กิจกรรมอันเร่าร้อนไม่หยุดเพียงห้องทำงาน หลังกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ เดนนิสก็พุ่งเข้าใส่ฟางฟางอีกครั้ง เป็นอันพึงพอใจเธอเป็นอย่างมาก เมื่อได้ปรนิบัตรเขาทั้งคืน เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนได้เป็นคนที่เขาโปรดปราน จะดีขนาดไหนหากทำให้ผู้ชายคนนี้หลงหัวปักหัวปำได้
“อ่าาส์..” “แฮกๆ..คืนนี้นอนกับฟางได้มั้ยคะ” เสร็จสิ้นกิจกรรมอันยาวนาน ฟางฟางเอ่ยถามขึ้นเสียงออดอ้อน ทว่าคำตอบที่ได้กลับเป็นคำเดิมๆที่ได้ยินอยู่ทุกคราเวลาเขาเรียกหา “ผมเคยบอกคุณแล้ว“นั่นคือคำตอบที่เขาพูดทุกครั้งหลังได้ยินคำถาม หลังสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเดนนิสก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้เธอนั่งกัดฟันหงุดหงิดอยู่บนเตียง ได้รับคำอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้เป็นปีแล้วแท้ๆ นอนกอดกันยันเช้าสักครั้งยังไม่เคยมี ฟางฟางนั่งกำหมัดแน่น ครุ่นคิดหาวิธีที่จะเป็นนายหญิงแห่งคฤหาสน์นี้ เช้าวันต่อมา.. “เดนขาา ฟางขอไปด้วยนะคะเดน” หญิงสาวร่างอวบฝืนใจตื่นแต่เช้ารุ่งเพื่อมานั่งรอชายหนุ่มก้าวลงบันไดมา เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ฟางฟางรีบดีดตัวขึ้นวิ่งเข้าไปหาเดนนิสที่อยู่ในสูทราคาแพง เตรียมพร้อมที่จะเข้าบริษัท มืออวบยื่นเข้าไปเกาะแขนหนา ทำท่าทำทางออดอ้อนน่ารักให้เขาเอ็นดู “อืม”เดนนิสไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาไม่แม้แต่จะปริปากตอบเธอให้เสียเวลา เพียงเปร่งเสียงออกมาจากลำคอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เย้ ฟางรักคุณที่สุดเลยค่ะ งั้นฟางไปอาบนํ้าก่อนนะคะ” ฉีกยิ้มเห็นฟันดีใจกระโดดโลดเต้นพยายามทำตัวน่ารักต่อหน้าชายร่างสูง พร้อมกล่าวเสียงสองเกาะแขนอีกคนยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเดนนิส ก่อนะรีบวิ่งเข้าห้องไปอาบนํ้าแต่งตัว ชายในสูทสีดำที่ยืนประกบข้างเดนนิสถึงกับส่ายหัวไปมาด้วยความรำคาญใจ ไม่รู้ว่าเจ้านายทนอยู่กับผู้หญิงประเภทนี้ไปได้ยังไงกัน แดนถอนหายใจเบาๆด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะหันกลับมาหาเจ้านาย ”บอสครับ อีกครึ่งชั่วโมงเรามีนัดกับบริษัทที่เมื่อวานผมแจ้งบอสไปนะครับ ผมเกรงว่าถ้ารอคุณฟางฟาง…“ ”อืม มึงรอไปพร้อมฟาง กูจะไปก่อน“ ”แล้วใครจะขับรถให้บอส..“ ”กูขับเป็น“ เดนนิสสาวเท้าก้าวออกไปทันไดที่สิ้นสุดบทสนทนา ในขณะที่แดนถอนหายใจออกมาอีกครั้งพรางมองตามแผ่นหลังคนที่เดินจากไป ”เฮ้อออ ตกลงมันยังไงกัน บอสรักคุณฟางจริงๆหรอ ไม่เห็นจะเหมือนตอนมีคุณพิชชา…“แดนพึมพำสีหน้ากังวล แม้จะเรียกหาฟางฟางอยู่บ่อยๆ คอยสั่งคนให้ดูแลผู้หญิงคนนี้ตลอด แต่ก็แตกต่างจากตอนเขามีพิชชาอยู่ข้างๆอย่างสิ้นเชิง