยว่ เดินไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิงแล้วพูดอย่างมีเลศนัย

“พี่ชาย พี่สะใภ้เก่งจริง ๆ ไม่เหมือนข้าที่ไร้ความสามารถ นักการพวกนั้นดีกับพี่สะใภ้มาก ตอนกลับมาก็ยังช่วยพี่สะใภ้ขนของด้วยนะ”

เมื่อเห็นแผนการยุยงแสนโฉ่งฉ่างของนางชาเขียว* แล้ว กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักก็หัวเราะหึ ๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วรอดูความสนุกสนาน

ซูจิ่งสิงหลับตา “หว่านเยว่ของพวกเราเก่งอยู่แล้ว”

“...” พี่ชายไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือเปล่า?

หลี่ซือซือพูดติดขัด ก่อนจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น “พี่สะใภ้กับนักการที่ชื่อจางเอ้อร์ส่งสายตาให้กัน แถมยังจับมือกันอีก ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...

โอ๊ย พี่ชาย ข้าไม่ได้หมายความว่าพี่สะใภ้ใจง่าย มีอะไรกับนักการคนนั้น ท่านอย่าเข้าใจพี่สะใภ้ผิดนะ”

“พรวด!” ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็ทนไม่ไหว เกือบจะพ่นข้าวออกมาเพราะหัวเราะ

วันนี้นางได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่านางชาเขียวที่ชอบเสี้ยม

หลี่ซือซือเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับไปมองซูจิ่งสิงอย่างเว้าวอน “พี่ชาย ตอนนี้ท่านบาดเจ็บ ข้ากลัวว่าบางคนจะไม่ซื่อสัตย์...”

“เจ้าพูดจบหรือยัง?”

ซูจิ่งสิงทนเสียงรบกวนของหลี่ซือซือไม่ไหวแล้ว จึงลืมตาขึ้น หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่แอบหัวเราะอยู่ไม่ไกล เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนใจ ผู้หญิงคนนี้ชอบดูเรื่องตลกจริง ๆ

คำพูดเย็นชาหลุดออกมา

“ไสหัวไป”

“พี่ชาย ท่าน...”

หลี่ซือซือขอบตาแดงก่ำ นางพูดจาแย่ ๆ ขนาดนี้แล้ว พี่ชายยังเชื่อกู้หว่านเยว่อีก

เขาถูกกู้หว่านเยว่ทำของใส่หรือเปล่านะ?!

สุดท้ายก็ทนสายตาเย็นชาของซูจิ่งสิงไม่ไหว นางจึงปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป

ซูจิ่งสิงหลับตาลงด้วยความรังเกียจ

“พี่ซือซือ ทำไมพูดอะไรแปลก ๆ” ซูจื่อชิงย่นจมูก ด้วยความที่เขายังเด็กจึงไม่เข้าใจว่านางชาเขียวคืออะไร รู้สึกเพียงว่าหลี่ซือซือแปลกมาก

ซูจิ่นเอ๋อก็กะพริบตาอย่างงุนงง นางจำได้ว่าพี่ซือซือ เป็นคนอ่อนโยนและใจกว้างมาก เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?

ทางด้านนี้ นางจินเห็นหลี่ซือซือร้องไห้กลับมา จึงสะกิดมือลูกชายคนโตอย่างซูเช่อ ให้เขาเข้าไปปลอบ

“ข้าไม่ไป ข้าไม่อยากไป”

ซูเช่อหันหลังให้เตียง แค่มองหลี่ซือซืออีกแวบเดียวก็รู้สึกอึดอัดแล้ว

นางจินแสดงสีหน้าสับสน ก่อนหน้านี้ทั้งสองดูเหมือนจะชอบพอกัน จึงหาโอกาสจัดการเรื่องแต่งงานไปด้วยเลย

แม้จะถูกเนรเทศ แต่เรื่องสำคัญในชีวิตจะช้าไม่ได้

เหตุใดหลังจากออกไปซื้อของกลับมา ลูกชายก็มองหลี่ซือซือเหมือนกับเห็นผี

นางจินสมองไม่ค่อยดี และก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูหร่านหร่านกลับเหลือบมองหลี่ซือซือแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางบ้านสาม จากนั้นพูดด้วยเสียงเบา ๆ