ทว่าเค้าเองไม่สามารถที่จะก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายได้ตามอำเภอใจ เท้ายาวก้าววนไปมา ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามองเวลานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยับผู้หญิงคนนี้ก็ไม่รู้มัวแต่อะไร ไม่เสร็จไม่สิ้นเสียที แดนแสดงสีหน้าไม่ค่อยจะสุขใจ กอดอกยืนรออยู่กลางบ้าน เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง จนเสียงประตูห้องด้านหน้าจะเปิดออก “เดนล่ะ” ทันทีที่ย่างออกมาจากห้อง สายตาก็ทอดมองหาเดนนิสในทันที แต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะอยู่ ฟางฟางสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที เมื่อเปิดประตูออกมากลับเจอหน้าไอ้ลูกน้องนี่แทนที่จะเป็นเขา เธอเอ่ยถามชายเบื้องหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิด “บอสมรนัดกับลูกค้าครับ ให้ผมรอไปพร้อมคุณ“ ”ชิ..เร็วๆสิ ฉันจะไปหาเดิน!“ ฟางฟางเริ่มทำตัวหึดฟัดอารมณ์เสียใส่แดน ซึ่งเค้าเองไม่ใช่คนที่จะมารองรับอารมณ์คนประเภทนี้ “คุณช้าเองไม่ใช่หรอครับ“ แดนเอ่ยปากสวนทันที เธอเป็นใครถึงมายืนด่าเขาฉอดๆกัน ทำเอาคนฟังหัวร้อนขึ้นมาเสียจนแทบระเบิ่ด ”นี่แกกล้าเถียงฉันหรอ” “ไม่กล้าหรอกครับ”ยัยนี่มันนังแม่มดดีๆนี่เอง ในใจมีเป็นหมื่นล้านคำ ทว่าต้องเก็บเอาไว้ก่อน เมื่อยังมีงานที่ต้องไปทำ ไม่ได้ว่างมาต่อปากต่อคำกับผู้หญิงพันธ์ุนี้ “รู้สถานะตัวเองไว้ก็ดี!“ ฟางฟางกล่าวพร้อมสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดไว้หน้าบ้าน แดนกัดกรามแน่น ระงับอารมณ์ที่เหมือนจะระเบิ่ดออกมาได้ทุกเมื่อ พยายามหายใจเข้าออกสงบสติอารมณ์ก่อนจะรีบเดินขึ้นรถไปนั่งบนเบาะคนขับ บรื้นนนน! “อร๊ายยยย!” ร่างอวบเปร่งเสียงกรี๊ดดังออกมา เมื่อแดนสตาร์ทรถขับออกไปด้วยความเร็วแสง “นี่แกจะขับเร็วอะไรขนาดนี้ห้ะ!!” ฟางฟางตะโกนลั่นด้วยความกลัวอยู่บนเบาะหลัง ทว่าไม่มีท่าทีที่แดนจะลดความเร็วลง เห็นสภาพยัยนี่เป็นแบบนี้ยิ่งได้ใจ “ก็คุณฟางบอกเร็วๆนิครับ“ “นี่แกประชดฉันหรอ!” “ผมไม่กล้าหรอกครับ” แดนแสยะยิ้มแสบขึ้นมา ก่อนจะเหยียบคันเร่งเกือบมิด ทำเอาหัวใจยัยแม่มดแทบวาย เสียงกรี๊ดดังลั่นรถ แทบขาดใจตายเมื่อเห็นรถที่ตัวเองนั่งกำลังฝ่าข้ามแซงคันอื่นๆไป พร้อมที่จะพุ่งเข้าชนกับสิ่งตรงหน้าได้ทุกเมื่อ “กรี๊ดดดด หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า!“ ”ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคุณฟางคิดถึงบอสผมจนขาดใจ“ “กรี๊ดดดด แก!!” “หึ….” ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำเป็นแต่นั่งกรี๊ดดิ้นรนอยู่บนเบาะ ยิ่งมองยิ่งน่าสมเพช ไม่เข้าใจว่าเจ้านายตนคิดอะไรอยู่ถึงนำคนพันธุ์นี้เข้ามาอยู่ด้วย ถึงจะเอามาเป็นเพียงนางบำเรอก็เถอะ “กรี๊ดดดด อร๊ายยยย ไอ้คนชั้นตํ่า ฉันจะฟ้องเดนให้ไล่แกออก อร๊ายยย!“ บรื้นนนนน! กรี๊ดดดดดดดดดเช้ารุ่งวันต่อมา ในยามที่หญิงสาวยังคงหลับไหล เธอไม่รู้ตัวเลยว่าชายคนรักอุ้มเธอขึ้นรถมาด้วย จนถึงท่าเรือไปยันเกาะแห่งหนึ่ง พอลืมตาตื่นก็พบกับเจ้าตัวที่นอนอยู่ในห้องที่ไม่เคยคุ้นตา ทว่าสิ่งแปลกรอบตัวไม่ได้ทำให้เธอเป็นกระวนกระวาย เมื่อมองไปแล้วมีเขานอนกอดอยู่ข้างกาย เวลานี้เธอรับรู้ได้เลยว่าเขาคือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถึงเวลาที่ชายผู้หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาวลืมตาตื่น จึงพาคนน้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ทันไดเปิดประตูออกมา ดวงตาคู่สวยเปร่งประกายทันที เมื่อวิวด้านหน้าคือกลางทะเลใหญ่ บนพื้นนํ้ามีเงาของท้องฟ้าสีประกายอากาศบริสุทธิ์ที่ห่างหายมานานแตะเข้าปลายจมูก พิชชารีบเดินต้อนออกไปยืนอยู่กลางแจ้งของมุมหนึ่งบนเรือ ซึ่งมีพร้อมทั้งที่นอนอาบแดด หรือแม้กระทั่งสระว่ายนํ้าในตัว หญิงสาวรีบเดินไปยืนสูดเอาอากาสสดชื่นเข้าปอด มองไปยันวิวด้านหน้าที่ใครได้เห็นก็นำพาแต่ความสงบเจ้าสู่จิตใจ ”อื้มมม สงบสุขที่สุดดด“ ร่างระหงสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด ด้วยรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าเธอพึงพอใจกับมันขนาดไหน ”ขนาดนั้นเชียวหรอพิชชา หื้ม” ชายที่เดินตามหลังมาอดที
“ฉันบอกว่าไม่โอเคไง ไม่รับคนนี้ ไปหาคนใหม่มา!” พิชชาสั่งเสียงลั่น กอดอกมองหน้าสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น ทำเอาชายลูกน้องในสูทดำเหงื่อตกทำตัวไม่ถูก เมื่อผู้เป็นนายเองเอาแต่เงียบ คนที่ออกคำสั่งก็เปรียบเสมือนเจ้านายคนที่สอง ส่วนเลขาสาวที่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานก็กำลังจะถูกไล่ออกนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ว่าไงนะคะ!” แนนนี่กัดฟันถาม ผู้หญิงคนนี้คงเป็นแค่เด็กที่ผู้เป็นนายเลี้ยงดูไว้ล่ะสิ มาทำเป็นใช้อำนาจหยิ่งยโส รอให้ตนได้ขึ้นเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลนี้เมื่อไหร่เถอะ จะเอาคืนให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอนปลายเท้าเลยทีเดียว “ฉันไม่พูดซํ้า” เรียวแขนสองข้างยกขึ้นกอดอกพรางยักคิ้วใส่คนมองข้างนึง เป็นการกวนประสาทที่ได้ผลดีเลยแหละ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบสนองด้วยสีหน้าที่แดงแปร๊ดดั่งระเบิ่ดจะลงนั่นแล้วก็สาแก่ใจ ยิ่งนึกอยากจะกลั่นแกล้งคนที่คิดแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน ใบหน้านวลซบลงบนแผงอกแกร่ง ในขณะที่แววตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าซิลิโคนนั่นไม่ละเลือน “คุณเดนนิสคะ—“เมื่อรอให้เจ้านายปริปากช่วยแต่เขากลับเอาแต่เงียบ จึงตัดสินใจเป็นคนกล่าวเรียกเขาหวังจ