“ท่านแม่ ถ้าพี่ใหญ่ไม่อยากไปก็ช่างเถอะ”

นางจินพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงยอมแพ้ มองซูอวี่ของบ้านรองที่เข้าไปประจบประแจงหลี่ซือซือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทานอาหารเสร็จ นักการก็เร่งให้ทุกคนออกเดินทาง

เมืองอูอวิ๋นเป็นเพียงจุดพักชั่วคราว ไม่สามารถอยู่นานเกินไป มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง

แม้จะเป็นกระท่อมที่แข็งกระด้าง แต่ก็ยังเป็นบ้านที่พอจะเป็นที่กำบังได้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าต้องไป ก็พากันคร่ำครวญด้วยความอาลัย

“ให้พวกเขารีบเก็บข้าวของแล้วออกเดินทาง ได้ยินมาว่าสุสานหลวงถูกโจรกรรม พวกเรารีบไปก่อนดีกว่า จะได้ไม่โดนลูกหลง”

ซุนอู่กำชับเหล่านักการ

เขาเพิ่งจะทราบข่าวการโจรกรรมสุสานหลวงเมื่อครู่นี้เอง

สุดยอดจริง ๆ ได้ยินมาว่าสุสานหลวงทั้งสุสานถูกปล้นจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ไม่เหลืออะไรเลย

โจรพวกนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ

เมืองอูอวิ๋นไม่ควรอยู่ต่อ รีบไปกันเถอะ

เมื่อนักการได้รับคำสั่งแล้ว ก็หยิบแส้ออกมาเร่งให้ทุกคนออกเดินทาง ดังนั้น กลุ่มคนจึงออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังนอกเมือง

เส้นทางข้างหน้าคงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยก็สามสี่วันจะไม่เจอเมืองเลย

นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายเป็นเวลาสามถึงสี่วัน

ตอนกลางคืน ทุกคนเหนื่อยมากจนล้มนอนลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของกู้หว่านเยว่ ทุกคนแทบจะเบิกตากว้างออกมาด้วยความตกใจ

*นางชาเขียว ใช้เปรียบเทียบผู้หญิงที่ดูเหมือนไร้เดียงสา แต่จริง ๆ แล้วร้ายลึก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Toy M
ในซีรีย์ระหว่าทางนางเอกช่วยรักษาพระเอกเอายาฆ่าเชื่อใส่ในถุงน้ำให้พระเอกกินตลอดและรักษาจนพระเอกเดินได้ นิยายทำไมไม่มี
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สะใจ ขนทองไปให้หมด เยี่ยม ให้ฮ่องเต้ร่ำไห้ไป จะเอาผิดใครก็ไม่ได้
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกทุกตอนค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1916

    ถึงแม้ข้างกายข้าจะไม่ขาดคน แต่ในเมื่อองค์หญิงน้อยเป็นผู้แนะนำ เช่นนั้นก็รับไว้ ให้เขาอยู่ทำงานกับข้าก็แล้วกันถูซื่อดีใจจนเนื้อเต้น “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณองค์หญิงน้อย”ฮั่วหยุนกล่าว “เจ้าตามข้ามา”ถูซื่อพยักหน้า รีบเดินตามหลังอีกฝ่าย และจากไปพร้อมกันเมื่อเห็นฮั่วหยุนพาชาวบ้านเหล่านั้นจากไป กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังซูจิ่งสิง “ท่านพี่ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”“ข้ามีค่ายทหารอยู่ใกล้ ๆ พวกเราไปพักผ่อนที่นั่นกันก่อน”ซูจิ่งสิงกล่าวพลางหันไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่เบื้องหลัง ให้นำคบเพลิงมาจุดไฟเผาอุโมงค์เหมือง“ไปกัน”เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ด้านหลัง ซูจิ่งสิงก็ยื่นมือให้กู้หว่านเยว่ โอบนางขึ้นบนหลังม้าแล้วทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว“นี่ พวกท่านรอข้าด้วยสิ” หนานโย่วตะโกนไล่หลัง รีบปีนขึ้นม้าอย่างทุลักทุเล จากนั้นตามพวกเขาไปทั้งสองคนขี่ม้าเร็วสีเงินขาวตัวเดียวกัน กู้หว่านเยว่ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจเช่นนี้มาก่อน นางเอนกายพิงอกของซูจิ่งสิงอย่างเกียจคร้าน หรี่ตามองไปข้างหน้า สัมผัสถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ด้านหลังนางหันกลับมายิ้มอย่างสดใส ประกอบกับชายหนุ่มผู้เย็นชาและ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1915

    อย่างไรเสีย เขามายังที่ราบแห่งความโกลาหลก็เพื่อกู้หว่านเยว่ ย่อมไม่ทำร้ายสหายของนางอย่างแน่นอน“เก็บอาวุธทั้งหมดขึ้นมา”ซูจิ่งสิงออกคำสั่ง ทหารที่อยู่เบื้องหลังก็รีบเก็บธนูในมือ และถอยกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกันหนานโย่วกลืนน้ำลาย รีบมายืนอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของซูจิ่งสิง เขาก็หัวเราะฮ่า ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม สมกับที่เป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ ”ซูจิ่งสิงละสายตากลับ “องค์ชายรองเกรงใจเกินไปแล้ว”เขามองไปยังกู้หว่านเยว่ “น้องหญิง เรื่องวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ ตลาดมืดจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถิด”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หนานโย่ว ท่านจะกลับไปก่อนพร้อมกับแม่ทัพฮั่ว หรือว่าจะไปกับข้า?”จุดประสงค์หลักของพวกเขาในครั้งนี้คือการช่วยชาวบ้านที่ถูกหลอกมา ตอนนี้ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลือแล้ว ภารกิจก็ลุล่วง ถึงเวลากลับไปรายงานแล้วฮั่วหยุนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “องค์ชายรอง ขุมกำลังทางใต้นั้นเป็นแหล่งรวมคนสารพัดประเภท ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะอยู่นาน พวกเรารีบกลับกันเถิดพ่ะย่ะค่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1914

    อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันมากเกินไปทุกคนต่างรู้จักกาลเทศะ ไม่มีใครก้าวเข้าไปรบกวนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงโอบกอดกันต่อหน้าผู้คนเนิ่นนานเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา พวกเขาต่างดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ทั้งสองจึงคลายอ้อมกอดออกจากกัน แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือ ทั้งสองยังคงจ้องมองอีกฝ่าย เพื่อค้นหาความเปลี่ยนแปลงของกันและกันในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอ“น้องหญิง เจ้าผอมลงแล้ว”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไป ปัดปอยผมข้างหูให้กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน สัมผัสได้ชัดเจนว่านางดูผอมลงไปไม่น้อย“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเขินอาย น้ำเสียงออดอ้อน “ท่านก็เปลี่ยนไปบ้างเช่นกัน”ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของการต่อสู้ที่โชกเลือดออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขามาถึงที่ราบแห่งความโกลาหลโดยไม่มีที่พึ่งพิง แต่กลับอาศัยเพียงตนเองจนกลายเป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ได้ในเวลาอันสั้น ในช่วงเวลานั้นคงต้องประสบความยากลำบากมาไม่น้อยกู้หว่านเยว่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไปอีกสองส่วน“แต่ก็ยังคงเป็นสามีของข้า”แม้ว่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1913

    กู้หว่านเยว่ในยามนี้ ลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังอยู่ในอุโมงค์เหมืองทางทิศใต้ นางลืมไปแล้วว่ารอบกายอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ ในวินาทีที่ได้เห็นชายผู้นั้น ดวงตาของนางก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นใดได้อีก ราวกับว่าทั่วทั้งฟ้าดิน เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นในนัยน์ตาสีดำของนางฉายแววสงสัย ตกตะลึง ยินดี และสุดท้ายก็ถูกความรู้สึกอุ่นใจเข้ามาทำให้ทุกอย่างสงบลง“ซูจิ่งสิง ใช่ท่านหรือไม่?”นางขยับริมฝีปากแดงระเรื่อ เอ่ยชื่อที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ และไม่กล้าแตะต้องมาโดยตลอดออกมาดวงตาทั้งสองจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงตา และถ้านางส่งเสียงดังขึ้นอีกนิด ภาพลวงตานี้ก็จะแตกสลายไปแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมา นางจะคิดอยู่ตลอดว่า หัวหน้าของกองทัพซินเยว่จะเป็นเขาหรือไม่แต่เหตุผลกลับคอยย้ำเตือนว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร?เขายังคงยุ่งอยู่กับการดูแลราษฎรในต้าฉีและปกครองบ้านเมือง จะมาหานางได้อย่างไร จะข้ามผ่านป่าซิงโตวมาได้อย่างไร?อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความตกตะลึงของกู้หว่านเยว่ ชายที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่ได้รีบร้อน แต่กลับยกมือขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาววางลงบน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1912