“กรี๊ดดดด!” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วห้อง ในขณะที่ในหัวกำลังมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งดังเข้ามาแทรก ดั่งว่ากำลังร้องเรียกสติให้กลับคืน “พิชชา… พิชชา… น้องเป็นอะไรพิชชา!” “ฮึกกก!” หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อย ร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา ดั่งกับว่าไปตบตีกับใครมา เมื่อดวงตาเบิ่กกว้างขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังโน้มเข้าไกล้เธอพรางเอ่ยเรียกชื่อไม่หยุด ”พิช—-“ เพี๊ยะ!!! คำเรียกยังไม่ทันพ้นคอ ใบหน้าหล่อก็ถูกฝ่ามือเล็กฟาดเข้ามาเต็มแรงจนหันไปตามแรงตบ ทันไดนั้นทั้งความสับสนและอารมณ์หลายอย่างรีบแล่นเข้าสู่โสทประสาท ”ไอ้เดนนิส!!“ ในขณะที่มือหนากำลังกุมพวงแก้มตัวเองพรางครุ่นคิดกับการกระทำของแฟนสาวยังไม่ทันไร ก็มีหมอนใบใหญ่ถูกฟาดเข้าใส่รัวๆจนต้องยกแขนกั้นด้วยความตกใจ “โอ้ยๆ ที่รัก อะไรของน้องเนี่ยโอ้ยย มาตีพี่ทำไม”มือหนารีบคว้าหมอนใบใหญ่ออกจากมืออีกคนเมื่อ พอตั้งตัวได้แล้วมองหน้าแฟนสาวก็เห็นเธอเบ้ปากนํ้าตาคลอเอ่อ ยิ่งนำพาคนมองตกใจกับสิ่งที่เห็น ”พิชชา.. น้องเป็นอะไรครับ หื้อ? ไหนบอกพี่สิ” แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผล ทว่าเวลานี้สิ่งเดียวที่สามารถปลอบประโลมแฟนส
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นสามครั้ง เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องที่นั่งหน้าเครียดทำงาน ก่อนจะส่งเสียงอนุญาตให้คนที่ยืนรอบคำตอบอยู่ด้านนอกได้เข้ามา ประตูเปิดออกนำพาสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัท ทว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นให้ความสนใจเลย จนลูกน้องต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ที่มาเยือน “บอสครับ นี่คือเลขาคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนคุณพิ้งค์ชั่วคราวครับ เนื้องจากเธอลาป่วย” แดนกล่าวแจ้งผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นทางการ ก่อนหญิงสาวในชุดรัดรูปเข้าทรงสีแดงสดจะกล่าวแนะนำตัวเองเมื่อเดนนิสเงยหน้าขึ้นให้ความสนใจ “สวัสดีค่ะคุณเดนนิส ฉันแนนนี่ค่ะ เรียกแนนเฉยๆก็ได้ค่ะจะได้สะดวก มีอะไรเรียกใช้แนนได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เลขาสาวคนใหม่พูดเสียงละมุน สิ้นสุดบทพูดไม่ลืมที่จะยิ้มหวานให้กับเจ้าชายมาดนิ่งตรงหน้าไปหนึ่งฉาก “อืม ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” คนฟังไม่ได้มีพิธีกงการอะไรมาก หากเข้ามาทำธุระเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ เมื่อสิ่งตรงหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอเพียงแค่ทำงานได้ไม่ตกบกพร่อง พูดเสร็จก้มหน้าทำงานต่อไม่แม้แต่จะให้ควา