    “ระบบ ช่วยข้าตรวจนับสมบัติที แล้วนำของที่ดูออกว่าเป็นของโจรชัด ๆ ไปลงในแพลตฟอร์มซื้อขาย”กู้หว่านเยว่สั่งการ คนของหนานโย่วน่าจะมาถึงแล้ว“ขอรับ” น้ำเสียงของระบบพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาดทหารม้าของกองทัพซินเยว่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงครู่เดียว ก็สามารถกำจัดหน่วยลาดตระเวนที่ปากถ้ำได้ทั้งหมด ขณะนี้ ชาวบ้านที่อยู่ข้างในก็เพิ่งหาทางออกเจอและวิ่งออกมา เมื่อเห็นศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่นอกถ้ำ ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด “คนตายแล้ว คนตายแล้ว!”“รีบหนีเร็ว!”ทุกคนต่างพยายามวิ่งออกไปข้างนอกหนานโย่วหายใจติดขัด เขามองไปยังคนของกองทัพซินเยว่ ที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่ออะไร หากพวกเขามาเพื่อสังหารชาวบ้าน ก็คงไม่ดีแน่ยังดีที่ชายผู้เป็นหัวหน้าโบกมือ คนของกองทัพซินเยว่ก็ถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียง เปิดทางให้ชาวบ้านเหล่านี้“กลับไปยังมาตุภูมิของพวกเจ้าเถิด ต่อไปอย่าได้ถูกหลอกอีก”ชายผู้นั้นเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มลึกน่าฟังเป็นพิเศษเหล่าชาวบ้านเพิ่งจะตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วชายผู้นี้มาเพื่อช่วยพวกเขา ต่างก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยชีวิตพวกเร

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1911

    วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทีแรกเหล่าสหายที่อยู่นอกอุโมงค์เหมืองก็หมดสติไปครึ่งหนึ่งโดยไร้สาเหตุ จากนั้นก็มีกองทัพหนึ่งกองทัพมาอีก หรือว่าพวกเขาไปล่วงเกินใครเข้าโดยไม่ตั้งใจ?หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคิดไปในทิศทางเดียวกับหนานโย่วอย่างรวดเร็ว เขาคาดเดาว่าที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะพวกเขาลักพาตัวคนที่ไม่ควรลักพาตัวหรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้“เฮ้ย!”หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนโบกมือทั้งสองข้าง พยายามจะเจรจา“อย่าเพิ่งวู่วาม มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ พวกท่านต้องการอะไรก็บอกมาดูก่อนหากพวกเราพอจะทำให้ได้ ก็จะพยายามอย่างเต็มที่”เขาคิดว่า หากพลาดพลั้งจับคนของอีกฝ่ายมาผิด ก็แค่ปล่อยตัวไป ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินกองทัพทั้งกองทัพ เพื่อคนเพียงคนเดียวหากเป็นที่รังเก่าของพวกเขาอย่างตลาดมืด แน่นอนว่าย่อมไม่กลัวกองทัพเพียงกองทัพเดียวทว่าวันนี้ในอุโมงค์เหมืองของพวกเขาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมากเกินไป เขาจึงกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีไม้ตายอยู่อีกสู้จับมือเป็นมิตรอาจจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจได้สหายเพิ่มขึ้นมาอีกคนชายที่อยู่บนหลังม้าสีเงินขาวพลันยกมือซ้ายขึ้นเล็กน้อย ทหารม้าที่อยู่ด้านหลังก็หยุดลงอย่าง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status