“แล้วหลังจากคืนนั้น พี่ก็หาน้องเจอจริงๆ”หญิงสาวอมยิ้มภูมิใจ เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาและเธอ มันอาจจะเป็นการพบเจอที่แปลก แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี “ถ้าพี่หาน้องไม่เจอ พี่จะคว้าน้องมาครอบครองได้ยังไงล่ะ”เดนนิสกล่าวปนขำเบาๆ เด็กสาวที่กล้าเข้ามาท้าทายเขาคืนนี้ กลายเป็นว่าที่ภรรยาเขาอย่างเต็มตัวแล้วในวันนี้ “ถ้าคืนนั้นพี่เป็นพวกโรคจิต น้องคงแย่” คนพูดยํ้า หากแต่เธอโชคไม่ดีแล้วไปเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้ “เพราะยังไงน้องก็เชื่อในความโชคดีของตัวเองไงคะ“รอยยิ้มหวานประกบบนใบหน้านวล ก่อนหญิงสาวจะหันหลังเดินก้าวเข้าไปในซอยมืดนั้น โดยมีฝีเท้ายาวคอยก้าวตามหลังอย่างติดๆ “ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ เหมือนจะไม่ค่อยมีคนมา” สายตากวาดมองรอบๆแล้วยังคงรับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเดิมดั่งคืนนั้น แม้จะมืดจนน่ากลัวทว่ากลับมีบางสิ่งที่เรียกว่าความสวยงามปนเปรือ “คงไม่มีใครกล้ามาในที่แบบนี้แล้วแหละ นอกจากคนพิเรนอย่างน้อง” เสียงชายหนุ่มดังลอดเข้ามาจากแผ่นหลัง นำพาคนสวยหันมองเจ้าของคำพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “แหม พูดอย่างกับพี่ไม่มาเนาะ ถ้าจะพิเรนคงเป็นพี่มากกว่า” คนตัวเล็กแขวะกลับอย่างไม่ยอ
“ที่นี่….” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบาพรางหันกลับมามองหญิงคนรักอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “อื้ม พี่จำได้มั้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” พิชชาพยักหน้าเบาๆผลอยยิ้มหวานให้กับชายที่ยืนมองหน้าเธอ นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ชายคนนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน พิชชาเป็นเดินตามถนนอย่างไร้จุดหมาย เมื่อรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มีแต่ความน่าเบื่อ เมื่อเดินเข้ามาถึงซอยหนึ่ง สายตาจึงจับจ้องเข้ากับชายร่างโปร่งคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางหล่อเหลานั่น เธอไม่เคยพบกับใครที่สูบบุหรี่ได้หล่อเท่เท่าชายคนนี้มาก่อน แม้จะไม่เห็นรูปร่างเขาชัดเนื่องจากความมืด ทว่าแสงไฟอ่อนๆที่ส่องเข้าไปเผยให้เห็นถึงใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสันนั่นทำให้เธอสัมผัสได้ว่าเขาคือเทพบุตร ด้วยนิสัยดื้อรั้นของหญิงสาวเป็นสิ่งที่พาเธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นในซอยที่มืดเปลี่ยวได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว “น่าเบื่อชะมัด” ควันบุหรี่ถูกเป่าออกมากระจัดกระจาย ในขณะที่คนสูบกำลังพึมพำถึงความเบื่อหน่ายของชีวิต เสียงฝีเท้าที่เดินไกล้เข้ามาดึงให้เขาเหลือบไปสนใจ สายตาคมจ้องเข้ากับใบหน้านวลของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับตน เส